ความคิดเห็นที่ 1 LEARNING ENGLISH เรียนภาษาอังกฤษ WITH กับ MISTERDUNCAN มิสเตอร์ดันแคน LESSON THIRTY SIX บทที่ 36 Phonetics           "Do you know the world of English คุณทราบไหม โลกของภาษาอังกฤษนั้น   is a fun and exciting place to be เป็นที่ที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้น   I'm so glad that you could join me ผมแสนยินดี คุณได้ร่วมกับผม   for another lesson" อีกบทหนึ่ง           LEARNING ENGLISH เรียนภาษาอังกฤษ WITH กับ MISTERDUNCAN มิสเตอร์ดันแคน LESSON THIRTY SIX บทที่ 36 Phonetics         Hi! Everybody... สวัสดีครับ! ทุกๆท่าน ...   This is Misterduncan in   England. นี้คือ Misterduncan ในแดนอังกฤษ   How are you today? คุณสบายดีมั๊ยครับวันนี้?   Are you OK? ... I hope so! คุณสบายดีมั๊ย? ... ผมก็ว่างั้น!   Are you happy? ... I hope so! คุณสุขสันต์ดีมั๊ย? ... ผมก็ว่างั้น!                       In our lesson today we will take a look at the system that is designed to make learning English easier or so we are told. ในบทเรียนของเราวันนี้ จะดูกันที่ระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การเรียนภาษาอังกฤษนั้นง่ายขึ้น อย่างที่พวกเราได้รับทราบกัน   In this lesson we will talk about Phonetics. ในบทเรียนนี้  เราจะคุยกันเรื่อง *************************************** Phonetics สัทศาสตร์     *************************************** (ที่มา วิกิ สัทศาสตร์ (อังกฤษ : phonetics) เป็นสาขาย่อยของภาษาศาสตร์ที่ประกอบด้วยการศึกษาเสียงพูดของมนุษย์ สัทศาสตร์สนใจคุณสมบัติทางกายภาพของเสียงพูด และกระบวนการผลิตเสียงทางกายภาพ การรับรู้ในแง่ของการได้ยิน และการรับรู้ทางกายภาพ การศึกษาสัทศาสตร์เริ่มเมื่อ 2,500 ปีที่แล้วในอินเดียโบราณ โดยปาณินิได้อธิบายถึงฐานและกรณ์ในการออกเสียง พยัญชนะในตำราภาษาสันสกฤตของเขา อักษรอินเดียที่ใช้ในปัจจุบันเรียงลำดับตัวอักษรตามการแยกประเภทของปาณิ นิ...) แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 09:50:56 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 09:39:04

ความคิดเห็นที่ 2 I have something in my hand. Do you want to see it? ผมมีบางอย่างอยู่ในมือผม คุณอยากจะดูมั๊ยครับ?   It’s my big dictionary. ก็คือ พจนานุกรมเล่มใหญ่ของผม(นั่นเองครับ)   There can be no doubt about the popularity of English these days นั่น(อาจกล่าวได้ว่า)ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับ จำนวนของ(คำใน)ภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้ (ปัจจุบันนี้มีคำในภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมาก)   and because of this, many people are taking up the challenge of learning and teaching the language. และด้วยเหตุผลนี้ ผู้คนจำนวนมากได้รับความท้าทายจากการเรียนและการสอนภาษา   Over the years there have been many new ways of overcoming this task. One popular method is to group all of the English sounds into easy to read symbols. มีวิธีการใหม่ๆมากมายของการเอาชนะงานนี้(การเรียน และสอนภาษาอังกฤษ) วิธีหนึ่งที่นิยมกันคือ แบ่งเสียงทั้งหมดในภาษาอังกฤษออกเป็นกลุ่มๆ(ตามกลุ่มเครื่องหมายสัญลักษณ์ แทนเสียง) เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน(ด้วย)เครื่องหมายสัญลักษณ์ต่างๆ   We call this system The International Phonetic Alphabet or IPA for short. เราเรียกระบบนี้ว่า The International Phonetic Alphabet หรือย่อว่า  IPA (อยากดูเต็มๆ เอาชื่อไปเสิร์ชหาตาราง หรือรายละเอียดการออกเสียงได้)   The idea behind this is to make words much easier to pronounce and therefore improve the learner’s level of English much quicker. แนว คิดเบื้องหลัง(การแบ่งตัวอักษรเป็นหมวดหมู่ออกเสียงตามเครื่องหมาย สัญลักษณ์)นี้ เพื่อทำให้คำต่างๆออกเสียงง่ายขึ้น และรวมถึงเพื่อพัฒนาระดับภาษาอังกฤษของผู้เรียน ให้ไวขึ้นมาก   Why do we need Phonetics? ทำไมเราถึงต้องการศึกษาเสียงพูดต่างๆของมนุษย์?   The reason why we need a phonetic code is because some English letters have more than one sound เหตุผลว่า ทำไมเราถึงต้องการศึกษาโค๊ดเสียงพูดต่างๆของมนุษย์ ก็เพราะตัวอักษรภาษาอังกฤษบางตัวมีเสียงมากกว่า 1 เสียง   and because some letters, when joined together in a word actually create a new sound of their own. และเพราะบางตัวอักษรเมื่อรวมเข้าด้วยใน 1 คำ ปกติแล้วจะสร้างเสียงใหม่ขึ้นเอง   Also there is the silent letter that can appear within a word but we will leave that one for another lesson. รวมทั้ง มีเสียงเงียบ(ที่ไม่ออกเสียง)ที่สามารถปรากฏขึ้นในคำ แต่เราจะปล่อยนั้นไว้สำหรับบทเรียนต่อไป แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 09:48:20 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 09:40:28

ความคิดเห็นที่ 3 As you may already know the English alphabet is split into two groups of letters. อย่างที่คุณอาจทราบแล้ว ตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตัวอักษร   They are consonants and vowels. มี กลุ่มสระ และกลุ่มพยัญชนะ   We also use these two groups of sounds to build up the phonetic code. เรายังใช้ 2 กลุ่มเสียงนี้เพื่อสร้าง โค้ดการออกเสียงทางสัทศาสตร์   So let’s take a look at the first group. ดังนั้น มาดูกันที่กลุ่มแรกกันครับ   Consonants กลุ่มพยัญชนะ (as in = อย่างที่ปรากฏใน) g – as in get χ – as in loch ð – as in this j – as in yes tʃ - as in chip ŋ – as in ring ʃ - as in she dʒ - as in jar θ – as in thin ʒ - as in decision   Vowels กลุ่มสระ (as in = อย่างที่ปรากฏใน) æ – as in cat e – as in bed ə - as in father I – as in sit i – as in cosy ɒ - as in hot ʌ - as in run ʊ - as in put ɑ - as in palm œ – as in chair ɜ - as in her i – as in see ɔ - as in saw u – as in too aI – as in my aʊ - as in how eI – as in day  əʊ - as in no Iə - as in near ɔI – as in boy ʊə - as in poor aIə - as in fire aʊə - as in sour แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 09:46:36 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 09:41:49

ความคิดเห็นที่ 4 Are the phonetic sounds useful? การออกเสียงทางสัทศาสตร์ฟังดูจำเป็นมั๊ยเอ่ย?   Some people do not like the phonetic alphabet and believe that บางคนไม่ชอบตัวอักษร phonetic (ตัวอักษรอย่างข้างบน) และเชื่อว่า   it actually makes learning English more complicated and harder to grasp. มันทำให้การเรียนภาษาอังกฤษ(นั้น)ซับซ้อนมากขึ้นและเข้าใจยากขึ้นไปอีกซะจริงๆ   While others think that the codes help to speed up the process of learning English especially for those using it as a second language. ใน ขณะที่คนอื่นๆ(ก็)คิดว่าโค๊ดเหล่านั้นได้ช่วยเร่งกระบวนการการเรียนรู้ภาษา อังกฤษให้ไปรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ที่ใช้(ภาษาอังกฤษ)เป็นภาษาที่สอง   Many students find that having to keep referring to the code takes the fun out of English and it eventually becomes boring and turns to be a chore. นักเรียนจำนวนมากคิดว่าการต้องออกเสียงให้ตรงตามโค้ด ทำให้เรียนภาษาอังกฤษไม่สนุก และกลายมาเป็นเบื่อหน่ายและเปลี่ยนเป็นงานที่น่าเบื่อ   The other problem with phonetics is that it does not take into account the different accents and dialects of all the regions that use English. ปัญหา อื่นเกี่ยวกับ phonetics คือ มันไม่นับรวมถึงสำเนียงต่างๆที่แตกต่างกัน และ ภาษาถิ่นต่างๆ ของเขตพื้นที่ต่างๆทั้งหมดที่ใช้ภาษาอังกฤษ   A good example of this is the varying use of the letter ‘A’ in words such as bath, path and draft. ตัวอย่างที่ดีของนี้คือ การใช้ ตัวอักษร  ‘A’ ในคำต่างๆ อย่างเช่น  bath, path และ draft   These words are spoken differently depending on the local accent and the way in which the words were taught to be pronounced in the first place. คำเหล่านี้พูดต่างกัน ขึ้นอยู่กับสำเนียง(แต่ละ)ท้องถิ่น และวิธีที่คำเหล่านี้ถูกสอนให้ออกเสียงในครั้งแรก           Generally speaking, the phonetic is a great way to learn the various sounds that exist in English. พูดกันอย่างทั่วๆไปนะครับ  การออกเสียงทางสัทศาสตร์เป็นวิธีการที่ดีเยี่ยมเพื่อเรียนเสียงที่หลากหลายต่างๆที่มีอยู่จริงในภาษาอังกฤษ   But my advice is not to rely on it too much. แต่คำแนะนำของผมคือ อย่าเชื่อมันมากเกินไป   Try to get used to remembering the formulation of letters and how they vary from word to word. พยายามให้ชินกับการจำสูตรการสร้างคำต่างๆ และ วิธีการที่คำพวกนี้แตกออกไปหลากหลายอย่างไร จากคำหนึ่งไปสู่อีกคำหนึ่ง   Finally, beware of how much you rely on phonetics, as it can slow down your improvement ท้ายที่สุดแล้ว ระวังว่าคุณเชื่อมั่นในวิธีการออกเสียงทางสัทศาสตร์มากเท่าใด มันก็สามารถทำให้คุณพัฒนาไปได้ช้าเท่านั้น   or at the very worst, make the subject of English become boring and dull. หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ทำให้วิชาภาษาอังกฤษ(นี้) กลายมาน่าเบื่อและเซ็ง   Before I finish my lesson today I would like to say a special ‘Hello’ to my new friends watching in... ก่อนที่ผมจะสิ้นสุดบทเรียนของผมวันนี้ ผมอยากจะกล่าว สวัสดีเป็นพิเศษ แก่เพื่อนใหม่ของผมที่ชมอยู่ใน...   Argentina, Brazil, China, Italy, Japan, Malaysia, Mexico, Pakistan, Poland, Spain and The United Kingdom.    This is Misterduncan in England saying thank you for joining me today and I will see you all again very soon. นี่คือมิสเตอร์ดันแคนในแดนอังกฤษ กล่าวขอบคุณสำหรับการร่วมกันกับผมในวันนี้ และผมจะพบคุณทุกท่านอีกครั้งอย่างรวดเร็ววัน   Ta-ta for now!   ที่มา pantip/K11944912 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 09:45:33 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 09:44:21

ความคิดเห็นที่ 5 LEARNING ENGLISH เรียนภาษาอังกฤษ WITH กับ MISTERDUNCAN มิสเตอร์ดันแคน LESSON THIRTY SEVEN บทที่ 37 Fashion จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:29:30