ความคิดเห็นที่ 1 แปะคลิป จากคุณ : จขกท. (Kamajor) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 06:43:55

ความคิดเห็นที่ 2 แปะไม่ติด จากคุณ : จขกท. (Kamajor) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 06:44:54

ความคิดเห็นที่ 3 อีกรอบ จากคุณ : จขกท. (Kamajor) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 06:45:48

ความคิดเห็นที่ 4 ... จากคุณ : รอเธอโสด เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 06:53:55

ความคิดเห็นที่ 5 กรณีของหลวงพ่อทิจ ถือว่าไม่บาป เพราะท่านบรรลุแล้ว สามารถตัดความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา ตัดความเป็นตัวตนออกไปได้ทั้งหมด ท่านจึงไม่สะทกสะท้านกับความเจ็บปวด เมื่อร่างกายไม่ใช่ของท่าน ท่านจึงไม่ได้ฆ่าตัวตาย เมื่อไม่ได้ยึดติด ท่านจึงไม่บาป จากคุณ : รอเธอโสด เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 07:00:38

ความคิดเห็นที่ 6 เคยอ่านมาบ้าง พอทราบว่าท่านทำไปเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาใช่ไหมครับ หากจำมาผิด ขออภัย ในคลิป น่าจะเป็นหนังสารคดี จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 07:23:38

ความคิดเห็นที่ 7 #6 ใช่แล้วครับ จากคุณ : จขกท. (Kamajor) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 07:25:20

ความคิดเห็นที่ 8 ...นรชนพึงสละทรัพย์เพราะเหตุแห่งอวัยวะอัน ประเสริฐ  เมื่อจะรักษาชีวิตไว้ พึงสละอวัยวะ เมื่อระลึกถึงธรรม พึง สละทั้งอวัยวะ ทั้งทรัพย์ และแม้ชีวิตทั้งหมด.... http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=28&A=2258&Z=2606 จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 07:44:45

ความคิดเห็นที่ 9 #5 ท่านจะบรรลุอะไรเราไม่มีทางทราบแน่ได้หรอกครับ แต่ที่แน่ ๆขณะท่านนั่งอยู่ท่ามกลางไฟแบบนั้น จิตต้องทรงสมาธิระดับสูงมาก ระดับฌานทีเดียว ความเด็ดเดี่ยวเหนือมนุษย์สามัญ ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ในช่วงระหว่างการบำเพ็ญบารมีให้แก่รอบ ทุกพระองค์ จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 09:27:53

ความคิดเห็นที่ 10 ท่านสละชีพเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาเป็นการกระทำที่ประเสริฐที่สุดแล้ว ขออนุโมทนาครับ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 10:06:07

ความคิดเห็นที่ 11 อยู่ที่สภาพใจครับ ถ้าคิดน้อยใจ โกรธเคือง แค้นใจ ฯลฯ บาปมากครับ แต่ถ้าไม่ได้น้อยใจ ไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้คิดสั้น แต่มองเห็นการณ์ไกลด้วยปัญญา การยอมสละชีวิตที่มีค่าของตนเองเพื่อสิ่งที่สูงกว่า ย่อมให้ผลที่ต่างกัน ในเบื้องต้นการที่พระรูปนี้มีสติดีอยู่ แม้ถูกไฟเผาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา และการกระทำของท่านก็มีผลต่อการรักษาพระศาสนามาจนปัจจุบันนี้ ดังนั้น คิดโดยทั่วไปแล้วน่าจะมีผลบวกมากกว่า วิเคราะห์คร่าว ๆ จากองค์ประกอบภายนอก เพราะเราไม่รู้สภาพใจของท่านครับ แก้คำผิดครับ อัตวิบากกรรม --> อัตวินิบาตกรรม จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 11:37:14

ความคิดเห็นที่ 12 ปุจฉา ? การทำอัตวินิบาตกรรมเช่นนี้ พี่คิดเช่นไรครับ วิสัชนา ! http://board.palungjit.com/f181/โพสเรื่อยเปื่อย-เมื่อยก็พัก-^-0-^-322353-8.html#post6900510   จากคุณ : ยื้มล็อกอินหม่ามี๊มาใช้เจ้าค่ะ (หม่ามี๊แก้ว) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:03:20

ความคิดเห็นที่ 13 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก สรุปการบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ [๓๖] การบำเพ็ญบารมีอันเป็นเครื่องบ่มพระโพธิญาณเหล่านี้ จัดเป็นบารมี๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ คือการบำเพ็ญทานในภพที่ตถาคตเป็นพระเจ้าสิวิราชผู้ประเสริฐเป็นทานบารมี ในภพที่เราเป็นเวสสันดรและเป็นเวลามพราหมณ์ เป็นทานอุปบารมี ในภพที่เราเป็นอกิติดาบสอดอาหารนั้น เป็นทานอุปบารมี ******************************************************** ในภพที่เราเป็นพระยาไก่ป่า สีลวนาคและพระยากระต่าย เป็นทานปรมัตถบารมี ******************************************************** ในภพที่เราเป็นพระยาวานร ช้างฉัททันต์ และช้างเลี้ยงมารดา  เป็นศีลบารมี พระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ตรัสไว้ดังนี้ การรักษาศีลในภพที่เราเป็นจัมเปยยกนาคราช และภูริทัตตนาคราช เป็น ศีลอุปบารมี ในภพที่เราเป็นสังขปาลบัณฑิต เป็นศีลปรมัตถบารมี                           ในภพที่เราเป็นยุธัญชยกุมาร มหาโควินทพราหมณ์ คนเลี้ยงช้าง อโยฆรราชโอรส ภัลลาติ สุวรรณสาม มฆเทวะและเนมิราช บารมีเหล่านี้เป็นอุปบารมี ในภพที่เราเป็นมโหสถผู้เป็นทรัพย์ของรัฐกุลฑลตัณฑิละและ นกกระทาบารมีเหล่านี้เป็นปัญญาอุปบารมี ในภพที่เราเป็นวิธูรบัณฑิตและสุริยพราหมณ์มาตังคะ ผู้เป็นศิษย์เก่าของ อาจารย์บารมีทั้ง ๒ ครั้งนี้ เป็นปัญญาบารมี ในภพที่เราเป็นพระราชาผู้มีศีล มีความเพียร เป็นผู้ก่อให้เกิดสัตตุภัสตชาดก บารมีนี้แล  เป็นปัญญาปรมัตถบารมี ในภพที่เราเป็นพระราชาผู้มีความเพียรบากบั่น เป็นวิริยปรมัตถบารมี ในภพที่เราเป็นพระยาวานรผู้มีครุธรรม๕ ประการ เป็นวิริยบารมี ในภพที่เราเป็นธรรมปาลกุมาร เป็นขันติบารมี ในภพที่เราเป็นธรรมิกเทพบุตร ทำสงครามกับอธรรมิกเทพบุตร เรียกว่าขันติอุปบารมี ในภพที่เราเป็นขันติวาทีดาบส แสวงหาพุทธภูมิด้วยการบำเพ็ญขันติบารมี ได้ทำกรรมที่ทำได้ยากเป็นอันมาก นี้เป็นขันติปรมัตถบารมี ในภพที่เราเป็นสสบัณฑิตนกคุ่ม ซึ่งประกาศคุณสัจจะ ยังไฟให้ดับด้วยสัจจะ นี้เป็นสัจจบารมี                           ในภพที่เราเป็นปลาอยู่ในน้ำ ได้ทำสัจจะอย่างสูงยังฝนให้ตกใหญ่ นี้เป็นสัจจบารมีของเรา ในภพที่เราเป็นสุปารบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ ยังเรือให้ข้ามสมุทรจนถึงฝั่ง เป็นกัณหทีปายนดาบส ระงับยาพิษ ได้ด้วยสัจจะ และเป็นวานรข้ามกระแสแม่น้ำคงคาได้ด้วยสัจจะ นี้เป็นสัจจอุปบารมีของเรา ในภพที่เราเป็นสุตโสมราชา รักษาสัจจะ อย่างสูง ช่วยปล่อยกษัตริย์ ๑๐๑ นี้เป็นสัจจปรมัตถบารมี อะไรที่จะเป็นความพอใจไปกว่าอธิษฐาน นี้เป็นอธิษฐานบารมี ในภพที่เราเป็นมาตังฏิล และช้างมาตังคะ นี้เป็นอธิษฐานอุปบารมี ในภพที่เราเป็นมูคผักขกุมาร เป็นอธิษฐานปรมัตถบารมี ในภพที่เป็นมหากัณหฤาษี และพระเจ้าโสธนะ และบารมีสองอย่าง คือในภพที่เราเป็นพระเจ้าพรหมทัตต์ และคัณฑิติณฑกะ ที่กล่าวแล้วเป็น เมตตาบารมี ในภพที่เราเป็นโสณนันทบัณฑิตผู้ทำความรัก บารมี เหล่านั้นเป็นเมตตาอุปบารมี เมตตาบารมีในภพที่เราเป็นพระเจ้าเอกราช เป็นบารมีไม่มีของผู้อื่นเหมือน นี้เป็นเมตตาปรมัตถบารมี ในภพที่เราเป็นนกแขกเต้าสองครั้ง เป็นอุเบกขาบารมี ในภพที่เราเป็นโลมหังสบัณฑิต เป็นอุเบกขาปรมัตถบารมี บารมีของเรา ๑๐ประการนี้ เป็นส่วนแห่งโพธิญาณอันเลิศ บารมียิ่งกว่า ๑๐ ไม่มีหย่อนกว่า ๑๐ ก็ไม่มี เราบำเพ็ญบารมีทุกอย่างไม่ยิ่งไม่หย่อน เป็นบารมี ๑๐ ประการฉะนี้แล. จบสโมธานกถา จบจริยาปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=9479&Z=9526&pagebreak=0             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=244             ----------------------------------------------------------------------------------------- คำไหว้บารมี 30 ทัศ และ  อธิบาย บารมี 30 ทัศ http://www.84000.org/pray/baramee30.shtml ----------------------------------------------------------------------------------------- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ ว่าด้วยเหตุให้สำเร็จเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=32&A=0&Z=146 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ ว่าด้วยการให้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=32&A=147&Z=289&pagebreak=0 ----------------------------------------------------------------------------------------- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๘  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒ ๕. มหาสุตโสมชาดก พระเจ้าสุตโสมเว้นบาปเพราะฟังธรรมของกาฬหัตถี  [๓๘๒] การสละชีวิตได้นี้เป็นธรรมของสัตบุรุษ   สัตบุรุษทั้งหลายย่อมมีปฏิญาณเป็นสัจจะโดยแท้ พรที่พระองค์ได้ประทานไว้แล้วขอได้โปรดประทานเสียโดยพลันเถิด ดูกรพระราชาผู้ประเสริฐสุด พระองค์จงทรงสมบูรณ์ด้วยธรรมข้อนั้นเถิด   นรชนพึงสละทรัพย์เพราะเหตุแห่งอวัยวะอันประเสริฐ   เมื่อจะรักษาชีวิตไว้ พึงสละอวัยวะ เมื่อระลึกถึงธรรม พึงสละทั้งอวัยวะ ทั้งทรัพย์ และแม้ชีวิตทั้งหมด. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=28&A=2258&Z=2606 เจริญในธรรมคะ จากคุณ : goodsthailand เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 13:41:27

ความคิดเห็นที่ 14 อนุโมทนาสาธุ น่าทึ่งอย่างสุดซึ้งที่ท่านยอมทนนั่งให้ไฟเผาจนตายเพื่อรักษาพุทธศาสนาไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 16:18:01

ความคิดเห็นที่ 15 12 ใช่คนเดียวกับที่ผมคิดใช่มั้ย มันกลับมาอีกแล้ว อีกซักพักมันก็จะไปอีก จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 17:39:19

ความคิดเห็นที่ 16 เพิ่งกล้าดู กราบท่านทิช ค่ะ จากคุณ : แม่น้องปัน เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 19:18:44

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เห็นด้วยกับการรักษาพระศาสนาด้วยวิธีนี้ ในมุมมองของผม หลวงพี่รูปนี้ได้ทำการ"ฆ่าคนคนหนึ่ง". ให้ตายไปโดยเจตนา คนคนนั้นก็คือตัวของท่านเอง (หรืือใครจะปฏิเสธว่าการฆ่าตัวเองไม่ถือเป็นการฆ่ามนุษย์ ?) ดังนั้น ในมุมมองของใครๆ อาจจะมองว่าท่านได้ทำบุญใหญ่เพราะได้รักษาพระพุทธศาสนา นั่นเรื่องบุญก็เป็นส่วนบุญไป. แต่บุญกับบาปนั้น อยู่คนละขั้วกัน. การฆ่าคนตาย หากมีประโยชน์เพื่อรักษาชาติศาสนา ก็มีไปเถอะ ตามความเชื่อของสังคมนั้นๆ แต่การฆ่าคนตายนั้น เป็นบาปแน่นอน ผมมองว่าหลวงพี่กำลังทำบาปเพราะฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนท่านอื่นมองเป็นเรื่องของการได้บุญ ก็ถือว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจ เช่นกัน แต่ผมไม่ชื่นชมในมุมมองนั้น แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 55 20:33:51 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 20:20:12

ความคิดเห็นที่ 18 เจตนาของท่านไม่น่าใช่การ "อัตวินิบาตกรรม" ครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 21:31:38

ความคิดเห็นที่ 19  15   แล้วแต่จะคิด ? แล้วแต่จะมองงงง หุหุ ?  จาก... คนที่คุณก็รู้ว่าคราย ?  จากคุณ : ยื้มล็อกอินหม่ามี๊มาใช้เจ้าค่ะ (หม่ามี๊แก้ว) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 01:01:57

ความคิดเห็นที่ 20 อ้อ อีกสักดอกส์ ขอ อนุยาด   ฝากทั่นเสือใบลานทั้งหลาย ( ที่พอจะมี  อภิญญาญาณ )  ช่วยไปจุดธูป ถามวิญญาณ พระติค ให้ทีดิ๊ แบ่บว่า อิฉานก็อยากรู้มากมายเรย ว่า ภิกษุ นั้นหรือ แปลว่า อะไร ? ภิกษุ คือ ผู้ ขอ โดยสงบ หรือ ผู้เรียกร้อง เพื่อ พยามกะเกณฑ์ ให้ ผู้อื่น สนองตอบต่อ ตัณหาของตน กันแน่ มัชฌิมาปฏิปทา นั้นเป็นไฉน พุทธศาสนา สอนให้ แก้ปัญหา โดย ปรับที่ใจตน หรือว่า ให้ดิ้นรน ไปปรับที่ใจคนอื่น และ สมณะโคดม ทิ้งแพ และ ค้ำถ่อ เอาไว้ให้พวกท่านเพื่อดูต่างหน้า แค่นั้นล่ะหรือ เหตุใด ทั่นจึงได้ แบกมันไว้บนหัว จนตัวตายเฉกนี้ ถ้า รู้จักหยุด รู้จักเย็น รู้จักยอม แล้วไซร้  ย่อม ไม่มีไฟใด ๆ มาเผาไหม้ ใจเราได้ อ่า  แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 09:41:55 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 01:11:25 จากคุณ : ยื้มล็อกอินหม่ามี๊มาโพสเจ้าค่ะ (หม่ามี๊แก้ว) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 01:09:30

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 20 ปุถุชน จะประมาณจิตพระอริยะก็กะไม่ถูกหรอก สมมุติท่านไม่ใช่พระอริยะ แต่การทำแบบนั้นได้อย่างน้อยก็ฌาน 4 หรืออรูปฌาน คุณอาจบอกว่า คนเมาคนเสพยาก็ทำได้ แต่ที่แน่ๆคนเมากลัวตายครับ ธรรม ต้องปฏิบัติ ไม่ใช่แค่คิดเอาตามตรรกะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 13:50:43 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 13:49:07

ความคิดเห็นที่ 22 ผมคนนึงหละ ที่ไม่ได้บอกว่าท่านได้บุญแค่ไหน หรือบรรลุธรมมอะไร แต่เคารพในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ของแต่ละบุคคล และให้ความเคารพผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 16:09:43

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 20 ปุถุชน จะประมาณจิตพระอริยะก็กะไม่ถูกหรอก สมมุติท่านไม่ใช่พระอริยะ แต่การทำแบบนั้นได้อย่างน้อยก็ฌาน 4 หรืออรูปฌาน คุณอาจบอกว่า คนเมาคนเสพยาก็ทำได้ แต่ที่แน่ๆคนเมากลัวตายครับ ธรรม ต้องปฏิบัติ ไม่ใช่แค่คิดเอาตามตรรกะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 13:50:43 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 13:49:07 โอ๊ะโอ๋ สโลแกนยอดฮิต ปุถุชน จะประมาณจิตพระอริยะก็กะไม่ถูกหรอก อิคำพูดอมตะนิรันกาลมหาโคตะระเอียน เลี่ยนจนสุดขอบโลกแบบนี้ มันช่างเป็น ไม้กันหมา หั้ยเหล่าเหล่าพุทธมามกะจ๋า ได้อุ่นใจดีแต้ แต่รู้สึกว่า ฟังแร้ว ทะแม้ง ๆ ง่ะ ระคายเคืองเยื่อแก้วหู พอ ๆ ก๊ะวลาที่ ได้ยิน อิพวกศรัทธาจริตจ๋า มัน แหกปากขู่เหย็ง ๆ  ว่า ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ เรยอ่า เหอะ ๆ และเนื่องจาก คุณเป็น ไอดอลในดวงใจอีกคน ของอิฉัน ที่เวลาอ่าน ความเห็นของคุณในกาทู้ ต่าง ๆ แล้ว อิฉันรู้สึกนึกเอ็นดูคุณ เกือบจะเท่า ๆ ก๊ะ ป๋ารถสังข์ อ่ะนะ จะขออนุญาต ถาม กลับ อีกสักดอกส์  สองดอกส์ สิเจ้าคะ ว่า  จะเป็น อริยะ แล้วยังไง  หรือ ? จะเจริญฌาน 4 จนได้เป็นพรหมลูกฟัก ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แล้วยังไง หรือ จริงอยู่  ผู้ใด ได้ชื่อว่าเป็น  อริยะ หรือ ผู้ ทรง ฌาน นั้น มันอาจจะน่านับถือ ในสายตาของ พุทธมามกะจ๋า อย่างพวกคุณ จน แม้กระทั่ง ไรฝุ่น ก็มิบังควรจะสะแอ๋ง มาแสดงข้อกังขา หรือว่า สงสัยใน พฤติ แห่ง ผู้เป็น อาริยะ เหล่านั้น แต่ขออนุญาต สอน ไอ้เข้ ว่ายน้ำ หน่อยเถิด คุณรู้จัก  สัมมัปปทาน 4 ไหม ? แล้ว รู้หรือไม่ว่า มหาปเทส 4 นั้นเป็นไฉน อิฉันเชื่อ เสมอนะ ว่า อริยะผู้ที่เข้าถึงธรรม ที่แท้จริง นั้น ย่อมมี พฤติ ที่ หมดจดงดงาม ไม่ขัดแย้งสวนทาง จนทำให้เกิดข้อสงสัยตะขิดตะขวงใจ ปรากฏแก่สายตาของผู้ที่อยู่ใน โลกแห่ง โลกียะ และ โลกุตระ และ ทุกการกระทำของท่าน หากมีผู้กังขาสงสัย ผู้ที่ ศรัทธาในตัวท่าน ย่อมควรที่จะต้อง สามารถ อธิบาย และ เคลียร์ ข้อครหา ได้ในทุกประเด็น แล้วไอ้ที่ อิฉัน ถามๆ เนี่ย ถึง รากเหง้าของการกระทำของ พระติก เนี่ย ก็แค่ อยากจะดูภูมิกึ๋น อิพวกเสือใบลาน มันอ่ะ ว่ามันจะแก้ตัว เอ๊ย แก้ต่าง ให้ ไอดอลในดวงใจ ของพวกมันยังไง จะใช้ หลักของ อิทัปปจยตา มาอธิบายการกระทำของ พระ ติก ให้ ฟัง แบบ ชัด ๆ เคลียร์ ๆ  หรือว่า จะ แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ หมกเม็ดเก็บงำ ปัญหาคาใจ  เหล่านี้ โดย อาศัย ใช้ ไม้กันหมา มาขู่ว่าจะตี ผู้ที่ เห็นต่างจากตน ? เอาล่ะ ขอ อนุญาต สรุป คำถาม คาใจอีกครั้ง ( ใครว่าง ๆ ก็ช่วย จุดธูปถาม พระติก ให้ที ) 1.  อิทัปปจยตา อะไรหนอ ? คือ เหตุปัจจัย ที่ทำให้ พระติก ถึงต้องเผาตัวเอง ? ใช่ เพื่อ ปกป้อง ศาสนา ของกรู ใช่หรือไม่ ? และ ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมตอนที่  ตอนชาวปาเลสไตน์ มันถูก พวกยิวกดขี่( ทางอ้อม )ในเรื่องของศาสนา ทำไม พระติก ไม่ ขับรถ ถ่อสังขารไป จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อ ประท้วง ความอยุติธรรม ที่นั่นบ้างล่ะ ? 2. และ อิที่มีคนมาชาบู ๆ ชื่นชม กับการ เผาตัวเองจนตาย 5 ของ พระติก โดย บอกว่า ท่านกล้าหาญ ทำไปเพื่อ รักษาธรรม เนี่ย ตอบ อิฉัน ให้ชื่นสะดือ หน่อยเด๊ะ ว่า ไอ้เจ้าตัวธรรม ที่พวกคุณทำเป็น โลกสวย แค่นจะปกป้องรักษากันเนี่ย หน้าตามันเป็นไง หรือ มัน ก็อิแค่ แพ และ ค้ำถ่อ เอ๊ย แค่ พระรัตตรัย ที่พวกคุณแบกไว้บนหัว เท่านั้น ? ถ้างั้น มันก็แค่ การพยาม ปกป้องบางสิ่งเอาไว้ เพื่อ สนองตัณหา และ อัตตา ตัวเอง เท่านั้นแหล่ะ เพียงแต่ พวกคุณ ยอมรับความจริงไม่ได้ เรยพยามทำให้มันดูสูงส่ง จนแตะต้องไม่ได้ ? 3.เหตุไฉน พระติก ต้อง ถ่อสังขาร กระเสื่อกกระสนดั้นด้น ไปเผาตัวตาย แบบเอิกเกริก ถึงกลางที่ ชุมชน อย่างนั้นด้วย ถ้าเผาตัวตายเงียบ ๆ คากุฏิ มันจะไม่เร้าใจ ไม่มีใคร เห็น ความสำคัญ ใช่ไหม ? แหม๊ ? นี่ ถ้า ให้ ทั่นด็อกเตอร์ ฮันนิบาล เลคเตอร์ มาวิเคราะห์ สภาวะจิต พระติก ในขณะนั้น คง มันส์ พิลึก เอิ๊กส์ ๆ 4.แล้วถ้าสมมุติว่า พระติกทรงฌาน จน กลายเป็นพรหมลูกฟักขณะ ที่ ถูกเผา ได้จริง ๆ  แล้วมันน่าทึ่ง ตรงไหน อ่ะ  ก๊ะการสามารถ นั่งตาย5 คากองไฟ ได้ โดยไม่ ดิ้นกระแด่ว ๆ ของพระติก ? มันก็อีแค่ การแยกเวทนาทางกาย ออกจากเวทนา ทางใจ แค่นั้น คนที่เขาเป็นนักปฏิบัติ ตัวพ่อตัวแม่ อ่ะนะ เขาไม่มอง การกระทำเช่นนี้ ว่ามันน่าเลื่อมใส ศรัทธาหรอกนะ จะมีก็แต่ อิพวก ไก่อ่อนสอนขัน เท่านั้นแหล่ะ ที่ มันอาจจะตื่นเต้น กับ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ เหมือน เจ๊กตื่นไฟ ไอ้พวกนักปฏิบัติตัวพ่อตัวแม่ อ่ะนะ มันมักจะเลื่อมใส ผู้ที่ สามารถ ละ ลด เลิก สภาวะ รัก  โลภ  โกรธ  หลง เมื่อ มี ผัสสะ มากระทบ ได้ ตะหาก ยิ่งถ้าใคร ถูก ผัสสะภายนอกมากระทบ แล้วไม่มี จิตส่งออก สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้า ต่าง ๆ ตามแนวทาง ของ สัมมัปปทาน 4 ได้มากเท่าไร เก๊าะ ยิ่ง แจ่ม  ยิ่ง เจ๋ง แต่ ไอ้ประเภท เจอ ผัสสะมากระทบ แล้ว ทนไม่ได้ ต้องโผล่หัวออกจากรูจอมปลวก ขี่รถเก๋ง ปุเลง ๆ ไปสร้างปาหี่เผาตัวตาย เพื่อ  เรียกร้องความสนใจ เอ๊ย เพื่อปกป้อง พระธรรม ให้ชาวบ้านมันเกิดอาการ ดราม่า ไปด้วยเนี่ย ดู ๆ แล้ว ก็ไม่ต้องอะไร กับ ตอนที่ นายธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ มันเผาตัวตายเพื่อเรียกร้อง ประชาธิปไตย หรอกนะ เพียงแต่ว่า อิตาธนาวุฒิ มันอาภัพ ไม่เชี่ยวเรื่องการแยกเวทนาทางกาย ออกจาก เวทนาทางใจ ไง พอ เผาตัวเอง แล้ว ชักดิ้นชักงอ เก๊าะ เลยดูไม่น่า เลื่อมใส เท่า พระติก ปอลิง ขอ อนุญาต เอา ลิ้งนี้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12835842/Y12835842.html#7 มาฝาก คห. 15 เพื่อจะบอกมันว่า อิฉัน แจกกิ๊บ ให้มัน ใน กาทู้นั้น เพราะ ซาบซึ้งมากมาย ที่ตรูหายหัวไปตั้งนาน มันยัง ระลึกถึง ป๊ะป๋าหมาน ทุกลมหายใจเข้าออกกก หุหุ   อ้อ แล้วเห็น พูดเรื่อง ฌาน แล้ว หลายคนทำท่าจะหลงไหลได้ปลื้ม กับ เจ้าสิ่งนี้กันนักกันหนา เลยเอาลิ้งค์ นี้ มา ฝากคร้าาา http://board.palungjit.com/f181/ฌาณ-ไม่เอา-นู๋จะเอา-ชาน-อ้อย-อิอิ-225986.html   ธรรมะ ต้องปฏิบัติ ไม่ใช่ แค่คิดเองเออเอง ตามตรรกะ และ เห็นว่า ใครพูดจา ถูกหู ถูกจริต นั้นคือ ถูกต้อง เพราะ มันสอดคล้องกับอคติของตน ที่สำคัญ อย่าสะแหล๋นแจ๋นไปทึกทัก เหมาเอาเองว่า คนอื่นที่เขาคิดไม่เหมือนตนนั้น มันเป็นเพราะ เขาไม่ใช่ คนที่เป็นนักปฏิบัติ จำไว้นะจ๊ะไอ้นู๋ อิอิ ด้วยฟามปาดถะหนาดี จาก .... แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 23:20:19 จากคุณ : ยื้มล็อกอินหม่ามี๊มาใช้เจ้าค่ะ (หม่ามี๊แก้ว) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 23:14:51

ความคิดเห็นที่ 24 บอกตามตรง ที่ผมเปรยๆนะ ไม่มีเรื่องอื่นเลย เพียงเพราะเพลย์เซฟใว้หน่อยก็ดี แค่นั้นจริงๆครับ ทีนี้ตอบคำถามครับ ------- จะเป็น อริยะ แล้วยังไง  หรือ ? *หากท่านเป็นพระอริยะ กรรมปรามาสพระอริยะเจ้านั้นให้วิบากไม่เบานะครับ หรือแม้แต่ท่านเป็นผู้ทรงฌาน (ซึ่งมีแนวโน้มสูงมาก) ก็ยังหนักอยู่ดี *ส่วนตัวผมยังไม่ใช่ และกำลังฝึก (แต่ไม่ใช่วิธีเผาตัวตายนะครับ คุณสบายใจได้) :) จะเจริญฌาน 4 .....อริยะผู้ที่เข้าถึงธรรม ที่แท้จริง นั้น ย่อมมี พฤติ ที่ หมดจดงดงาม ไม่ขัดแย้งสวนทาง จนทำให้เกิดข้อสงสัยตะขิดตะขวงใจ ปรากฏแก่สายตาของผู้ที่อยู่ใน โลกแห่ง โลกียะ และ โลกุตระ *ท่านจะเป็นพระอริยะหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ครับ แต่ทำได้แบบนั้นย่อมมีกำลังใจสูงมาก *จุดมุ่งหมายแต่ละท่านไม่เหมือนกัน จะไปทำให้คนทั้งโลกเข้าใจทั่วถึงก็ย่อมเหลือวิสัยครับ  ไม่ต้องถึงสละชีวิตหรอก เอาแค่เรื่องสละลูกเมีย ก็อธิบายยากแล้ว 1. ไม่มีคำตอบครับ 2. ทราบแค่ว่าท่านตายเพื่อจุดประสงค์ของท่าน ส่วนพระรัตนตรัย ยิ่งแบกยิ่งเบาเพราะความทุกข์ยิ่งลด ปีที่แล้วผมเน้นแบกพระธรรมข้อสติปัฏฐานสี่เป็นหลัก (ไม่ได้เน้นฌาน) แบกไม่ค่อยครบหรอกครับ แต่ความทุกข์ลดลงเยอะ :) ถือว่ามาถูกทาง ก็ตั้งใจอยู่ว่าจะแบกให้ครบรวมถึงข้อธรรมที่คุณเสนอมาด้วยนะครับ 3. ไม่มีคำตอบครับ 4. ผมยังไม่ใช่พระอริยะ แต่เรื่องอิทธิ์ปาฏิหารย์มันจบไปจากชีวิตผมตั้งแต่อายุ 13 ขวบแล้วครับ ถ้ามีอะไรที่เรียกกันว่าปาฏิหารย์ก็เป็นแค่เรื่องของเหตุปัจจัย ส่วนเรื่องผัสสะมากระทบนั้น คนทำฌานข่มเอาใว้ได้ คนทำวิปัสสนาก็กำหนดรู้แล้วละไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนิ่งเฉยเสมอไปนี่ครับ ถ้ามีเรื่องที่เห็นควรทำก็คิดต่อได้ :) คนเข้าห้องศาสนาจะให้คิดอย่างไรหละครับ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 02:56:46 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 02:35:39

ความคิดเห็นที่ 25 แต้งกิ๋วเจ้าค่ะ ที่เข้ามาเตือน เรื่อง เพลย์เซฟ มิเสียแรง ที่อิฉันยกให้คุณ เป็น ไอดอลที่อิฉันเอ็นดู แม้ว่า ลีลาคุณการตอบกระทู้ของคุณ จะ ไม่เร้าใจ เท่า ลีลาของป๋ารถสังข์ สมัยที่ยังคึก(คะนอง) อยู่ก็ตาม หุหุ และก็ ขอบใจที่มีจิตคิดเป็นห่วง กลัวว่า อิฉันจะเจอกรรมหนัก โทษฐาน ปรามาสอริยะ แต่ผู้ที่เกิดมาวาสนาดีมีปัญญา ประมาณว่า จิตสูง บุญมาก ญาณแกร่ง ภูมิกึ๋นแยะ และ มีภูมิศีลที่สูงจนสุดสอยอย่างอิฉัน นั้น มันมั่นใจอ่ะ ว่า ตนนั้น เอาตัวรอดจากภัยของสังสารวัฏ ได้ แม้จะไม่ถึงขั้น นิพานัง ปรมัง สุขขัง ก็ตาม แต่ ถึงไงซะ การล้มบนฟูก ก็เป็น สิ่งที่ จอมวางแผนอย่างตะละแม่เทียวเสี้ยมถนัดนัก ล่ะ สุนทรภู่ สอนอิฉันไว้เสมอว่า รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดชะนี อ่ะ พระภาสกร ภาวิไล เองก็เคยกล่าวเอาไว้ ในหนังสือ รู้ทันกรรม รู้ทันโลก ว่า กระทบคน กระทบโลก กระทบเรา นี่นะ แถม หลวงปู่ชา ก็ยังเคยสอนลูกศิษย์ลูกหาเอาไว้ ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือ BlueDelphi ยังมี Blue Lotus เอ๊ย ไม่ใช่ อิฉันหมายถึง...  เหนือฟ้ายังมีฟ้า.... เหนือกฏแห่งกรรม ยังมี วิปัสนากรรมฐาน น่ะ อิิอิ ดังนั้น คุณไม่ต้องมาเป็นห่วงเป็นใย อิฉันนักก็ได้จร้าาาา ไอ้เรื่อง กรรมหนักเกี่ยวกับการปรามาส อริยะ น่ะ อิอิ นี่ ๆ จะบอกหั้ยนะ ถ้าเรื่องอิทธิ์ปาฏิหารย์ มันจบไปจากชีวิตของ BlueDelphi ตั้งแต่อายุ 13 ขวบ Blue Lotus มันก็นั่งอ่านหนังสือโป๊ พร้อม ๆ ก๊ะ เริ่มหัดท่อง อิติปิโส ไปด้วยตั้งแต่อยู่ ป.2 อ่ะ ครั้น อยู่ ป. 3 - ป.4 มันก็เลิกห้อยหลวงปู่แหวนไว้ที่คอ แล้วก้อ โยนแพและค้ำถ่อ...หรือที่เหล่าพุทธมามกะ ชอบเรียกให้ดูขลัง ว่า พระรัตนตรัย ทิ้งลงคลองไปแล้วจร้าาา แล้ว ไอ้เรื่อง ฌาน ถึงจะ ไม่รู้จัก สมถะกรรมฐาน อิฉันก็ทำเป็น ตะแต่ปีมะโว้แร้วอ่ะ ส่วน สติปัฏฐานสี่ นี่ก็ทำมา สาม - สี่ปีแล้วด้วย แต่มันก็แค่ ทำเล่น ๆ เป็นงานอดิเรก อ่ะคร้าาาา บ่ ได้ คิดจะแอ๊บ ดราม่า แบกเอาไว้บนหัว เหมือนคนบางคนนิ อิอิ เฮ้ออ ดังตฤณ เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อแรกเริ่ม พุทธ นั้น สอนให้ รู้จัก เข้ามาเอา ไม่ใช่ เอาไปทิ้ง แต่เมื่อ ถึง เบื้องปลาย พุทธจะสอนให้ รู้จัก เอาไปทิ้ง ไม่ใช่ เข้ามาเอา นะ บางที สักวันหนึ่ง ถ้า คุณเก็ทสะเทือน กับสิ่งที่ อิฉันพยายามจะ ชี้โพรงให้กระรอก บอกใบ้ให้อยู่ คุณก็จะรู้ว่า ไม่มี นักปฏิบัติคนไหน แบกแพ และ ค้ำถ่อ ไปนิพพาน ได้หรอกนะ และ ถ้าคุณเจริญ จิตตา และ ธรรมนุสสนา จนเชี่ยวเมื่อไร บางที คุณอาจจะ เข้าถึง คำว่า อนิจจังลงใจ และ ได้ สัมผัส กับคำว่า ตถตา ตอนนั่งขรี้ เหมือน อิฉันก็ได้ เมื่อไร ที่คุณเกิด ซาโตริ คุณก็จะรู้เองว่า .... ทำไม เหล่าอาจารย์เซน ทั้งหลาย ถึง ดูใจดำ และ ไร้น้ำใจ คุณก็จะรู้เองว่า ... การเคารพ ใน วิถีแห่งธรรมชาติ ก็คือ การเคารพในกฏแห่งกรรม ซึ่ง ก็คือ การ พยายาม ตัดกรรม ไม่ใช่การพยายามไป สแกนกรรม แล้ว เจ้ากี้เจ้าการ จะต่อกรรม ทำนู้นทำนี่  หมายจะเปลี่ยนแปลง ผลของวิบาก เพื่อ ตัวกรู และ พวกพ้องของกรู ถ้าคุณ ต้องการจะเจริญ สติปัฏฐานสี่ ให้ถูกวิธี คุณจำเป็นต้อง รู้จัก ที่มาที่ไป อันเป็น เหตุปัจจัยของ อคติ สี่ และ เรียนรู้ที่จะ ปฏิบัติตาม หลัก สัมมัปปทาน ด้วย เพราะมันจะช่วยให้ คุณ มองเห็น รากเหง้า ของความระย้ำ เอ๊ย การกระทำของตน ได้ดีขึ้น ( เฮ้อออออ ทำไม ตรูต้องมาแพล่ม สอนไอ้เข้ ว่ายน้ำ ด้วยฟระ เอิ๊ก ๆ ) อืม... ไม่รู้ดิ อิฉันอ่านตัวหนังสือ ใน คห. ล่าสุด ของคุณ ในนี้แล้ว บังเอิญ รุ้สึก ตะหงิด ๆ ว่า คุณ เข้าใจ เรื่อง อิทัปปัจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท แบบ งู ๆ ปลา ๆ อ่ะ เรย รู้สึกหวาดกลัว กรรมหนัก ที่ เรียกว่า การปรามาสอริยะ นัก เหอะ ไว้ครึ้ม ๆ จะ ตั้ง กาทู้ ถ้าคุณจำเป็นต้องเลือก คุณจะเลือก ตีกบาลใคร ดีเอ่ย ? ระหว่าง ตีกบาลทั่นเถรเทวัต ก๊ะ สมณะโคดม ? แล้วก็ กาทู้ การบริจาคลูกเป็นทาน ของ พระเวสสันดร นั้น มัน บ่ใช่ สัมมาฯ สไตล์ ในสายตาของ Blue Lotus มาหั้ยอ่านนะเจ้าค่ะ เผื่อจะเก็ทสะเทือน อะไรขึ้นมามั่ง แต่ว่า ตอนนี้ ขอติดไว้ก่อนอ่า อิอิ เฮ้อออ คนเข้าห้องศาสนาจะให้คิดอย่างไร นั้น อิฉันก็ไม่รู้ หรอกนะ เพราะว่า ยังไม่มีเจโตฯ ยาน ๆ แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือ ช่วงนี้มีชนักติดหลัง แผลยังไหม่อยู๊ ขืนตั้งกาทู้ แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ มีหวังโดนอิพวกแก้งค์หกเขย มันยำแหง๋ ๆ ( ขี้เกียจถูกเจี๋ยนอมยิ้ม อีกอ่ะ หุหุ ) ปอลิง ขอบคุณ อีกครั้ง ที่ ให้เกียรติ เข้ามาเสวนาธรรมด้วย แหม๊ ? ตั้งแต่โดน อิพวกพุทธมามกะจ๋า มัน รณรงค์ ให้ ลงพรหมทัณฑ์ กรวดน้ำคว่ำขัน นี่ ก็ ไม่ได้คาดหวังว่า จะมี สาวกสมณะโคดม คนไหน เสนอหน้าเข้ามาถกธรรม ด้วยหรอกนะ นี่ยังกะว่า ถ้าโดนอิพวกพุทธมามกะจ๋า มันบอยคอต ก็จะหันไปตั้ง กาทู้ อิฉันเริ่มมองเห็น ความงดงามตามหลักอิสลาม เมื่อ เปลี่ยนใจ หันมา ปฏิบัติธรรม ไว้คุยกระหนุงกระหนิง ก๊ะ บรรดาหนุ่ม ๆ มุสลิมะฮฺ อยู่เล๊ยยย อิอิ แต่ พอคุณแหยมเข้ามาฉอด ๆ ด้วยนี่ ก็หายเฉาปากพิลึก เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ อิฉันรู้ว่า สาวกสมณะโคดม นี่ ก็ยังคง ปากดี ไม่มีเปลี่ยน เอิ๊กส์ ๆ  แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 55 02:22:54 จากคุณ : ยื้มล็อกอินหม่ามี๊มาใช้เจ้าค่ะ (หม่ามี๊แก้ว) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 02:15:53

ความคิดเห็นที่ 26 อืม...ตะกี้ ไป อ่านเจอ ตัวหนังสือ ที่เคยโพสเกี่ยวกับเรื่อง ทำนองนี้ เก๊าะเรย เอามาฝาก เป็น ทาน คร้าาา อิอิ http://board.palungjit.com/f4/ว่าด้วยพระโคธิกะทำอัตตวินิบาตปรินิพพาน-359158.html#post6705908 จากคุณ : ยื้มล็อกอินหม่ามี๊มาใช้เจ้าค่ะ (หม่ามี๊แก้ว) เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 19:36:18