Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บอกเล่าเรื่องจริงสู่กันฟังครับ(ถ้าเป็นไปได้ผมอยากได้ความคิดเห็นของคนทุกศาสนา) ติดต่อทีมงาน

ผมขอเสนออีกความเห็นหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นดังนี้
    พ.ศ.๑๗๓๗ กองทัพมุสลิมนำโดยโมฮัมหมัด โฆรี (Muhammad Ghori) กลับมาเพื่อแก้แค้นพระเจ้าปฤฐวีราช (Prithaviraj) อีกครั้งพร้อมกองทหาร ๑๒๐,๐๐๐ คน ยกทัพจากอัฟกานิสถาน ก็พิชิตกองทัพอินเดียได้ ณ ทุ่งปาณิพัตร ใกล้กรุงนิวเดลลี แต่คราวนี้พระเจ้าปฤฐวีราชแพ้ราบคาบและสิ้นพระชนม์ในสนามรบ พระมเหสีทราบข่าวก็กระโดดเข้ากองไฟ พร้อมข้าราชบริพารจนกลายเป็นประเพณีสตรีสืบต่อมา พระเจ้าชายาจันทราทรงทราบและเตรียมรบ สุดท้ายก็พ่ายแพ้สิ้นพระชนม์ในสนามรบเช่นกัน

   พ.ศ.๑๗๔๐ โมหัมหมัด โฆรี ก็ได้แต่งตั้ง กุดบัดดิน ไอบัค (Qutbuddin Aibak) นายพลของเขาดูแลกรุงอินทรปัตถ์ (เดลลี) และส่วนอื่น ๆ ของอินเดียที่ยึดได้ และไอบัคก็ได้ขยายจักรวรรดิออกไปเรื่อย ๆ รัฐคุชรตและรัฐอื่น ๆ ในอินเดียตอนกลางก็ถูกผนวกเข้ามาในสมัยนี้ ต่อมาพวกเขาก็เดินทัพไปสู่รัฐพิหาร มีชัยชนะเหนือพระเจ้าลวังเสนา กษัตริย์แห่งเบงกอล จึงเป็นการเปิดทางอย่างสะดวกให้กองทัพมุสลิมรุกเข้าอินเดียเหมือนเขื่อนแตก ได้ทำลายวัดวาอารามและสถานที่สำคัญของพุทธศาสนา ของฮินดูและเชน ฆ่าพระภิกษุสามเณรตายหลายหมื่นรูป

   ต่อมา พ.ศ.๑๗๖๖ อิคเทียขิลจิลูกชายภักเทียขิลจิ แม่ทัพมุสลิมอีกคนก็เข้าทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นอย่างราบเรียบ มหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นสุสานของพระภิกษุสามเณร ดังบันทึกของท่านตารนาถชาวธิเบต ได้บันทึกไว้ว่า
   "กองทัพเติร์กมุสลิม หลังจากที่รุกรบจนชนะแล้วได้ปกครองชมพูทวีปส่วนเหนือและแคว้นมคธแล้ว ต่อจากนั้นก็เริ่มทำลายวัดวาอารามปูชนียสถานเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมาย ต่อมา พ.ศ. ๑๗๖๖ กองทัพมุสลิมนำโดยอิคเทีย ขิลจิ พร้อมด้วยทหารม้า ๒๐๐ คน ก็ได้ยกทัพมาทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทา"
   พระภิกษุสงฆ์จำนวนมากถูกฆ่า และบางส่วนก็หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศใกล้เคียง ซึ่งโดยมากได้ไปอาศัยอยู่ที่เนปาลและธิเบต ในขณะที่กองทัพมุสลิมยกทัพเข้ามา ๓๐๐ คน ท่านธรรมสวามิน พระธิเบตและท่านราหุลศรีภัทร ไม่ขอหนีแต่จะขอตายที่นาลันทา แต่ต่อมาทั้งสองจึงได้ไปหลบหนีึซ่อนตัวอยู่ที่วัดชญาณนาถ ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า รุกขมินิสสถาน ซึ่งห่างจากมหาวิทยาลัยนาลันทา ๓ กิโลเมตร เมื่อพวกเติร์กมุสลิมกลับไปแล้ว ได้มีผู้ออกมาเพื่อบูรณะนาลันทาขึ้นมาดั่งเดิม โดย มีท่านมุทิตาภัทร (Muditabhadra) ได้จัดแจงซ่อมแซมขึ้นใหม่ ต่อมาเสนาบดีแคว้นมคธ นามว่า กุกฏะสิทธิ ได้บริจากทรัพย์สร้างวัดขึ้นอีก ภายในบริเวณนาลันทานั้นเอง นาลันทาทำทีจะฟื้นอีกครั้ง
   แต่ต่อมามีพราหมณ์ ๒ คนได้มาถึงบริเวณนั้นจะยึดเอาเป็นที่ประกอบพิธีบูชายัญ ด้วยความคะนองสามเณรจึงหยิบภาชนะตักน้ำล้างเท้าสาดพราหมณ์ทั้งสอง พวกเขาโกรธมาก เวลาเลยผ่านไปสิบปีจึงมาเผาซ้ำ ห้องสมุดรัตโนทธิที่เหลือเป็นหลังสุดท้ายก็ถูกทำลายลงหมดหนทางจะเยียวยา จึงถูกปล่อยรกร้างจมดินเป็นเวลา ๖๒๔ ปี
   พ.ศ.๒๔๐๓ ท่านเซอร์คันนี่งแฮมจึงได้ขุดค้นเจอซากของมหาวิทยาลัยตามคำบอกที่พระถังซำจั๋งเขียนไว้ในหนังสือของท่าน

   ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพุทธศาสนาก็ได้เสื่อมและหมดไปจากอินเดียตอนเหนือ และตอนกลาง โดยไม่มีอะไรเหลือให้ปรากฏ นอกจากซากปรักหักพังของสถานที่สำคัญ ของพุทธศาสนา และพระพุทธรูปที่ถูกทำลายเป็นส่วนมาก และสิ่งเหล่านี้ก็ได้ถูกทอดทิ้งลบเลือนหายไปจากความทรงจำของชาวอินเดียมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๘๐๐ ปี จึงไม่เป็นการแปลกเลยว่า เพราะเหตุใดชาวอินเดียทุกวันนี้ จึงไม่รู้จักพุทธศาสนา ส่วนศาสนาฮินดู และศาสนาเชน นั้นก็ถูกทำลายเช่นกันแต่ไม่ค่อยจะรุนแรงเท่าไรนัก เพราะพระและนักบวชฮินดูมีหลายลัทธิหลายนิกาย บางนิกายไม่ค่อยจะมีความผิดแปลกแตกต่างจากฆราวาสเท่าไรนัก เพราะแต่งตัวเหมือนฆราวาสและมีครอบครัวได้อาศัยอยู่ตามบ้านเรือน พวกมุสลิมก็รู้ไม่ได้ว่าเป็นพระหรือเป็นฆราวาส ส่วนพระของพุทธศาสนานั้นแปลกจากพระในศาสนาอื่น ๆ การแต่งตัวรู้ได้ง่ายอยู่ที่ไหนก็รู้ได้ง่าย มุสลิมได้เบียดเบียนบังคับให้สึก ถ้าไม่สึกก็ฆ่าเสียเมื่อเป็นเช่นนี้พระในพุทธศาสนาอยู่ไม่ได้ เมื่อไม่มีพระสงฆ์พุทธศาสนาก็หมดไปโดยปริยาย อีกอย่างหนึ่งผู้ที่นับถือพุทธนั้น โดยมากเป็นคนชั้นสูงเมื่อคนชั้นสูงหมดอำนาจ ศาสนาพุทธก็หมดไปด้วย ไม่เหมือนกับศาสนาฮินดูซึ่งผู้นับถือส่วนมากเป็นสามัญชนและศาสนาอยู่ได้ก็เพราะชนพวกนี้

   พ.ศ. ๑๗๔๕ โมหัมหมัด โฆรีก็เสียชีวิตลง ไอบักจึงสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ (สุลต่าน) แห่งเดลลี พวกเติร์ก หรือตุรกีจึงปกครองอินเดียสืบมา แม้จะเปลี่ยนผู้ปกครองและเชื้อสายบ้างแต่สุลต่านทั้งหมดก็เป็นมุสลิม พวกเขาปกครองอินเดียมายาวนานมากกว่า ๖๐๐ ปี เมื่อไอบัคเสียชีวิตลง บังลังก์ที่เดลลีก็ถูกยึดครองครองโดยอิลตูมิช (Iltumish) เขาเป็นผู้ปกครองที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่กวดขันผู้คนที่นับถือศาสนา และพยายามที่จะบังคับพลเมืองให้เป็นมุสลิม ช่วงนี้ชาวพุทธฆราวาสยังมีอยู่ แต่ถูกบีบคั้นอย่างหนัก บางส่วนหันเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามและฮินดู เมื่ออิลตูมิชเสียชีวิตแล้วจึงให้ลูกสาวขึ้นปกครองแทน คือราซิยา (Raziya) แต่เพราะเจ้าหน้าที่ข้าราชบริพารชาวมุสลิมไม่นิยมในผู้ปกครองที่เป็นหญิง นางจึงถูกลอบสังหาร นาซิรุดดิน (Nasiruddin) จึงขึ้นครองบัลลังก์เดลลี ต่อมาบัลบัน (Balban) ก็ปกครองสืบต่อจากนาซิรุดดินมา ดังมีรายละเอียดดังนี้


๒.ราชวงศ์ทาส (Slave dynasty) พ.ศ.๑๗๔๙ (ตุรกี)

   ๑. กุดบัดดิน ไอบัก (Qutbuddin Aibak) เป็นชาวเติร์กหรือตุรกีเป็นทาสของโมหัมหมัด โฆรี แต่มีความสามารถในการรบ โฆรีเห็นความสามารถจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองเดลลีและเป็นผู้รบชนะพระเจ้าชายาจันทรา หรือไชยจันทร์ได้สร้างหอสูงชื่อกุตับมีน่าร์ที่เมืองนิวเดลลี เขาได้ทำลายโบสถ์และวัดในศาสนาต่าง ๆ มากมาย ปกครองเดลลีจนถึงพ.ศ. ๑๗๖๓

   ๒. อิลตูมิท (Iltulmit) ปกครองบัลลังก์เดลลีเมื่อพ.ศ. ๑๗๖๓ ต่อจากไอบัก เป็นนักปกครองที่มีความสามารถ รวบรวมอาณาจักรเป็นปึกแผ่น ช่วงปลายอายุได้ตัดสินใจมอบบัลลังก์ให้กับลูกสาว เพราะบุตรชายอ่อนแอไม่มีความสามารถ ปกครองเดลลีจนถึง พ.ศ. ๑๗๗๙

   ๓. ราซิยา (Raziya) เป็นบุตรสาวของอิลตูมิท แม้เป็นหญิงแต่มีความเข็มแข็ง มักชอบแต่งกายเหมือนบุรุษ ปกครองจนถึง พ.ศ.๑๗๘๓ ก็ถูกโค่นอำนาจลง

   ๔. นาซิรุดดิน (Nasiruddin) เป็นบุตรคนเล็กของอิลตูมิท และเป็นน้องชายของราซิยา เป็นนักการศาสนามากกว่านักปกครองเพราะใช้เวลาส่วนมากอยู่กับคัมภีร์อัลกุระอ่าน ปกครองจนถึง พ.ศ.๑๘๐๓

   ๕. บัลบัน (Balban) ปกครองเดลลีตั้งแต่พ.ศ.๑๘๐๓ เขาเป็นคนโหดร้าย ปกครองบ้านเมืองด้วยความกลัว และกดขี่ไม่ให้สิทธิ์แก่ผู้นับถือศาสนาอื่นนอกจากมุสลิม ทายาทของบัลบันค่อนข้างอ่อนแอ ปกครองจนถึงพ.ศ. ๑๘๓๓ อำนาจก็ถูกเปลี่ยนเป็นราชวงศ์ขิลจิ
            พวกท่านมีความคิดอย่างไรที่เห็นว่าในโลกนี้มีกี่ศาสนากันที่จ้องทำลายล้างศาสนาอื่นแถมมีความเชื่อด้วยว่าการฆ่าสาวกศาสนาอื่นหรือการทำลายศาสานาอื่นจะได้ขึ้นสวรรค์ที่ผมบรรยายนี้ไม่ได้ว่าท่านใดหรือใครเลยเพียงแต่เป็นการบอกเล่าเรื่องจริงให้ทุกคนรับรู้เท่านั้น

จากคุณ : wutthitham
เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:05:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com