สำหรับบทว่า
(จิต)เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีสรีระ มีถ้ำเป็นที่อาศัย
คุณ nirota โปรดทราบว่า ในพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดง
โวหารแตกต่างกันไปให้เหมาะแก่อัธยาศัยของเวไนยสัตว์
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า จิต จะไปอาศัยใน "ถ้ำ" ใดๆ
แต่ เป็นสำนวนที่มีความหมายถึง รูปธรรมต่างๆในกายเรานั่นเอง
----------------------------------------------------------
ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คุหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา.
ชนเหล่าใด จักสำรวมจิต อันไปในที่ไกล เที่ยวไป
ดวงเดียว ไม่มีสรีระ มีถ้ำเป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น
จะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทูรงฺคมํ เป็นต้น (พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้)
ก็ชื่อว่าการไปและการมาของจิต โดยส่วนแห่งทิศมีทิศบูรพาเป็นต้น แม้ประมาณเท่าใยแมลงมุม ย่อมไม่มี, จิตนั้นย่อมรับอารมณ์ แม้มีอยู่ในที่ไกล เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ทูรงฺคมํ.
อนึ่ง จิต ๗-๘ ดวง ชื่อว่าสามารถเกิดขึ้นเนื่องเป็นช่อโดยความรวมกันในขณะเดียว ย่อมไม่มี, ในกาลเป็นที่เกิดขึ้น จิตย่อมเกิดขึ้นทีละดวงๆ, เมื่อจิตดวงนั้นดับแล้ว, จิตดวงใหม่ก็เกิดขึ้นทีละดวงอีก เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า เอกจรํ.
สรีรสัณฐานก็ดี ประเภทแห่งสีมีสีเขียวเป็นต้นเป็นประการก็ดี ของจิต ย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า อสรีรํ.
ถ้ำคือมหาภูต ๔ ชื่อว่า คูหา, ก็จิตนี้อาศัยหทัยรูปเป็นไปอยู่ เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า คุหาสยํ.