Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มีเรื่องน่าอายจะเล่าให้อ่านค่ะ ติดต่อทีมงาน

มีเรื่องน่าอายจะเล่าให้อ่านค่ะ มันอาจจะไม่เกี่ยวกับโต๊ะเครื่องแป้งโดยตรง แต่เกี่ยวกับสาวๆแน่นอนค่ะ
พอดีไปอ่านกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q10721458/Q10721458.html ของคุณ LadyJadeYokim เข้า
อ่านไปจนถึงความเห็นที่ 140 ตามลิ้งนี้ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2010/12/L10057840/L10057840.html ไปเป็นกระทู้ของ  บาคาร่าคุง เลยอยากแชร์ประสบการณ์ แต่ว่าเกรงจะพิมพ์ยาว เลยตั้งกระทู้ใหม่เลยละกัน

เราเคยเป็นทั้งตกขาว แบบคันๆสีเขียว แล้วก็ทั้งบาร์โธลินซีด
ตอนที่เป็นตกขาวสีเขียวอ่ะ ยังอยู่ปี1 อยู่หอ ไกลคนที่บ้านแถมยังอายหมอด้วย
เข้าใจว่าเรารักษาความสะอาดไม่ดี เราคันมากๆๆ เราเอานิ้วล้วงเข้าไปกวาดเอาสีเขียวๆออกมา
โอ้โหเยอะมากกก หายคันไปแป๊บนึง แต่เดี๋ยวๆก็คันอีก
ทีนี้ตอนหลัง เราเลยเอาแลกตาซิดสวนล้างเลย ทำอยู่สองสามวันก็เริ่มหายคัน
มันเป็นวิธีที่คิดเองอ่ะ 55+ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเน้อ
ก็ได้กลับบ้านพอดี ก็ไปหาหมอ หมอไม่ได้ตรวจอะไร ให้ยามากินแล้วก็ยาเหน็บ


จนเมื่อกลางปีที่แล้วเราเริ่มเป็นก้อนที่ตรงนั้น ตอนแรกยังชิวๆอยู่ คิดว่าจะต้องหาหมออยู่เหมือนกัน
คลำๆดูก็เจอว่ามันเป็นก้อนเล็กๆ แถมกลิ้งได้เล็กน้อยอีกด้วย 55 ยังไม่เจ็บไม่อะไรทั้งนั้น
พอไปหาหมอสูติวันนั้นไม่มีหรือไปประชุมไม่รู้ รอนานรอไม่ไหวเลยไม่ได้หา
ทิ้งช่วงออกไปเกือบๆสัปดาห์ คราวนี้เริ่มไม่ไหวละบวมมากๆ เดินแทบไม่ได้
เราลางานลากสังขารไปหาหมอเลย แบบว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ
มันบวมขนาดนิ้วโป้งของผู้ชายอ้วนๆเลย ขึ้นขาหยั่งให้หมอดูเป็นครั้งแรก
หมอถามจะกินยาดูอาการก่อนรึจะกรีดระบายแบบฝี
ไอ้เราก็นะ  ถ้ามีทางเลือกก็ขอเลือกกินยาก่อนละกัน ไม่กล้าหักดิบ
ทรมาณมากสองวันที่กินยา มันไม่หายไม่ยุบ กลับเต่งตึงขึ้นเรื่อยๆ แม่เจ้า
ไปรพ.เราใส่กระโปรงไปนะ กกน.ก็ไม่ได้ใส่ 55+ ก็มันใส่ไม่ได้แล้วนี่ มันสีก็เจ็บ
คืนนั้นทั้งคืนเรานอนไม่หลับเลย พอไปนั่งรอหมอก็คลื่นไส้ อ้วกออกมา
แล้วมันคงจะสะเทือน เรารู้สึกว่าช่วงล่างมันเปียกๆ เราเอามือจับดู มันแตก
เลือดไหลเต็มเลย เราเกือบเป็นลม พยาบาลเชิญเข้าห้องเลย
คนที่เขานั่งข้างๆเรา เขาถามว่าน้าเราว่า เราตกเลือดเหรอ
โอ้ยยย ตายแล้ว อันนี้ซิที่เสียหายหลายแสน 55+
หมอให้ไปนอนรอ ผ่าตอนบ่าย
ตอนเข้าห้องตรวจน้าเข้าไปดูด้วย คือเราไม่ได้บอกที่บ้านว่าเป็นอะไรนะค่ะ
แล้วน้าโทรไปโวยแม่ใหญ่เลย ทำไมไม่ดูลูกปล่อยให้ลูกเป็นเยอะยังงี้ได้ไง
แม่เราเขาไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรไง รู้แต่เป็นฝี แม่ลางานกลับมาดูเราเลยค่ะ


บ่าย4 เข้าห้องผ่าตัด กรีดระบาย แต่ตอนนั้นเราไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่แล้ว ก็เมื่อเช้ามันแตกแล้วไง
พอตอนผ่ายาชามันไม่ค่อยออกฤทธิ์ดีเท่าไหร่ หมอก็ผ่าเลย โอ้โห กรี๊ดลั่นเลยค่ะ
หนังสยองขวัญดีดีนี่เอง แถมยังโดนกับตัวเองอีก
กรี๊ดลั่นห้องเลยค่ะ ร้องไห้ สะอื้นแบบว่ามากๆอ่ะ
หมอกรีด หมอรีด หมอเค้นหนองออกมา หมอเย็บแผล เรารับรู้ทั้งหมดอ่ะ
OK เป็นผ่าตัดเล็ก เสร็จแล้วกลับบ้านได้
อาบน้ำเสร็จก็แช่น้ำด่างทับทิมเป็นการล้างแผล แล้วเอาทิชชู่ซับให้แห้ง เช้าเย็น
1 สัปดาห์ หมอให้หยุดอยู่บ้าน จะได้ไม่ไปโดนเชื้อโรคที่อื่น เพราะมันยังไม่ยุบดีซะทีเดียว
แล้วแผลมันก็ค่อยๆหาย เราก็ลัลล้า แต่ก็ปฎิบัติตัวตามหมอสั่งทุกอย่าง

จนสามเดือนต่อมา เป็นอีกละ ข้างเดิมเลย คราวนี้เราเห็นเร็ว มันยังเป็นเม็ดเล็กๆ
เราเลยรีบไปหาหมอ กินยามันก็ยุบหายไป

อีกเดือนต่อมา เป็นอีก ข้างเดิม  มันปูดเป็นเม็ดใหญ่ละแต่ไม่เท่าครั้งแรก
เราไปหาหมอ เราตัดสินใจให้หมอกรีดทันที ยอมหักดิบจะได้เจ็บน้อยวันหน่อย 55+
แต่คราวนี้ ที่ไหนได้ มันเป็นฝีแต่มันกินจากด้านในมันเลยดูเหมือนว่าไม่ค่อยปูดเท่าไหร่
แล้วก็มารู้จากหมอว่า ที่เราคิดว่ายาชามันไม่ออกฤทธิ์นั้นมันไม่ใช่
แท้จริงแล้วฉีดไปโดนหนองที่อยู่รอบๆซีดต่างหาก ยาชาเลยออกฤทธิ์ไม่ดี
คราวนี้ก็เจ็บจริงไม่ใช้สแตนอินอีกแล้ว แถมยังรู้สึกว่ามากกว่าเดิมอีก
ร้องไห้จนมันหยุดไม่ได้อ่ะ ร้องจนถึงห้องพักจนหลับเลย
หมอให้นอนรพ.ดูอาการ 1 คืน เราปวดพยาบาลก็มาฉีดยาให้
แต่กลับไปซิแย่ เรารู้สึกว่านอนไม่หลับเลย ทุกวันที่กินยา
พอไปหาหมอตรวจอาการ เลยขอยานอนหลับมาด้วย
พอหายดีก็ลัลล้าไป


จนเมื่อต้นปีนี้เองไปเที่ยวฮ่องกง แล้วเราก็เป็นอีกแล้ว คราวนี้มันย้ายมาอีกข้าง
มารู้สึกตัวว่าเป็นก็วันที่สองที่อยู่ฮ่องกง และยังต้องอยู่ฮ่องกงอีกสองวัน
มันค่อยๆปูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจเราเลย
จนวันสุดท้ายไปดิสนี่ย์แลนด์กัน เราอยากจะบินกลับบ้านเองเลยในวันนั้น
แต่ทำไม่ได้ เพราะไปกันหลายคน
พี่ๆเพื่อนๆ ก็ไปเล่นนู่นนี่ สนุกสนานกัน แต่เรา เรา นั่งแค่รถไฟรอบสวนสนุกเอง TT__TT
บอกพี่ไปว่า "เออ พี่ไปเล่นเหอะ เล่นเสร็จมาค่อยกลับมารับหนูนะ"
ระหว่างนั้นเราก็กินยาแก้ปวดท้องเมนส์ พอนสแตน ชม.ละเม็ด
มันก็เลยทำให้เราพอเดินไปโน่นนี่ ดูอะไรพอได้มั่ง
ขากลับตอนขึ้นเครื่องบินซิ นั่งจะไม่ติดเก้าอี้อยู่แล้ว
sms บอกแม่ก่อนขึ้นเครื่องไปว่า เอารถเก๋งมารับที่สนามบินนะ แท็กซี่ไม่ไหว 55
แล้วตอนนั้นเส้นบางนา-ตราด ถนนมันยังไม่ได้ทำด้วยขรุขระ
ขนาดนั่งรถดีดี ยังรับแรงสั่นสะเทือนได้ทุกริกเตอร์เลย
นั่งรถก็เอาก้นกบปักไว้ริมขอบเก้าอี้ นั่งแบบนอนๆไป

ตอนเช้าไปหาหมอแต่เช้าเลย พยาบาลจำหน้าได้เลยเรียกไปหน้าห้องหมอทันที
ไม่ต้องผ่านจุดตรวจตรงอื่น ฮือๆ
เข้าไปหาหมอ เราบอกหมอผ่าเลย แต่วันนี้คิวหมอเต็ม
้เราต้องรออีก 1 วัน พรุ้งนี้ค่อยมาผ่า หมอให้ไปนอนเล่นที่บ้านก่อน
แล้วก็อย่างเคย เวลาผ่ายาชามันไม่ค่อยออกฤทธิ์เท่าไหร่ ตอนกรีดเจ็บมาก
แต่หมอคงจำได้เลยหยุดแล้วฉีดยาชาเพิ่มอีกหลายเข็ม
คราวนี้หมอตัดเอาถุงซีดออกไปตรวจด้วย
พร้อมทั้งให้เราดูซีดที่ตัดออกมาก้อนขนาดปลายนิ้วชี้ ดูหนองที่รีดออกมา เต็มถ้วยเลยค่ะ อี๋ 55+
ผ่าคราวนี้รู้สึกเจ็บน้อยกว่าคราวอื่นๆนิดหน่อยนะ
แต่ว่าหมอให้นอนรพ. 1 คืน เนื่องจากตอนเย็บแผลเสร็จไปแล้ว เลือดเราไม่หยุดไหล มันทะลักออกมา
หมอบอกว่าเขาตัดโดนเส้นเลือดเรา งืมม
หมอต้องเอาเครื่องมือมาจี้ห้ามเลือดอีกรอบ
แล้วคืนนั้นเราก็ปวดมากกก กดกริ่งขอยาแก้ปวดจากพยาบาลก็ไม่ยอมให้
บอกว่า หมอไม่ได้สั่ง แต่เราได้ยินว่าหมอบอกเขาแล้วนะ
เราปวดเราร้องไห้เลย แล้วก็ได้ยินพยาบาลคุยกันหน้าห้องว่า เจ้แกลืมยาเรานั่นแหล่ะ โกรธมากอ่ะ
พอฉีดยาไปก็เวียนหัว หลับตาไปจนหลับจริง แล้วทุกชม.ก็ถูกปลุกขึ้นมาวัดไข้ วัดความดัน
เช้ามา พอหมอถามว่าจะกลับบ้านรึยัง เราบอกกลับทันทีค่ะ 55+ อยากนอน

อยู่บ้านพักผ่อนไปวันที่สาม กำลังนอนเล่นเน็ทอยู่นิ เลือดทะลักออกมา
เราก็ตกใจเรียกแม่ลั่นเลย แม่สั่งพ่อออกรถ
เราก็ไปเปลี่ยนเสื้อ ใส่ผ้าอนามัย แค่ไม่ถึง 5 นาทีนะค่ะ ผ้าชุ่มเลือดเลย
แต่พอไปเจอหมอเวร หมอบอกว่า แค่นี้ธรรมดา ให้พยาบาลซับเลือดแล้วให้เรากลับบ้านได้เลย
เราก็ว่าเอ๊ะไม่เป็นไรจริงๆเหรอเนี่ย แต่เลือดมันก็หยุดไหลแล้วจริงๆอ่ะ

สัปดาห์ต่อมาไปฟังผลก้อนซีดที่หมอเอาออกมาก็ปกติดีไม่มีเนื้อร้ายอะไร



ทุกครั้งที่เป็น เราจะหาหมอตลอด ไม่ว่าจะทันหรือไม่แต่ก็คือไม่กี่วันหลังจากรู้ตัว
หมอเล่าให้ฟังตอนอยู่ในห้องผ่าตัดว่า มีคนเป็นใหญ่ขนาดไข่ไก่เบอร์ใหญ่ ขนาดลูกเทนนิสแล้ว กว่าจะมาหาหมอก็มี
แน่นอนว่าถ้าเป็นขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องกรีดออก เจ็บตัวมากกว่าแน่ๆ
ถ้ารู้ว่าเราเป็นอะไร เราผิดปกติเราควรรีบหาหมอนะค่ะ อย่าอายหมอ
เป็นน้อยจะได้รักษาแต่เนิ่นๆ หมอเขาเห็นน้องๆเป็นอวัยวะหนึ่งเองค่ะ 55+
ถ้ากลัวก็ไปรพ.ที่มีหมอสูติผู้หญิงนะคะ



ส่วนโรคบาโธลินซีด(bartholin 's cyst)เนี่ย มันเกิดจากการอุดตันของสารคัดหลั่ง พวกเมือกหล่อลื่น ไรงี้อ่ะ
พอมันไหลออกมาไม่ได้มันก็เริ่มตัน ตันหนักๆเข้าเจอเชื้อโรคแบคทีเรียนู่นนี่ ก็เป็นฝีร่วม
ถ้าเป็นน้อยหมอเขาจะให้กินยาปฏิชีวนะ
ถ้าเป็นปานกลางอาจจะใช้เข็มดูดเมือกดูดของเสียของมา ตามด้วยกินยาก็น่าจะหาย
แต่ถ้าเป็นเยอะเข้าขั้นฝีแล้วละก็ ต้องให้คุณหมอทำการกรีดระบายนะคะ
เจ็บกว่าอายเยอะเลย

พยาบาลแนะนำว่าเวลามีประจำเดือนก็หมั่นเปลี่ยนบ่อย จะได้ไม่อับชื้น ไม่สะสมเชื้อโรค
แล้วก็กินยาคู้สิจ๊ะ มีแลตโตบาซิลัสที่ผู้หญิงต้องการด้วย มันเป็นเชื้อที่ดีนะ
// ยาคู้ไม่ได้ช่วยให้ไม่เป็นโรคนี้นะค่ะ แค่ช่วยเรื่องเชื้อในช่องคลอดให้มีเชื้อดีดีนะค่ะ
อ่านๆไปเหมือนหลายๆคนจะคิดว่ามันช่วยไม่ให้เป็นโรคบาร์โธลินซีดได้ แห่ะ
กินยาคู้หรือโยเกิร์ตหรืออื่นๆพวกนี้ จะช่วยเรื่องสุขภาพได้หลายๆเรื่องเลยค่ะ
แต่เคยอ่านเจอจากFW mail มาว่า ยาคู้ห้ามดื่มเกินวันละสองขวดเพราะเดี๋ยวมันจะได้แลตโตมากเกินไป อะไรที่มากไปน้อยไปก็ไม่ดีอีก
// เค้าไม่ได้ขายยาคู้นะจ๊ะ 55+

แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 15:06:37

แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 13:41:14

แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 07:15:58

จากคุณ : หุ่นไม้
เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 17:27:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com