ฟังเสียงสื่อมวลชนนำเสนอสถานการณ์ความรุนแรงมามากแล้ว
ลองหันมาฟังเสียงคนในพื้นที่กันบ้างว่าสถานการณ์จริงในปัจจุบันเป็นอย่างไร
จากงานเสวนาข้ามศาสนา: ปัญหาและทางออก สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ
คุณชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศักยภาพชุมชน
ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร ๒๕๔๙ และเชื่อว่าประชาชนคือพลังของความเปลี่ยนแปลง มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนในชุมชนมีความพร้อม มีความรู้ พยายามทำให้ประชาชนลุกขึ้นเผชิญหน้ากับความจริง มี ๖ กิจกรรม ตลอดปี ๒๕๕๔ ปี ๒๕๕๕
จัดเวทีชุมชนในระดับหมู่บ้านชาวไทยพุทธ ชาวมลายู ชาวไทยเชื้อสายจีน ๗๐ เวที และได้ร่วมจัดเวทีเสวนาข้ามศาสนา ที่ยะลา เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ และนำความคิดเห็นจากเวทีดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์แก่การแก้ปัญหาชายแดนใต้
จากรายงานเผยให้เห็นว่า
ประชาชนมีความเห็นว่าจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงลดลง แต่ระดับเหตุการณ์สะเทือนขวัญมากขึ้น จำนวนแม่หม้าย เด็กกำพร้าเพิ่มขึ้น ความไม่ไว้วางใจในระดับประชาชนเพิ่มขึ้น
มีความยากลำบากมากขึ้นในการแยกแยะว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เช่น การเมืองท้องถิ่น ปฏิบัติการทางทหาร การทุจริต คอรัปชั่น ฯลฯ
ความรุนแรงทำให้ประชาชนขาดโอกาสทางเศรษฐกิจและการขยายตัวลดลงมาก พ่อค้าไม่กล้าเข้าไปซื้อของในพื้นที่ ผู้คนไม่กล้าเข้าไปท่องเที่ยวเพราะกลัว จึงทำให้สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว ทรัพยากรถูกทำลาย รายได้ต่ำมากขึ้น ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างประชาชนชาวไทยพุทธกับมลายู
รัฐให้ความสำคัญกับบทบาทปฏิบัติการทางทหารมากเกินไป ๖ ปีที่ผ่านมา รัฐใช้เงินกว่า ๑ แสน ๘ หมื่นล้านบาท และ ๖๐ เปอร์เซ็นต์คือค่าใช้จ่ายด้านการทหาร หากข้าราชการ นักการเมือง ผู้แทนราษฎรไม่ลงพื้นที่จริงๆ ก็จะไม่ทราบปัญหาอย่างแท้จริง
ข้อเสนอแนะ ยกเลิกกฎหมายชุดความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะ พรบ ฉุกเฉิน สร้างปัญหามากกว่าแก้ไขปัญหา ให้สนับสนุนอาชีพแม่หม้าย ให้อำนาจจัดการปัญหากับผู้นำชุมชน ให้หารือกับประชาชนในพื้นที่ก่อนการลงทุนในพื้นที่
เมื่อจับกุมห้ามมีการทรมาน การสอบสวนควรทำต่อหน้าสมาชิกครอบครัว ควรให้มิติทางวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัดในการสืบสวน
ถ้าผู้ต้องหาไม่มีความผิดแต่ถูกจับกุม รัฐต้องชดเชยให้กับเหยื่อ ให้ยกเลิกการพิจารณาคดีนอกศาลจังหวัดชายแดนใต้ เพราะยากลำบากต่อการเดินทาง
สนับสนุนให้มีการเยี่ยมเยียนรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนชายแดนใต้ให้มากขึ้น ให้ลดจำนวนอาวุธในพื้นที่
เปิดเผยสถานการณ์ในพื้นที่ต่อภูมิภาคและประชาคมโลก ให้มีการแถลงข่าวของชุมชนเมื่อเกิดเหตุรุนแรงโดยทันที ให้เคารพความแตกต่างทางศาสนา ให้จัดตั้งกลไกประชาชนเพื่อติดตามการทำงานของภาครัฐ ให้ช่วยเหลือดูแลระหว่างชาวไทยพุทธ ชาวมลายู และชาวไทยเชื้อสายจีน
ประชาชนต้องการความเป็นธรรม รัฐต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น และนำข้อเสนอแนะไปปฏิบัติด้วย
ต้องสร้างองค์ความรู้ด้านศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลามให้มากขึ้น ชุมชนไม่สามารถรอคอยการปฏิบัติงานจากเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว ต้องมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเองด้วย
ความเห็น พบว่าประชาชนมีความสุขในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ประชาชนมีความยินดีร่วมแก้ปัญหาต่อไป เจ้าหน้าที่และสื่อต้องสนับสนุนงานของประชาชนให้มากขึ้น ประชาชนต้องการความจริงใจและทัศนคติที่ถูกต้องจากรัฐบาลและจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหา
วงเสวนา
ดำเนินรายการโดย คุณจอม เพชรประดับ
คุณจอม เพชรประดับ: ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือทัศนคติของผู้มีอำนาจในส่วนกลางที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์รอบๆตัว สื่อเองก็ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ในการสร้างความเข้าใจในความแตกต่าง
ศาสนาอิสลามสอนให้เชื่อในผู้นำแต่ผมยังสงสัยอยู่มาก เพราะผู้นำของเรายังทำสิ่งต่างๆเพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง เราก็พูดกันมานานแล้วเรื่องความรู้สึก ต่อไปผมก็อยากให้เราคุยกันถึงแนวทางแก้ปัญหา
ตัวแทนชาวไทยพุทธ: กำนันธนวัฒน์ โชติมณี ยะลา, ผู้ใหญ่สุมาลี ขุนพิทักษ์ ปัตตานี
ตัวแทนชาวมลายู: คุณอาเตฟ โซโก๊ะ นักศึกษากลุ่ม YAD, คุณอิสมาแอร์ ซะและ ยะลา, คุณซูไบดะห์ ดอเลาะ นราธิวาส
ตัวแทนชาวจีนพุทธ: คุณดุสิต ลีลาภีทรพันธ์ ยะลา
วงเสวนา
ดำเนินรายการโดย คุณจอม เพชรประดับ
คุณจอม เพชรประดับ: ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือทัศนคติของผู้มีอำนาจในส่วนกลางที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์รอบๆตัว สื่อเองก็ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ในการสร้างความเข้าใจในความแตกต่าง ศาสนาอิสลามสอนให้เชื่อในผู้นำแต่ผมยังสงสัยอยู่มาก เพราะผู้นำของเรายังทำสิ่งต่างๆเพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง เราก็พูดกันมานานแล้วเรื่องความรู้สึก ต่อไปผมก็อยากให้เราคุยกันถึงแนวทางแก้ปัญหา
ตัวแทนชาวไทยพุทธ: กำนันธนวัฒน์ โชติมณี ยะลา, ผู้ใหญ่สุมาลี ขุนพิทักษ์ ปัตตานี
ตัวแทนชาวมลายู: คุณอาเตฟ โซโก๊ะ นักศึกษากลุ่ม YAD, คุณอิสมาแอร์ ซะและ ยะลา, คุณซูไบดะห์ ดอเลาะ นราธิวาส
ตัวแทนชาวจีนพุทธ: คุณดุสิต ลีลาภีทรพันธ์ ยะลา