ความคิดเห็นที่ 1 2. เตรียมตัวให้พร้อม บริษัท   ดูจากใบสมัครแล้ว ไม่มีใบขับขี่ แล้วขับรถได้มั้ยคะ น้อง      ไม่ได้ครับ บริษัท   ลักษณะงานอาจจะต้องมีการขับรถบ้าง อันนี้จะทำยังไงดีคะ ถ้าขับรถไม่เป็น น้อง      ก็ถ้าได้งานก็จะไปหัดขับรถครับ โอเคค่ะ เข้าใจว่าถ้าได้งานจะไปหัดขับ แต่ แต่ การหัดขับรถมันไม่ได้ยากเลย จริง ๆ แล้ว ควรจะพยายามหัดตั้งแต่ก่อนมาสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ หรือผมจะไปหัดพรุ่งนี้เลยครับ ถึงจะได้งานหรือไม่ได้ ก็ควรจะหัดไว้ก่อน ไม่ใช่รอให้บริษัทป้อนงานให้แล้วถึงจะไปหัด อันนี้แสดงถึงความเตรียมพร้อมค่ะ เรื่องนี้นี่รวมถึงภาษาอังกฤษด้วยนะคะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:04:06

ความคิดเห็นที่ 2 3. โกหก บริษัท   ดูจากเกรดเฉลี่ยของน้องแล้ว ไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้นคะ น้อง      คือ ช่วงปีแรกเข้ามาแล้วยังปรับตัวไม่ค่อยได้เกรดเลยไม่ค่อยดีค่ะ บริษัท   แต่ปีหลัง ๆ ก็พอจะปรับตัวได้แล้ว ทำไมเกรดยังไม่ดีขึ้นเลย น้อง      คือ ทำกิจกรรมรับน้องน่ะค่ะ บริษัท   กิจกรรมรับน้อง มันจะเป็นช่วงสั้น ๆ ช่วงแรกเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ เท่าที่ดู วิชา ก นี่น้องลงแล้วถอนสี่ครั้งเลยนะ จริง ๆ เพราะอะไรคะ น้อง     เอ่อ ก็ตอนแรกมันยากอ่ะค่ะ เพื่อนก็ตกกันเกือบทั้งหมด แล้วก็ทำกิจกรรม แล้วก็..... บริษัท........... น้อง   คือจริง ๆ แล้ว ไม่ชอบคณะนี้ แต่เอ็นติดมาก็เลยเรียนน่ะค่ะ บริษัท.................... อันนี้สองเด้งเลยค่ะ โกหกเรื่องเรียน แล้วยังจะมาสมัครในสาขาที่ตัวเองไม่ถนัดต่ออีก คงจะรู้ว่า ถ้าบริษัทรู้ว่าเราไม่ชอบจะไม่รับ จริง ๆ ถ้าอย่างนั้น ไม่คิดว่า ชีวิตทำงาน  8-10 ชม ทุกวันต้องอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบไปทำไม เสียเวลานะคะ  แล้วก็ถ้าคิดจะโกหก ก็เอาให้เนียน มั่นใจว่าจับไม่ได้แน่นอน ไม่งั้น ตกสัมภาษณ์แน่ ๆ คือ บริษํทให้ความสำคัญในเรื่องของความจริงใจมาก ๆ นะคะ ปล อย่าลืมว่าคนสัมภาษณ์ เค้าสัมภาษณ์คนเป็นอาชีพ เป็นพัน ๆ คน ถ้าคิดจะโกหก ก็ต้องเทพนิดนึงนะคะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:06:43

ความคิดเห็นที่ 3 4. มั่ว บริษัท   น้องจบมาไม่ตรงสาย คิดว่าจะทำตำแหน่งนี้ได้มั้ย น้อง      ได้ครับ บริษัท  อะไรทำให้น้องคิดว่าน้องทำได้ น้องคิดว่าจะทำอะไรบ้าง น้อง     ก็แล้วตำแหน่งนี้มันต้องทำอะไรบ้างครับ บริษัท................ อันนี้พาลให้บริษํทไม่มั่นใจว่า อันอื่นที่ตอบ ๆ มานี่ น้องรู้จริง แม่นจริงรึเปล่า ตอบได้เลย โดยที่ยังไม่รู้ว่าทำอะไร จริง ๆ ตรงนี้ หากไม่ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง ควรจะถามไปตั้งแต่ตอนบริษัทถามว่าทำได้มั้ย ว่า ช่วยบอกรายละเอียดของงานหน่อยได้มั้ยครับ จะแสดงถึงความใส่ใจ และสร้างความมั่นใจให้กับบริษัทมากกว่าค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:08:32

ความคิดเห็นที่ 4 5. ไม่มั่นใจในตัวเอง บริษัท   คิดว่าทำไมบริษัทถึงควรเลือกน้องมากกว่าคนอื่น ๆ     น้อง      คือ ผมก็ไม่มั่นใจหรอกครับ เพราะมหาวิทยาลัยผมก็ไม่ดัง เกรดเฉลี่ยก็ไม่สูง ภาษาอังกฤษผมก็ไม่ดี แต่ผมก็ตั้งใจ จะพยายามครับ       อันนี้จะว่าตอบดี หรือไม่ดีดี  ถ้าให้คะแนน เอาไป 5 เต็ม 10 สำหรับบางตำแหน่ง เค้าอาจจะตัดคุณไปเลยด้วยซ้ำ แม้จะมีความตั้งใจ แต่คุณไม่มั่นใจ ดูดี ๆ นี่คือคำถามให้คุณขายตัวเอง แต่คุณบอกคนอื่นว่า สินค้านี้ ใช้วัตถุดิบไม่ค่อยดี ความสามารถเฉพาะตัวไม่เยอะ แต่มันอึดและทนนะ คนซื้อเอาอาจจะคิดว่า เอาอึดและทนไป แต่ใช้งานไม่ค่อยได้ไปทำไม คุณอาจจะเหมาะแค่ในบางตำแหน่งเท่านั้น แต่จะตกในตำแหน่งที่ต้องการบุคลิกภาพทันทีค่ะ เกริ่น ๆ ข้อเสียน่ะ ไม่ต้องบอกค่ะ ทริกนิดนึงค่ะ การที่บริษัทเค้าเรียกคุณสัมภาษณ์ แสดงว่าเค้ารับโพรไฟล์คุณได้แ้ล้ว ขอให้มั่นใจตรงนี้ แต่ที่เค้าเรียกมา เพราะเค้าไม่มั่นใจในบุคลิก ตัวตนที่แท้จริง ความมุ่งมั่น และอื่น ๆ ว่าตรงกับที่บริษัทต้องการหรือไม่ ก็ขอเรียกคุยเพื่อยืนยันตรงนั้น ดังนั้น ถ้าคุณไม่มั่นใจในตัวเองอีก คุณจะไปทำให้บริษัทมั่นใจในตัวคุณและเลือกคุณได้อย่างไรคะ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 12:16:39 จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:15:20

ความคิดเห็นที่ 5 6. ไม่มีจุดยืน ไม่มีแผนในชีวิต บริษัท   ตอนนี้บริษัทรับหลายตำแหน่ง A, B, C น้องสนใจตำแหน่งไหนคะ ลองไล่ลำดับให้หน่อยสิ น้อง     จริง ๆ สมัครมาตำแหน่ง A ค่ะ แต่พอมาเห็นรายละเอียดงาน ตำแหน่ง B ก็น่าสนใจ          ส่วนตำแหน่ง C ก็มีโอกาสไปต่างประเทศเยอะกว่าตำแหน่งอื่น  เอาเป็นว่าสนใจทั้ง 3 ตำแหน่ง แล้วแต่บริษัทละกันค่ะ บริษัท   แล้วน้องวางแผนอาชีพการงานน้องไว้อย่างไรบ้างคะ น้อง      จริง ๆ ก็โตไปในบริษัทเรื่อย ๆ น่ะค่ะ บริษัท   ไม่อยากมีธุรกิจส่วนตัวเหรอค่ะ น้อง      ก็ถ้ามีโอกาสก็อยากทำค่ะ บริษัท   แล้วตอนแรกบอกอยากโตไปในบริษัทเรื่อย ๆ น้อง     ก็คือ ถ้าโตไปเรื่อย ๆ แล้วถ้ามีโอกาสก็อยากทำธุรกิจด้วยน่ะค่ะ บริษัท   อยากทำธุรกิจอะไรเหรอคะ น้อง      ยังไม่รู้ค่ะ จริงใจดีค่ะ ไ่ม่เลือกมากด้วย แต่บริษัทงงค่ะ น้องตอบแบบอารมณ์ไหลตามน้ำ จนไม่รู้จุดยืนของตัวน้องเลยค่ะ คุยกันมายังจับอะไรไม่ได้     อยากทำอะไรก็ไม่รู้ อยากเป็นอะไรก็ไม่แน่ใจ บริษัทก็จะงง ให้คะแนนไม่ถูกค่ะ คนที่ชัดเจนกว่าจะได้คะแนนดีกว่า และได้งานไปค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:19:16

ความคิดเห็นที่ 6 7. เลือกมาก (เรื่องมาก) บริษัท   ตอนนี้บริษัทรับหลายตำแหน่ง A, B, C น้องสนใจตำแหน่งไหนคะ ลองไล่ลำดับให้หน่อยสิ น้อง      คือ ผมจบมาทาง Z  อยากทำในตำแหน่งที่เกี่ยวกับ Z ได้มั้ยครับ บริษัท   เอ ตอนที่โทรไปเรียกสัมภาษณ์แจ้งแล้วนี่คะว่าตำแหน่ง A, B หรือ C ตอนนี้ตำแหน่ง Z ไม่มีค่ะ น้อง      ครับ ถ้างั้นผมเข้าไปทำตำแหน่ง A แล้วพอตำแหน่ง Z ว่างผมขอย้ายไปได้มั้ยครับ บริษัท   ถ้าอย่างนั้นงานที่น้องเรียนที่ตำแหน่ง A พี่ในแผนกเค้าก็ต้องสอนเด็กใหม่ซ้ำอีกสิ น้อง      ครับ งั้นผมรอตำแหน่ง Z ว่างก็ได้ครับ คือ ผมไม่ชอบงานเอกสาร งานรูทีนน่ะครับ บริษัท  ถ้าน้องเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ ต่อให้ตำแหน่ง Z น้องก็ต้องทำงานเอกสารค่ะ น้อง     เหรอครับ แล้วผมต้องทำงานเอกสารนานแค่ไหนครับ คือ ผมถนัดงานวางแผนมากกว่าน่ะครับ บริษัท  ก็จนกว่าหัวหน้างานจะเห็นว่าน้องเชี่ยวชาญพอที่จะทำงานวางแผนได้น่ะค่ะ น้อง    จะใช้เวลาถึงปีมั้ยครับ บริษัท  ขึ้นอยู่กับงานของน้อง และความสามารถของน้องด้วยค่ะ อาจจะ 2-3 ปีก็ได้ น้อง     ถ้ายังงั้น ถ้าผมทำแล้วไม่ใช่ ผมขอย้ายแผนกได้มั้ยครับ บริษัท  -*- ยังไม่ได้รับเลยค่าา เงื่อนไขเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ขนาดนี้ นึกภาพตอนเข้ามาแล้วจะเยอะขนาดไหน ไม่ไหวค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:20:42

ความคิดเห็นที่ 7 รออ่านนะคะ ^^ จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:28:53

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านอยู่ค่า ^^ จากคุณ : ^Bloody_Brownie^ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:30:52

ความคิดเห็นที่ 9 8. เก็บมาเป็นอารมณ์ / แสดงความไม่พอใจ อันนี้คงไม่ต้องใส่ตัวอย่าง เพราะมีเยอะมากมาย ทุกคนคงนึกภาพออก และคงเคยผ่านอารมณ์นั้นมา จขกทเองก็เคยเป็นตอนที่เป็นคนถูกสัมภาษณ์ แต่พอเป็นคนสัมภาษณ์เองถึงได้เข้าใจค่ะ บางคนอาจจะคิดว่า บริษัทดูถูก หาเรื่อง ไม่มีมารยาท ฯลฯ ก็ว่ากันไป ก็มีทั้งที่บริษัทเป็นอย่างนั้นจริง ๆ และมีทั้งเป็นการทดสอบค่ะ อยากให้คิดว่าการสัมภาษณ์งานคือการขายของค่ะ เราเป็นเซล กำลังพรีเซ็นต์สินค้า คือตัวเอง และผู้สัมภาษณ์คือลูกค้าค่ะ เคยได้ยินคำว่าลูกค้าคือ พระเจ้าใช่มั้ยคะ นั่นแหละค่ะ ทำยังไงก็ได้ให้เค้าซื้อสินค้าเรา อย่าเอาคำพูดหรือท่าทางใด  ๆ ของลูกค้ามาเป็นอารมณ์ ไม่งั้นคุณก็ขายไม่ได้ค่ะ แล้วก็จะมาบ่นว่าลูกค้าไม่ดีนั้น นู้น นี้ จริง ๆ แล้ว บริษัทไม่เสียอะไรเลย คุณต่างหากที่ไม่ได้งานค่ะ นึกภาพว่า ถ้ามีคนมาขายของให้คุณ ของที่คุณถ้าซื้อมาแล้ว ไม่พอใจก็โยนทิ้งไม่ได้ ถ้าสินค้าทำงานได้ไม่ดี ก็ต้องทำใจ ถ้าสินค้ารวนทำให้ระบบไฟในบ้านเสีย คุณก็ต้องเสียตังค์ซ่อมเองทั้งบ้านด้วย เป็นเช่นนี้แล้ว คุณจะทดสอบอะไรบ้างคะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:43:17

ความคิดเห็นที่ 10 ประมาณนี้ก่อน ขอไปทำงานก่อนนะคะ ไว้เดี๋ยวว่าง ๆ จะมาต่อค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 12:46:53

ความคิดเห็นที่ 11 หุหุ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ภูเขา ทะเล ท้องฟ้า เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:13:26

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบครับ เป็นอีกแนวทางนึง ให้เด็กจบใหม่หรือพนักงานที่คิดจะสมัครงานได้คิดบ้าง เห็นด้วยในส่วนใหญ่ครับ ขอต่อด่วนเลยครับ ชอบกระทู้แนวนี้ จากคุณ : CoollyCat เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:19:19

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณหลายๆคับ จากคุณ : manful เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 13:21:02

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : GolffieZaa เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:21:01

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ มารอต่อนะครับ ^^ จากคุณ : ปีศาจตาเดียว เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:44:00

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบมากค่ะ กำลังจะเรียนจบพอดี ^ ^ แต่อยากทราบเพิ่มเติมของข้อ 8 น่ะค่ะ ลองยกตัวอย่างคำถามที่บริษัทถามให้ดูหน่อยได้ไหมคะ เคยได้ยินบางคนบอกพูดเรื่องพ่อแม่ ก็......ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ -*- จากคุณ : Fernnise (Fernnise) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:32:31

ความคิดเห็นที่ 17 อยากรู้คำตอบ ข้อดี ข้อเสียค่ะ ตอบแบบไหนที่โดนใจค่ะ จากคุณ : นิทานกริมม์ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 16:47:08

ความคิดเห็นที่ 18 เยี่ยมมาก จากคุณ : แสงส่องถึง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 17:18:08

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากคะ จากคุณ : Rice Pudding เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 17:49:51

ความคิดเห็นที่ 20 เพิ่งไปสัมภาษณ์งานมาวันนี้เองค่ะ เป็นประโยชน์จริงๆค่ะขอบคุณมาก จากคุณ : ข้าวมันไก่พิเศษสอง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 18:06:44

ความคิดเห็นที่ 21 น่าจะมี ประโยคหรือคําพูดที่ควรตอบ เสริมด้วยก็ดีนะครับ แจ่มเลย ผมเกิดมาก็ยังไม่เคยโดนสัมภาษณ์งานเหมือนกัน จะได้เก็บเอาใว้เป็นความรู้ในวันข้างหน้า จากคุณ : โรคจิตคอยแอบมองให้เธอมีรอยยิ้ม เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 18:51:58

ความคิดเห็นที่ 22 มีประโยชน์มาก จากที่ทำงานมา 5 ปีกว่าเป็นหัวหน้างาน สัมภาษณ์ลูกน้องเกือบ 100 คน ก็เจอแบบแปลกๆ เหมือนที่คุณเขียนไว้แหละ ก็เลือกคนที่เหมาะสมมาเป็นพนักงาน บ. ไม่ใช่องค์กรไม่หวังผลกำไร ดังนั้นก็ต้องสกรีนคนหน่อย จากคุณ : Christian Chang เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 19:36:01

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากค่ะ เป็นประโยชน์มากจริงๆ ช่วงนี้หนูก็กำลังหาที่ฝึกงานอยู่ค่ะ มีโดนเรียกไปสัมภาษณ์แล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่ทราบผล กดโหวตดีกว่ากระทู้นี้ ^___^ หนูจะรอพี่มาอัพเดตต่อนะคะ จากคุณ : รัตติกาตาหวาน เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 20:13:13

ความคิดเห็นที่ 24 เคยตอบมา แล้วได้งาน ตามนี้อะครับ อาจจะดีหรือไม่ดี ลองดูเป็นแนวทางครับ บริษัท   คิดว่าจะทำตำแหน่งนี้ได้มั้ย ผม        อันนั้นก็คงแล้วแต่พวกพี่แล้วล่ะครับ เพราะผมก็ไม่เคยทำตำแหน่งนี้ในบริษัทนี้ อีกทั้งในส่วนนึงที่เรียกผมมาสัมภาษณ์ก็แสดงว่ามองเห็นอะไรบางอย่างในโปรไฟล์ผม ส่วนที่เหลือก็คือการพูดคุยทำความเข้าใจกันในวันนี้ ถ้าพวกพี่เชื่อว่าผมทำได้ ผมก็มั่นใจด้วยเช่นกัน บริษัท   ตำแหน่งนี้รับ ป.ตรี แต่คุณจบ ป.โท มา เงินเดือนก็เรียกสูงกว่า ทำไมถึงควรเลือกคุณ ผม        ถึงผมจะจบโทมา ไม่เคยทำงานมาเลย แต่ผมคิดว่า อย่างน้อยมันก็เป็นการบีบขอบเขตงานของผมมาในส่วนนึง พี่จะเลือกเด็ก ป.ตรี มาก็ได้ จ้างมาถูกๆ เค้าคงไม่เรียกเงินสูงเท่าผม แต่พี่ก็ต้องมาเสี่ยง เพราะ ป.ตรีที่จบมานั้น scope งานกว้างมาก การที่เค้าเข้ามา ผมเชื่อว่าเค้าคงยังไม่ปักใจจะทำงานสายนี้จิง ถ้าเค้าเข้ามาแต่พบว่าไม่ใช่สำหรับตัวเค้า พี่ก้เสียเงินฟรี แต่ผมไม่ต้องค้นหาตัวเองอีกแล้ว ผมเสียเวลามา2ปีเพื่อเรียนในสิ่งที่ผมชอบจริงๆ ถ้าผมได้ทำงานที่นี่ผมก็อยู่ทำประโยชน์ให้บริษัทได้ยาว จากคุณ : TaKoYaKi BOY เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 20:23:59

ความคิดเห็นที่ 25 คห 24 การตอบของคุณ จากที่คุณเขียน เราคิดว่า ยังไม่ดีพอนะคะ โดยเฉพาะ การตอบคำถามที่สอง ตอบแบบกำปั้นทุบดินมาก เหมือนจะ "อยากให้มีเหตุผล"  แต่  แบบว่า ไม่คล้อยตามเลยค่ะ ปล คุณทำงานตำแหน่งอะไรเหรอคะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะ จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 21:01:18

ความคิดเห็นที่ 26 อยากให้ Give เจ้าของกระทู้ัจังเลยคะ เสียดายให้ไม่ได้ เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆเลยคะ ขอบคุณที่สละเวลามาเขียนให้นะคะ ขอบคุณมากคะ จากคุณ : Charming barbie เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 21:09:56

ความคิดเห็นที่ 27 คห.24 เอง วิดวะ ครับ อาจจะดูห้วนๆ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการเปิดใจ ระหว่างวิดวะด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มาสัมภาษณ์ผมก็เป็นผู้ชาย ผมก็จะคุยตรงๆ ผมก็คิดยังงั้นจริงๆ ไม่ได้เตรียมการอะไรไปเลย อาจจะไม่เหมาะกับตำแหน่งอื่น ยังไงก็ตามผมว่า การสัมภาษณ์ ไม่มีคำตอบผิดหรือถูก เป็นการมาจูนความเข้าใจระหว่าง เรากับบริษัทมากกว่า ถึงจะเตรียมคำตอบให้ดูดีแค่ไหน ได้เข้าทำงาน ตัวตนจริงเราเปิดเผย บริษัทก็คงมองว่า อ้าวหลอกตรูนี่ ดีสุด คือ พูดความจริงทั้งหมด แล้วบริษัทก็ยังรับได้ นั่นคือ ดีสุด เราเข้าไป เราก็อยุ่ได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวอะไรอีก แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 21:46:11 จากคุณ : TaKoYaKi BOY เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 21:42:02

ความคิดเห็นที่ 28 ของผมสัมภาษณ์เด็กจบใหม่ช่วงนี้ หาคนพูดภาษาอังกฤษพอใช้ได้ด้วยยากจัง ทั้งที่คิดว่าสมัยนี้ด็กน่าจะเก่งภาษมากกว่าสมัยก่อน เพราะมี Internet เผอิญตำแหน่งงานต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะอ่ะครับ เป็นวิศวะหรือวิทยา สำหรับน้องจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ คำถามส่วนมากจะเป็นไปทางกิจกรรม หรือวิทยานิพนธ์ที่ทำ เจาะลึกเชิงเทิคนิคเพื่อตรวจสอบ logic ครับ เช่น - Senior Project ทำอะไร, Out come คืออะไร ตอบโจทย์ Hypothesis ที่ตั้งไว้หรือไม่ - กิจกรรม ทำอะไร, เวลาทำกิจกรรม เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมกลุ่มหรือไม่ ถ้ามีแก้ยังไง - ยกตังอย่างปัญหาเรื่องงานที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วถามว่าจะแก้ยัง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องคน ลูกน้อง หัวหนางาน ลูกค้า ส่วนภาษาอังกฤษ นอกจากแนะนำตัว ก็ให้เล่าเรื่อง Senior Project ที่เพิ่งเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ แต่เป็นภาษาอังกฤษ หรือไม่ก็ให้เล่าหนังที่ดูเรื่องล่าสุดว่าเนื้อเรื่องคร่าวๆเป็นไง จากคุณ : Golf (keeratht) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:10:51

ความคิดเห็นที่ 29 โอเคค่ะ มาต่อ แต่ก่อนจะต่อ จขกทคิดว่า ควรให้แจ้งให้ทราบไว้เกี่ยวกับลักษณะของบริษัทที่ จขกท ทำงานนะคะ เพราะว่าแต่ละบริษัทมีโครงสร้างและความต้องการไม่เหมือนกัน การตอบคำถามบางอย่างอาจจะต้องการคำตอบที่ไม่เหมือนกันก็ได้ บริษัทที่ จขกท ทำเป็นบริษัทใหญ่ สัญชาติญี่ปุ่น โครงสร้างต่าง ๆ ค่อนข้างเป็นระบบ แต่ยังไง จขกท ก็พยายามเขียนให้เป็นกลางที่สุดนะคะ อะไรที่เฉพาะบริษัทเกินก็จะไม่เขียนลงไป ขอบคุณสำหรับเม้นท์ต่าง ๆ นะคะ มาดูอีกทีเป็นกระทู้แนะนำ ก็ดีใจที่สิ่งที่ตัวเองเขียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ค่ะ ในส่วนข้อแนะนำว่าตอบยังไงถึงจะดี เดี๋ยวจะกลับไปเพิ่มเติมในแต่ละข้อความนะคะ ออกตัวนิดนึงว่า ยังไง ควรแก้ไข เพิ่มเติมอะไร แนะนำได้เลยนะคะ ส่วนที่คุณ TaKoYaKi BOY พูดถึงก็ถูกค่ะ คือเป็นตัวของตัวเอง เดาว่า คุณ TaKoYaKi BOY คงจะโพรไฟล์สวยไม่เบา แต่สำหรับวัตถุประสงค์ของกระทู้นี้สำหรับบุคคลทั่ว ๆ ไป ทั้งที่โพรไฟล์สวย และถึงแม้จะโพรไฟล์ไม่สวย แต่ก็สามารถนำเสนอดูดี ได้ใจกรรมการขึ้นได้ โดยการรู้ว่าสิ่งที่บริษัทต้องการคืออะไร รู้เขา รู้เรา จะได้รบชนะ ในที่นี่ ไม่ใช่การโกหก แต่เป็นการรู้วิธีตอบ การพรีเซ้นต์ตัวเองให้น่าสนใจ เหมือนการแนะทริกให้เซลขายของนั่นแหละค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:25:22

ความคิดเห็นที่ 30 ดีจังที่มี Recruiter อื่น ๆ มาช่วยแนะนำ ขอบคุณคุณ Golf (keeratht) ด้วยนะคะ 9. เรื่องส่วนตัวก็ไม่ต้องบอกก็ได้ บริษัท   ช่วยบอกข้อดีข้อเสียของน้องหน่อยค่ะ น้อง      คือ ผมเป็นคนขี้เกรงใจน่ะครับ บริษัท   ยังไงค่ะ ลองยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงให้หน่อยสิคะ น้อง      คือ เวลาเพื่อนมายืมเงินผมก็ไม่กล้าปฏิเสธไป             แฟนเก่ามาขอคืนดี ผมก็ไม่อยากพูดทำให้เค้าเสียใจครับ ค่ะ อันนี้ไม่ผิดค่ะ ชัดเจนเห็นภาพ แต่บริษัทไม่รู้ว่าจะเอาข้อมูลนี้ไปทำอะไร เพราะไม่ใช่ตำแหน่งปล่อยกู้   น้องตอบได้ดีกว่านี้ค่ะ ถ้าเอาข้อดีข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับการทำงานนะคะ อย่างกรณีนี้ ถ้าน้องจะบอกว่าเป็นคนขี้เกรงใจ ลองนึกถึงตอนทำโปรเจคหรืองานกลุ่มก็ได้ค่ะ เช่น ตอนนั้นทำโปรเจคกัน เราแบ่งงานกันเรียบร้อยแล้ว พอถึงวันรวบรวม เพื่อนผมคนนึงโทรมาขอให้ผมช่วย จริง ๆ ส่วนของผมเองก็ยังไม่เสร็จ แต่ผมก็ไม่กล้าปฏิเสธ ช่วยเค้าทำส่วนนั้นไป แล้วคืนนั้นก็ไม่ได้นอน หลังจากนั้นผมก็พยายามปรับปรุงครับ เพราะผมคิดว่ามันเป็นข้อที่ไม่ดี ช่วงหลังนี้ผมก็กล้าปฏิเสธมากขึ้นครับ     ถึงตรงนี้ ผู้สัมภาษณ์อาจจะถามต่อว่า ปรับยังไง สำเร็จมั้ย มีปัญหาอะไรมั้ย ก็ว่ากันไป ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า คำตอบนี้ดึงความสนใจผู้สัมภาษณ์มาได้ และทำให้คุณดูเป็นคนที่คอยพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดด้วยค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:33:53

ความคิดเห็นที่ 31 10. เก่งเลือกได้ บริษัท   ดูโพรไฟล์แล้ว เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลย น้องไม่อยากเรียนต่อเหรอคะ น้อง      จริง ๆ ก็อยากหาประสบการณ์ทำงานก่อนน่ะค่ะ แล้วค่อยเรียนต่อ บริษัท   คิดว่าจะหาประสบการณ์ซักกี่ปีล่ะค่ะ น้อง     คงจะซักปี สองปีน่ะค่ะ บริษัท   อืมม แล้วสมัครทุนด้วยรึเปล่า น้อง      ค่ะ ก็มีสมัครทุน ก่อ พอ ไว้ค่ะ บริษัท   อ้าว ตอนแรกบอกเห็นอยากหาประสบการณ์ก่อน น้อง      คือ ถ้าได้ทุนก็คงไปค่ะ อันนี้แล้วแต่บริษัทนะคะ แต่ที่บริษัท จขกท ไม่เน้นมาเร็ว เคลมเร็ว ไปเร็วค่ะ ลักษณะการตอบอย่างนี้ บริษัทไม่รู้สึกถึงความตั้งใจจะอยากทำงานไปเติบโตกะบริษัทเลย เหมือนเป็นที่ลองสนามของเด็กจบใหม่       ไฟแรงมากกว่า กรณีนี้ ขอไม่แนะนำวิธีตอบ เพราะเป็นการโกหกแท้ ๆ กันแน่นอน   จขกท เข้าใจนะคะ ว่าในเมื่อยังไม่ได้ทุน ก็ไม่ควรนิ่งนอน รอไป ก็ควรจะออกหางาน แต่สำหรับบริษัท เลือกคนที่เก่งน้อยกว่านี้ แล้วทำงานไปนาน ๆ ดีกว่าค่ะ บางทีคนเก่ง ทางเลือกเยอะ ก็เลยเลือกไม่ถูก ทำให้ไม่ถูกเลือกเช่นกันค่ะ จขกท ไม่ห่วงเคสนี้เท่าไหร่ เพราะยังไงน้องก็มีทางไปอยู่แล้ว จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:39:37

ความคิดเห็นที่ 32 11. มาตักตวง บริษัท    น้องคาดหวังอะไรกับงานนี้บ้าง น้อง       คาดว่า จะได้เรียนรู้ พัฒนาความสามารถของตัวเองค่ะ เห็นว่าบริษัทมีส่งเรียนงานไปต่างประเทศด้วย     ก็จะได้ประสบการณ์ทำงานกับคนต่างชาติ ได้ฝึกภาษาด้วยค่ะ รวมทั้ง ที่บริษัทนี้ก็มีสวัสดิการเงินเดือนที่ดี   ก็จะได้ช่วยดูแลทางบ้านได้ด้วย ไม่ผิดอีกเช่นกัน แต่ไม่ประทับใจค่ะ อารมณ์น้องคาดหวังจริง ๆ ค่ะเป็นความคาดหวัง ที่ไม่มีส่วนให้เลยค่ะ รับอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ น้องไม่ได้คิดจะเอาแต่ได้อย่างนั้นหรอก แต่คำตอบมันเป็นอย่างนี้ บางที จขกท ก็จะช่วยด้วยการถามว่า แล้วคิดจะทำอะไรให้บริษัทบ้างมั้ยคะ เหมือนจะกวนประสาท แต่อันนี้ช่วยแล้วนะคะ ถ้าไม่เปิดให้ คณะกรรมการก็จะคิดไปอย่างที่เขียนข้างต้นแหละค่ะ ลองดูคำตอบอีกแบบนะคะ คาดหวังว่าจะได้นำความรู้ความสามารถที่เรียนมาใช้กับงานให้ดีขึ้น และเรียนรู้เพิ่มเติมจากประสบการณ์ที่ทำงานในบริษัท เห็นว่า บริษัทอาจจะมีส่งไปเรียนงานต่างประเทศ เป็นความคาดหวังที่อยากไปหาประสบการณ์ทำงานกับต่างประเทศด้วยค่ะ คงได้ความรู้หลากหลาย จะได้นำมาพัฒนาด้วยบริษัทค่ะ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:58:23

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Fernnise คุณ นิทานกริมม์ คุณโรคจิตคอยแอบมองให้เธอมีรอยยิ้ม รับทราบ พรุ่งนี้ค่ำ ๆ เพิ่มให้นะคะ คุณ Christian Chang และพี่ น้อง ๆ หลาย ๆ คน ขอบคุณและก็ดีใจค่ะ ถ้าสามารถใช้ประโยชน์ได้ วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน เริ่มนึกไม่ออก ใครมีประสบการณ์อยากแชร์หรือสงสัย อยากถามก็ถามได้นะคะ จขกท จะตอบเท่าที่ทราบให้ค่ะ ช่วงนี้ ฤดูสัมภาษณ์งานด้วยสิ จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 23:09:21

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างผม เรียนจบ วิศวะ ม.ราชมงคลขอนแก่น เกรด 2.18 เรียน5ปีจบ จะหางานได้ไหมนิ่ เฮ่อ จากคุณ : rabellu เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 23:35:47

ความคิดเห็นที่ 35 ขอ share บ้างนะครับ ผมว่าบางครั้งก็อยู่ที่คนสัมภาษณ์ด้วยครับว่าเค้าชอบคนแบบไหน เคยสัมภาษณ์งานบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง คนสัมภาษณ์ผมเป็น Manager กับ Director บริษัท: คิดไงกับการทำ OT ผม: การทำ OT คือความผิดพลาดของการวางแผนงานของหัวหน้างานครับ หัวหน้างานที่ดีควรลด cost  ให้บริษัทได้ ไม่ใช่เพิ่ม cost   บริษัท: ถ้าหัวหน้าวางแผนดีแล้วละ คุณยังต้องทำ OT ผม: ทำงานวันละ 8 ชั่วโมงถ้าไม่เสร็จแสดงว่า ผมเองก็ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกัน หรือระบบที่เป็นอยู่มันห่วยต้องหาทางลดเวลาทำงาน บริษัท: คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรให้บริษัทถ้าได้ร่วมงานกัน ผม: ผมจะวางระบบให้ดี จนตัวเองมาตอนเช้านั่งอ่านหนังสือกินกาแฟ ลาพักร้อน 10  วันโดยปิดโทรศัพท์ได้ บริษัท: ถ้าได้งานที่นี้รู้สึกยังไง ไม่ได้งานรู้สึกยังไง ผม: ถ้าได้ก็ดีครับเพราะผมหางานใหม่ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรผมยังมีงานทำอยู่ แต่ก็ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผมมาสัมภาษณ์ที่นี้ เพราะอย่างนี้บริษัทขนาดนี้ยังเห็นอะไรดีๆในตัวผมบ้าง สุดท้าย ได้งานนะครับสัมภาษณ์ 1 ชั่วโมงเอง Director บอกชอบคำตอบเรื่อง OT เพราะโดยมากมักตอบว่าอยู่ทำจะได้ OT และชอบที่บอกว่าจะลาพักร้อน 10 วันโดยปิดมือถือ พวกแกบอกว่า แปลกไม่เคยเจอคนตอบแบบนี้ ส่วนเรื่องได้งานไม่ได้งานแกบอกว่าตอบได้ตรงใจแก หลายๆคนบอกว่าคงเสียดายที่ไม่ได้ทำงานที่นี้ แต่ไปถามเพื่อนที่เป็น HR บอกว่าผมโชคดีเพราะโดยมากตอบนี้ไม่ค่อยมีคนรับเพราะดู Aggressive เกินไป จากคุณ : I am fine thank you เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 00:32:48

ความคิดเห็นที่ 36 เท่าที่เคยเป็นคนสัมภาษณ์งาน ชอบคนตอบแบบจริงใจ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องประดิษฐ์คำพูด สร้างบุคคลิกสวยหรูค่ะ กลัวแอ๊บแตก... จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 01:01:54

ความคิดเห็นที่ 37 ข้อ 6. ไม่มีจุดยืน ไม่มีแผนในชีวิต << ควรตอบยังไงดีครับ ถ้าบอกว่าอยากเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆนี้จะดีไหม เพราะผมก็คิดไว้แบบนี้จริงๆอะ จากคุณ : fam เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 06:18:50 A:183.89.226.88 X: TicketID:280301

ความคิดเห็นที่ 38 เอ่อตอนนี้ผมทำงานของบริษัทใหญ่ที่ทำเกี่ยวกับอาหารและเกษตรและพวกมินิมาร์ท ทำมา 3 ปีละ ตอนสำภาษณ์ เขาให้ present งานเก่าของเราที่เคยทำมา ขึ้น projector มี manager vp avp มากันหลายคน แต่ละคนก็ตั้งคำถาม ทำไมมาสมัครที่นี่ ผมบอกเห็นมันอยู่ไกล้บ้านดี เพราะที่ทำงานเก่าผมไกลออกไปอีกหน่อย แต่ที่นี่ห่างกับที่พักผม 200 เมตร ที่เก่าผม ห่างประมาณ 1 กม. กว่าๆ และเห็นในเน็ตเปิดรับสมัคร และคุณสมบัติผมตรงเลยมาสมัครดู คิดว่าตอบไม่ดีแต่ก็งง ได้งานแฮะ เพราะผมก็ไม่ซีเรียสอะไร ได้ก็ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะยังทำที่เก่าอยู่ แอบมาสำภาณณ์เฉยๆ อีกๆ ที่เก่าก็บริษัททำชิ้นส่วนยานยนต์ ก็โอเคดี แต่พอมาที่ใหม่ ผมขอเงินเดือนเพิ่มจากที่เก่า 2 พัน แต่พอวันรับเขาให้เพิ่มเป็น 4 พันบอกให้เป็นค่าประสบการณ์ ก็เลยทำอยู่ที่นี่มา จะครบ 3 ปีละเพราะแต่ละปีมีขึ้นเงินให้ 1.5-2 พัน ก็โอเคดี ปล.ตอนสำภาษณ์เขาขอดูต้นแขนด้านในด้วยนะ ไม่รู้ทำไม คงดูโหงวเฮ้งมั้ง -- ตอนนี้ยังไม่รู้เหมือนกัน ดุทำไม จากคุณ : คนเดินผ่านทาง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 08:31:50 A:203.144.220.241 X: TicketID:261619

ความคิดเห็นที่ 39 เชิงคนหางานบ้าง (รับด่วน)พนักงาน IT สัมภาษณ์ทันที  -วุฒิ ปวส.ขึ้นไปทางด้านคอมพิวเตอร์  -มีประสบการณ์จะพิจารณาเป็นพิเศษ *********************************************** GRu: สวัสดีครับผมมาสัมภาษงานครับ HR: นัดไว้หรือเปล่าค่ะ GRU: ครับ พี่เขาโทรไปเรียกให้มาสัมภาษ HR: กรอกใบสมัครก่อนนะคะ GRU:ครับ ****กรอกเส็รด นั่งรอสามสิบนาที GRU: พี่ครับ สัมภาษณ์ตอนไหนครับ HR:เดี๋ยวรอสักครูนะคะผู้จัดการติดประชุม GRU: ครับ ****ผ่านไปอีก30 นาที HR: น้องคะพอดีผู้จัดการติดประชุมยาวเลยค่ะ  กลับไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเรียกสัมภาษณ์วันหลัง GRU: !!??  -*-  คิดในใจ=$^%%^^$^%@#^*)(&&^^#!@@!# (กุลางานมาทำไมเนี่ย)..... จากคุณ : แมงปอซ่า เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 09:41:54

ความคิดเห็นที่ 40 เป็นตัวของตัวเองดีกว่า ถ้าไม่เหมาะเค้าก็ไม่เอา ก็จบ ดีกว่าไปนั่ง ตอบคำถามด้วยคำพูดที่ดูดีสวยหรูเตรียมมาก่อนโดยที่มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา ถ้าเค้าจะรับก็รับแค่นั้น ถ้าไม่ถูกใจก็ไม่ต้องเอา ส่วนไอ้เรื่องตักตวง ผมว่ามีใครบ้างไม่อยากได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทบ้างผมว่าทุกคน แต่การที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีนั้นคุณก็ต้องทำผลงานหรือผลประโยชน์ที่ดีให้กับบริษัทด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าเป็นผม ผมก็จะตอบว่าผมต้องการอะไร อยากได้อะไรจากบริษัทและจะทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง ตรงๆ ถ้าจะหาว่าจะมาตักตวง ก็ไม่ต้องรับผมเข้าทำงาน ก็จะได้ไปสัมภาษณ์ งานที่ใหม่ ดีมั้ยย จากคุณ : peanutiemu เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 11:13:03

ความคิดเห็นที่ 41 ขอแชร์ดวยคนนะฮะ อินทวิวเวอร์ : ทำไมน้องถึงขอเงินเดือนที่ 24000 บาท ทั้งที่พึ่งจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ แคนดิเดท  : เพราะหนูจบมหาลัย CU อินทวิวเวอร์ : #_# มาเพิ่มค่ะ อินทวิวเวอร์ : ภาษาอังกฤษเป็นงัยบ้างค่ะ แคนดิเดท  : สื่อสารได้ดีค่ะ  (ดีนะไม่ตอบ อ๋อ สบายดี ค่ะ) อินทวิวเวอร์ : งั้นก็คุยกันภาษาอังกฤษนิดนึงนะคะ แคนดิเดท  : ได้ค่ะ อินทวิวเวอร์ : What did you have for lunch? แคนดิเดท  : เออออ พีค่ะ ให้หนูแนะนำตัวเป็นภาษอังกฤษ ได้ไหมค่ะ หนูท่องมาแต่แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษค่ะ อินทวิวเวอร์ : ฮ่วย !!! แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 14:21:47 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 12:50:22 จากคุณ : ช้านละเซ็ง (Spicy Sherbet) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 12:49:16

ความคิดเห็นที่ 42 เท่าที่อ่านมาจากหลาย ๆ ตัวอย่าง กลายเป็นว่าผมมองคนสัมภาษณ์แย่กว่าคนที่ถูกสัมภาษณ์อีก ตัวอย่างแรกนี่สมควรที่จะไม่รับ พออ่าน คห ต่อไป นี่แหละครับ ที่เค้าเรียกว่าเอชอาร์แย่ ๆ จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 13:45:03

ความคิดเห็นที่ 43 โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นตัวของตัวเอง ตอบคำถามตามจริง ไม่ต้องคิดคำพูดสวยหรู ให้ดูมีเหตุผลดูดีสร้างภาพให้ตัวเองมากมายขนาดนั้นหรอก อย่ามาถามให้มากเรื่อง บางเรื่องตอบง่าย ๆ เข้าใจกว่าเยอะ มาอ่านแล้ว รู้สึก HR เรื่องมากเกินไปอ่ะค่ะ - -" จากคุณ : Deknoi ka Konkea เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 14:36:31

ความคิดเห็นที่ 44 เคยเจอแต่... เรา - ทราบไหมคะว่าบริษัททำเกี่ยวกับอะไร เขา - ไม่ทราบครับ เรา - แล้วพอจะทราบไหมคะว่าตำแหน่งนี้ ต้องทำอะไรบ้าง เขา - ไม่ทราบครับ เรา - แล้วทำไมถึงเลือกสมัครทำงานที่นี่คะ เขา - ไม่ทราบครับ ...(ชื่อนายใหญ่) บอกให้มา ผมเป็นหลาน จบ!!! จากคุณ : anana เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 14:43:54

ความคิดเห็นที่ 45 เอาบทความเรื่องการสัมภาษณ์งานมาฝากทุกคนครับ ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ฉากสุดท้ายของการสัมภาษณ์งาน ถ้ามาคิดดูแล้วงานต่างๆนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท งานประเภทแรกคืองานที่ ผลของการทำงานนั้นสามารถตรวจวัดได้ และคนทำงานนั้นก็ทำตามลำดับขั้นตอนของงาน งานนี้จะเป็นงานที่มีคุณค่า ถ้าคนทำงานทำงานนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุณต้องการคนที่สามารถทำงานนี้ได้อย่างไว้ใจได้ และคนที่ทำงานชิ้นนี้ต้องมีความสามารถที่จะทำงานนี้ได้ดี ส่วนงานประเภทที่สองนั้นต้องการความคิดสร้างสรรค์ งานประเภทนี้ต้องการคนบางคนที่ทำในสิ่งที่ไม่มีใครจินตนาการมาก่อน และสร้างบางสิ่งออกมาเกินกว่าที่คุณจะคาดหวังไว้ ถ้าคุณต้องการจ้างคนเข้ามาทำงานประเภทแรก ทำไมคุณต้องเชิญผู้สมัครเข้ามาและถามคำถาม เพื่อให้ผู้สมัครแสดงความสามารถใน การเผชิญกับภาวะกดดัน ทำไมคุณจะต้องไปสนใจด้วยว่าพวกผู้สมัครแต่งตัวอย่างไร และเขามองตาคุณเวลาตอบคำถามหรือไม่ และสำหรับการสัมภาษณ์คนเพื่อทำงานในประเภทที่สองยิ่งน่าสนใจใหญ่  คุณจะใช้การสัมภาษณ์ เพียงหนึ่งชั่วโมงเพื่อคัดเลือกคนเข้ามาทำงานในตำแหน่ง ที่คุณก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องทำอะไรให้กับบริษัทบ้าง ผมมีประสบการณ์ผ่านการสัมภาษณ์งานมาเป็นพันๆครั้ง และผมก็ได้ข้อสรุปว่าการสัมภาษณ์งานเป็นเรื่องเสียเวลายิ่ง ผมมีบทเรียนที่ไม่มีวันลืมในปี 1981 เมื่อผมและหุ้นส่วนตัดสินใจจ้าง Susan เข้าทำงานกับบริษัทของเรา เธอเป็นผู้สมัครที่มีพรสวรรค์ในการสัมภาษณ์งานที่สุดคนหนึ่ง ที่เราเคยพบ แต่เธอก็เป็นพนักงานที่แย่ที่สุดเท่าที่เราเคยจ้างมาเลยเช่นกัน ดังนั้นอย่างเสียเวลาสัมภาษณ์เลย                                     แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ? ขอบคุณที่ถามนะครับ คำแนะนำของผมคือนำพวกเขาเข้าไปทำงานเลย นำผู้สมัครไปทดลองระดมสมองกับทีมงานของคุณ ให้ผู้สมัครได้ลองลงมือทำงานจริงสักเจ็ดชั่วโมงครับคุณเอง ก็ไม่ต้องเสียเวลาเจ็ดชั่วโมงไปกับการสัมภาษณ์งานที่ไร้ประโยชน์ ครับ คุณอาจจะบอกว่าคนเรามักจะเปลี่ยนไปเมื่อเราได้จ้างเขาเข้ามาทำงาน แน่นอนพวกเขาทำเช่นนั้นแน่ แต่พวกเขาจะเปลี่ยนไปยิ่งกว่า ถ้าเขาเจอการสัมภาษณ์งานแบบจอมปลอมแบบเก่าๆ http://sethgodin.typepad.com/seths_blog/2006/09/the_end_of_the_.html แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 14:58:18 จากคุณ : peanutiemu เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 14:51:43

ความคิดเห็นที่ 46 บริษัท:ถ้าเรารับคุณเข้ามาแล้ว คุณจะทำงานได้หรือไม่ ผม:ตอบไม่ได้หรอกครับ บริษัท:??? ผม:เรื่องในอนาคต ผมตอบไม่ได้ครับ ปัจจัยและตัวแปรมันเยอะ ถ้าจ้างแล้วผมเกิดตายไปก่อนที่จะมาร่วมงานได้ ก็คือผมทำงานไม่ได้เช่นกัน ความปลอดภัยประเทศไทยเป็นอย่างไรก็ทราบนี่ครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน -พวกถามอะไรงี่เง่าเช่นนี้ ผมตอบแบบนี้หมด พอดีไม่ได้เรียนโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์มา จะได้หยั่งรู้ฟ้าดิน มองเห็นอนาคต- จากคุณ : Schweissnaht เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 15:05:17

ความคิดเห็นที่ 47 ขอแชร์ในด้านคนหางานบ้าง เคยเจอบ่อยๆเลย คือบริษัทโทรเรียกให้มาสัมภาษณ์งาน พอสัมภาษณ์กะhr เสร็จแล้ว ก็ให้สัมภาษณ์กับ manager ของแผนกต่อ ระหว่างที่สัมภาษณ์ mgr ก็บอกว่า ประสบการณ์ของคุณไม่ตรงกับที่เราต้องการ จริงๆเราต้องการคนที่เคยมีปสก.หาลูกค้าใหม่มาก่อน (เราเคยแต่ follow up order ไม่เคยหาลค.เอง)  เราก็... O_o   งงว่า เขาไม่ได้อ่านใน resume เราก่อนที่จะเรียกหรือไง เพราะในนั้นก็เขียนลงไปแล้วว่าเคยทำอะไรมาบ้าง หรือว่าให้ hr เรียกๆมาก่อน ปล. ในประกาศรับสมัครก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องมีประสบการณ์หาลูกค้าด้วยน่ะ เลยเสียเวลากันทั้งคู่ จากคุณ : semisaintz เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 15:40:07

ความคิดเห็นที่ 48 จะรบกวนขอสอบถามบ้างครับ ความแตกต่างระหว่าง สัมภาษณ์กับหัวหน้างานโดยตรงกับ สัมภาษณ์กับผู้บริหารบริษัท คาดว่าต่างกันอย่างไรบ้างครับ หัวหน้างาน คงสอบถามถึงทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจในงาน หรือ เกี่ยวกับทักษะในการทำงาน แล้วผู้บริหารหล่ะครับ เวลาเขาสัมภาษณ์เรา เขาดูอะไรเรา หรือ เขาต้องการอะไรจากเราครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : liverpoolian เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 15:50:11

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณ จขทก และทุกๆคนที่มาแชร์ประสบการณ์กันนะค่ะ อยู่ปีสี่ กำลังหาแนวทางในการสัมภาษณ์พอดีค่ะ จากคุณ : sirinphan เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 19:09:50

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านเเร้วรู้สึกว่าเฮชอาร์งี่เง่าในหลายๆความคิด just be yourself is the best จากคุณ : เฌอมาแปวน้อยหน่า เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 19:46:12

ความคิดเห็นที่ 51 ต้องขอย้ำอีกทีนึงก่อนว่า กระทู้นี้ไม่ได้ไม่มีวัตถุประสงค์ให้คนสัมภาษณ์แอ๊บแต่ประการใด จะเห็นว่า ข้อแรกที่เขียนเลยคือ การเป็นตัวของตัวเอง แต่สิ่งที่จขกท พบก็คือ น้องหลาย ๆ ตอนที่คุยหน้าห้องสัมภาษณ์ก็ดี แต่พอเข้าห้องประหม่าบ้าง ตื่นเต้นบ้าง บางคำตอบทำให้ กลายเป็นคนไม่มีความสามารถไปซะงั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย การเตรียมคำตอบที่ตัวเองคิดว่าดี เป็นตัวช่วยอย่างดีเวลาน้องตื่นเต้น ตัวอย่างเรื่องการมาตักตวง จะเห็นว่า จขกท ให้ความเห็นว่า ทราบดี ว่าไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่เมื่อมีคนตอบทั้งในมุมบริษัท และมุมของตัวเอง กรรมการควรจะเลือกใคร เมื่อมองจากมุมคนถูกสัมภาษณ์แล้ว บางทีไม่ทราบหรอกว่าคำตอบตัวเองไม่ดีอย่างไร เพราะไม่มีโอกาสได้ฟังว่าแคนดิเดทท่านอื่นตอบอะไรบ้าง สิ่งที่แชร์ในนี้คือ ตั้งใจจะให้เห็นคำตอบหลาย ๆ แบบ ที่สื่อออกมา เพราะหลาย ๆ คนที่ไม่ได้ เป็นคนสัมภาษณ์คงไม่ทราบว่าใครตอบอะไรบ้างใช่มั้ยคะ นอกจากคำตอบของตัวเอง และก็นำมาสู่คำถามว่าทำไมเค้าถึงไม่เลือกเรา หลัก ๆ แล้วเป็นเพราะการสัมภาษณ์เป็นการประเมินคนในชั่วเวลา 20-30นาที คนดีไม่ดี ทำงานเก่งไม่เก่ง มันก็ไม่สามารถดูได้ในเวลาสั้นเท่านั้นทั้งหมด นี่คือข้อจำกัด จริงอยู่หลาย ๆ คนพรีเซ้นต์ไม่ดี แต่ทำงานเก่ง ตรงนี้นี่แหละค่ะ คือ วัตถุประสงค์หลักของจขกท ทำยังไง เราถึงจะช่วยคนกลุ่มนี้ได้ คนที่เก่งอยู่แล้ว ไม่ห่วงเลย ย้ำอีกที ว่าไม่ได้เป็นการเติมแต่งเกินความจริง จขกทก็ไม่ชอบผู้สัมภาษณ์ที่โกหก และบอกเสมอก่อนสัมภาษณ์ว่าอย่าโกหก เพราะดูออก ถึงดูไม่ออก ความซวยก็ตกแก่น้องอยู่ดี เพราะจะได้งานที่ไม่ใช่ตัวตนของน้องแล้วก็อยู่ได้ไม่นานต้องออกไป สุดท้าย ปักหมุดไว้นิดว่า แต่ละองค์กรมีความต้องการบุคลากรที่ไม่เหมือนกัน ขอให้ดูกระทู้นี้ไป เป็นแนวทางเฉย ๆ ไม่ใช่หลักเกณฑ์นะคะ สิ่งสำคัญคือ ก่อนไปสัมภาษณ์ จงหาข้อมูลของบริษัทนั้น ในเวปนี่แหละค่ะ นโยบาย วิสัยทัศน์ ผลิตภัณฑ์ อ่านมาให้หมด แล้วเราจะพอกะได้ว่า องค์กรนี้ต้องการคนประมาณไหน ช่วยให้เรารู้ด้วยว่าเราเหมาะมั้ย และขอให้ใช้เสิร์จอากู๋ค่ะ มีตัวอย่างคำถาม คำตอบเยอะมาก ลองเลือกเป็นแนวของตัวเอง และเตรียมก่อนเข้าสัมภาษณ์นะคะ ช่วยได้มากทีเดียว จากคุณ : Believe in yourself เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 19:51:35

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ สำหรับประสบการณ์ แต่เอาจริงๆ นะ ไม่รุ้ผมสัมภาษณ์ไม่ดี ดูคนไม่เก่งหรือว่ายังไงไม่รู้ ไอ้คนที่พูดจาดีมีหลักการพอมาทำงานจริงนี่ไม่ได้เรื่อง   ส่วนพวกอึกๆ อักๆ นี่หนักเอาเบาสู้ตลอด หลังๆ เลยไม่สัมภาษณ์เอง ปล่อยคนอื่นแทน ยังไงรบกวนสอนวิธีดูคนหน่อยครับ แลกเปลี่ยนกัน ^^ จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 20:28:38

ความคิดเห็นที่ 53 แล้วตอน จขกท ไปสมัครงาน เขาถามว่าอะไรบ้างหรอ แล้ว จขกท ตอบยังไงน่ะ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 20:33:18

ความคิดเห็นที่ 54 ขอตอบมั่งนะคะ จาก #47 บางครั้งไม่ใช่ผู้จัดการไม่ดู resume ผู้สัมภาษณ์หรอกนะ แต่บางครั้ง HR ก็ยัดเยียดผู้สมัครที่ไม่ตรง มาให้สัมภาษณ์ เช่นเคสที่ว่าผู้สมัครไม่มีประสบการณ์ จะโดน HR บอกว่าลองสัมภาษณ์ดูก่อน เผื่อว่าอาจจะมีจุดเด่นบางอย่างในตัวผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถนำมาทดแทนประสบการณ์ที่ขาดได้ เวลาเริ่มสัมภาษณ์เราจะบอกก่อนเลยว่า ตำแหน่งนี้ต้องการคนมีประสบการณ์นะ เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ทราบว่าคุณสมบัติที่ต้องการจริงๆคืออะไร แต่ที่ยังคงเรียกมาสัมภาษณ์ก็เพื่อมองหาจุดเด่น ไม่มีใครสัมภาษณ์โดยไม่ดู resume ผู้สมัครหรอกค่ะ เพราะเสียเวลาทั้งสองฝ่าย จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 21:29:20

ความคิดเห็นที่ 55 เหมือนกับสัมภาษณ์เด็กจบใหม่มักตอบ แบ๊ว บ๊อง ใสๆๆแบบนี้แหละถ้าเจอพวกเขี้ยวลากดินคำถาม ตื้นๆแบบนี้ใช้ไม่ได้หรอกต้องผ่านทางหัวหน้างานหรือไม่ก็ผู้บริหาร เช่นคำถามจะเรียนต่อไหม โธ่คุณ เก็บไว้ถามเด็กจบใหม่เถอะเนดิฉันจะเรียนต่อดิฉันก็ไม่บอก หรอก แอ๊บแบ๊วใสซื่อ ตอบ แบบที่ทุ่มเทให้องค์กรประหนึ่งดูแลสมีสุดทีรักดีกว่า จากการอ่านรู้ว่า HR น้องต้อบงการแต่คนแอ๊บไม่ตอบความจริง อยากฟังแต่สิ่งสวยงาม มองโลกเชิงบวกอะไรทำนองนั้น เฮ่อออ หลักสูตรการเรียนการสอนมันทำได้ แค่นี้เองเหรอคะ แล้วจริงคือคงได้แค่สแกนเพระถ้าหัวหน้างานไม่ชอบถูกใจคัดคนดีเลิศอย่างไรก็คงร่วงงงงงงธุลีดินไม่ได้เป็นดาวเด่น อ่านคำถามแต่ละอ้นแล้วเพลียคะ เป็นไดอะล๊อคที่ HR ต้องถามจริงทุกทีเหมือนลอกการบ้านกันมา ดังนั้นควรจะได้รับคำตอบไดอะล๊อคจากคนมาสัมภาษณ์เหมือนกัน น่ามีทำออกมาขายนะหนังสือพวกนี้ เหมือนเฉลยข้อสอบ แล้วก็เรียนด้วยนะคะว่าคนไปสัมภาษณ์เค้าก็เลือกเหมือนกันไม่ใช่พวกคุณเลือกอย่างเดียว ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : นางพญาหงส์ไฟ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 22:25:08 A:10.0.100.52 X:183.89.54.142 TicketID:152527

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณทุกๆคนนะค่ะ สำหรับมาแชร์ประสบการณ์ รออ่านอยู่ค่ะ ปล.อยากให้กิฟท์จขกทนะค่ะ ^^ จากคุณ : วันนี้ฉันมีความสุข (IBeNes) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 22:57:46

ความคิดเห็นที่ 57 แชร์ในฐานะ candidate บ้างนะคะ เราออกจากงานก่อนได้งานใหม่ คำถามที่เราได้รับคือ "ทำไมออกล่ะ เค้าให้ออกเหรอ" "มีปัญหาอะไรกับบริษัทเหรอ" แต่ไม่มีใครมองเลยนะคะ ว่าทำไมไม่มองกลับกันบ้าง ว่าบริษัทนั่นแหละที่มีปัญหา พนักงานหนีตายออกมาก่อน แต่เราก็บอกไปตามตรง ว่ามันลายากกกกกกกกกก ลำบากใจ อึดอัด งานยุ่ง ฯลฯ สู้ออกมาหางานเต็มตัวเลยดีกว่า ซึ่งคิดผิดมาก ต่อมาเราได้งานค่ะ ทำไปได้ไม่กี่วัน บริษัทที่เคยไปสัมภาษณ์ โทรมาเชิญไปรอบสอง รอบตัดเชือก ก็เป็นบริษัทเดียวกับที่เคยถามเรา ด้วยคำถามข้างต้นนั่นแหละ เราอยากทำมากค่ะ เลยลาครึ่งวันไปสัมภาษณ์ รู้ไหมคะเค้าถามเราว่าไง "นี่ทำได้ไม่กี่วันก็ลามาหาใหม่แล้วเหรอ" "คือทางเราไม่ต้องการสอนงานให้พนักงานใหม่ แล้วพนักงานก็ลาไปสัมภาษณ์ที่อื่น เราต้องการคนที่จะทำกับเราได้นาน ๆ" "เริ่มงานเลยไม่ได้เหรอ อืม..." "มันดูไม่ดีเลยนะ ทำได้กี่วันแล้วลามาแบบนี้ ถ้าทำกับเราคุณก็คง.." เราก็ปากหนักค่ะ ไม่ยอมอวยไปซะหน่อย ว่าถ้าเป็นที่อื่นก็คงไม่ลาหรอก ก็อยากจะทำกับคุณนั่นแหละถึงได้ลงทุนลามาไง สุดท้ายเราก็ไม่ได้งานนั้นค่ะ แล้วเราต้องทำตัวยังไงเหรอคะ ต้องตอบยังไงจึงจะถูกใจเหรอคะ เราทำตัวไม่ถูก ไปไม่เป็นเลยค่ะ นี่ขนาดบริษัทเดียวกัน แต่เรียกเรามาต่างเวลากัน ใน status ที่เปลี่ยนไปของเรานะคะ ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างนี้เลย ไม่ต้องบอกว่าบริษัทอื่น ๆ ที่เราเคยไปมา ก็มีแนวคิดประมาณนี้ทั้งนั้นเลย ตอนนี้เราก็ยังได้รับโทรศัพท์เรียกสัมภาษณ์ทุกวันเลยค่ะ เรียกมาในเวลางาน เราก็ขอเลื่อนเวลาไปเป็นหลังเลิกงานบ้าง หรือตอนเช้าบ้าง ซึ่งทางโน้นก็ไม่เห็นมีใครโอเค กลายเป็นว่าทำงานแล้วดันไม่มีเวลาไปสัมภาษณ์ซะงั้น เสียโอกาสไปเยอะมาก เสียดายมากค่ะ ใครที่หางานได้ระหว่างทำงาน เรานับถือจริง ๆ ค่ะ เพราะส่วนใหญ่เราจะลาออกก่อนได้งานใหม่เพราะสาเหตุดังที่กล่าวมานี้แหละค่ะ แต่พอเราลาออกเพื่อหางานใหม่เต็มตัว ........ก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเดิมค่ะ ( กลับไปอ่านตั้งแต่บรรทัดแรก ) แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 07:28:54 จากคุณ : I Get fizzy เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 23:30:12

ความคิดเห็นที่ 58 ความคิดเห็นที่ 30   9. เรื่องส่วนตัวก็ไม่ต้องบอกก็ได้ บริษัท   ช่วยบอกข้อดีข้อเสียของน้องหน่อยค่ะ น้อง      คือ ผมเป็นคนขี้เกรงใจน่ะครับ บริษัท   ยังไงค่ะ ลองยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงให้หน่อยสิคะ น้อง      คือ เวลาเพื่อนมายืมเงินผมก็ไม่กล้าปฏิเสธไป   ***************** เราเคยตอบแบบนี้เป๊ะเลยค่ะ กับ HR Manager แล้วก็สัมภาษณ์ผ่านได้งานนั้นไปค่ะ งานนั้นก็คือบริษัทเก่าเราเองค่ะ ทำมาสองปีเพิ่งจะออกมาเนี่ย แต่คิดว่าน่าจะได้เพราะคำถามอื่น ๆ ด้วยมากกว่า หรือไม่เช่นนั้น ก็คงแล้วแต่คนสัมภาษณ์มากกว่า แบบบางคนรับได้กับคำตอบแนวนี้ ถึงตรงนี้เราก็ยังเชื่อนะคะ ว่าการได้งาน มันอยู่ที่ดวง และความถูกใจ สองอย่างนี้เท่านั้น บางทีไม่เห็นจะมาชิงไหวชิงพริบอะไรมากมาย แค่คุยด้วยแล้วถูกชะตา เห็นแล้วชอบ คิดว่าจะทำงานร่วมกันได้ ก็เลือกเราซะแล้ว บางที่เราว่าเราตอบได้ห่วยสุด ๆ เลยด้วยซ้ำ ดันได้งานซะงั้น แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 00:01:28 จากคุณ : I Get fizzy เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 23:51:53

ความคิดเห็นที่ 59 อ้อ ลืมไป ถ้าในฐานะแคนดิเดทนะ จะบอกว่าตอนสัมภาษณ์เข้ามา (งานราชการ) ผมได้ที่รั้งท้ายเลยล่ะครับ เกือบจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว แต่ผ่านไปประมาณสองปีมีการอบรมนักบริหารระดับต้น ซึ่งเขาจะมีการสอบเพื่อจัดอันดับว่าใครจะได้ตำแหน่งก่อน (อบรมสองสัปดาห์) ผมได้ที่สองจากคนทั้งกรมที่มีตำแหน่งระดับเดียวกันทั้งหมด 50 คน ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่ง แต่จะบอกว่าถ้า HR มุ่งหวังแต่จะเอาคนที่พูดจามาตามตำราเป๊ะๆ จะทำให้เสียโอกาสที่จะได้บุคลากรดีๆ มานะครับ เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงนึงมันวัดอะไรไม่ได้เลยครับ จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 23:56:04

ความคิดเห็นที่ 60 เอามั่งๆ ผม: ทำอะไรได้บ้าง เด็กจบใหม่: ภาษา C Java VB C++ HTML AJAX ครับ ผม: เอ่อ แล้วอันไหน ที่เชี่ยวชาญ เด็กจบใหม่: ทุกอันครับ (จะเทพไปไหม) ผม: แต่ผมว่า อายุคุณยังน้อย น่าจะเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากกว่านะ เด็กจบใหม่: ผมทำได้หมดล่ะครับ ผม: Algorithm กับ Coding ถนัดอันไหนมากกว่า เด็กจบใหม่: มันต่างกันด้วยเหรอครับ (ผม -.-" เอ่อ สงสัยมันเก่งจัด ประมาณว่าที่ถามมันง่ายจนไม่อยากจำ) ผม: บ.ผมเล็ก มีคนไม่กี่คน จะทำไหวเหรอ เด็กจบใหม่: ไหวสิครับ ผม: เอ้า งั้นตอบข้อนี้ให้หน่อย ข้อสุดท้ายแล้ว (ยื่นกระดาษให้) เด็กจบใหม่: เอ่อ ผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกครับ (ผม >.<" จริงๆ มันเป็น Code มันจะเป็นภาษาไทยได้ไง) หงายเงิบ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 01:17:10

ความคิดเห็นที่ 61 ผมไม่ชอบ HR ที่อ่านตำรา มาสัมภาษณ์ตามสูตรครับ แล้วก็จะมีสูตรต่างๆเช่น "ถ้าบอกว่าจะเรียนต่อเร็วๆนี้" > ไม่รับ  (จากนั้นก็เอาสูตรนี้ไปบอกเด็กๆ กลายเป็นว่า เด็กมาสัมภาษณ์งานยังกะท่องสูตรมา จริงๆจะเรียนต่อ แต่ก็บอก "ยังไม่มีโครงการจะเรียนต่อในช่วงนี้" พอได้งานมา เดือนสองเดือนก็ลาออก) "ไม่ทราบว่างานเกี่ยวกับอะไร" > ไม่รับ  ( กลายเป็น เด็กไม่กล้าถาม ออกมาถามเพื่อนว่า ตกลงมันทำอะไรกันแน่ บางคนหนักขนาดถามว่า มันแปลว่าอะไร เพราะไม่รู้จักเลย แต่สุดท้ายดันได้งานซะงั้น) คำถามตามสูตร เป๊ะ เช่น "ข้อดีข้อเสียของคุณคืออะไร" "คุณวางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง" "คุณจะทำอะไรให้บริษัทบ้าง" "ทำไมบริษัทถึงต้องจ้างคุณ" บลาๆ คำถามพวกนี้บอกได้เลยว่า "วัดอะไรไม่ได้ครับ" เพราะ หลายคนจะรู้แกวและเตรียมคำตอบ "โกหกหรูๆ" มาตอบกัน ส่วนพวกที่ไม่รู้ก็ซวยไป   แทนที่จะถามคำถามแบบนี้ สู้ถามคำถามแบบนอกกรอบ วัดทัศนคติ หรือ ความรู้ จะดีกว่า เช่น "วิชาที่น้องเรียนมาชอบอะไรมากที่สุด คิดว่าจะเอามาใช้ในการทำงานได้รึเปล่า อย่างไร" "น้องเคยเรียน xxx มามั้ย(ถ้าไม่เคยก็เปลี่ยนเป็นหัวข้ออื่น) แล้วก็ถามเช็คภูมิหน่อยว่าได้อะไรมาบ้างซึ่งคำถามไม่ควรจะถาม ลักษณะคำตอบท่องจำ เช่น Kaizen คืออะไร Logistic แปลว่าอะไร 5 ส มีอะไรบ้าง แต่ถ้าลักษณะที่ดูความคิดเห็น เช่น ถ้าน้องรู้จัก Kaizen สมมติว่า น้องเปิดร้านขายข้าว น้องจะเอาหลัก kaizen นี่มาใช้ในธุรกิจของน้องอย่างไร (หรือ อาจจะเปลี่ยนธุรกิจหรือหัวข้อเป็นอย่างอื่นก็ได้) นอกจากนี้ ผมอยากเห็นคำแนะนำ+คำถามในเชิงเทคนิคด้วย (แต่ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่) เช่น "น้องรู้มั้ยว่า งานที่น้องสนใจนี่ เค้าต้องใช้โปรแกรม xx oo yy ไม่ทราบว่าน้องเคยได้ยินหรือใช้มาก่อนหรือเปล่า" ถ้าบอกเคย ก็ถามลึกลงไปได้อีก เป็นการเช็คสองอย่างเลยคือ ความสามารถกับการโกหก ไม่ได้หมายความว่า ใช้ไม่เป็นไม่รู้จักแล้วจะไม่ผ่าน แต่อย่างน้อยที่สุด คนถูกสัมภาษณ์ก็จะได้รู้ว่า ถ้าเค้าจะทำงานด้านนี้ เค้าควรจะไปฝึกใช้โปรแกรมอะไรบ้าง ซึ่งจะมีประโยชน์กับเขาด้วย (เพราะ บาง บริษัทจะไม่อยากแปะข้อมูลพวกนี้ลงในใบรับสมัครเพราะกลัวทำให้คนมาสมัครน้อย) ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมไม่ชอบที่ HR บางคนคิดว่า การสัมภาษณ์คือการ"เลือกซื้อสินค้าของบริษัท" เพียงอย่างเดียว เพราะความจริง ไม่ใช่แค่บริษัทเลือก คน เท่านั้น คนก็เป็นฝ่ายเลือกและพิจารณาบริษัทเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ผมเคย สัมภาษณ์กับ บริษัท bridge stone ตรง รังสิต แม้ว่าผมจะตกสัมภาษณ์ แต่ผมก็ประทับใจในการต้อนรับแบบให้เกียรติของเขามาก ตอนนี้ผมจะจบ ป โท แล้ว (โปรไฟล์ผิดกับตอน ป ตรีที่ไปสัมภาษณ์คราวก่อนลิบ) ผมก็ยังสนใจจะไปสมัครบริษัทนี้อีกครั้ง ตรงกันข้ามกับอีกบริษัท ที่บริษัทใหญ่ แต่ดันสัมภาษณ์แบบไม่ให้เกียรติผู้ถูกสัมภาษณ์เลย (วันนั้น สัมภาษณ์ 10 คน มีอย่างน้อย 2-3 คน ถึงกับหัวเสียรีบเดินออกจากบริษัทโดยไม่ยอมคุยกับใครเลย มีแค่ 2-3 คนที่ได้รับเลือก บอกไม่เห็นมีอะไร) แม้บริษัทจะใหญ่ เงินเดือนจะดี แต่ถ้าต้องทำงานกับ ผู้บริหาร เจ้านายแบบนั้น (คนสัมภาษณ์ไม่ใช่ HR แต่เป็น ระดับ ผจก) ผมคงทนไม่ได้ ผมก็ไม่คิดจะกลับไปสัมภาษณ์บริษัทนั้นอีกเลย เป็นต้น นี่ยังไม่รวม นิสัย ผูกใจเจ็บของบางคนด้วยนะครับ วันหนึ่งเกิด คนที่คุณสัมภาษณ์แบบตั้งใจทดสอบความอดทน (แต่ในความคิดเค้าคือไม่ให้เกียรติ) เกิดไปทำงานในตำแหน่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของบริษัทคู่ค้าขึ้นมา มันก็อาจจะกระทบกับบริษัทในอนาคตได้เหมือนกัน จริงๆ การทดสอบแบบกดดันนั้นทำได้ครับ แต่ทำเสร็จแล้วต้องมีเฉลย มีขอโทษด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้คนถูกสัมภาษณ์เข้าใจผิดไปก็ช่าง เราไม่แคร์ แต่ยังไงๆ ผมก็ชอบการสัมภาษณ์แบบ ทดสอบทัศนคติ ความรู้ และ ความคิด ด้วย มากกว่า การสัมภาษณ์ตามสูตรสำเร็จครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 06:42:02 จากคุณ : Greaty O-U!! เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 06:40:28

ความคิดเห็นที่ 62 มองให้กลางๆผมว่าการได้งานมันก็มีตัวแปรมากมายเหมือนกัน การสัมภาษณ์กับ HR ก็มีผลส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เห็นด้วยตรงที่สัมภาษณ์ โดยใช้คำถามตามสูตรสำเร็จอะ เพราะคนก็สร้างภาพมาตอบได้ ซึ่งผมไม่ชอบมากๆ ไม่ชอบทั้งเป็นคนตอบ และถ้าเป็นคนที่จะต้องถามคำถามแบบนั้น ก็ไม่ชอบที่จะถามเหมือนกัน เฟคสุดๆครับ  อารมณ์ประมาณว่า ขอให้ตอบให้หล่อเพื่อให้ได้งานละเว้ย ทำนองนั้นอะ เช่นบางคำถามอยู่ดีๆถามว่า คุณคิดยังไงกับผู้หญิงที่ทำศัลยกรรม ? ผม....จะเฉยๆมากๆกับคำถามแบบนี้และตอบตามที่ผมคิดไป แต่...หลายๆคนอาจจะแปลกใจว่าจะถามทำพระแสงอะไร ?? ถ้างั้นลองดูอีกคำถามครับ เป็นอีกคำถามว่า น้องเรียกเงินเดือนเท่านี้ น้องจะทำอะไรให้บริษัทบ้าง ? หลายๆคน...จะพร้อมจะตอบคำถามแบบนี้เพราะเตรียมตัวตอบมาดี แต่ผม...จะเซ็งนิดๆ เพราะว่า (คิดในใจ) โธ่ ผมก็ต้องตอบให้หล่อให้มันโดนใจพี่อยู่แล้วครับ แม้ไม่โกหก แต่จะตอบลบๆไปทำไม...เดี๋ยวไม่ได้งาน ซวย 555+ เรื่องของเรื่องคือโปรไฟล์มันบอกอยู่แล้ว ว่าผมทำอะไรได้บ้าง มาสัมภาษณ์ก็คุยกันเรื่องทัศคติดีกว่าครับ โดยเฉพาะคำถามที่ถามว่า จะอยู่ด้วยกันนานไหม อะไรเงี้ย โห้ยยยยย โคตรจะไม่ชอบคำถามนี้เลยครับ การจะอยู่ด้วยกันนานไหมเนี่ย ใครๆก็ต้องตอบว่าเต็มที่ อยู่แล้วครับ (เพื่อให้ได้งานไงครับ) แต่ในความเป็นจริง ถ้ามนุษย์เราเจอสิ่งที่ดีกว่า หรือที่เป็นอยู่มันไม่เหมาะกับเขา เขาก็ต้องไปครับ เป็นคำถามที่มีคำตอบอยู่แล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้จะถามทำไม (แม้แต่คนที่ถามคำถามนี้เองด้วยแหละครับ จะอยู่นานไหมครับ ถามหน่อย ?) เพื่อนผมยังเคยพูดไว้คำนึงเลยว่า การสัมภาณ์งานคือ เทศกาลโกหกแห่งชาติ ส่วนอื่นๆ บางคนที่ตอบที่เอามาแชร์ในกระทู้นี่ก็เหลือเกินจริงๆ บางอันก็สมควรไม่ได้งานเหมือนกันครับ (อาจแล้วเซ็งจิตแทน) สุดท้ายน่าจะอยู่ที่ดวงด้วยครับ จะพาจะพบกับบริษัทแบบไหน คนแบบไหน งานแบบไหน นั่นแหละครับ ก็ต้องปรับให้ไหลตามกันไป แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 07:31:25 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 07:17:05

ความคิดเห็นที่ 63 ซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 07:41:26 จากคุณ : I Get fizzy เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 07:39:30

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยกับคุณ Greaty O-U!! ที่ว่า "จริงๆ การทดสอบแบบกดดันนั้นทำได้ครับ แต่ทำเสร็จแล้วต้องมีเฉลย มีขอโทษด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้คนถูกสัมภาษณ์เข้าใจผิดไปก็ช่าง เราไม่แคร์" การสัมภาษณ์แบบทดสอบความอดทน รบกวน HR ช่วยเลิกใช้เถอะค่ะ โบราณ หยาบคาย และดูขี้ขลาดยังไงไม่รู้ เราเคยนะคะ ให้เรากรอกใบสมัครเสร็จแล้วนั่งรอ 3 ชั่วโมงเพราะ "ลืม" แล้วใช้คำว่าทดสอบความอดทนมาอ้าง ไม่เวิร์คค่ะ วัดอะไรไม่ได้ จากคุณ : I Get fizzy เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 07:39:48

ความคิดเห็นที่ 65 สัมภาษณ์กันทุกวัน ใครจะหามุกมาถามได้เยอะแยะ จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 07:51:20

ความคิดเห็นที่ 66 ชอบถูกสัมภาษณ์ เราว่ามันลับสมองดี ที่บ.เคยมีโปรเจคอบรมผู้บริหารในด้านการประเมินบุคลากร เราเองเพิ่งได้เข้าทำงานใหม่ๆ เลยถูกจับไปลองของ นั่งกลางวงให้ผู้เข้าอบรมสัมภาษณ์ซึ่งขณะนั้นก็ร่วมๆสามสิบท่านได้ สนุกมาก มีคำถามยิงมามากมาย ต้องคิดก่อนตอบ รวมทั้งบุคลิกท่าทาง จากคุณ : จิ๊บ (cupid_jib) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 07:59:03

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นประโยชน์ดีครับ จากคุณ : ko_oasis เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 09:34:48

ความคิดเห็นที่ 68 เคยโดนสัมภาษณ์แปลกๆมาหลายทีล่ะครับ ขอยกตัวอย่างหน่อย - คุณจะลาออกเมื่อไหร่/ถ้าทำพลาดชั้นไล่ออกเลยนะ/ขออวดหน่อย บ ชั้นมี....บลาๆๆ - ท่าทางคุณหนูแบบนี้จะทำไหวเหรอเนี่ย - สัมภาษณ์ 6 รอบ เพราะผู้สัมภาษณ์ไม่อยู่ ก็เลยต้องไปสัมภาษณ์กับใครก็ไม่รู้ โยนกันไปมา เดินขึ้นลงบันไดและลิฟท์สามสี่รอบอย่างต่ำ แต่สุดท้ายก็ให้ไปสัมภาษณ์กับคนที่เราจะมาพบนั่นล่ะ และคำพูดแรกคือ เธอไม่ใช่สเป็คชั้น ชั้นไม่คิดว่าเธอจะเหมาะกับที่นี่ แล้วที่ผมเสียเวลาห้าชั่วโมงรอพบคุณล่ะครับ ที่ที่สัมภาษณ์ดีๆก็เยอะครับ แต่ก็อยากให้ผู้สัมภาษณ์ได้เตรียมตัวรับสิ่งไม่คาดฝันด้วย จากคุณ : Irongeek เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 09:44:31

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้าเด็กจบใหม่ เราจะเน้นถามสิ่งเหล่านี้มากกว่า อย่างเช่น -วิชาอะไรที่น้องชอบมากที่สุด เพราะอะไร -วิชาอะไรที่น้องไม่ชอบมากที่สุด เพราะอะไร -ทำไมถึงเลือกเรียนสาขา/คณะนี้ -น้องคิดว่าจะนำสิ่งที่น้องเรียนมาปรับใช้กับงานอย่างไรบ้าง -ตอนเรียนน้องเข้าร่วมกิจกรรมอะไรบ้าง ลองเล่าให้ฟังหน่อย -สื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม๊ (ส่วนใหญ่จะตอบว่าได้) แล้วเราก็เปลี่ยนคำถามเป็นภาษาอังกฤษแทน เพื่อให้น้องตอบ (ส่วนมากจะตอบไม่ได้) เราจะไม่ให้น้องแนะนำตัว เพราะส่วนมากจะท่องมา -ยื่นเอกสารภาษาอังกฤษให้อ่าน แล้วให้สรุปให้ฟัง (จำเป็น เพราะบริษัทต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน) คำถามอื่นๆด้านบน ก็มีถามบ้าง เช่น ข้อดี  ข้อเสีย ฯลฯ แต่ไม่ได้เอาเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนมากจะเป็นการชวนผู้สัมภาษณ์คุยมากกว่า ส่วนคำถามด้านบนค่อนข้างสำคัญ เพราะคำตอบที่ได้สะท้อนให้เห็นมุมมองในตัวผู้ถูกสัมภาษณ์หลายอย่าง จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 09:45:16

ความคิดเห็นที่ 70 เด็กใกล้จบใหม่มาแวะดูคำถามของ HR รุ่นใหม่ จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 10:47:02

ความคิดเห็นที่ 71 HR: ทำไมลาออกจากบริษัทเก่า  มีปัญหาอะไรกับบริษัทเหรอ? GRU: เอ่ม -*-  คิดในใจ =1. ถ้าบอกว่าบริษัทเก่าไม่ดี เงินเดือนน้อย ไม่ยอมขึ้นเงินเดือนให้หลังสิ้นปี ไม่มีโบนัส ไม่มีโอที มันจะหาว่ากรูเรื่องมาก เลือกมาก มากเรื่อง ใส่ร้ายบริษัทเก่ารึเปล่าวะ  2. ถ้าตอบว่าผมอยากลองเปลี่ยนที่ทำงาน สภาพแวดล้อมใหม่ บ้างน่ะครับ มันจะคิดว่าเด๋วกรูก็ออกจากที่นี่อีกเหมือนที่ออกจากบริษัทเก่าหรือเปล่าวะ เครียดโว๊ยยยยยยยยยย  T_T จากคุณ : แมงปอซ่า เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 12:12:18

ความคิดเห็นที่ 72 บริษัท ไม่ใช่ผู้เลือกสินค้า (พนักงาน) แต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้ขาย (คนสมัคร) ก็มีสิทธิ์ไม่ขายของให้เช่นกันคะ เคยสัมภาษณ์ และได้งาน แต่ไม่ทำด้วยคะ เพราะเราไม่เลือกเค้าคะ เวลาเราไปสัมภาษณ์งาน เราไม่คิดว่าเค้าสัมภาษณ์เราฝ่ายเดียว แต่..เราก็กำลังสัมภาษณ์เค้าเช่นกันคะ การที่ จขกท เอาออกมาแชร์ก็ดีไปอย่างคะ เพื่อการเตรียมตัวที่ดี ปกติเราเตรียมตัวไป 2 แบบคะ 1.หลายครั้งที่เราสมัครงานแล้วเจอHR ตามตำรา แล้วเราตอบตรงๆเป็นตัวของตัวเองสุดๆ มักจะไม่ถูกส่งโปรไฟล์ไปเพื่อให้ผู้บริหารสัมภาษณ์ต่อ คงโดนตบตกตั้งแต่HR 555+ 2.เมื่อไหร่ที่เราเจอHR ตามตำรานี้ เราก็ใช้วิธีตอบตามตำราเช่นกัน555 โปรไฟล์เราก็จะถึงผู้บริหาร และเมื่อโดนบริหารสัมภาษณ์....เราก็เลือก ตอบสไตล์ข้อ 1 เป็นตัวตนของเราเองจริงๆ แล้วก็ ...เสร็จทุกรายคะ ได้งานทุกทีคะ เทคนิคเล็กๆของเราคือ เมื่อเราเดินทางไปถึงบริษัทแล้ว เราจะดูหลายๆอย่าง เช่นระยะทาง การเดินทาง สภาพแวดล้อม บางทีหน้าบริษัทจะมีบอร์ดหรือประกาศภายใน ช่วงรอ เราก็เดินไปอ่าน หรือดูแม้แต่ การจัดวางโต๊ะทำงาน พฤติกรรมของคนในบริษัท และอื่นๆ ถ้าในส่วนที่เรารอสามารถมองเห็นได้ แล้วใช้ช่วงเวลานี้ประมวลผลบริษัทที่เรากำลังจะสัมภาษณ์ แล้วก็เลือกคะว่าจะ ตอบสไตล์ข้อ 1 หรือ 2 เราประมวลผลหมดคะ แม้แต่เวลาที่นัดเราสัมภาษณ์และให้เรารอ...เป็นชั่วโมง มันแสดงถึงหลายๆอย่างในการจัดการภายในของบริษัทนั้นๆคะ นี่เป็นวิธีที่ผู้ขายคนนึง จะเลือกผู้ซื้อคะ^^ ปล. แต่เราก็เคยเป็นผู้เลือกซื้อคนนึงคะ หลายครั้งที่็HR คัดคนส่งมาให้สัมภาษณ์  เรารู้สึกว่า ... มันเอาใครมาให้ตรูสัมภาษณ์ฟร่ะ 555 จากคุณ : สนิมเขียว เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 12:16:20

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านๆแล้วขอ share อีกครั้งครับ ตอนจบใหม่ๆ ยังไม่ได้งาน ไปสัมภาษณ์หลายที่แทบทุกวัน เจอคำถามตามตำราที่เขียนๆกันข้างบน โดยเฉพาะ "คุณมีข้อดีข้อเสียยังไง" ที่แรกๆก็ตอบให้ดูดีครับ จนที่สุดท้ายรำคาญมากกับไอ้คำถามนี้ เลยตอบไปว่า ผมเป็นขี้รำคาญครับ รำคาญที่จะตอบคำถามที่ไร้สาระแบบคำถามนี้ HR หงายเงิบ ส่วนผมไม่ได้งานแต่สะใจ จากคุณ : I am fine thank you เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 12:30:35

ความคิดเห็นที่ 74 พี่ๆๆๆครับ ทำไมคำถามประเภท ข้อดีข้อเีสีย   จะทำไรให้บริษัทบ้าง บลาๆๆ ถึงเป็นคำถามไร้สาระอะครับ จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 15:15:22

ความคิดเห็นที่ 75 โดนใจ ความเห็น 61 มากอ่ะ ... เคยโดนสัมภาษณ์แบบหยามๆ มาหลายที ... เดินออกไปเสีย self ไปเลย ... เข้าใจว่าคุณอยากได้คนอดทน แต่คิดอีกที ก็ดีแล้วที่ไม่ทำงานกับคนพวกนี้ ... ให้เกียรติกัน ทั้ง 2 ฝ่าย คือ คำที่ใช่เลยค่ะ ... จากคุณ : ปังผิง เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 15:47:34

ความคิดเห็นที่ 76 เคยตอบแบบ คห 24 เป๊ะเลย แต่ลงท้ายไม่ได้งานครับ 555 (แต่ถึงเขารับก็คงไม่เอา คำนวณระยะเวลาเดินทางกับโหลดงานแล้วสู้ไม่ไหว) ส่วนตัวผมมีทัศนคติเชิงลบต่อการสัมภาษณ์โดย HR ครับ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์สูตรสำเร็จ เพราะคนที่ควรตัดสินจริงๆว่าผมทำงานได้รึเปล่า ควรเป็นหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานในอนาคตมากกว่า บุคลิกภาพก็เหมือนกัน คนจะเดือดร้อนกับนิสัยผม คือคนทำงานกับผม ไม่ใช่ HR ดังนั้นเฟคมาก็เฟคไป แล้วค่อยไปเปิดอกพูด ตอนสัมภาษณ์กับหัวหน้า จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 18:26:28

ความคิดเห็นที่ 77 ที่เคยตอบสมัยจบใหม่ๆก็ ทำไมเรียกเงินเดือนเท่านี้ <-- ก็เพื่อนเรียกเท่านี้น่ะครับ หัวหน้าอมยิ้ม เคยทำไอ้นี่มั้ย <-- ไม่เคย แล้วถ้าต้องทำ? <-- ทำได้ครับ พี่ให้เวลา กับตำราผมก็พอ ตำรา? <-- ผมมั่นใจว่าผมอ่านเองได้ ถ้าพี่มีคนเทรนให้ ก็ดี ถ้าพี่ไม่มีขอแค่คู่มือก็พอ ถ้าพี่ไม่มีคู่มือ เดี๋ยวผมหาในกูเกิล แล้วจะบอกให้พี่ซื้อ แล้วเงินเดือน จะว่าไง <-- เอาตามตั้งต้นพี่ก็ได้ครับ แต่ถ้าผ่านโปร ผมขอตามที่ผมเรียก ลงท้ายได้งาน เริ่มเองตั้งแต่เปิดกูเกิล ซื้อตำรา นั่งอ่าน แล้วลุย แบบไม่มีคนสอน ระหว่างนั้นก็เดินไปรับจ็อบกับพี่ๆคนอื่นในบริษัทไปพลางๆ(ระหว่างรอตำรากับเครื่องมือที่ขอซื้อ) ตอบแบบนี้เจอ HR อาจไม่รอด จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 18:33:01

ความคิดเห็นที่ 78 ส่วนที่เคยทำให้ไม่ได้งานก็(อันนี้ก็ตอนจบใหม่)... ถ้ามีพนักงานมาจาก ต่างประเทศ แล้วขอให้คุณช่วยนำเที่ยวจะทำอย่างไร? - ปกติผมไม่เที่ยว ถ้าจำเป็นต้องพาเพื่อนร่วมงานไปเที่ยว ควรใช้ HR มากกว่า ไม่ใช่วิศวกร ชอบงานดีไซน์ หรืองาน Maintenance (บริษัททำ Maintenance เป็นหลัก) - ผมชอบของใหม่ๆมากกว่า แล้วถ้าให้ทำ Maintenance? - ก็ทำได้ แต่ไม่ชอบ ถ้ามีงานให้ทำชิ้นนึง ให้ทำ น้องจะทำยังไงบ้าง? - ประเมินเวลาถ้าทำเร็วสุด + เวลาสำหรับประเมินผิดพลาดไป 20-30% แจ้งหัวหน้าแล้วลุย ทำไมต้องบวกเวลา? - ผมไม่รู้อนาคต ใครจะเก็งทุกอย่างถูกแบบเป๊ะๆ? ต้องมีเผื่อไว้มั่งสิ ตกสัมภาษณ์ 5555 ไม่ทันถึงหัวหน้าแผนกเลย ตายตั้งแต่ HR จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 18:48:53

ความคิดเห็นที่ 79 อยากถามอีกนิดนึง ตามประสาเด็กจบใหม่ ไม่เคยถูกสัมภาษณ์ค่ะ ประมาณว่า บริษัทส่วนใหญ่ เค้าดูพวกโหงวเฮ้ง ลายมือ อะไรพวกนี้กันด้วยหรอคะ เห็นเพื่อนไปสัมภาษณ์แล้วเค้าบอกว่ามีขอดูลายมือด้วย จากคุณ : DesLora เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 20:50:43

ความคิดเห็นที่ 80 ^ ^ มีไม่กี่ที่หรอกครับที่ทำแบบนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะ เจ้าของบริษัท มีความเชื่อด้านนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:01:46

ความคิดเห็นที่ 81 เท่าที่สัมผัสมา ส่วนมากเวลาสัมภาษณ์งานกับผู้บริหาร สามารถเป็นตัวของตัวเองได้สุดๆ สัมภาษณ์แบบสบายใจที่สุด และได้งาน 100 % เพราะผู้บริหารมีวิธีทดสอบเราในแบบของเขาที่ไม่เหมือนใครดีค่ะ ^_^ จากคุณ : พุงโย้โย่แยะ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:18:15

ความคิดเห็นที่ 82 ของผมหัวหน้าฝรั่งถามว่าถ้าต้องส่งเมล์ถามหรือให้อีกฝ่ายตอบต้องควรเขียนเมล์ยังไงบ้าง ผมก็ตอบไปบอกว่าต้องบอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ มีปัญหาอะไร แล้วเค้าก็ถามว่า and? and? and? อยู่นั่นแหละ ผมเลยหมดมุขแล้ว เลยตอบไปว่า งั้นก็ Best Regards แล้วกัน ฮาแตกทั้งห้องเลย 555 สุดท้ายก็ได้งาน ผมว่าอีกอย่างที่จะได้งานคือถูกชะตากับคนสัมภาษณ์ด้วยรึเปล่า จากคุณ : leito608 เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:20:23

ความคิดเห็นที่ 83 -จะเรียนต่อโทมั้ย (ชอบให้ candidate สตอเบอรี่ว่าทุ่มเทให้บริษัท อยากจะขากใส่หน้า ส่วนใหญ่ก็เรียนหลังเลิกงานกันทั้งนั้น ถ้ารับเป็นพนักงานแล้วเรียจะไล่ออกมั้ยล่ะ) -ข้อดี ข้อเสีย (เบื่อมากๆ คำถาม ปญอ ไม่สร้างสรรค์เลย) -ชีวิตอีก 10 ปีข้างหน้า (ถ้ากรูได้เป็นหัวหน้าเมิงเมื่อไร กรูจะเอาเมิงออกคนแรก) -ทำไมถึงได้เกรดวิชานี้ D ล่ะ (ถามวิชาที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานเลยแม้แต่น้อย) -ทำไมจบแล้วยังไม่ได้งาน (จะรู้ไปทำไม จะไปเที่ยวหลังจบไม่ได้เหรอไง) -เป็นลูกคนโต คนกลาง คนเล็ก คน.....โคครพ่อโคตรแม่ จะต้องเป็นแบบนี้..... (เมิงเป็นคนบ้านกรูเหรอ) -จะทำงานที่นิ่กี่ปี (กรูจะรู้มั้ย) พูดตามตรงเบื่อ คำถาม ปญอ และ โง่ๆ แบบนี้จาก HR ครับ เมื่อไรจะมีคำถามประมาณ -งานผมต้องการคนอย่างนี้ๆ...... คุณจะ apply skill ยังไง -มีปัญหาจะแก้อย่างไร ลองบอกแนวทาง -มี urgent case เข้ามา 2 อย่างพร้อมกัน จะแก้สถานการณ์ยังไง อยากได้คำถามที่มันประเทืองป้ญญามากกว่านี้ครับ พูดตามตรงทุกว้นนี้เหมือนต้องให้ไปตอบตาม script สวยหรู แต่ไม่เคยมีใครถามเกี่ยวกับการทำงานเลย นับคนได้เลยที่จะถาม แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 00:40:04 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 00:30:45 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 54 00:22:43 จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 22:57:43

ความคิดเห็นที่ 84 เคยไปทำข้อสอบของบริษัทนึงครับ ตำแหน่งไอที เขาให้ทำข้อสอบ choice 30 ข้อ ผมกาไปแค่ 25 ข้อครับ พอทำเสร็จก็ไปส่ง จนท ซักพักเขาก็เรียกสัมภาษณ์ ดูจากคะแนนที่น้องกามามันถูกหมดเลย ทำไมไม่กาอีก 5 ข้อล่ะ เพราะ 5 ข้อมันไม่มี choice ข้อใดถูกเลยครับ เลยไม่กา มันจะจริงได้ไง เป็นไปไม่ได้ ข้อสอบนี้ใช้รับคนมาตั้งหลายคนแล้ว ไม่เชื่อพี่ลองเปิด NB ดูสิครับ ของพี่เลยก็ได้ มาเทียบกันเลย เขาก็เปิดจริงๆครับ และ 5 ข้อนั้นมันก็ไม่มี choice ข้อใดถูกเลย สุดท้ายเขาสนใจผมนะครับ เพราะเป็นคนแรกที่กล้าทักท้วงว่าข้อสอบผิด สุดท้ายผมไม่เอาเอง เพราะดูไปดูมา เงินเดือนที่ได้เพิ่มมันไม่คุ้มกับ JD เท่าไร จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 23:07:11

ความคิดเห็นที่ 85 เคยเห็น HR เคี้ยวหมากฝรั่งมาสัมภาษณ์มั๊ยละคะ ดิฉันก็หงายเิงิ๊บบบบ ไปเลย ไม่เคยเจอ จากคุณ : ECTV (ECTV) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 23:14:13

ความคิดเห็นที่ 86 นอกเรื่องนะ เกลียดคำถามจิตวิทยามากกกก คนที่สัมภาษณ์อยากให้ดูโปรไฟล์ของผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วย ถ้าเป็นสายสุขภาพมักจะมีพื้นฐานด้านจิตวิทยามาอยู่แล้ว การถามคำถามตามตำราเป็นอะไรที่สิ้นคิดมาก โดนกับตัวเองแล้วเหมือนโดนดูถูก เพราะคำตอบก็รู้อยู่แล้ว จะตอบให้ดูดีก็เหมือนโกหก ก็เลยแสดงธาตุแท้ทั้งหมดออกมา สัมภาษณ์กี่ที่ไม่เคยพลาด  สงสัยธาตุแท้จะเป็นคนดีจริงๆ อิ อิ (จริงๆอยากพูดแค่ว่า ในการสัมภาษณ์ ความจริงใจคือสิ่งสำคัญต่างหาก) จากคุณ : เพราะคุณคนเดียว เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 23:35:26

ความคิดเห็นที่ 87 ผมชอบความคิดเห็นของ คห. 61 คุณGreaty O-U!! เรื่องการสัมภาษณ์งานโดยอิงความรู้จากสิ่งที่เรียน ผมว่ามันดูคุ้มค่าในการเสียเวลาต้องมานั่งอรรถาธิบาย และก็ยกมือเห็นด้วยกับความคิดของหลายๆ คห. ในเรื่องการสัมภาษณ์งานโดยฝ่ายบุคคลที่ใช้รูปแบบการสัมภาษณ์งานแบบสูตรสำเร็จ ผมได้งานที่แรกเนื่องจากทำงานเข้าตากรรมการในช่วง Internship Period ก่อนจะเปลี่ยนงานมาทำอีก Field ที่คิดว่าตัวเองถนัดมากกว่า ก่อนได้ร่วมงานกับบริษัท ณ ปัจจุบันที่ทำอยู่ ก็มีโอกาสลางานจากบริษัทเก่าไปสัมภาษณ์บ้าง (เหตุผลที่ใช้อ้างคือ ป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์) โดยบริษัทที่เคยไปสัมภาษณ์งาน ถึงแม้นว่าจะให้ระดับ Line Manager มาสัมภาษณ์งานก็ตาม แต่ในความรู้สึกผม ผมมีความเห็นว่า "ห่วยแตก" มาก มันเป็นยังไงมาดูกัน ที่แรก เป็นบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ (พวกกล่องนม, กล่องโออิชิ) มี Line Manager 2 คนลงมาสัมภาษณ์ ด้วยความคิดของผมที่ว่า บริษัทเป็นบริษัทในลักษณะ Multinational จำเป็นต้องมี English Skill แน่ๆ ผมเลยกล่าวคำว่า ผม "สวัสดีครับ" เป็นการทักทายและเสนอไปด้วยความรู้สึกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไม่ได้ต้องท้าทายแต่อย่างใดว่า "ผมขอให้สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษเลยนะครับ" คือเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนภาษาอังกฤษเลยพอได้บ้าง ผู้สัมภาษณ์ "ไม่เป็นไรค่ะ สัมภาษณ์งานเป็นภาษาไทยน่าจะสะดวกกว่า เพราะพี่ยังไม่ได้เตรียม" ผม คิดในใจว่า "จะลงมาสัมภาษณ์ตูเผื่อ?" แต่ยังมีที่เด็ดกว่านั้นอีกคือ ระหว่างสัมภาษณ์งาน ไม่สัมภาษณ์ผมในเรื่อง การประยุกต์ใช้ความรู้ในงานที่สมัครเลย กลับถามเรื่องนู้น นี้ นั้น ถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ไปทำข้อมูลเชิงเพี้ยนอะไร แต่พอพลิก Resume ของผมอ่านในส่วน Previous Job และ Previous Responsibilities ก็พูดแบบตัดสินผมเฉยเลยว่า ผู้สัมภาษณ์ "น้องคงไม่เหมาะกับงานที่นี้หรอกค่ะ เพราะงานที่นี้ถึงแม้นจะเป็น Accounting Analyst จริงแต่มันก็แค่ฟันเฟืองเล็กๆ เท่านั้นเองคงไม่ Challenge สำหรับน้องเท่าไหร่ เพราะน้องเคยรับผิดชอบงานทางด้านบัญชีเต็ม Field มาก่อน" ผม "......." ได้แต่อึ้งและเงียบจริงๆครับกับ Line Manager สองท่านนี้ บริษัทที่2 บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ การสัมภาษณ์งานนั้นเป็นไปในลักษณะที่เป็น Creative Interview จริงๆ จนทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการตอบคำถาม เพราะถามเข้าเนื้อหาสาระที่ได้เรียนรู้ และได้ผ่านงานมา คือไม่ผิดหวัง และสัมภาษณ์งานกันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งดีมากถึงแม้นว่าจะสัมภาษณ์งานกับคนไทยด้วยกันเอง แต่มาสะดุดตรงทัศนคติของผู้สัมภาษณ์อย่างแรงเลยครับ ผู้สัมภาษณ์ "คือที่นี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียง มีระดับ cream of the crop ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทางฝั่ง UK หรือ USA หรือในเมืองไทยก็ดี ซึ่งคุณก็ไม่ได้มี GPA ที่โดดเด่นอะไร และจบมาจากสถาบัน Rajabhat งู้นงี้งั้น" แล้วก็เสนอ Remuneration ให้ผมได้แบบประทับใจมากก็คือ ผู้สัมภาษณ์ "ถ้าคุณสนใจร่วมงานกับทางบริษัทของเรา ทางเราขอใช้เวลาในการพิจารณาตำแหน่งงานในลักษณะ Contract ให้ งู้นงี้งั้น" ผม "......" ได้แต่เงียบและคิดอะไรไม่ออกจริงๆ และไม่ได้อยากจะเป็นพนักงานในลักษณะดังกล่าาวอยู่แล้ว เลยไม่สนใจ นี้แหละครับคือประสบการณ์ที่ทำให้ผม Felt Down มากที่สุด ... หลังจากนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่เดิมไปซักพักและไม่คิดจะไปสัมภาษณ์งานที่ไหนอีก เพราะที่เดิม Benefit(s) ให้ผมดีมากแล้ว จนกระทั่งมีบริษัทอีกบริษัทด้าน Audit Field (ซึ่งผมสนใจด้านนี้มากอยู่แล้ว คือเดิมทำด้าน Accounting Field) เรียกตัวผมไปสัมภาษณ์ ผมก็ไปอีกในท้ายที่สุด และก็ได้ครับ เพราะบริษัทลักษณะนี้วัดกันที่กึ้นการตอบคำถามอัตตนัยในด้านวิชาการล้วนๆ (+ความประทับใจในการสัมภาษณ์นิดหน่อย ในความรู้สึกผมนะครับ) แต่เนื่องจากเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน ก่อนสัมภาษณ์งาน (หลังทดสอบข้อเขียนแล้ว) ผมเข้าไปแล้วก็ขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า ผม "สวัสดีครับ, ดังที่ได้เห็นใน Resume ผมมาก่อนแล้วจึงเรียกผมมาสัมภาษณ์ ดังนั้นสิ่งที่ติดเป็น Brand Age ในความรู้สึกหรือทัศนคติในเรื่องสีรั้วมหาวิทยาลัย คิดว่าคงไม่มีในการสัมภาษณ์ครั้งนี้นะครับ" (ระหว่างพูดยิ้มแบบแฉ่งๆ ไปด้วย คือทีเล่นทีจริง) ผู้สัมภาษณ์ "555555ค่ะ ทางเราได้อ่านและศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว และน้องก็ผ่านข้อสอบเขียนมาแล้ว ขอให้สัมภาษณ์งานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องดังกล่าวค่ะ" ผม "......" คือเงียบไปซักพักด้วยความปลาบปลื้มว่าอย่างน้อยก็เจอบริษัทที่อ่านข้อมูลของเราแล้วจริงๆ ไม่งั้นก็คงชีช้ำกะหล่ำปลีอีกตามเคย ผลสุดท้ายก็ได้งานครับด้วย Benefit(s) ที่เท่าเทียมกับ Candidates ในรุ่นเดียวกันที่ได้งาน ... ขอบคุณพระเจ้า! จากคุณ : เคนหมวย เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 23:55:49 A:125.25.87.32 X: TicketID:302678

ความคิดเห็นที่ 88 เม้นไว้ก่อน >< กำลังจะจบ เพิ่งไปสัมภาษณ์แบงค์ ม่วงมา ตอบได้แย่ เหมือนข้างบนๆ เด๊ะๆๆๆๆๆ ><" ครั้งแรก หนู ทำพลาดไปเยอะเลยยยยยยย จากคุณ : ดำ-กะปิ เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 00:35:24

ความคิดเห็นที่ 89 #83 HR บริษัทปัจจุบันผมครับ โดนหมดเลย ตั้งแต่ Urgent Case, ถ้าได้รับงานที่เดดไลน์เป็นไปไมได้, ถ้าเกิด conflict ระหว่างสองทีมแล้วดันอยู่ตรงกลาง หรือ ถ้าได้งานเพิ่มฉุกเฉินแล้วตารางทำงานพัง เป็นงานสัมภาษณ์ที่สนุกมากกกกกกกก จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 00:55:07

ความคิดเห็นที่ 90 ดีจังครับ คห 89 ผมก็อยากเจอคำถามแบบนี้บ้าง อยากตอบคำถามลับสมอง ไม่ใช่ตอบเอาใจ HR ปญอ จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 01:23:46

ความคิดเห็นที่ 91 ความคิดเห็นที่ 74 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน พี่ๆๆๆครับ ทำไมคำถามประเภท ข้อดีข้อเีสีย   จะทำไรให้บริษัทบ้าง บลาๆๆ ถึงเป็นคำถามไร้สาระอะครับ จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา [Bloggang] เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 15:15:22 [แก้ไข] เพราะคนที่มาตอบคำถาม มักจะเตรียมคำตอบมาอยู่แล้ว เพื่อให้ตัวเองดูดี ซึ่งนั่นคือการเฟค และการโกหก อีกอย่างยุคนี้ข้อมูลข่าวสารไว ลองค้น google ว่า สัมภาษณ์งาน อะไรเงี้ย ก็จะมีข้อมูลคำถามสำเร็จรูปพวกนี้อยู่มากมาย เพื่อจะให้เราเลือกตอบให้หล่อๆไงครับ HR เมื่อคิดจะถามคำถามแบบนี้ ขอให้เตรียมใจไว้ด้วยว่า สิ่งที่จะได้จากการตอบคำถามแบบนี้คือ "ผู้ถูกสัมภาษณ์เตรียมตัวมาหรือไม่ ? "   คำตอบก็จะมีเพียงแค่ เตรียมตัวมา กับ ไม่เตรียมตัวมา เท่านั้น HR ไม่ควรตัดสินผู้ถูกสัมภาษณ์จากคำถามพวกนี้ (คำถามสำเร็จรูป) เลยครับ เพราะมันตัดสินกันไม่ได้แน่นอน เช่นคำถามสำเร็จรูป ถามว่า คุณจะเรียนโทต่อมั้ย ผมตอบว่า ไม่ สรุปได้งาน (เพราะตอบสัมภาษณ์ได้หล่อ) ทำงานไป6 เดือน มหาลัยนึงเปิด ป.โท สาขาที่โดนใจ เวลาเรียนก็โดนใจ สุดท้ายก็ไปเรียน คำถามที่สัมภาษณ์วันนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย ตอบว่าไม่ ก็เรียนอยู่ดี ตอบว่าเรียนก็ไม่ได้งาน  เฟคมั้ยครับ ?? ต่างกันกับคำถามแบบนี้ ตัวอย่างเช่น - ถ้ามีวัวบ้าเข้ามาในพื้นที่ คุณจะทำยังไง ? - พนักงานต่อยกัน คุณจะทำไง ? - สมมุติเสร็จงานแล้ว ลูกค้าไม่ยอมเซ็นรับงานคุณ คุณจะทำยังไงให้เขาเซ็นให้ได้ในวันนั้น ? คำถามพวกนี้หาไม่ได้ใน google และเป็นคำถามที่วัดกึ๋นการตอบของคนที่มาสัมภาษณ์ว่ามีลำดับกระบวนการความคิดอย่างไร คนตอบก็ต้องตอบตามธรรมชาติของตัวเอง (เพราะเขาไม่เคยเจอมาก่อน) เพียงแต่ว่าคนถามก็ต้องมีกึ๋นพอเช่นกันที่จะรู้ว่า คำถามพวกนี้มันใช้เพื่อวัดอะไรคนตอบ เป็นต้น ปัญหาที่เกิดคือ HR มีมาตรฐานไม่เท่ากัน บางคนถามคำถามสำเร็จรูปแล้วตัดสินเลยว่าไอ้นี่โอเค แต่หารู้ไม่ ที่ถามไปมันตอบเฟคทั้งหมด เพราะมันเตรียมตัวมาเป็นเดือนๆแล้ว หาข้อมูลตอบไว้เพียบ ประมาณนี้นะครับ ยาวไปนิด จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 09:57:16

ความคิดเห็นที่ 92 ขอแชร์บ้าง ทำงานที่เก่าเรามีตำแหน่งเป็นหัวหน้ามีลูกน้อง 4 คน มาสมัครที่ใหม่ต้องมาเป็นลูกน้องคนอื่น คนสัมภาษณ์ถามว่าทำไมถึงมาสมัครเพราะตำแหน่งมันต่ำลง เราตอบว่า Now i am working at the best bank in Thailand. This company is the best international company in Thailand. I don't think it's demotion but it is my career advancement. แล้วเราก็ได้งาน ^^ จากคุณ : คุณหนูวุ่นวาย เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 11:14:34

ความคิดเห็นที่ 93 HR น้อยมากที่จะมีความคิดความอ่าน ให้โอกาสคน เสียดายบางคนมีความสามารถในเนื้องาน แต่โดนสกัด ถ้าได้คุยกันหัวหน้างานโดยตรงโอกาสได้สูงมาก  HRทำไมชอบดูถูกผู้ที่ีมาสัมภาษณ์จัง เป็นกันเยอะ บางที่ก็ดีนะให้ผ่านทุกคนเพราะอย่างไรอำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่ที่หัวหน้าแต่ละแผนก ไม่ใช่ HR จากคุณ : sabza2007 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 11:17:38

ความคิดเห็นที่ 94 เราว่ามันก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของ HR ด้วยหละ ว่าคุณเองมีศักยภาพพอที่จะพิจารณาผู้ถูกสัมภาษณ์มั้ย คุณดึงเอาความจริงใจของผู้ถูกสัมภาษณ์ออกมาได้หรือเปล่า ข้อเสียของเราคือ เป็นคนไม่ค่อยพูด ยิ้มยาก และเริ่มผูกมิตรกับใครไม่ค่อยเป็น แต่เวลาไปสัมภาษณ์ทีไร เราจะเลี่ยงตอบข้อเสียให้เป็นอย่างอื่นตลอด เพราะคิดว่าเรื่องมนุษยสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญ เราไม่ควรบอกไปว่ามนุษยสัมพันธ์ไม่ดี... แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่ได้งาน... จนมางานนึง ได้สัมภาษณ์กับ ผจก.เลย (ต้องการคนด่วน) ไม่ได้ผ่าน HR เราเริ่มเหนื่อย พอถามถึงข้อเสีย เราก็บอกว่า เราไม่ค่อยพูด ทั้งๆ ที่งานนั้น การพูด คือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเราต้องพูดให้เก่ง เพื่อที่จะขายให้ได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงตอบไปแบบนั้น ตอบไปแล้วก็นั่งด่าตัวเองในใจ แต่สรุปว่าได้งาน เพราะว่า ผจก.บอกว่า ดูจากการที่เราตอบแล้ว มันดูจริงใจ ไม่ได้ตามแบบแผนอย่างคนอืนๆ อีกอย่าง สิ่งสำคัญที่เค้ารับเราก็คือ เราดูมีความกระตือรือร้นในเนื้อหางาน ตอนสัมภาษณ์ไม่ได้เป็นการถามตอบ แต่เป็นการคุยกัน เราอยากรู้หรืออยากออกความเห็นเรื่องอะไรเราก็พูดไป อยากแย้งอะไรก็บอกออกไปเลย ไม่ใช่เป็นการตอบคำถามของผู้สัมภาษณ์ตามตำราอย่างเดียว หัวหน้าเก่าเราก็เคยบอกอีกอย่าง เวลาที่มีใบสัมภาษณ์มาแล้วกรอกตรงข้อเสียให้ดูดี อย่างเช่น ข้อเสียคือ "เป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมากเกินไป" อะไรแบบนี้ เค้าจะรู้สึกติดลบก่อนเลย เพราะมันดูเฟค ข้อเสียก็บอกข้อเสียมาตรงๆ ไม่ต้องแปลงข้อเสียให้เป็นดี มันตลก จากคุณ : น่ารักแล้วรักป่ะ เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 11:40:15

ความคิดเห็นที่ 95 แชร์บ้าง เคยถูกสัมภาษณ์ครั้งเดียวในชีวิตตอนเริ่มงานครั้งแรก หลังจากนั้นก็เป็นคนสัมภาษณ์มาตลอด เราว่าคำถามเรื่องการต่อโท ไม่ใช่คำถาม ปญอ. นะ มันขึ้นกับตำแหน่งและลักษณะของคนที่เราอยากได้เหมือนกัน คือถ้าเป็นตำแหน่งด้านเทคนิคเราชอบให้น้องคิดที่จะเรียนต่อนะ บางคนบอกว่าถ้ามีโอกาสก็จะเรียน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่ได้เรียนเลย เราก็กระตุ้นอยู่เรื่อยว่า เรียนสิๆ สิ่งหนึ่งที่เราสอนน้องในทีมคือ พี่ไม่เคยหวังว่าคุณจะอยู่กับบริษัทไปจนตาย แต่วันนี้ที่คุณอยู่กับเราที่นี่ ทุกๆ วันขอให้คิดตลอดว่า คุณเก่งขึ้นจากวันเมื่อวานหรือเปล่า ถึงวันหนึ่งที่คุณไปอยู่ที่อื่น ขอให้เราได้ภูมิใจว่า บริษัทของเราได้มีส่วนสร้างบุคลากรที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจของประเทศ เรื่องสัมภาษณ์ ถ้าเป็นผู้สมัครที่มีประสบการณ์มาแล้ว เรามักจะคุยเรื่องประสบการณ์ตรงนั้น ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เคยเจอปัญหาอะไร แล้วแก้ไขอย่างไร คิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้จะทำอย่างเดิมไหม กลุ่มนี้สัมภาษณ์ง่าย คุยเนื้องานและวิธีการแก้ปัญหาก็ดูออกแล้วว่าเป็นคนทำงานจริงหรือเปล่า ทำได้จริงหรือเปล่า กลุ่มที่แยกแยะยากคือกลุ่มเด็กจบใหม่ ส่วนใหญ่จะมาแบบ blank โบ๋ๆ คำถามที่เรามักจะถามก็คือ "ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้" เราสัมภาษณ์กลุ่มวิศวะ-ไอที นะ ลองมาดูคำตอบแบบต่างๆ กัน เรา : ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้ ผู้สมัคร 1 : ที่บ้านอยากให้เรียนครับ เพราะว่าหางานง่าย เรา : แล้วเราชอบหรือเปล่า ผู้สมัคร 1 : ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันคืออะไร แต่พอเรียนแล้วก็ชอบ ชอบโค้ดดิ้งครับ มันสนุกที่ได้สร้างสิ่งที่เราอยากให้คอมพิวเตอร์ทำงาน แล้่วมันทำงานได้อย่างที่เราต้องการ แบบนี้คุยต่อได้ ว่าที่ชอบโค้ดดิ้งนะชอบจริงหรือเปล่า เคยทำอะไรมาบ้าง คนที่ชอบจริงๆ จะนั่งเขียนโค้ดเล่นค่ะ ทำโปรแกรมเล่นๆ โปรแกรมเล็กๆ ไม่ต้องใหญ่มากหรอก แต่ขายได้จริงๆ เป็นพวก freeware, shareware ว่ากันไป โปรแกรมใครโดนแคร็กนี่จะภูมิใจมาก แต่ถ้าบอกว่าชอบโค้ดดิ้ง แต่ไม่เคยโค้ดเลย เวลาว่างกลับไปทำอย่างอื่น ไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ แบบนี้เราตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าไม่ได้ชอบจริงๆ เรา : ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้ ผู้สมัคร 2 : ตอน ม.ปลาย ชอบเล่นเกมครับ เลยสนใจอยากทำเกมเองบ้าง เรา : แล้วพอมาเรียนแล้วเป็นยังไง ผู้สมัคร 2 : มันอัศจรรย์กว่าเดิมครับ ผมพบว่าการเขียนโปรแกรมทำอะไรได้มากกว่าที่เคยคิดไว้เยอะ แบบนี้จะคุยต่อยอดไปได้อีก คนที่ชอบงานนี้ แววตาจะเปล่งประกาย body language มันออกมาหมด เรา : ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้ ผู้สมัคร 3 : ตอนนั้นเลือกตามเพื่อนค่ะ เรา : อ้าวแล้วชอบหรือเปล่า เรียนแล้วเป็นไง ผู้สมัคร 3 : ก็ไม่ค่อยถนัดค่ะ แต่เรียนมาแล้วก็ต้องหางานทำสายนี้ เรา : ถ้าเกิดน้องไม่ชอบ แล้วต้องอยู่กับมันวันละหลายๆ ชั่วโมง น้องจะมีความสุขหรือคะ ผู้สมัคร 3 : นั่นสิคะ งั้นหนูขอไปคิดดูก่อน (ฮา) เรา : ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้ ผู้สมัคร 4 : มันน่าจะทำรายได้ดีครับ เรา : แล้วชอบไหม เวลาว่างชอบทำอะไร ผู้สมัคร 4 : ก็เขียนโค้ด โน่น นั่น นี่ (คนนี้เก่งและทำจริงๆ) เรา : อนาคตอยากเป็นอะไร (นึกว่าอยากเป็น specialist) ผู้สมัคร 4 : อยากเปิดร้านขายปลากัด (ฮา) คนที่ 4 นี่เก่งจริงค่ะ ปัจจุบันเปิดร้านค้าส่วนตัว (แต่ไม่ใช่ปลากัด) และเขียนเว็บท่องเที่ยวเป็นรายได้เสริม เรา : ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้ ผู้สมัคร 5 : ผมคิดว่าโลกอนาคตต่อไป เทคโนโลยีสารสนเทศจะมีความสำคัญมาก (ขึ้นต้นดูดีมาก) เรา : แล้วชอบวิชาไหนมากที่สุด ผู้สมัคร 5 : เอ่อ.... (คุยไปคุยมา ไม่ชอบสักวิชา ทำคะแนนได้ไม่ค่อยดี) เรา : อย่างนั้นน้องจะ apply skill ไหนของตัวเองเข้ามาในงานให้ดีที่สุดคะ ผู้สมัคร 5 : ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะผมไม่ค่อยเก่ง ยิ่งคุยยิ่งตัวงอ ห่อเหี่ยวลง หลายครั้งเราจะเตือนน้องว่า นั่งตัวตรงๆ ยืดๆ หน่อย อย่านั่งตัวงอ มันทำให้คุณดูขาดความมั่นใจ แล้วคนอื่นจะมั่นใจในตัวคุณยังไง แม้เรารู้แน่ว่าน้องคงไม่ผ่านการคัดเลือก แต่ก็อยากให้น้องได้แง่คิดไปเพื่อพัฒนาตนเอง อย่างน้อย พี่หวังว่าน้องจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมกันต่อไปนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 12:10:26

ความคิดเห็นที่ 96 เท่าที่อ่านมาทั้งหมด .. คิดว่าบางทีสายงาน HR นี่แหละมั้งที่มีปัญหามากที่สุด มาตรฐานการคัดคนเข้าทำงานเป็นอย่างไร ? จิตวิทยาเรียนมาแล้วเอามาใช้ได้ดีมั้ย ? บริษัทมีเป็นร้อยเป็นพันบริษัท มี HR เจ๋ง ๆ สักกี่คนเชียว ที่สามารถคัดบุคลลากรที่ส่งผลดีกับบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 13:50:43

ความคิดเห็นที่ 97 ส่วนตัวรู้สึกโชคดีมากที่ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามสร้างภาพประเภทนี้ เพราะโดยสายงานเรามักได้สัมภาษณ์กับระดับผู้บริหารหรือ MD ไปเลย เค้าก็จะถามเรื่องความสามารถล้วนๆ ดูเอกสารประกอบ เรื่องชีวิตส่วนตัวทั่วไป ข้อดีข้อเสียตัวเอง ดูบุคลิกอารมณ์ พูดให้ฟังว่าบริษัททำอะไรๆๆ แล้วโดยมากจะพูดจาสุภาพมากซะด้วย เพราะ ณ วันสัมภาษณ์มันก็ยังไม่ใช่หัวหน้าลูกน้องกันน่ะนะ เค้าก็ให้เกียรติเป็นธรรมดา นานๆๆๆๆๆๆๆทีจะสัมภาษณ์แล้วเจอที่ต้องสัมภาษณ์กับ HR ก่อน (ซึ่ง HR ก็ไม่สามารถมาทดสอบความสามารถเฉพาะทางได้หรอก) บางคนวางท่าเสียใหญ่โต เห็นแล้วรำคาญ ให้เกียรติคนสัมภาษณ์บ้างก็ได้ พูดจาห้วนๆ นั่งกอดอกหน้าบึ้งๆตลอดการสัมภาษณ์  พูดจาดูถูกคนสัมภาษณ์ก็มี เราว่า HR หลายๆที่ควรศึกษาทักษะเฉพาะด้านของสายงานอื่นๆในบริษัทตัวเองให้มากกว่านี้เพื่อเอามาถามคนถูกสัมภาษณ์ได้  ไปขอข้อมูลจากแต่ละฝ่ายก็ได้  ไม่ใช่ถามแต่คำถามแบบปั้นคำตอบเตรียมมาได้ ปล. แต่ไม่ได้ว่ากระทู้และ จขกท นี้นะคะ  ดีสำหรับน้องๆจบใหม่ค่ะ  แต่ส่วนตัวไม่ชอบคำถามและผู้สัมภาษณ์บางประเภท แค่นั้น จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 18:52:41

ความคิดเห็นที่ 98 เข้ามาบุ๊คมาร์คกระทู้นี้ไว้ก่อน ว่างๆจะมาไล่อ่านน๊า จากคุณ : Badromance เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 18:54:33

ความคิดเห็นที่ 99 ทำไมต้องถามว่า ข้อดีข้อเสียของคุณคืออะไร จุดหมายของ HR : ต้องการให้ผู้ตอบ ขายตัวเอง และมองจุดบอดของตัวเองได้ จุดที่พลาด : ถ้าเจอคนที่เตรียมตัวมา คุณเตรียมรับการเฟคได้เลย ส่วนคนที่มองจุดเสียตัวเองไม่ออก คุณก็ต้องยอมรับว่าคำถามนี้มันเสียเวลา ทำไมต้องถามว่าจะอยู่กับบริษัทนี้นานไหม ? จุดหมายของ HR : อยากรู้ว่าผู้ตอบจะมีความคิดทุ่มเทให้บริษัทมากไหม จุดที่พลาด : ธรรมชาติของมนุษย์จะไปยังสิ่งที่ดีกว่าเสมอ เพราะไม่มีใครอยู่คนเดียวในโลกนี้ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เค้าอาจจะไปที่อื่น เพราะที่อื่นดีกว่าในอนาคต ไม่ใช่เค้าไปเพราะที่ปัจจุบันไม่ดี ยุคนี้ข้อมูลข่าวสารมันเยอะ และเร็ว สรุป อนาคตมันเป็นเรื่องไม่แน่นอน ไม่มีใครบอกได้ บางคนบอกว่าจะอยู่เต็มที่ครับ ทำงานได้ 2 อาทิตย์ลาออกก็มี ส่วนคนที่ตอบว่า ผมจะอยู่กับที่นี่ไม่นานครับ .. คนนี้คงไม่ได้งาน เพราะงั้นคำตอบก็ถูกตีกรอบเข้าไปอีกว่าต้องตอบยังไง คำถามนี้จึงไร้สาระมาก ทำไมต้องถามว่า ชีวิตอีก 5 ปีข้างหน้าวางแผนอะไรไว้ หรือมีเป้าหมายในชีวิตอย่างไร ? จุดหมายของ HR : ต้องการรู้ว่าผู้ตอบมีแรงจูงใจในการทำงานมั้ย จุดที่พลาด : แรงจูงใจในการทำงาน สร้างมาจากตัวเอง คนที่รัก หรือกำลังใจอื่นๆ แต่แรงที่บั่นทอนใจในการทำงาน ลดลงได้จากสภาพแวดล้อมในการทำงาน เงินเดือน อาจจะเยอะก็จริง แต่สภาพแวดล้อมแย่ๆก็มีผล ....ใกล้จะเก็บเงินซื้อบ้านได้แล้ว แต่ต้องมาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้ตัวเอง...อนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้ ....... ทำไมต้องถามว่า ทำไมคุณถึงอยากทำงานที่นี่ ? จุดมุ่งหมายของ HR : อยากรู้อย่างที่ถาม จุดที่พลาด : ลึกๆแล้วทุกคนอยากได้เงิน ในใจก็อยากได้เงิน อยากได้งาน ไม่มีเงินก็ไม่มีอะไรจะกิน แต่จะตอบว่า "เพราะอยากได้เงินครับ" ถ้าคุณเป็น HR คุณได้ยินคำตอบแบบนี้ คุณจะทำยังไงละ ?? ใช่มั้ย ?? เพราะงั้น คำตอบของเขาก็ต้องสร้างขึ้นมา เพื่อให้โดนใจ HR ส่วนคนอื่นๆที่ตอบแบบไม่เฟค เช่น อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขานี้ที่มาสมัครงาน (เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่าแต่ยังมาสมัคร อันนี้ก็ไม่เฟค เพราะเข้าใจ JD แล้วจึงสมัคร) ก็ถือว่าเป็นผลดีไปที่เขาจริงใจตอบ เป็นต้น ทำไมต้องถามว่า ทำไมคุณจึงออกจากงานที่เก่า จุดมุ่งหมายของ HR : อยากรู้อย่างที่ถาม (อ่านจุดผิดพลาดต่อเลยนะ) จุดที่พลาด : เหตุผลเดียวในการออกจากงานที่เก่าคือ "การทำงานที่เก่า มีผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ตอบไม่ดี"  เขาจึงออกจากการทำงานที่เก่า....... ที่ทำงานอาจดีมาก เพื่อนๆดีจริงใจ ระบบงานดี แต่เงินเดือนน้อย จะกินอะไรไปไหนก็ลำบาก  หรืองานก่ามันเฉื่อย เบื่อ ไม่ท้าทาย ทำให้ไม่ได้พัฒนา ฯลฯ แบบนี้คุณภาพชีวิตก็ไม่ดี หรือที่ทำงานเงินเดือนเยอะ แต่เพื่อนทุเรศ แทงกันตลอด ก็เลยออกจากงาน เหตุผลมันร้อยแปด ........... "เพราะก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเจอคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ไหม ? แต่สำหรับฉันแล้ว คุณภาพชีวิตฉันแย่พอแล้วกับที่นี่ ฉันจึงจำเป็นต้องออกมา อนาคตมันอาจจะดีกว่าหรือไม่ดีกว่าก็ได้ แต่ปัจจุบันประเมินแล้วว่าไม่ดี จึงต้องออก" เหตุผลที่จะอธิบายยืดยาว เงินเดือนน้อยมั่ง ไกลบ้านมั่ง ฯลฯ มันปลีกย่อย และคนตอบเขาไม่เต็มใจจะตอบหรอก เพราะคำถามพวกนี้ คนตอบเขารู้ว่ามันทำให้ HR บีบคนตอบได้ เช่นว่า ออกเพราะเงินเดือนน้อยครับ HR จะสวนกลับว่า อ้าวถ้าเราให้เงินเดือนคุณเท่านี้ แล้วมีที่ใหม่ให้คุณเยอะกว่า คุณก้ต้องออกจากเราไปสิ.......................ประทานโทษครับ จะเอาชนะกันเหรอครับ มนุษย์ทำงาน มีประสบการณ์มากขึ้น เก่งขึ้น ก็ต้องก้าวหน้ากันเป็นธรรมดาครับ  .....  จบมาด้านเกี่ยวกับจิตวิทยามนุษย์น่าจะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์นะเนี่ย ทำไมต้องถามว่า คุณจะทำอะไรให้บริษัทบ้าง จุดมุ่งหมายของ HR : อยากรู้อย่างที่ถาม อยากรู้ถึงความทุ่มเท จุดที่พลาด : บริษัทบอกคำตอบกับคนตอบไปเองแล้ว ว่าจะให้เขามาทำอะไร ในประกาศ์รับสมัครงาน บอกว่ารับบัญชี นักบัญชีก็มา candidate แล้ว คงจะไม่ให้นักบัญชีคนนี้ไปตำส้มตำมั้งครับ ? เหตุผลที่น่าสนใจคือ ก็บริษัทคุณ ขาดคนที่จะมาทำงานในตำแหน่งนั้น แล้วยังจะมาถามเขากลับอีกว่าจะให้เขาจะทำอะไรให้บริษัทบ้าง แปลกๆนะครับผมว่า - -' เดี๋ยวนึกออกมาต่อ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 19:19:07

ความคิดเห็นที่ 100 แค่ตอนสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยยังเครียดเลย อ่านกระทู้นี้เครียดกว่า!!! ขอถามบ้างค่ะ มีตอนเรียนปีนึง เพื่อนจดตารางสอบไฟนอลวิชานึงผิด ที่จริงสอบเช้า แต่จดมาบ่าย เราก็จดตามเพื่อนไปด้วย ปรากฏว่าวันสอบจริง ลงมาซื้อข้าวกินตอนเที่ยง เจอเพื่อนอีกคนถามว่าทำข้อสอบได้มั้ย ก็เลยตกใจมาก กลายเป็นว่าเค้าสอบไปตอนเช้าแล้ว พอไปหาอาจารย์ อาจารย์ก็บอกว่าช่วยไม่ได้ คุณก็ทำรายงานมาดีๆแล้วกัน แล้วผลสอบได้ D แต่วิชานี้บังคับ C สรุปก็เลยต้องรีเกรด ถ้ารีเกรดใหม่แล้ว เกรดเดิมก็จะไม่รู้ใช่มั้ยคะว่าได้เท่าไร หรือว่าเค้าจะบอกให้รู้ ถ้าบอกให้รู้ ตอนไปสมัครงานก็แย่เลยอ่ะสิ ถ้าคนสัมภาษณ์ถาม ก็ต้องตอบตามความจริงใช่มั้ยคะ แล้วเค้าจะคิดว่าเราไม่มีความรับผิดชอบหรือเปล่า เครียด!!!  T___T จากคุณ : ฮวานโต๋น่อย เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 20:23:38

ความคิดเห็นที่ 101 ครั้งตอนผมสมัครงาน เทสข้อสอบผ่าน แล้วก็ไปสัมภาษณ์กับผู้บริหาร ก็ปรากฏว่าผ่าน เเล้วประชาสัมพันธ์ก็พาไป ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบุคคลนึกว่ามาให้สัมภาษณ์ เจ๊แกก็สัมภาษณ์ผม ก็ทำหน้าเหมือนจะสัมภาษณ์ไม่ผ่าน หารู้ไม่ว่า ผู้บริหารรับKUเข้าทำงานแล้ว หลังคุยไปได้ประมาณ20กว่านาที ผมมาเฉลย ว่าเค้าเอาผมเข้าทำงานแล้ว เจ๊แกทำหน้าเหวอเลย    ถ้าสัมภาษณ์กะแกก่อน เผลอๆ โดนขยำใบสมัครทิ้งแน่ๆ สรุป เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า HR กับ ระดับผู้บริหาร มุมมองไม่เหมือนกันจริงๆ ส่งท้าย... มีตอนนึง HR ถามผมมีแฟนไหม๊ ผมก็บอกมี คบๆ อยู่ไว้ 3 คน แต่ไม่ได้จริง[^_^]มากมาย ทำหน้าตาหยั่งกะโกรธผมมาเป็นชาติ จากคุณ : ... .. ... (เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดยาดอง) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 20:54:15

ความคิดเห็นที่ 102 เคยโดนเรียกไปสัมภาษณ์บริษัทอุปกรณ์ไอทีชื่อดังที่นึง มีการทดสอบการพิมพ์ไทย อังกฤษ พี่เค้าบอกให้พิมพ์ตามในชีสทั้งหมด รวมกันประมาณ 4 หน้า เรื่องพิมพ์ไม่มีปัญหาค่ะ ไม่เกิน 15 นาทีก็เสร็จ แต่พอเสร็จแล้วก็ให้มานั่งรอสัมภาษณ์อยู่อย่างงั้น นัด 11 โมงจนบ่ายสองกว่าก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์ สุดท้ายบอกว่าวันนี้หัวหน้าไม่อยู่ค่ะ เดี๋ยวจะติดต่อกลับไปนะคะ (แอบปรี๊ดแตกในใจแล้ว) เลยตอบกลับไปว่า ได้ค่ะ อย่าลืมตรวจเอกสารที่ให้พิมพ์นะคะ ต้นฉบับเขียนคำผิดทั้งไทย อังกฤษ เป็นสิบๆจุด ดิชั้นก็เขียนตามเอกสารที่ผิดทั้งหมดน่ะค่ะ เดี๋ยวผิดคำสั่งน่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ (พร้อมยิ้มหวานๆไปทีนึง) จากคุณ : dreammyoye เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 21:05:41

ความคิดเห็นที่ 103 สัมภาษณ์งาน พยายามจริงใจ ให้มากที่สุดครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล HR ที่ดีจะรู้เจตนารมย์เราได้เลย ถึง profile เราจะไม่ดี ถ้าเราไม่ได้งาน แสดงว่าเราคงไม่เหมาะกับองค์กรเค้า ถึงโกหกจนเข้าไปได้ ก็เข้ากับองค์กรไม่ได้อยู่ดี อย่าไปเสียใจ   สิ่งสำคัญ คือ ถามตัวเองว่าอยากทำงานนั่นจริงๆรึเปล่า สร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับตัวเอง แล้วก็ พยายามแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจริง เพราะเคยไปสัมภาษณ์กับบริษัทที่สมัครเผื่อๆไว้สำรอง ไมได้อยากทำอะไรมากมาย ลองเตรียมตัวตอบคำถามดีๆ สุดท้ายก็ไม่ได้งานจริงๆ ในขณะที่ไปสัมภาษณ์บริษัทที่อยากทำ มันมีความรุ้สึกว่าอยากทำจริงๆ ถึงกับทำ portfolio ว่าตอนเรียนเคยทำอะไรมาบ้าง เรียนอะไรมา thesis เอย term project รางวัลที่เคยได้มาบ้าง อธิบายเป็นฉากๆ ก็ได้งานตลอด รู้สึกเลยว่าตัวเอง active กว่าปกติจริงๆ เลยอยากจะบอกว่า ความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของผู้สมัคร คนสัมภาษณ์ที่โปรแล้ว ดูออกได้แน่นอน โดยที่ไม่ต้องมานั่งถามคำถามน่าเบื่อเหล่านั้นเลย   จาก ปสก. ส่วนตัวจบใหม่ สัมภาษณ์งาน 7 ที่ 5 ที่ ตอบตรงๆไม่คิดอะไรเลย ได้ 4 ที่ อีก 2 ที่ ตอบแบบเตรียมตัวมา พูดให้น่าฟัง ได้ 0 ที่ ครับ จากคุณ : TaKoYaKi BOY เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 21:12:51

ความคิดเห็นที่ 104 ความคิดเห็นที่ 100 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน แล้วผลสอบได้ D แต่วิชานี้บังคับ C สรุปก็เลยต้องรีเกรด ถ้ารีเกรดใหม่แล้ว เกรดเดิมก็จะไม่รู้ใช่มั้ยคะว่าได้เท่าไร หรือว่าเค้าจะบอกให้รู้ ถ้าบอกให้รู้ ตอนไปสมัครงานก็แย่เลยอ่ะสิ ถ้าคนสัมภาษณ์ถาม ก็ต้องตอบตามความจริงใช่มั้ยคะ แล้วเค้าจะคิดว่าเราไม่มีความรับผิดชอบหรือเปล่า เครียด!!!  T___T จากคุณ : ฮวานโต๋น่อย เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 20:23:38 [แก้ไข] ตอบความจริง ใช่ครับ แต่ ความจริงในกรณีนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ถูก หรือ ผิด ตอบความจริงไป เค้าอาจจะไม่สนใจ หรือ สนใจ ก็ได้ อาจจะมีผล หรือไม่มีผล ในการรับเข้าทำงานก็ได้ แค่เรื่องเกรดตัวเดียว มันไม่มีผลอะไรมากมายกับชีวิตหรอกครับ ผมเองยังมี F ให้เขาเห็นเลย ก็ไม่เห็นเค้าจะสนใจ ก็ยังรับเข้าทำงาน ในขณะเดียวกันบางที่ได้ D+ เค้าอาจจะจี้สุดๆๆๆๆก็ได้ว่าทำไมๆๆๆๆๆ อย่าไปคิดมาก เรื่องอนาคตน่ะครับ อย่าไปกังวลถึงปัญหาที่ยังไม่เกิด ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ ส่วนความรับผิดชอบ ไม่ต้องอะไรมาก ถ้ายังเรียนอยู่คือ ทำให้ตัวเองอยู่รอดไปจนจบได้ โดยที่พึ่งตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าพึ่งคนอื่น ทำอะไรด้วยตัวเองครับ แค่นี้เราก็มีความรับผิดชอบในระดับนึงแล้ว ไม่ต้องรอคนอื่นมาตัดสิน โตขึ้นเราก็จะมีนิสัยแบบนี้ติดตัวไป สิ่งที่เรารับผิดชอบมันก็จะใหญ่ขึ้นไปตามวัยวุฒิ คุณวุฒิครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 22:37:41

ความคิดเห็นที่ 105 จริงๆแล้วตามความเห็นของเรา HR ควรมีหน้าที่เบื้องต้นในการดูใบสมัคร หรือ CV ค่ะ ส่วนการสัมภาษณ์ควรต้องให้หัวหน้าสายงานนั้นๆ สัมภาษณ์ เพราะ HR ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องสายงานนั้นๆ โดยตรงจ้ะ เพราะหัวหน้าสายงานนั้นๆ จะสัมภาษณ์ในเนื้องานซะมากกว่าจะถามว่า บอกข้อดีหรือข้อเสียของตัวเอง ทำไมเกรดได้แค่นั้นแค่นี้ เราสัมภาษณ์พนักงานบัญชีเราไม่เคยถามเรื่องเหล่านี้เลยค่ะ เราสนใจ ความเข้ากันได้ของเรากับเค้าว่าจะทำงานด้วยกันได้ไหม เรื่องเก่งไม่เก่งเนี่ย เราไม่ค่อยคิดมากนะคะ เพราะคนเราฝึกฝนกันได้หากมีความตั้งใจหน่ะค่ะ บริษัทฯ เลือกพนักงานก็จริง แต่พนักงานก็เลือกบริษัทฯเหมือนกันนะจ้ะ จากคุณ : เมเนจ่วย (Armaroundme) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 22:50:23

ความคิดเห็นที่ 106 แรกๆ ผมตอบให้ดูีดีครับผมว่าผมก็เนียนนะ 555 ก็ได้งานบ้างไม่ได้บ้าง แต่ Profile ผมคงดีมั้งก็เลยสบายๆ ไม่ได้อะไร แต่พอเข้ามาทำงาน6เดือนกับที่แรก แล้วลาออก ไปสัมภาษณ์งานทั้งที่ตรงสายบ้างไม่ตรงสายบ้าง และตรงกับงานเก่าที่ทำแต่ไม่ได้อยากทำบ้าง ผมเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นผมได้งานหมด ซึ่งบางทีผมคิดว่าไม่ได้แน่ๆ แต่ก็ยังได้ เพราะบางครั้งผมรู้สึกว่าผม be myself มากไปหน่อย 55 สัมภา่ษณ์กับคนมาเลย์ ผมเคยพูด แบบ Sorry but I have to say, I've been through those kind of extreme environment. Once, I have to stay in boiler for like 3 hours and it so fuxking damn hot, you know? 5555 คนสัมภาษณ์ผม 2 คน ถึงกับอึ้ง555 แต่ผมก็ผ่านนะ จากคุณ : Fatalbringer เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 04:22:36

ความคิดเห็นที่ 107 ขอแชร์บ้างค่ะ เรื่องการนัดหมายผิดพลาด นานแล้วค่ะ แต่อยากแชร์ให้ Hr ทราบบ้างค่ะ เราอยู่ชลบุรี สมัครงานบ. สีแห่งหนึ่ง (มหาชน) มีโรงงานอยู่ชลบุรี โทรมานัดเราให้ไปสัมภาษณ์กับ HR ที่กรุงเทพ แต่ถ้าได้งานก็จะได้ทำที่โรงงานชลบุรี พอถึงวันนัด เราตื่น ตี 5 นั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไปศรีราชาทัวร์ 30 บาท นั่งรถทัวร์เข้าเอกมัย 88 บาท นั่งรถไฟฟ้าไปลง อโศก 40 บาท นั่งรถไฟใต้ดินไปลงลาดพร้าวราคาประมาณ 30 บาท ต่อด้วยแท๊กซีประมาณ 100 บาท ไปลงที่หน้าบริษัท ซอยเสนา ที่ต่อแท๊กซี่เพราะกลัวหลงไปไม่ถูก และกลัวไปไม่ทันเวลานัดหมาย นัด 10 โมงเช้า พอไปถึง รปภ.ถามว่ามานัดสัมภาษณ์งาน ได้ไง ฝ่ายบุคคลไปโรงงานชลบุรี แป๋ว!!!! แถมพอเราโทรไปหา hr คนที่นัด เขาบอกให้เรากลับบ้านไปก่อน ไว้จะนัดใหม่วันหลัง เราเลยบอกว่า ไม่มาแล้ว นั่งรถมากี่ต่อเนี่ย แล้วมาเจออย่างเนี้ย จ่ายค่ารถคืนมาเลย  ซักพักเขาก็ขอโทษ อยากให้ HR ระวังเรื่องการนัดหมายด้วยนะค่ะ เพราะการไปสัมภาษณ์แต่ละทีมันก็มีค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้าเป็นคนที่ตกงานอยู่ด้วย นะค่ะ เรื่องนี้นานแล้วแต่จำไม่ลืมค่ะ จากคุณ : BEE1991 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 08:45:04

ความคิดเห็นที่ 108 อ้อ ลืมบอก ว่าลำบากมากตอนที่ไม่ได้สัมภาษณ์แล้วต้องกลับบ้านนะค่ะ ฝนตก แถมในซอยนั้นไม่มีรถผ่าน  ยืนรอฝนหยุดตรงป้อมยามตั้งนาน จนคนในบริษัทสงสารขับรถมอเตอร์ไซด์ไปส่ง แบบเปียกๆๆ จากคุณ : BEE1991 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 08:48:10

ความคิดเห็นที่ 109 ผมต้องขอขอบคุณ จขกท ด้วยนะครับที่เข้ามาแชร์ให้พวกเราได้อ่านกัน และคนอื่นๆด้วยที่มาแชร์กันทำให้มีความรู้กันมากขึ้น ต้องขอบคุณ จขกท ที่เปิดประเด็นให้ครับ ข้อเสียของ HR มีอีกอย่างนึงก็คือ HR จะมองว่านายจ้างนั้นถูกเสมอ นั่นเป็นเพราะแรง force ที่มาจาก JD ของเค้านั่นเอง hr เลยมีมุมมองให้กับ candidate คล้ายๆกัน คุณเป็น Candidate คุณก็ต้องง้อบริษัทสุดฤทธิ์ จะมาสัมภาษณ์แล้วนั่งรอนาน มาสัมภาษณ์มาลำบาก อะไรเงี้ย HR จะนิ่งๆ ไม่ค่อยสนใจ เพราะเขาคิดว่า candidate ต้องทุ่มเทให้บริษัทให้เขาเห็นตั้งแต่แรก  คุณต้องทนได้สิ อะไรประมาณนั้น .....ผมเองก็ไม่รู้กระบวนการคิดของ HR หรอกว่าคิดแบบนี้มันถูกต้องมั้ย ? แต่ถ้าผมเป็น HR บ้าง 1. เวลาผมรับปากเรื่องงาน เช่น ส่งงานวันไหน สัมภาษณ์คนกี่โมง ผมจะพยายามทำให้ตรงเวลา เพราะมันมีผลกระทบต่อคนอื่นๆ 2. ผมไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการที่เหมือนใคร (การสัมภาษณ์) แต่ให้ผลลัพธ์ออกมาที่วัดผลได้  ..... ต่างจากสมัยนี้ที่ถามแบบสำเร็จรูป  เพราะวิธีการมันง่าย ส่วนผลลัพธ์ก็พอจะรู้ (ถึงแม้จะมีเฟคบ้างก็ตาม) 3. ผลงานของ HR คือการออกใบเตือน ระบบเวลาเข้างาน time attendance ฯลฯ ซึ่งมันเป็นเรื่อง ลบๆ แต่การให้รางวัลพนักงานที่ทำงานได้ดี ก็เป็นผลงานของ HR เหมือนกัน HR ที่ดีต้องอยู่ตรงกลาง ระหว่าง พนักงาน กับเจ้าของบริษัท ... ต้องทำงานให้ทั้งสองฝั่งไม่มีใครเอาเปรียบใคร แต่ในความเป็นจริง เจ้าของบริษัท เหมือนมีชนักติดหลังให้ HR เพราะเจ้าของบริํษัทก็จ้าง HRมาทำงานเหมือนพนักงานคนอื่นๆ HR เลยมีความลำเอียง ที่ต้องทำตามใจเจ้าของบริษัทมากกว่าพนักงาน องค์กรแบบนี้จึงน่าสงสาร เพราะเจ้าของวิสัยทัศน์แคบ ไม่รู้จักเลี้ยงคน สร้างคนให้เป็นคนมีคุณภาพ แต่ดันคิดว่าจะใช้คนให้คุ้มสุดๆหรือไม่ก็ใช้คนเกินกำลัง เพราะเงินนี่แหละ......ไม่มีใครเถียงออก "ก็ผมจ้างคุณมา ผมจ่ายเงินให้คุณนี้" จบ.....ข่าว....... HR จึงต้อง force ตัวเองให้เป็นแบบนั้น ทุกวันนี้แผนกทรัพยากรมนุษย์ จึงเป็นแผนกที่ผมคิดว่า น่าจะมีปัญหามากที่สุดในองค์กรของประเทศไทยปัจจุบัน แต่ HR ที่ดีๆก็มีหลายคน ที่สร้างความเท่าเทียมให้กับพนักงาน ยุติธรรม หรือหาโครงการฝึกอบรมให้พนักงานพัฒนาศักยภาพตัวเองอยู่เสมอ พี่ๆ hr ใน บริษัทผมก็น่ารักหลายคน เรื่องฝึกอบรมก็ช่วยๆพวกผมกันดี เห็นความตั้งใจของพี่ๆแล้วผมก็ดีใจไปด้วย เชื่อว่า HR ที่ดีๆยังมีเยอะครับ เป็นกำลังใจให้ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 09:55:44

ความคิดเห็นที่ 110 การเตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานนั้น..เป็นเรื่องที่ดีและควรทำ แต่มีสิ่งที่ควรทำ..ยิ่งกว่านั้น ก็คือการพัฒนาความสามารถด้านต่างๆที่จำเป็น ในการทำงานไว้...ตั้งแต่เมื่อยังเรียนหนังสืออยู่ เมื่อเป็นผู้สัมภาษณ์ ผมจะพยายามมองผู้สมัครให้ทะลุจากเปลือกหรือ สิ่งที่ผู้สมัครเตรียมมา เพื่อที่จะรู้จักพวกเขา ว่าเหมาะกับตำแหน่งหน้าที่หรือไม่? บริษัทมองหาคนที่บริษัทสามารถใช้เป็น "เครื่องมือ" ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนั้นเรา (๑)ต้องมีความสามารถนั้นๆ และ (๒)แสดงให้เห็นในการสัมภาษณ์ ข้อ(๒)สามารถเตรียมในระยะเวลาสั้นได้ ส่วนข้อ(๑)เราต้องเตรียมมาก่อนตั้งนานแล้ว จะทำเหมือนกับมาแต่งหน้าทาปากหน้าห้องสัมภาษณ์...คงไม่สำเร็จหรอก ถามตัวเองว่า เราเป็นคนเชื่อถือได้ใช่ไหม? มีความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในการทำงานพอสมควรไหม? พร้อมทำงานหนักไหม? ถ้าคุณตอบว่า..ใช่ ก็เตรียมเข้ารับการสัมภาษณ์ได้เลย... แม้จะยังไม่ผ่านในการสมัครครั้งแรก...ก็ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวก็ได้เอง ทุกบริษัทมองหา "คนเอาถ่าน" (ภาษาโบราณหน่อยนะ) อยู่เสมอ http://bharot.wordpress.com จากคุณ : bharot (bharot) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 10:27:16