ที่ได้ยกเรื่องปัจจัย มาเพราะได้บอกไปแล้วว่า
ไม่เห็นด้วยกับการที่จะกล่าวว่า อารมณ์เก็บบันทึกลงในจิตได้ เช่นเก็บลงในจุติจิต
แล้วส่งต่อไปยัง ปฏิสนธิจิตต่อไป เป็นต้น น่ะครับ จึงได้เห็นว่า ควรจะนำเรื่อง ปัจจัย ๒๔ มาอธิบายด้วย
ซึ่งจริงๆแล้ว ในปริเฉทที่ ๔ นั้นที่นักศึกษาเรียนกันนั้น
ก็เพื่อเป็นพื้น หรือเป็นประตูไปสู่การศึกษาเรื่องปัฏฐานในลำดับต่อๆไป
การแสดงเรื่องความสัมพันธ์ของรูปนามต่างๆจึงควรอธิบายด้วยปัจจัย ๒๔ ด้วยน่ะครับ
____________________________________________________
อันที่จริง ผมมีมิตรทางธรรมอีกหลายท่านที่มีความรู้กว่าผมมาก ๆ ทั้งบาลี ทั้งพระอภิธรรม
บางท่านก็เป็นอาจารย์สอนบรรยายพระอภิธรรมด้วย
เวลาสนทนากัน เค้าจะคุยเรื่องปัจจัย ๒๔ กันเสมอ
และจะทำให้ผมได้ความรู้ไปด้วย
(เวลาคุยกับเพื่อนหลายๆท่านเหล่านั้น เค้าจะไม่เคยใช้อารมณ์กันเลย)
เรื่อง ชวนะรับอารมณ์ ผมก็อุตส่าห์ยกปัจจัยมาแสดงแล้ว คือ
- อารัมมณปุเรชาตปัจจัย
- อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
- อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
(นี้คือคำอธิบายที่พระพุทธองค์ทรงแสดงในปัฏฐาน)
เรื่องปฏิสนธิจิตน้อมอารมณ์มา ก็ด้วยปกตูปนิสสยปัจจัย
ตามในปริเฉทที่ ๕ ที่มีอยู่ไม่กี่หน้านั้น (อ้นเป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่กว่าจะหาเจอตั้งนาน)
(ผมเห็นว่า ไม่น่าจะไปบอกว่าอารมณ์จะส่งทอดบันทึกผ่านลงไปในจุติจิตแบบ Harddisk ทำนองนั้นน่ะครับ)
ถ้ามีความต้องการแลกเปลี่ยนความรู้จริง ก็ต้องไปช่วยกันศึกษาค้นคว้า เรื่องปัจจัยด้วยครับ
แต่ถ้าคุณระนาดเอก เห็นว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัย ๒๔
ผมก็ไม่รู้จะสนทนากันต่ออย่างไรแล้วนะครับ
เพราะผมไม่ค่อยอยากจะสนทนากันด้วยสำนวนส่วนตัวกันเองเท่าไหร่ในเรื่องนี้
___________________________________________________
อันที่จริงที่ผ่านมาผมก็เกรงใจ จึงไม่ได้กล่าวบางอย่างตรงๆ
จะขอกล่าวบ้างในคราวนี้
คุณระนาดเอกบอกว่า
"มีอย่างที่ไหน อาวัชชนจิต หน่วงน้อมอารมณ์ขึ้นมา แล้วอารมณ์นั้นก็จะตั้งโด่อยู่อย่างนั้นไม่ดับลงเลย..
จนกระทั่งชวนะเกิดขึ้นเรียงหน้ากันเข้ามาเสพอารมณ์นั้นจนสิ้นทุกดวง 7 ดวง แถมตทารัมมณจิตอีก 2
แล้วอารมณ์นั้นจึงค่อยดับลงไป ตลกน่ะ?" (คุณระนาดเอก)
ผมเห็นว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ
ซึ่งในความเป็นจริง รูปารมณ์เมื่อกระทบแล้วก็ตั้ง อยู่ยังไม่ดับไป
จริงอยู่ชวนะจิตในขณะต่างๆ รับอารมณ์ต่อจากจิตก่อนนั้น
เพราะจิตเกิดและดับไปทีละขณะ จิตนั้นเป็นสิ่งที่เข้าไปรู้อารมณ์
และเป็นการรู้ถัดไปเป็นลำดับๆ จิตดวงก่อนดับลงก็เป็นอนันตรปัจจัยให้จิตใหม่เกิด
แต่ตัวรูปารมณ์นั้นก็ยังไม่ดับด้วย อารมณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและยังไม่ดับลงนี้ เป็นปัจจัยธรรมได้
เช่น
- อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
(ส่วน ทวาร วัตถุ อารมณ์ สามอย่างนี้ ก็เป็นธรรมคนละส่วนกัน)
___________________________________________________
(จากคู่มือ ปริเฉทที่ ๘ ได้แสดงเรื่อง อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย ไว้ดังนี้คือ...)
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง ๆ ทั้งหมด เหมือนกับ
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย ดังนั้นก็เหมือนกับอารัมมณปุเรชาตปัจจัยทุก ประการ
๑. อารัมมณปุเรชาต หมายความว่า อารมณ์เฉพาะที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น และเกิดก่อน
ปัจจยุบบันนธรรมด้วย
๒. ประเภท รูปเป็นปัจจัย นามเป็นปัจจยุบบันน
๓. ชาติ เป็นอารัมมณชาติ .หmายความว่า ปัจจัยนี้ได้แก่ อารมณ์ และในที่นี้ หมายเฉพาะอารมณ์ที่
เป็นนิปผันนรูปเท่านั้น
๔. กาล เป็นปัจจุบันกาล หมายความว่า แม้อารมณ์นั้นจะเกิดก่อน แต่ก็ยัง คงมีอยู่ ยังไม่ทันดับไป คือ
ยังอยู่ใน ฐีติขณะ จึงจะเป็นปัจจัยได้
๕. สัตติ มีทั้ง ชนกสัตติ และอุปถัมภกสัตติ
๖. องค์ธรรมของปัจจัย ได้แก่ อารมณ์ ๖ ที่เป็น นิปผันนรูป ๑๘ และยัง อยู่ในระหว่างฐีติขณะ
องค์ธรรมของปัจจยุบบันนได้แก่ กามจิต ๕๔ อภิญญาจิต ๒ เจตสิก ๕๐ (เว้นอัปปมัญญา) ที่เกิดจาก
ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘
องค์ธรรมของปัจจนิก ได้แก่ จิต ๗๖(เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ มโนธาตุ ๓) ที่ไม่ได้เกิดจากอารมณ์ ๖ ที่เป็นปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘ และรูปทั้งหมด
๗. ความหมายโดยย่อ อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัยนี้มี ๓ วาระ
(๑) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ อารมณ์ ๖ คือปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
กามวิบาก ๒๓ กามกิริยาจิต ๑๑ กิริยาอภิญญา จิต ๑ เจตสิก ๓๕ (เว้นวิรตี) เป็น
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน เช่น
รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ที่เป็นปัจจุบัน เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ มโนธาตุ ๓ เป็นอารัมมณ ปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย มโนทวาราวัชชน จิต ๑, กามกิริยาชวนะ ๙,
ตทาลัมพนะ ๑๑ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
พระอรหันต์พิจารณา จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และหทยวัตถุ โดยความ
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รูปเหล่านี้ที่เป็น ปัจจุบัน เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย มหากิริยาจิต ๘ ที่
พิจารณารูปเหล่านี้ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
พระอรหันต์เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ได้ยินเสียงด้วยทิพพโสต รูปและเสียงนั้น เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย กิริยาอภิญญาจิตของพระอรหันต์ ที่เห็นรูปนั้น ที่ได้ยินเสียงนั้น เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
(๒) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่กุสล อารมณ์ ๖ คือ ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
มหากุสล ๘, กุสลอภิญญา ๑ เจตสิก ๓๖ (เว้น อัปปมัญญา) เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน เช่น
พระเสกขบุคคลและปุถุชนทั้งหลายพิจารณา จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
และหทยวัตถุ โดยความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รูปเหล่านี้ที่เป็นปัจจุบันเป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
มหากุสลจิต ๘ ที่พิจารณา รูปเหล่านี้ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
พระเสกขบุคคลและปุถุชนทั้งหลาย เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ได้ยินเสียงด้วย ทิพพโสต รูปและเสียงนั้นเป็น
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย กุสลอภิญญาจิตที่เห็น รูปนั้น ที่ได้ยินเสียงนั้น เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
(๓) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อกุสล อารมณ์ ๖ คือ ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘ เป็นอารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
อกุสลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ เป็นอารัมมณปุเรชาต อวิคตปัจจยุบบันน เช่น
ยินดีเพลิดเพลินต่อ จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และหทยวัตถุ เมื่อนึกถึง
รูปเหล่านี้แล้ว มีราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อุทธัจจะ และโทมนัสเกิดขึ้น รูปเหล่านี้ที่เป็นปัจจยุบบันน เป็น
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย ราคะ ทิฏฐิ เป็นต้น ที่เกิดขึ้นอันได้แก่ อกุสลจิต ๑๒ นั้น เป็น
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจยุบบันน
___________________________________________________
ผมเห็นคุณระนาดเอกกล่าวคำบางคำ ที่ดูเหมือนจะใช้อารมณ์
ก็ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะที่จะสนทนาธรรมต่อ จึงอาจจะขอยุติการสนทนาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ
และจะต้องรีบไปปั่นงานจริงๆแล้ว
นับจากความเห็นนี้ไป จะพยายามไม่เข้ามาตอบในกระทู้แล้วนะครับ ถ้าไม่จำเป็น
กราบขออภัยในทุกๆข้อความหากส่วนนั้นจะทำให้ใครไม่สบายใจด้วยนะครับ
___________________________________________________________
กราบขอขมา คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หากแสดงสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดก็ตาม หรือด้วยความความรู้เท่าไม่ถึงก็ดี ด้วยความประมาทก็ดี
ด้วยกิเลสก็ดี จะด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจตนาก็ดี ในทุกข้อความๆด้วยครับ
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 20:02:02
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 19:22:07
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 19:12:24