ความคิดเห็นที่ 1 สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 14:08:58

ความคิดเห็นที่ 2 เชื่อมั่นว่าคนพูด อ่านมาจากตำราเท่านั้นครับ ไม่เคยปฏิบัติตามแบบนั้น .......จินตนาการตามว่ามีพระพุทธรูป....<-------  อย่าไปเผยแพร่อะไรที่ผิดๆเลยครับ มันจะกลายเป็น ศึกษาไม่ถ่องแท้ แต่แสดงความรู้ตามที่ตนมี จะนำไปสู่การขัดแย้งเปล่าๆ ท่านอยู่วัดไหนหละครับ จะไปถวายสอนความรู้ที่ถูกต้องให้ครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 14:19:58

ความคิดเห็นที่ 3 ธรรมกายโดยบัญญัติศัพท์  ใน พระไตรปิฎก -- มี หรือไม่? พระท่าน (ตามลิงค์) บอกว่า --- พระพุทธเจ้า กล่าวถึงตัวท่านเอง "ในอาคัญญสูตร" ว่า ท่านคือ ธัมมกาย ฯ --- (โดยย่อ) ----  ธัมมกาย (วัดนั้น แถวๆ รังสิตฯ) เป็นชื่อของ วิชา ได้อย่างไร? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 14:43:59

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาดู จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 15:09:54

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นธรรมกายเป็นชื่อของพุทธองค์ใช่ไหมครับ  ไม่ใช่เอาชื่อของพุทธองค์มาตั้งเป็นวิชาอะไรก้ไม่รู้ปราบมารได้ จากคุณ : คับแค้นเหลือคณา เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 15:22:40

ความคิดเห็นที่ 6 ตามที่ได้ฟังและที่ได้รู้มา เมื่อฟังคำอธิบายจากพระปิยลักษณ์ ปญฺญาวโร ผมก็รู้สึกหนักใจ เพราะข้อมูลที่ได้มานั้น หลวงพ่อสดยอมรับว่าการปฏิบัติตามแนวของวัดมหาธาตุปฏิบัติได้ผลจริง แต่ท่านไม่เคยบอกว่า วิชชาพระธรรมกาย ใช้ไม่ได้ ผมว่าข้อมูลตรงนี้ค่อนข้างสำคัญ ถ้าเรากำลังนำหลวงพ่อสดอ้างอิงในการปฏิบัติ และผลแห่งการปฏิบัติ อนึ่ง วิชชาพระธรรมกายของหลวงพ่อสด กับวิชชาที่วัดพระธรรมกาย ผมเข้าใจว่าไม่ใช่เนื้อเดียวกันก่อนนะครับ การที่ท่านอธิบายถึงวิชชาพระธรรมกายในบทบรรยาย ผมว่าไม่ใช่วิชชาพระธรรมกายของหลวงพ่อสดนะ(ถ้าใช่ผมก็คงจะเข้าใจผิดไปมาก) แต่คงเป็นลักษณะวิชชาที่ทางวัดพระธรรมกายสอนกันอยู่ แต่กระนั้นผมเองก็อธิบายความชัดเจนของวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดไม่ได้ เพราะเข้าใจค่อนข้างยากจริงๆ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 15:41:52

ความคิดเห็นที่ 7 จะอัตตา หรืออนัตตา ก็ไม่สำคัญเท่า ดับกิเลสในตัวได้แล้ว ก็จะทราบเองว่านิพพานนั้นเป็นอัตตาหรืออนัตตา การนึกดวงแก้วขาวใสเป็นเพียงอุบายให้ใจสงบ  แต่ไม่ได้หมายความว่า เราถือเอาการนึกดวงแก้วขาวใสได้แล้ว จะบรรลุธรรมแล้ว เสียเมื่อไหร่     นึกพระพุทธรูปได้แล้วเท่ากับเข้าถึงธรรมกายแล้วเสียเมื่อไหร่ การนึกกับการเห็นนั้น มันคนละขั้นตอนกัน การนึกดวงแก้วขาวใสเป็นเพียงอุบายให้ใจสงบอย่างไร  ต้องเข้าใจว่า วัตถุประสงค์คือ เราจะรวมใจของเราทั้งหมดทั้งมวลให้เป็นหนึ่งและให้เหลือเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยขนาดเท่าจุดเล็กใสเท่าปลายเข็ม เป็นต้น  ยิ่งรวมใจมาก ใจยิ่งมีพลังมาก ยิ่งสงบได้มาก (Focus ใจ) แต่ไหนแต่ไรมา  ในชีวิตหนึ่งที่เราเกิดมานั้น  เราเคยรวมใจเราที่แตกซ่านเซ็นไปในความนึกคิดต่างๆ นั้น ให้รวมเป็นหนึ่ง และเล็กได้ขนาดเท่าปลายเข็มได้หรือไม่    นี่คือ คำถามที่ต้องนำไปขบคิดดูครับ   และชาตินี้ ต้องรวมใจให้เล็กที่สุดให้ได้ครับ    วิธีการมีอย่างนี้ เป้าหมายมีอย่างนี้  เคยทำลองฝึกทำกันแล้วหรือยังครับ   วิธีการปฏิบัติของหลวงพ่อสด เป็นเพียงวิธีการทำสมาธิวิธีเดียวเท่านั้น ที่สอนวิธีการรวมใจให้หยุดนิ่งเท่าปลายเข็ม      วิธีอื่นไม่มีสอนไม่มีฝึกแบบนี้ ถ้าทำใจหยุดนิ่งรวมเป็นหนึ่้งเล็กเท่าปลายเข็มได้แล้ว  จะเกิดผลอย่างใดขึ้น ท่านทั้งหลายก็จะเห็นประจักษ์ด้วยตัวท่านเอง อย่างไม่ต้องสงสัย จากคุณ : bodymind เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 15:50:55

ความคิดเห็นที่ 8 "ท่านอยู่วัดไหนหละครับ จะไปถวายสอนความรู้ที่ถูกต้องให้ครับ จากคุณ : venture  " ผมเขียนชื่อวัดไว้แล้ว ยังถามอีกว่าท่านอยู่วัดไหน... จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 15:52:36

ความคิดเห็นที่ 9 chohokun คุณเข้าใจความหมายที่สื่อไหมครับ   ก็วัดนั้น ยึดแนวทางอย่างไรครับ ยึดแนวปริยัติ แล้วปฏิบัติแบบไหนครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 16:12:48

ความคิดเห็นที่ 10 ผมก็เคยไปฝึกวิปัสสนาที่วัดญาณเวศกวัณ พระท่านสอนตามพระไตรปิฏกครับ สอนทั้งปริยัติ และ ปฏิบัติ ตามแนวพระศาสดา  จากคุณ : ยามประจำวัน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 16:58:17

ความคิดเห็นที่ 11 ชัดเจน ตรงและถูกต้องแล้วครับ เพราะหากสงสัยว่า คำสอนใดใช่พระธรรมขององค์พระศาสดาหรือไม่ วิธีที่จะตัดสินความจริงนั้นได้ ก็ต้องนำมาเทียบเคียงกับพระไตรปิฎกเป็นหลัก ซึ่งหากตรงกัน เข้ากันได้ก็ใช่  การที่ศิษย์กตัญญูครู อาจารย์ด้วยการเชื่อฟังเป็นเรื่องที่ดี ควรสรรเสริญก็จริง แต่หากสิ่งที่ท่านบอกสอนผิดไปจากคำสอนของพระบรมศาสดา เหล่าศิษย์ก็ควรจะต้องใช่ปัญญาในการพิจารณามิใช่หรือ ว่าควรจะเชื่อใคร จากคุณ : ณ ปราณ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 17:11:36

ความคิดเห็นที่ 12 คือจริง ๆ เข้าใจว่าท่านผู้ตอบคงหมายเอาที่วัดพระธรรมกายสอน ซึ่งเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนในทศวรรษที่ผ่านมานี้ ส่วนของที่วัดปากน้ำเอง หรือที่ได้รับการควบคุมการสอนจากทางวัดปากน้ำอย่างใกล้ชิด เช่นที่วัดหลวงพ่อสดฯ ราชบุรี เป็นต้น ท่านก็สอนกันมาต่อเนื่องหลายสิบปี โดยที่ไม่มีประเด็นขัดแย้งอะไรในเรื่องพวกนี้ มีปัญหาอะไร ท่านก็ชี้แจงได้ แต่วัดพระธรรมกาย กลับไม่จัดเจนพอที่จะชี้แจงในเรื่องพวกนี้ ส่วนตัวผมเห็นว่า ระหว่างของวัดพระธรรมกาย กับของวัดปากน้ำ เหมือนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ว่าไม่ใช่ ถ้าดูดี ๆ ทางวัดปากน้ำท่านก็ยังรักษาของหลวงพ่อวัดปากน้ำเอาไว้ครบถ้วน ตัวครูบาอาจารย์ที่ทันหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ยังมีอยู่หลายท่าน ส่วนของวัดพระธรรมกาย จะว่าใช่ ก็บางส่วน แต่ที่ไม่ใช่ก็มีเยอะ คือมันแตกต่างจากต้นฉบับอย่างชัดเจน ที่ท่านวิจารณ์มา ก็พึงทราบว่านี่ของวัดพระธรรมกาย บอกอย่างชัดเจนแล้ว ของวัดปากน้ำและวัดอื่น ๆ ที่ยังอนุรักษ์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำเอาไว้ ก็ไม่เกี่ยวกัน ส่วนประเด็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่บอกว่าท่านปฏิเสธวิชชาธรรมกาย ข้อเท็จจริงคือท่านยอมรับสายวัดมหาธาตุ รูปถ่ายนั้นก็แค่ท่านเขียนใบ cert. ให้ บอกว่าสายนี้ถูกต้องร่องรอยตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ ไม่ได้บอกว่าสายนี้ถูกต้องเท่านั้น สายอื่นผิดหมด อย่างที่หลายคนพยายามบิดเบือนความจริง แล้วท่านไม่เคยประกาศปฏิเสธวิชชาธรรมกายเช่นนั้นครับ เพราะมิฉะนั้น พระของขวัญรุ่น 3 ที่พุทธาภิเษกตามหลักวิชชาธรรมกาย ที่ท่านทำขึ้นหลังจากนั้น จะไม่มีทางบังเกิดขึ้นในวงการพระเครื่องแน่นอน เพราะถ้าท่านไม่ใช้วิชชาธรรมกาย ท่านจะใช้อะไรทำ (น่าคิดนะครับ) อีกอย่าง ท่านเป็นนักปฏิบัติที่ประสบการณ์โชกโชน ก่อนจะมาพบวิชชาธรรมกาย ก็เรียนปฏิบัติมาไม่รู้กี่อาจารย์ เป็นเวลาตั้งสิบกว่าปี วิสัยนักปฏิบัติ ท่านเพ่งโทษตนเอง เห็นอะไรผิด ท่านก็พร้อมแก้ไขทันที ไม่อิดออด ไม่ใช่วิสัยนักคิด ที่ยึดมั่นในทฤษฎีของตัวเอง ถึงจะใช้จริงไม่ได้อย่างไร ก็ไม่ยอมปฏิเสธ กลัวเสียฟอร์ม พอผมฟังไปฟังมา ลีลาการตอบดูคุ้น ๆ เข้าใจว่าท่านผู้ตอบคงเอามาจากหนังสือ "กรณีธรรมกาย" ของท่านเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัดของท่านผู้ตอบนี่เอง (เคยได้ยินว่า ครั้งหนึ่ง ช่วงที่เกิดประเด็นกรณีวัดพระธรรมกาย ท่านเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดฯ ที่เป็นผู้ศึกษาวิชชาธรรมกายของจริง เคยท้า debate กับท่านเจ้าอาวาสวัดญาณเวศฯ ผู้เขียนหนังสือที่ว่า ให้พูดคนละ 1 ชั่ีวโมง มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาเถรฯ ตัดสิน ให้แต่ละท่านเอาข้อมูลมาชี้แจงกันเต็มที่ ประมาณว่าใครดีใครได้ แต่สุดท้าย การ debate นั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ผมทิ้งไว้แค่นี้ละกัน) จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 17:39:49

ความคิดเห็นที่ 13 เข้าไปศึกษาที่เวบนี้เถิดครับ....http://khunsamatha.com/ อัตโนมติ ทิฏฐิ ความเห็นต่างๆ ที่ท่านแสดงในยูทรูปนั้นเปนความข้างเดียว...ต้องพิจารณาโดยรอบด้าน สมาธิภาวนาเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายในตนนั้น ไม่ใช่ธรรมกายที่เขาอ้างถึงตามที่นำเสนอนั้นดอกครบ และต้องเข้าใจว่า วิชชาธรรมกาย ไม่ใช่ วัดพระธรรมกาย และ วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ วิชชาธรรมกาย จากคุณ : สมถะ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 17:40:36

ความคิดเห็นที่ 14 ความรู้ก็แค่หางอึ่ง การปฏิบัติก็แค่ หางเต่า  แล้วยังมึนเมา ถึงขนาดจะไปสอนพระหรือ  เวร  เจอร์ ?  ทางที่ดี ฟังพระท่านบรรยาย หลาย ๆ รอบก่อน เผื่อมีวาสนา เข้าใจได้ ก็จะได้พ้นจากการเป็น อภัพพบุคคล ถือเป็นโชคที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนาแล้วนะ เวร  เจอร์ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 54 17:59:18 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 17:58:37

ความคิดเห็นที่ 15 ....         กำลังจะหลังไมค์ไปตามท่าน สมถะ อยู่พอดี                                                         ++ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 54 18:00:00 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 17:59:22

ความคิดเห็นที่ 16 รถเรณู ทำให้นึกถึง คำสอนพระพุทธเจ้าเรื่อง อเสวนา จพลานัง ครับ หวังว่าจะเข้าใจนะครับ ถ้าไม่ได้สนทนาเพื่อปัญญา ก็หยุดเถิดครับ กลับไปขายของให้ทหารดีแล้วครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 18:23:14

ความคิดเห็นที่ 17 #ยามประจำวัน   กำลังจะบอกว่า ยังไม่มีคนเคยปฏิบัติแบบหลวงพ่อสดวัดปากน้ำใช่ไหมครับ แล้วทำไมจึงรีบด่วนสรุปแล้วครับ  พอจะเล่าให้รู้ได้ไหมครับ คำว่าปฏิบัติ ปฏิบัติอย่างไรครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 18:28:32

ความคิดเห็นที่ 18 คำว่า กำลังจะบอกว่า...ที่เขียนมานี้แปลว่าอะไรหรือครับ คุณ  เขียนเอง หรือว่า ผมบอกไปแล้วหรือ  ตามที่คุณเขียนมาข้างล่างนี้ แต่...ยังใช้ภาษาที่พอฟังได้ว่า กำลังจะบอกว่า  #ยามประจำวัน   กำลังจะบอกว่า ยังไม่มีคนเคยปฏิบัติแบบหลวงพ่อสดวัดปากน้ำใช่ไหมครับ  แล้วทำไมจึงรีบด่วนสรุปแล้วครับ  พอจะเล่าให้รู้ได้ไหมครับ คำว่าปฏิบัติ ปฏิบัติอย่างไรครับ จากคุณ : venture   youteesud.bloggang.com/" target="_blank"> เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 18:28:32  จากคุณ : ยามประจำวัน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 18:46:02

ความคิดเห็นที่ 19 #ยามประจำวัน ข้างบน เป็นคำถามครับ  (สังเกตคำว่าใช่ไหมสิครับ) 1) คุณเคยปฏิบัติแบบหลวงพ่อสดจนครบถ้วนแล้วหรือยัง เข้าใจแตกฉานและสามารถสรุปได้ว่า ....... 2) แล้วที่บอกว่าปฏิบัติตามแนวทางพระศาสดาหมายความว่าอย่างไรครับ ขอชี้แนะแนวทางพอสังเขบ ครับ จะได้เข้าใจตรงกันว่า ปฏิบัติอย่างไรครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 18:54:24

ความคิดเห็นที่ 20 ผม...ถามกลับไปว่า ผมบอกไว้ตรงไหนหรือครับ? ว่า... ยังไม่มีคนเคยปฏิบัติแบบหลวงพ่อสดวัดปากน้ำใช่ไหมครับ ตามคำถามที่คุณถามมา ............................. หลวงพ่อสดไม่ใช่ศาสดาผมครับ  ผมก็ไม่ได้ลบหลู่อะไรท่าน (ท่านอาจจะเป็นพระเถระที่คุณศรัทธาเลื่อมใส ) ศาสดาผมคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ ผมอาจมีความรู้ หรือปฏิบัติน้อยกว่าคุณ  แต่ผมก็ทำตามที่มีปรากฏในพระไตรปิฏก ไม่ได้ยึดถือแนวทางพระฯรูปไดรูปหนึ่งเป็นหลัก ใช้หลัก มหาปเทส สี่ เปรียบเทียบคำสอน ดังที่เคยเขียนไว้บ้างแล้วในกระทู้อื่น ผมคงไม่ต้องชี้แนะแนวทางการปฏิบัติของผมให้คุณหรอกครับ คุณคงหาแหล่งศึกษาเองได้ .................. จากคุณ : ยามประจำวัน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 19:23:37

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าจะคุยกันแบบเสียดสี "หลวงพ่อสดไม่ใช่ศาสดาผมครับ" อย่าคุยดีกว่าครับ ผมก็ยังไม่เห็นว่าคุณใช้หลักอะไรมาแจกแจงคำสอนหลวงพ่อสดเลยนะครับ ที่ถาม จะได้ทราบว่าคุณศึกษามามากพอจะไปสรุได้แล้วนะครับ แต่ถ้ายังไม่ได้ศึกษา ก้อย่าเพิ่งด่วนสรุป ยังไม่มีใครยกหลวงพ่อสดเป็นศาสดา ตามที่คุณกล่าวหาเลยนะครับ ยุติการสนทนานะครับ ไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 19:31:00

ความคิดเห็นที่ 22 ผมก็ตอบตรงประเด็นไม่ได้เสียดสีอะไร ผมก็เขียนยืนยันว่า พระศาสดาของผมคือ พระพุทธเจ้า การที่คุณคิดว่าเสียดสีนั้นมันก็เป็นเรื่องของคุณ และผมก็ไม่ได้สนใจที่จะคุยกับคุณ. ผมกล่าวหาไว้ตรงไหน ว่ามีใครยกย่องว่าหลวงพ่อสดเป็นศาสดาของใคร กรุณาใช้คำให้ถูกด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 54 17:30:07 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 54 13:40:18 จากคุณ : ยามประจำวัน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 19:36:27

ความคิดเห็นที่ 23 กรณีของวิชาธรรมกายปัญหาไม่ได้อยู่ที่วิชาธรรมกาย และองค์หลวงพ่อสดผู้ล่วงลับรวมทั้งวัดปากน้ำก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหามันไปอยู่ที่วัดพระธรรมกายที่มีการเจริญเติบโต ชนิดที่ไม่เคยมีวัดไหนที่ระดมทุนได้มากมายขนาดนี้มาก่อน การตำหนิวัดพระธรรมกายและเจ้าอาวาสดำเนินมาสิบก่วาปีแล้ว แต่ผมว่าการระดมทุนของวัดก็ยังเติบโตได้แบบต่อเนื่อง การจับประเดนเรื่องเนื้อหาคำสอนของวัดมาโจมตีแทบ ไม่บังเกิดผลในการสกัดคนเข้าวัด เพาะอะไรวัดนี้ยังเรียกคนมาได้ในจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกปี คงเป็นเพราะทางวัดนี้เข้ามีการจัดการในระดับองกรค์ที่มีมูลค่าหลายพันล้านเขาทำกัน โลกได้เปลี่ยนไปมากแล้ววัดที่ขาดการจัดการที่ดี ย่อมไม่อาจเรียกศรัทธาจากมหาชนได้ ลองไปถามคนที่เขาเข้าวัดนี้ดูสิว่าเขามากันทำไม เขามาเพราะวัดมีสิ่งที่เขาต้องการและทางวัดเขาก็รู้ว่าคนชั้นกลางทุกวันนี้ เขาต้องการอะไร ผมว่าเป็นไปได้ที่ทางวัดก็อาจจะรู้แล้วว่านิพพานเป็นอนัตตา แต่มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปเปลี่ยนคำสอนที่มีมาแต่ตอนต้น ทางวัดจะได้ประโยชน์อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสอน เรื่องแบบนี้ได้เกิดขึ้นกับองค์กรทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกมาแล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์ประกาศว่าจักรวาล กำเนิดจากการระเบิดของบิกแบงไม่ใช่พระเจ้าสร้าง และพระสันตปาปาองค์ปัจจุบันก็ประกาศแยกทาง กับข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์และยืนหยัดกับความเชื่อเดิมตามพระคำภีย์ ทางวัดพระธรรมกายแสดงออกตลอดเวลาถึงความยิ่งใหญ่ และก็ภูมิใจกับความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่สัจจะธรรม เพราะทางวัดรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่เข้าวัดแล้วได้ในสิ่งที่ตนต้องการ วัดบอกกับพวกเขาให้สะสมบุญให้มากที่สุดเพื่อจะได้ผลบุญที่คุ้มค่า คนชั้นกลางที่มากทุนทรัพย์คือกลุ่มเป้าหมายหลักของวัดนี้ เพราะแต่ละเดือนทางวัดมีค่าใช้จ่ายสูงมากตามขนาดขององค์กร ส่วนวัดสามแยกของพระเกษมการตลาดอยู่ที่ชาวบ้านและคนชั้นกลางที่มีรสนิยม ชมชอบเรื่องผีสางเทวดาและชอบดู โชว์ถ่อยของเจ้าอาวาส จากคุณ : คนกรุงธน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 19:37:41

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ venture กำลังจะบอกว่าคุณเคยปฏิบัติแบบหลวงพ่อสดจนครบถ้วนแล้ว และเข้าใจแตกฉาน จนกระทั่งสามารถจะไปถวายสอนความรู้ที่ถูกต้องให้กับพระปิยะลักษณ์ ปญฺญาวโร วัดญาณเวศกวัน หรือครับ จากคุณ : Garcinia เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 20:56:57

ความคิดเห็นที่ 25 #Garcinia จริงๆแล้ว คงจะไม่อวดตัวแบบนั้นนะครับ แต่ถ้าสงสัยก็ถามมาได้ครับ สามารถสอนให้ได้ครับ และถ้าติดขัดตรงไหน ก็จะสามารถหาคำตอบมาให้ได้นะครับ ปัจจุบันนี้มีผู้ที่ปฏิบัติแบบนี้ ที่หอวิปัสสนาวัดปากน้ำและอีกหลายๆวัดนะครับ มีทั้งเว็บไซท์ที่เสวนากันก็มีนะครับ แต่ถ้าอยากจะหาความรู้เพิ่มเติม แนะนำให้เดินไปที่วัดปากน้ำโดยตรงครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 21:20:11

ความคิดเห็นที่ 26   เวร เจอร์  อาจารย์กำมะลอ  อ้างว่า เป็นอาจารย์บรรยาย ในมหาวิทยาลัย ระดับ จุฬาฯ  ธรรมศาสตร์ และอีกหลาย ๆ สถาบัน แถมบรรยายธรรมทั่วราชอาณาจักร ประมาณว่าทั้ง หน่วยงานรัฐ เอกชน กระทรวง ทบวง กรม  บลา บลา บลา ฯลฯ   แต่แค่เขียน พระคาถา "มงคลสูตร" พระคาถาแรก ยังเขียนไ่ม่ถูกเลย  (ลองดึงขึ้นไปอ่านดู ในความเห็นที่ 16 สิครับ.....(อ่ะ ผมก๊อปมาก็ได้)                                    ...................................... ความคิดเห็นที่ 16      [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]  ติดต่อทีมงาน รถเรณู ทำให้นึกถึง คำสอนพระพุทธเจ้าเรื่อง อเสวนา จพลานัง ครับ หวังว่าจะเข้าใจนะครับ ถ้าไม่ได้สนทนาเพื่อปัญญา ก็หยุดเถิดครับ กลับไปขายของให้ทหารดีแล้วครับ จากคุณ     : venture [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ     : 13 ต.ค. 54 18:23:14 [แก้ไข]             ........................................................................................     กระทู้ตามลิ้งข้างล่างนี้ครับ ที่เขาอวดอ้าง เป็น อาจารย์ธรรมศาสตร์ จุฬา และอื่น ๆ อีกมากมาย และบอกว่า  จะสามารถ สอน "ปฏิเวธ"  ให้กับทุกคน ก็ได้ หากต้องการ  (สอนปริยัติ สอนปฏิบัติ เราชาวพุทธ พอจะเชื่อได้ ว่า ควรมี ครูอาจารย์สอนน่ะนะ  แต่อาจารย์เวร เจอร์ นี่ เขาบอกว่า เขาสอนปฏิเวธด้วยแฮะ...พี่น้องงงงงงง) ช่างสมภูมิ อาจารย์หางอึ่ง จริง จริง เลยนะครับ อาจารย์ เวร เจอร์ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11188709/Y11188709.html   จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 21:32:03

ความคิดเห็นที่ 27 อย่าไปเข้าใจว่าอวดอ้างเลยครับ คุณถามมาว่าผมทำงานอะไร ก็ตอบไปด้วยความสัตย์แล้ว คุณ เรนู จะไม่ตอบกระทู้ให้ตรงเจตนาของกระทู้บ้างหรือครับ นอกจากตีรวน คุณ เรนู ยังไม่ตอบเลยครับ หลังจากไปบรรยายให้ที่คุก แล้วขายของสำเร็จไหม หรือจะให้ไปถามที่กรมพลาธิการว่า บริษัทไหนบ้าง ตั้งราคาสูงเกินจริง แล้วลดราคาเล่นละครตบตาเหรอครับ อเสวนา จ พาลานัง  (อย่าไปมัวสนใจจุดพิมพ์ผิดเล็กๆน้อยๆเลยครับ มาสนใจที่กิเลสความอยากเอาชนะในตัวเองดีกว่าครับ) สรรหาคำมากดให้คู่เสวนาต่ำ ยั่วโทสะ แทบจะทุกกระทู้แล้วนะครับ ยัดเยียด สรุปเหมาไปเอง พูดเองเออเอง นำไปสู่การดราม่าบ่อยๆ เปลี่ยนนิสัยเถิดครับ ให้ เรนู  เลือกครับ อยากเรียน ภาวนาแบบไหนครับ  พุทโธ มโนมยิทธิ ธรรมกาย ยุบพอง เลือกเรียนสักสายเถิดครับ อารมณ์จะได้สงบไม่ฟุ้งซ่านแบบที่เป็นอยู่ครับ ไม่ดีนะครับมัวแต่ไปยั่วโทสะ เขา จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 21:45:19

ความคิดเห็นที่ 28    คนถูกยั่วล่ะ มีโทสะ บ้างไหมครับ ทั่นอาจารย์สอนกรรมฐาน?  ถึงขนาด เอ่ยวาจาประมาณว่า เลือดกลบปากน่ะ... น่ากลัวว่า จะมิได้เคยออกมาจากสภาวะจิตที่ สัมปยุตไปด้วย ปฏิฆะ โกธะ หรือ โทสะ อาฆาต พยาบาท ใด ๆ เลย ใช่ไหมครับ ทั่นนอาจารย์ กำมะลอ  อุ๊ย...  ทั่น อาจารย์ กำมะถัน เอ้ย... ทั่นอาจารย์กำถ่าน...เฮ้อ  ช่างเหอะ ๆๆๆ เขียนไม่ถูกแล้วล่ะ เจอ อาจารย์ พรรค์อย่างนี้เข้า เขียนคำว่า อาจารย์กรรมฐาน หรือไม่ถูกแน่ ๆ     การเรียนภาวนาของผม คงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องรอให้ เวร เจอร์ มาแนะนำกระมังครับ...แต่เอาล่ะ ขอบใจนะ ที่ อุตสาหะ วิริยะ พากเพียร ในการที่จะอาสาแนะำนำ ในสิ่ง ที่ตัวคุณเองเห็นว่าดีสำหรับคุณ ก็เชิญคุณตักตวงเอาเองให้หนำใจไปเหอะ.....(คนที่นั่งเมากัญชาอยู่ ก็มักเรียก ชักชวน คนอื่นให้มาเมาด้วยเสมอ...ฉันใด... คนเมากรรมฐาน ก็ฉันนั้น นะ เวร เจอร์)   อืมม หากรู้สึกอาย ว่า เขาจะจับได้ ว่าเป็นอาจารย์กำมะลอ ก็หลังไมค์มาบอกได้นะครับ ผมยินดี รับข้อมูล ว่า แท้จริง คุณเป็น อาจารย์สอนได้ จริง ๆ ชื่ออะไร เป็นอาจารย์คณะอะไรฯลฯ  ก็จะได้ อนุโมทนาสาธุ และจะได้ แนะนำให้คุณ ไปเริ่มต้นเรียน พุทธศาสนสุภาษิต นักธรรมชั้นตรี ใหม่ และหลักสูตร นักธรรม ตรี โท เอก ก็แค่สามปีเองนะครับ เวร เจอร์     จากนั้น ก็เรียน ให้มันเป็นระบบซะ เช่น การเรียน พระปริยัติธรรม ให้ได้สัก สี่ซ้าห้าประโยคก็ยังดี แม้จะไม่ได้ ป.ธ. เก้า ก็ตาม จากนั้น มหาวิทยาลัยสงฆ์ ก็มี ก็ไปเรียนซะ ปริยัติธรรม สายสามัญ น่ะ สามารถเรียนได้จนถึง พุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต     ระหว่างเรียนไปนั้น จะฝึกปฏิบัติสายไหน ๆ ก็แล้วแต่  แต่ควรเรียน ปริยัติธรรม จะได้ไม่เบลอ ไม่เพ้อ ไม่ฟุ้งซ่านมากนัก แบบที่ เวร เจอร์ กำลังเป็น   การไม่สนใจเรียน พระปริยัติธรรม แล้วแค่ไปนั่งหลับตา แล้ว อ้างว่า สามารถเป็นอาจารย์สอนได้นั้น โดยที่ไม่มีคุณวุฒิใด ๆ เลย   ผมว่า ขอทาน เขาก็นั่งหลับตาทั้งวัน แล้ว มาอุปโลกน์เอาว่าตนเอง ได้เห็น นู่น นี่นั่น แล้ว อาสาไปสอน ก็สอนได้ แต่คนที่โง่ ๆ ด้วยกัน หรือ ขอทานด้วยกัน ก็พอไหวน่ะ เวร เจอร์   แต่หากอ้างว่า จะสามารถสอนในระดับ มหาวิทยาลัยได้ คิดว่า คงไม่ใช่ มีดีกรี แค่นั่งหลับตาเฉย ๆ แล้วมาอวดอ้าง ว่าเห็น นู่น นี่ นั่น ตามอุปาทาน แล้วเดินเข้าไปสอนหรอกกระมังครับ    อย่าลืมนะ เวร เจอร์ ไปเรียนซะ หากอยากเป็น อาจารย์ คงเป็นได้สมใจจริง ๆ เข้าสักวัน จะได้ไม่ต้องมานั่งหลอกตนเอง หลอกคนอื่น ไปวัน ๆ เช่นนี้..   ดูอย่าง คุณ chohokun เจ้าของกระทู้สิครับ เขาเปิดเผยตนเองเสมอ ว่าเขาเป็นอาจารย์ แต่ไม่เคยมีใครสงสัย ในภูมิความรู้ แห่งการเป็น อาจารย์ ของเขาเลย  เพราะอะไรหรือครับ?  ทำไมไม่ลอง ติดตามอ่าน งานของเขา กระทู้ของเขา ให้ต่อเนื่อง หลาย ๆ กระทู้ดูหน่อยล่ะ ครับ จะได้รู้  ว่า คนมีภูมิรู้ทางปริยัติโดยตรงมานั้น เขาเขียนกันอย่างไร และน่าเชื่อถือในความเป็นอาจารย์ โดยมิต้องมานั่งแอบอ้าง แบบ อนาจาร เวร เจอร์ เดอะ กำมะลอ    คุณ โชกุน เขาไม่ได้เลื่อนลอย อ้างการนั่งหลับตาแบบคุณนะ เวร เจอร์  สิ่งที่ คุณ chohokun พูดมาในแต่ละกระทู้นั้น ผู้อ่าน เขาอ่านแล้ว รู้ได้ว่า เหมาะสมที่จะเป็น อาจารย์ สอนในโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยได้ (ยกเว้น กระทู้พระเกษมน่ะ เพราะกระทู้นั้น คุณ โชกุน แกเดินลื่น หกล้ม เลยอุทานออกมาเสียงดังไปหน่อยน่ะ  555 ได้ยินแว่ว ๆ มาแต่ไกลว่า "ไอ้เษม ๆๆๆ "  ประมาณนั้น ๆ)      แต่ภูมิปริยัติธรรมเลื่อนลอยอย่างคุณอนาจารเวร เจอร์ แค่สอนเด็กเร่ร่อน ตามฟุตปาธ ก็ยังต้องพิจารณาเลยนะ... อย่าว่าแต่จะก้าวไปถึงระดับ โรงเรียน หรือ ทะลึ่งไปจนถึงมหาวิทยาลัย อย่างที่อ้างเลย.... อย่างคุณ คงไม่ใช่อาจารย์หรอกครับ เชื่อว่า น่าจะเป็น อนาจาร ซะละมากกว่า    ไม่ได้ดูถูกอะไร หรอกครับ ลองคิดเล่น ๆ  แล้วทำโพล ดูสิครับว่า มีใครเชื่อไหมว่า เวร เจอร์ เป็นอาจารย์ สอนธรรมะ ที่จบหลักสูตรมาอย่างถูกต้องจริง ๆ ตามสาย ปริยัติ ปฏิบัติ ที่ได้รับการยอมรับ ในวงการศึกษา พระปริยัติธรรม สาย นักธรรม-บาลี-และสายสามัญ แห่งพุทธศาสนจักร และอาณาจักร หรือไม่?      ก็จะมีคำตอบได้ไม่ยาก เพราะ ผู้คน เขาอ่าน บุคลิก ลักษณะ นิสัยใจคอ และ "ภูมิความรู้สายปริยัติและปฏิบัติ" ของคุณ มานาน เขาก็คง ตอบได้ไม่ยากหรอกครับ เวร เจอร์ ไม่คิดจะลอง เช็ค เรตติ้ง ดูหน่อยรึครับ? ทั่นอนาจาร เวร เพ้อเจ้อ (เวนเจอร์) แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 54 22:28:48 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 22:21:11

ความคิดเห็นที่ 29  เอ่อ....เวร เจอร์ อย่าลืม มาอธิบายด้วยนะ ว่า หลักสูตร การสอนปฏิเวธ  น่ะ เขาสอนกันที่ไหน สอนกันอย่างไร? ก็ไหน คุณบอกว่าคุณ สอนปฏิเวธ ได้ ไง   ผมไม่เคยได้ยินว่า ใคร ที่ไหน เขาสอนปฏิเวธหรอก (ได้ยินคุณคนเดียวนี่แหล่ะที่พูดแบบนี้)  มีแต่เขาสอน ปริยัติ และสอนวิธีการปฏิบัติ จากนั้น ผู้ที่ได้เรียนแล้ว นำมาปฏิบัติตามคำสอน แล้วก็ได้รับผลของการปฏิบัติ ที่เรียกว่า ปฏิเวธ  ด้วยตนเอง   ส่วน คุณเอง บอกว่า สอนปฏิเวธได้  งั้น อย่าลืม ออกหลักสูตรมาใหม่ ด่วนเลยนะ ทั่นอนาจาร เวร เจอร์  รับรองว่า ท่านจะดัง ยิ่งกว่า "การอัดธรรมกาย"  เป็นไหน ๆ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 22:36:01

ความคิดเห็นที่ 30 รถเรณู คุณอ่านหนังสือไม่แตกบ่อยๆนะครับ หรือไม่ก็เริ่มเอาอคติ ความไม่ชอบส่วนตนไปยัดเยียดให้คนนู้นคนนี้ สรรหาคำที่คิดว่าคำนั้นต่ำสุดๆไปประดับคู่สนทนานะครับ เท่าที่คุยกันมาหลายกระทู้ คุณเองก็ไม่เคยจะได้แสดงภูมิรู้ภูมิธรรมอะไร มากไปกว่าตีรวน ฝ่ายที่คุณไม่เห็นด้วย เรื่องมานะ กรูดีกว่า กรูด้อยกว่า  รู้สึกน้อยใจเหรอเปล่าครับ คือผมไม่เห็นด้วยนะครับที่คุณเที่ยวไปดูหมิ่นเหยียดหยามคนนั้นคนนี้ โดยไม่ได้รู้จักกันมากมายนัก ตรงไหนครับที่บอกว่าสอนปฏิเวธ ช่วยกลับไปอ่านให้แตกอีกทีนะครับ ว่าผมเขียนว่าอย่างไร อ่านช้าๆชัดๆ ทำความเข้าใจใหม่ ตรงไหน ไม่เข้าใจให้ยกมือถามได้ครับ ส่วนเรื่องที่ผมได้รับเกียรติเชิญให้ไปบรรยาย ไปสอนวิชาทางโลกหลายสิบปี หลายหน่วยงาน มันก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ แต่คุณถามมา ผมก็ให้เกียรติตอบไปด้วยความเมตตา โดยหวังว่าความเป็นสุภาพบุรุษของคุณจะยื่นมันออกมา  แต่ก็ไม่ถือสานะครับ ส่วนเรื่องการภาวนา ก็ถือเป็นหนึ่งในปัญญาทั้งสาม คือภาวนามยปัญญา ก็มีทั้งสมถะและวิปัสสนานะครับ คุณไม่ใช่แฟนพันธ์แท้นะครับ ที่จะมาติดตามผลงานตั้งแต่สมัย คุณริททียังอยู่ ว่าแต่อ้างว่าอยู่พันทิบมานาน แต่สมัยที่ริททียังเริงร่า คุณใช้ชื่ออะไรหละครับ จะได้นึกชื่อออกว่าคือใคร  หรือสมัยที่เฮียกวงคริสเตียนออกอาละวาด คุณเกิดหรือยังครับ คุณพูดถูกนะครับ พุทธศาสนาสอนให้ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ แล้วผมขาดแคลนตรงไหนหรือครับ ลองชี้ธรรมะมาสิครับ ว่าใน โพธิปักขิยธรรม 37 มีอะไรบ้างครับ หรือแม้แต่คุณเรียกชื่อผม คุณเองก็เจตนาไม่สะอาดเสียแล้ว  เป็นเพื่อนกัน เขาเรียกว่า ลองวันแทงข้างหลังหรือพร้อมจะหักหลัง ไม่ได้มีความเป็นมิตรที่ดีแต่อย่างใด หวังว่าจะเข้าใจคำว่า อเสวนา จ พาลานัง แล้วก็เลิกนิสัยตีรวน ยั่วโทสะ ได้แล้วครับ อยากเห็นคุณแสดงความเห็นที่สร้างสรรค์มากกว่านี้นะครับ แต่ถ้าจะมาสนใจผม แนะนำให้ไปหัดภาวนาง่ายๆครับ หรือจะดูจิตให้เห็นจิตใจตนเองดีกว่าครับ  อย่าพยายามตีรวน หรือไปตีความเอาเอง ว่าคนนั้นทำแบบนั้น คนนั้นทำแบบนี้ โดยที่ไม่ได้อ่านสิ่งที่หลายคนแสดงความเห็นออกไป เอาหละครับ ถ้าสนใจจะเรียนวิชาทางโลก ก็ยินดีให้ความรู้นะครับ อ้อ ลืมบอกไปครับเคยไปที่กระทรวงกลาโหมด้วยนะครับ เคยนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับท่านรัฐมนตรีด้วยน๊า จะให้ช่วยขายของ ในกรมพลาธิการเอาไหมครับ จะได้ไม่ใช่เล่ห์การค้า ตั้งราคาสูงๆแล้วลดราคา ตบตาชาาวบ้านนะครับ ว่าแต่สินค้าอะไรครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 23:44:29

ความคิดเห็นที่ 31 ผมขออนุญาตสอนธรรมะง่ายๆนะครับ คุณเรณู หรือจะเอาไปสอนลูกสอนคุณแม่ที่แก่เฒ่าก็ได้ครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ และรู้จักใช้ปัญญา ศีลเป็นเรื่องที่ใช้กำจัดกิเลสอย่างหยาบๆ สมาธิเป็นเครื่องกำจักกิเลสอย่างกลาง ปัญญาเป็นเครื่องมือที่ใช้กำจัดกิเลสอย่างละเอียด ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียว ฟังแล้วเอาไปคิด ก็ได้สองปัญญา จนกว่าจะผ่านสมถะและวิปัสสนา ก็จะได้ปัญญาอีกแบบ นิสัยของมารก็คือยั่วโทสะครับ ถ้ายังยืนยันแนวทาง สรรหาคำพูดมายั่วโทสะแทบจะทุกกระทู้ ก็ถือว่าเป็นสมุนของมารแล้วครับ ผมจะได้ปราบมารสักที หวังว่าจะรอให้ผมปราบง่ายๆนะครับ การปราบก็ง่ายๆครับ ผมแค่หยุด หยุดเป็นตัวสำเร็จนะครับ เข้าใจไหมครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 23:54:15

ความคิดเห็นที่ 32 สอนไปน้ำลายฟูมปากไป น่าเวทนาแท้ ๆ นะ คุณ (อยากจะเป็น) อาจารย์ คงอยากจะเป็นอาจารย์สอนคนอื่นเขาซะจนเต็มประดา แม้วัยวุมิ จะแก่เฒ่าแล้ว แต่หากคุณวุฒิ ไม่มี อยากจะเป็นอาจารย์ เขาก็คงไม่ให้เป็นหรอกนะ เวรเจอร์ ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้ง ถึงได้มีความกดดันมาก จนต้องหาทาง เข้าเวปไซต์ อาสา สอนคนโน้น คนนี้เขาไปทั่ว ไม่เว้น แม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า ที่กำลังแสดงธรรมให้ฟังด้วยเมตตา หากเป็นกลอง ก็เป็นกลองที่ดังขึ้นเอง โดยไม่มีใครตี กลองแบบนั้น โบราณเขาเรียกว่า "กลองอุบาทว์" นะ เวร เจอร์ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 15:24:12

ความคิดเห็นที่ 33 อืม..เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่า การที่รัฐมนตรีอนุเคราะห์ ให้นั่งรับ-ทาน อาหาร กับเขาครั้งหนึ่ง กลายเป็นเรื่องใหญ่โตในชีวิต ของคุณเลยนะ หม่องเวร เจอร์   ตอนนี้ ชักสงสัยแล้วซิว่า แท้จริง ดั้งเดิม คุณมาจากดอยไหน เผ่าไหน ถึงได้ ตื่นเต้น กระดี๊กระด้า กะอีแค่ เขาอนุเคราะห์ ให้ รับ-ทาน ของกินร่วมโต๊ะ (ซึ่งปกติ คุณคงจะต้องนั่งพื้นใต้โต๊ะ คอยงับอาหารจากเขาที่โยนให้ หรืออย่างไรครับ เวรเจอร์   คุณถึงได้ดีใจ จนเนื้อเต้นปานนั้น ที่ได้ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ กับเขาสักครั้งหนึ่ง ในชีวิต)  คนอื่น ๆ ที่ขนาดพวกรัฐมนตรีไปดื่มอวยพรวันเกิด ถึงที่บ้านเขาเอง หากเอามาตรฐานคุณไปวัด เขาก็คงจะต้องตื่นเต้น จนถึงกับรีบตายขึ้นสวรรค์ไปเลยรึเนี่ย....แต่ผมก็เห็นว่า เขาก็ยังถือเป็นเรื่องธรรมดา นี่นา เวรเจอร์  ...คุณมาจากเผ่าไหน ดอยไหน เนี่ย   ถึงได้ ตื่นเต้น ซะ ขนาดนั้น ???  หวังว่า ความคิดเห็นต่อ ๆ ไป หรือกระทู้ต่อ ๆ ไป อัตตาคุณคงจะใหญ่ขึ้น ๆๆๆๆ (อยู่ในกระบวนการสร้างอาณาจักรให้กับตนเอง ในจินตนาการ !!! คุ้น ๆ ไหม ทั่นอาจาน....ว่า ตนเองกำลังเข้าสู่โรคทางจิตเวช ระดับใด?) เวรเจอร์ คงจะอ้างว่า ตนเอง ได้ร่วมโต๊ะเสวยกับพระราชา ประเทศใดประเทศหนึ่งแน่ ๆ ในครั้งต่อไป.....กระบวนการทางจิต มันคงดำเนินไปอย่างนั้น นะ เวรเจอร์  ระหว่างนี้ หากใครชวนคุณไปเที่ยว โรงพยาบาลบ้านสมเด็จเจ้าพระยา หรือสถาบันกัลยาราชนครินทร์ คุณก็ลองไปกับเขาหน่อยนะ เวรเจอร์  เพราะเชื่อผมเถอะว่า เขาคนนั้น คือผู้หวังดีกับคุณแน่ ๆ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 19:28:45

ความคิดเห็นที่ 34 เรียนท่าน venture ขอแสดงความเคารพอย่างสูงครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 09:41:18