 |
เมื่อวานจากเย็นเรื่อยไป ได้แต่นั่งอ่านตาปริบๆ โพสต์ไม่ได้เพราะเน็ตรวน ตอนนี้รู้สึกว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว ขอโพสต์สักหน่อย ก่อนมันจะเดี้ยงไปเสียอีก :)
ต้องบอกว่ากระทู้นี้มีประโยชน์จริงๆ กระทู้ถกธรรมในห้องนี้เกี่ยวกับกรณีเกย์ กะเทย บวชได้หรือไม่ ได้อ่านมาหลายครั้ง แต่ว่า ยังไม่เคยมีท่านใดได้ยกอรรถกถาที่แสดงว่า บัณเฑาะก์ 2 ประเภทสามารถบวชได้ อีก 3 ประเภทห้ามบวช มาแสดงเลย ก็ได้เห็นได้อ่านกันคราวนี้ ต้องขอขอบคุณคุณชาวมหาวิหารที่นำมาแสดงให้ดู รวมทั้งได้อภิปรายขยายความตอบข้อสงสัยร่วมกันกับคุณระนาดเอก
ทีนี้ ข้อสงสัยที่ตั้งใจจะโพสต์ตั้งแต่เมื่อวานแต่โพสต์ไม่ได้ก็ขอโพสต์ไว้เพื่อศึกษาร่วมกัน
คือจาก คห.19 ของคุณระนาดเอก ในย่อหน้าที่ว่า
สรุปได้ว่า แม้เป็นอุภโตพยัญชนก อันเป็น "กะเทยในอุดมคติ" ก็ยังบวชได้ เพราะความข่มกลั้นระงับกิเลสในใจ มิให้เกิดความยินดีทะยานขึ้นมาครอบงำใจ การแปลงร่าง แปลงองค์กำเนิดให้ผันแปรเปลี่ยนเพศฉับพลัน ก็จะไม่ปรากฏขึ้นเลย ตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ จึงไม่สำคัญว่าเขาปฏิสนธิเป็นกะเทยหรือไม่
สำคัญตรงที่ ภาวรูป ที่มีแต่กำเนิด และ รูปสัณฐานบ่งบอกเพศในขณะแสดงเจตนาขอบวช เป็นเพศอะไร
แต่ในพระวินัย พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติห้ามการอุปสมบทของอุภโตพยัญชนกไว้ และในอรรถกถา ซึ่งอธิบายก็ไม่มีระบุว่า อุภโตพยัญชนกจะสามารถอุปสมบทได้ ก็เลยขอนำมาให้ช่วยกันพิจารณา เผื่อว่า ข้าพเจ้าอ่านคนเดียวอาจเข้าใจไม่ทั่วถึง
-----------------
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 333 (จากฉบับมหามกุฏฯ)
เรื่องห้ามอุปสมบทอุภโตพยัญชนก
[๑๓๒] ก็โดยสมัยนั้นแล อุภโตพยัญชนกคนหนึ่งได้บวชในสำนัก ภิกษุ เธอเสพเมถุนธรรมในสตรีทั้งหลาย ด้วยปุริสนิมิตของตนบ้าง ให้บุรุษ อื่นเสพเมถุนธรรมในอิตถีนิมิตของตนบ้าง ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันคือ อุภโตพยัญชนก ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่ อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.
อรรถกถาอุภโตพยัญชนกวัตถุ บทว่า อุภโตพฺยญฺชนโก มีอรรถวิเคราะห์ว่า นิมิตเครื่องปรากฏ ที่ตั้งขึ้น โดยกรรม ๒ อย่าง คือ โดยกรรมเป็นเหตุยังอิตถีนิมิตให้เกิดขึ้น ๑ โดยกรรมเป็นเหตุยังปุริสนิมิตให้เกิดขึ้น ๑ ของบุคคลนั้นมีอยู่ เหตุนั้น เขา ชื่ออุภโตพยัญชนก. บทว่า กโรติ มีความว่า ย่อมทำตนเองด้วยความละเมิดด้วยอำนาจ เมถุนในสตรีทั้งหลาย ด้วยปุริสนิมิต. บทว่า การาเปติ มีความว่า ย่อมชวนบุรุษอื่นให้ทำความละเมิด ด้วยอำนาจเมถุน ในอิตถีนิมิตของตน.
อุภโตพยัญชนกนั้น มี ๒ ชนิด คือ สตรีอุภโตพยัญชนก ๑. บุรุษ- อุภโตพยัญชนก ๑. ใน ๒ ชนิดนั้น อิตถีนิมิตของสตรีอุภโตพัญชนกปรากฏปุริสนิมิต เป็นของ ลี้ลับ; ปุริสนิมิตของบุรุษอุภโตพยัญชนกปรากฏอิตถีนิมิตเป็นของลี้ลับ เมื่อสตรีอุภโตพยัญชนกทำหน้าที่ของบุรุษในสตรีทั้งหลาย อิตถีนิมิตรย่อมเป็น ของลี้ลับ. ปุริสนิมิตปรากฏ; เมื่อบุรุษอุภโตพยัญชนกเข้าถึงความเป็นสตรี สำหรับพวกบุรุษ ปุริสนิมิตเป็นของลี้ลับ อิตถีนิมิตปรากฏ.
เหตุซึ่งทำให้ต่างกันแห่งอุภโตพยัญชนก ๒ ชนิดนั้นดังนี้ คือสตรี อุภโตพยัญชนกมีครรภ์เองด้วย, ให้สตรีอื่นมีครรภ์ได้ด้วย; ส่วนบุรุษอุภโต พยัญชนกมีครรภ์เองไม่ได้ แต่ให้สตรีอื่นมีครรภ์ได้.
แต่ในอรรถกถากุรุนทีท่านแก้ว่า ถ้าเพศชายเกิดในกำเนิดคือปฏิสนธิกาล เพศหญิงย่อมเกิดต่อเมื่อความกำหนัดในบุรุษเป็นไป, ๑ ถ้าเพศหญิงเกิด ในกำเนิด คือปฏิสนธิกาล เพศชายยอมเกิดต่อเมื่อจาความกำหนัดในสตรีเป็นไป๒
ลำดับแห่งวิจารณ์ในความเกิดแห่ง ๒ เพศนั้น บัณฑิตพึงทราบพิสดาร ในอรรถกถาธรรมสังคหะชื่ออัฏฐสาลินี.๓ ส่วนในบรรพชาธิการนี้ พึงทราบสันนิษฐานแม้นี้ว่า บรรพชาอุปสมบท แห่งอุภโตพยัญชนกทั้ง ๒ ชนิดนี้ ไม่มีเลย.
อรรถกถาอุโตพยัญชนกวัตถุ จบ ------------------------------
๑,๒. ปวตฺเต น่าจะหมายความว่า ในปวัตติกาล. ๓. อฏฺฐาสาลินี. ๔๖๗-๔๗๐.
แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 54 13:07:49
จากคุณ |
:
ชาล้นถ้วย
|
เขียนเมื่อ |
:
12 เม.ย. 54 13:02:32
|
|
|
|
 |