ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้กิจกรรม+รายงานพิเศษ ทริปมี๊ตติ้งเล็ก ๆ ที่สามชุก ในการแข่งขันครั้งนี้ [[[...รายงานพิเศษ...]]] Fit & Firm to Slim #4 "สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง... ฉันจะปิ๊งให้เธอดู" : ตอน ลั้ลลา@สามชุก  จัดทำโดยพี่สาเหมียวสีส้ม และผองเพื่อน http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10536553/L10536553.html [[[...รายงานพิเศษ...]]] Fit & Firm to Slim #4 ลั้นลา @ สามชุก ภาค 2{แตกประเด็นจาก L10536553} จัดทำโดย Molajung ปุ๊กปิ๊ก ^^ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10537821/L10537821.html @@ขอเชิญ ผู้เข้าแข่งขันFit & Firm to Slim ร่วมทำ กิจกรรมที่ 3 ^^@@ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10519036/L10519036.html ######กับกิจกรรมที่ 1-2 วิไม่ได้เก็บเข้าคลังกระทู้เป็นความก๋งก้ง ของเค้าเอง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ แต่วิก็เก็บข้อมูลไว้นะคะ เพื่อนๆ ผู้เข้าแข่งขันท่านใดที่ยังอยู่ในการแข่งขันอยู่ และสามารถทำตามเป้าหมาย ของพี่แพมได้ วิจะเช็คไว้ให้ค่ะ และถ้าใครทำตามเป้าหมายได้แล้ว ก็หลังไมล์มาบอกกับ วิ หรือพี่แพมก็ได้นะคะ เพื่อความชัวว์ ^^ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดของพวกเรา  Firm to Slim #4 "สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง... ฉันจะปิ๊งให้เธอดู แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 09:41:05 จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 09:38:54

ความคิดเห็นที่ 2 รวมมิตร พี่แพม babbbirdbird Try something you’ve never tried. You have nothing to lose and everything to gain. JUST DO IT.” ~ Barry Sanders (1992) ลองทำในสิ่งที่คุณไม่เคยลอง  คุณไม่มีอะไรจะเสีย ทุกอย่างล้วนมีแต่ได้...เพียงแค่คุณ"ทำ" (แปลเป็นไทยไม่รู้จะแปลยังไงให้สละสลวย คงต้องให้คุณปูเป้มาช่วยแปลให้คำสวยงาม 555) แพมคัดเฉพาะคำมาจาก Motivational Quotes by Nike ก่อนหน้านี้แพมเคยอ่านป้าย Just do it แต่ยังไม่เคยเข้าใจความหมายที่ลึกๆ ของคำนี้ว่าเค้าอยากสื่ออะไรออกมาในสินค้า Nike ที่เป็นผลิตภัณฑ์ เกีี่ยวกับการออกกำลังกาย พอได้มาลดน้ำหนัก ...ได้มาออกกำลังกายเยอะๆ ถึงได้รู้สึกถึงพลังของคำว่า "Just Do It" ... "ก็แค่ทำมันไงหละ"  = workout   มีแรงวิ่งก็วิ่งไป มีแรงเต้นก็เต้นไป มีแรงยกน้ำหนักก็ยกไป "ก็แค่ทำมันไงหล่ะ" สุดท้ายแล้ว ผลลัพท์จะออกมาเอง ...ก็แค่ทำมัน ..."Just Do It" (คล้ายๆพูดแล้วยักไหล่ไปด้วย) พลัง..อยู่ในตัวคุณค่ะ +++++++++ อยากมาสร้างแรงใจให้เพื่อนๆ ลอง "Just Do It" "ทำ" ในสิ่งที่คุณไม่เคยทำ.....เช่น - ออกกำลังกายให้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น และหนักขึ้น ยังไม่เคยมีใคร"ตาย" เพราะการออกกำลังกายค่ะ  (ไม่นับรวมคนมีโรคประจำตัวเช่นหัวใจนะคะ) เคย sit up ได้ 50 ครั้ง....แล้วก็หยุด....ลองหรือยังคะ ลองอดทนทำไปถึงครั้งที่ 51,52,53,54,55 แล้วหรือยัง...ถ้ายัง ลองค่ะ..."Just Do It" - เลือกทานอาหารที่ไม่ชอบแต่มีประโยชน์ ให้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น ลองแล้วหรือยัง ทานผักให้มากขึ้นทานขนมให้ลดลง ...ลองหรือยังคะ ถ้ายัง ลองค่ะ "Just Do It"  ************************************************************ "Without discipline, no matter how good you are, you are nothing." ปราศจากความมีระเบียบวินัย ,ไม่ว่าคุณจะทำดีแค่ไหนก็ตาม...มันก็จะไม่เกิดผลใดๆเลย ************************************************************* เมือวานแพมได้ฟังเพลงนี้มา ชอบ เหมาะกับชาว FF มากๆเลยเก็บมาฝาก "เพื่ออะไร - เบน ชลาทิศ" ทั้งเนื้อเพลง ทั้ง MV โอ๊ย...จะฮาไปไหนเนี่ย....ตลกสุดยอด แพมดูไป 2 รอบ 555555 ลดน้ำหนัก เหนื่อยจนตายชัก ฉันนั้นทำเพื่ออะไร อดอาหารทั้งคาวหวาน เก็บกดทุกความต้องการ ...รู้ไหมฉันทำเพื่ออะไร ยอมกินผัก ทั้งที่เกลียดนัก แต่ฉันยอมเพื่ออะไร ยอมเป็นสิว ทาซันบล็อก ออกกำลังวิ่งข้างนอกกลางแดดร้อน ฉันทำเพื่ออะไร   จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 09:49:19

ความคิดเห็นที่ 3   รวมมิตร พี่แพม babbbirdbird ลิ้ง http://www.wichitra.com/มาลดน้ำหนักกันเถอะแคลอ/ มาลดน้ำหนักกันเถอะ:แคลอรี่ในอาหารแต่ละชนิด     ท่าลดน่อง ให้คุณจับหมูค่ะ... ยืนเขย่งปลายเท้า กับตาม พื้นต่างระดับ หรือว่า บันไดเตี้ยๆก็ได้ค่ะ... ส่วนหน้าขา...มีท่าเพียบเลยค่ะพี่สา.... http://www.passion4profession.net/en/quadriceps-exercises/ ใครอยากลดพุง...เบื่อการซิทอัพ แต่อยากหน้าท้องสวย เรามีท่านี้มาฝากค่ะ เพียงคุณทำท่านี้....นอนค่ำ ศอกตั้งฉาก ตัวตั้งฉากขนานเป็นเส้นตรงกับพื้น ห้ามยกก้นโด่งๆ  เท้าตั้งฉาก....เพียงอยู่นิ่ง ๆ สักวันละ 5 นาที รับรองว่า  เริ่ดค่ะ....เรากล้าท้าพิสูจน์  555555555 จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 09:57:46

ความคิดเห็นที่ 4 http://www.globalfashionreport.com/a23796-tricks-and-tips-การแต-งกายสำหร-บสาวร-ปร-างอวบ หามาฝากน้องวิค่ะ .. tricks and tips การแต่งกายสำหรับสาวรูปร่างอวบ ----------------------- ชอบมาก.. ประโยคนี้ ขอบอกว่ากางเกงที่ฟิตเกินไปนั้นจะทำให้เรากลายเป็นคนมีพุง เพราะขอบกางเกงจะถูกรั้งจากข้างหลัง โดยเฉพาะกางเกงเอวต่ำ จะทำให้มีเนื้อย้อยออกมาจากขอบกางเกง และเกิดอาการเป้ากางเกงยิ้มหวานใส่ชาวบ้าน เห็น แฟชั่นแบบนี้เยอะมากๆ จึงขอให้เลี่ยงจะดีที่สุดจ้า     Back Stretch ท่ายืดหลัง   http://www.youtube.com/watch?v=PwHdWrHmbPY&feature=player_embedded   BODYPUMP by Les Mills http://www.youtube.com/watch?v=j_rNm1uNW-M&feature=player_embedded   ***อันนี้ออกำลังกายขาอีกอันนึง ก็เวิร์คดีค่ะ... Perfect 10 Legs Workout  จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:00:46

ความคิดเห็นที่ 5   เคล็ด ลับ 3 ข้อ ทำให้ผู้หญิงญี่ปุ่น “ไม่อ้วน ไม่แก่” ข้อ 1 “เดิน”       สังเกตไหมว่าคนญี่ปุ่นชอบเดิน เดินไปทำงาน เดินกลับบ้าน หรือไม่ก็เดินไปซื้อของ ที่เป็นอย่างนี้เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้รถไฟ แทนที่จะขับรถไปในสถานที่ต่างๆ ทำให้ชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นมีการออกกำลังกายแทรกอยู่ตลอด อย่างน้อยก็เดินไปสถานีรถไฟ เมืองไทยอาจจะเดินบ่อยๆ เดินไกลๆ แบบคนญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะอากาศร้อน ถนนหนทางไม่เป็นใจ สิ่งที่คนไทยอย่างเราๆ จะทำแทนได้ก็น่าจะเป็นเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือเดินเล่นในสวนแถวบ้านตอนเช้าวันอาทิตย์ หรือตอนบ่ายแก่ๆ แทนก็ได้นะ ข้อ 2 กิน “ทุกอย่าง” ให้ครบ “ทุกมื้อ” ในปริมาณที่ “พอเหมาะ” เค้าจะยึดคติที่ว่า  ทานให้อิ่มแค่ 80 %ค่ะ เราถึงไม่ค่อนได้เห็นสาวญี่ปุ่นอ้วนกันนั่นเอง บอกตรงๆว่าคนญี่ปุ่นกินทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นผัก ปลา เนื้อ ไข่ ข้าว และขนม คนญี่ปุ่นกินครบทุกชนิด ทุกหมวดหมู่ทุกมื้อ ไม่เคย “อด” มื้อใดมื้อหนึ่งเลย คนญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยรู้สึกหิวโหยหาอาหารขึ้นมากลางดึก (เหมือนผู้เขียนหรือเปล่านะ!?)       เคล็ดลับที่เรานำมาใช้ได้คือ "จัดอาหารให้เป็นชุด เหมือนกับอาหารชุดในร้านอาหารญี่ปุ่น ตักข้าวใส่ชามข้าวใบเล็ก ตักกับข้าวใส่จานในปริมาณที่พอเหมาะ" ตักน้ำแกงหรือว่าซุปใส่ถ้วย ถ้ามีเครื่องเคียง ตักใส่ถ้วย ถ้ามีน้ำจิ้ม ให้ตักใส่ถ้วยเล็กๆ ปริมาณพอจิ้ม อย่าใส่ถ้วยใหญ่ เพราะน้ำจิ้มหลายชนิดทำจากน้ำตาล น้ำตาล แล้วก็น้ำตาลทั้งนั้น ลองจัดอาหารแต่ละมื้อในลักษณะนี้ นอกจากจะดูดี แล้วยังสามารถคุมปริมาณอาหารแต่ละมื้อได้ด้วยนะ 3. ข้อ 3 กิน “ขนม” ให้เป็นเหมือน “ของขวัญ” ไม่ใช่ “อาหารหลัก” ที่จะต้องกินเยอะๆ      เพื่อนๆพี่ๆมักถามเป็นประจำว่า “ทำไมคนญี่ปุ่นถึงไม่อ้วน ทั้งที่กินขนมครีมเยอะมันแยะ เพราะคนญี่ปุ่นกินของเหล่านี้ให้เหมือนเป็นของขวัญสำหรับตัวเอง เป็นของพิเศษที่แค่ได้กินก็มีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีปริมาณเยอะ เพียงแค่รสชาติอร่อย หน้าตาน่ากิน ความ “อิ่ม” ที่ได้ก็เพียงพอแล้ว  ลองนึกถึงตอนที่ได้กินขนมหวานของญี่ปุ่นดูสิ เพียงแค่คำแรกที่ได้กิน ก็รู้สึก “อิ่มอร่อย” ไปแล้วล่ะ และที่สำคัญคนญี่ปุ่นยังมักแบ่ง “ของขวัญ” พิเศษ กินกับเพื่อนๆ คนในครอบครัว และคนที่รู้สึกดีด้วย แต่ละคำของขนมเค้กที่กินเข้าไป จึงเป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่มีสิ่งใดสามารถสร้างได้       เคล็ด ลับ 3 ข้อนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ใช้ความพยายามไม่มาก แต่ได้ผลดีมาก เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนญี่ปุ่น “ไม่อ้วน ไม่แก่” ใครที่อยาก “ไม่อ้วน ไม่แก่” แบบคนญี่ปุ่น ลองทำตามดูนะ ****อันนี้ใครเป็นผู้นำมา ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ตอนรวมเค้าไม่ได้เก็บชื่อไว้ ขออภัยความไม่เรียบร้อย     คลิประบำหน้าท้อง แป้ง (Karakasan) Dance Fitness Workout for Beginners Tahitian Hip Hop  แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 10:05:30 จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:02:35

ความคิดเห็นที่ 6 รวมมิตรพี่สา เหมียวสีส้ม "อยู่เป็นโสดให้ชายเสียดายเล่น" กันเถอะ ^^ เอามาฝากจาก F____ B_____ จ้า ในขณะที่ "โลกโคจร..รอบดวงอาทิตย์" มันก็ยังไม่ลืม "หมุนรอบตัวเอง" ดังนั้น ในขณะที่คุณ "รักใครสักคน" คุณก็อย่าลืม "รักตัวเองด้วย" (via Amppare Vadfah) ทุกปัญหามีทางแก้ !!* แต่ถ้า 'แก้ไม่ได้' ก้ต้องปล่อยให้มันเกิด และ "ยอมรับมันให้ได้" พอเวลาผ่านไป ปัญหาเหล่านั้นก้จะกลายเป็นเพียง "อดีต" (นู๋แอนล์ แอนล์)   อย่าปล่อยให้คมมีดของอดีต มากรีดปัจจุบัน ! (Baisomz Maksoii)   หยุด.....ไม่เป็น นิ่ง.......ไม่เป็น วาง......ไม่เป็น ว่าง......ไม่เป็น ก็...."ทุกข์"....ไปเถิด... (Pairoj Ball SaeTae) ************************************************************************************ ท่าลดน่องค่ะ http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2008/10/Q7083573/Q7083573.html บล็อกพี่สา รวมท่าออกกำลังกายเอามาฝากคุณก๊อก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=passa&month=04-2010&date=22&group=9&gblog=33   ออกกำลังกายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการปวดหลังส่วนล่าง http://buayaihospital.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=19&Itemid=42   สาวๆ จ๋า เอาวิธีกรีดตามาฝากค่ะ ^^จาก http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q10563878/Q10563878.html คลิปกรีดตา  http://www.youtube.com/watch?v=Yqz9fu-Mun0&feature=player_embedded เอาคลิปการแต่งหน้าไปงานมาฝากค่ะ สวยหวานดี ^^ ภาพไม่ขึ้น  เอาลิ๊งไปละกันน๊า http://www.youtube.com/user/frmheadtotoe#p/u/0/YyrIb8VxlIg สุดท้าย คลิปน้องแมว ^^   จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:11:20

ความคิดเห็นที่ 7 จากคุณก็อก TheknockeOzm เอามาฝากครับ เจอในกูเกิ้ลกูรู มีคนมาตอบไว้ ----------------------------------------- ผู้ชายปกติใช้พลังงานวันละ 1800-2200 กิโลแคลอรี่ แล้วแต่ความสูงและน้ำหนักตัว ซึ่งปกติถ้าเราอยู่เฉยๆ แม้แต่นอน ร่างกายก็ต้องใช้พลังงานตลอดเวลาอยู่แล้ว คือ เฉลี่ยใน 1 ชม. จะใช้พลังงาน 75 -90 กิโลแคลอรี่ แต่การวิ่งจะทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น วิ่งเหยาะๆ 1 รอบสนามฟุตบอล (400 เมตร) จะใช้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี่ ในเวลา 4 นาที เพราะฉนั้นการวิ่ง 1 ชั่วโมง ก็จะใช้พลังงาน ประมาณ 300 แคลอรี่ ถ้าวิ่งเร็วก็ลดขึ้นได้มากอีก แต่ต้องค่อยเป้นค่อยไป อย่าฝืน พูดง่ายๆ ก็คือ การวิ่งใช้พลังงานมากกว่าการอยู่เฉยๆ ประมาณ 3-4 เท่า ถามว่าวิ่งลดความอ้วนได้มั้ย ลดได้แน่นอนครับ แต่ต้องดูเรื่องอาหารด้วย คนรูปร่างปกติ กินอาหารไม่เกินวันละ 2000 กิโลแคลอรี่ + ถ้าวิ่งวันละ 1 ชม ร่างกายก็จะใช้พลังงานที่เหลือวันละ 1700 กิโลแคลอรี่ ไม่อ้วนขึ้นแน่นอน แต่ถ้าคนอ้วน ควรกินให้เหลือสักครึ่งนึงจากที่ควรกินปกติ(คิดง่ายๆ ถ้ากินข้าว 1 จาน ก็กินครึ่งจาน งดของทอด ผัดน้ำมันเยิ้มๆ ไขมันสัตว์ แป้ง น้ำตาล)ควรกินอาหารไม่เกินวันละ 1200 กิโลแคลอรี่ + วิ่งวันละ 1 ชั่วโมง ร่างกายก็จะใช้พลังงานที่เหลือวันละ 900 กิโลแคลอรี่ ถ้าทำได้ตามนี้ ใน 1 อาทิตย์ก็ละลดได้ 1 กิโล / 1 เดือนก็ 4 กิโล ตามธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งยา ไม่โยโย่ แถมสุขภาพดี ที่สำคัญคือจิตใจครับต้องพยายาม แล้วอย่าคิดว่าออกกำลังเยอะแล้วมากินได้เยอะนั้นไม่เป็นไร อันนี้ผิดถนัด เพราะถ้าคิดแบบนั้นก็อ้วนขึ้นอีกแน่นอนครับ   วิ่งตอนเช้าตอนตื่นนอนใหม่ๆ โดยที่ต้องไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าก่อนออกวิ่ง วิธีนีร่างกายจะเผาผลาญพลังงานจากไขมันสะสมได้มากที่สุดครับ และเรื่องอาหารเหมือนที่หลายๆคนแนะนำ ควรลดการบริโภคแป้ง เกลือ และไขมันลง โดยที่พยายามไม่กินไขมันอิ่มตัว และน้ำตาลให้น้อยที่สุดครับ   ****สนับสนุนภาพ จากพี่แพมค่ะ ^^ จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:14:26

ความคิดเห็นที่ 8 วิไปเจอกลอนอันนี้จากในนิตยสาร ซิเคร็ท ไทย ในเครือ อมรินท์ เอามาฝาก  ^^ @@จงเรียนรู้อดีตที่ผิดพลาด   เพื่อวางวาดอนาคตให้สดใส สำคัญสุด คือปัจจุบัน ใช่อื่นไกล จงสุขใจกับสิ่งที่เป็นเรา สามสถาน สมดุล เป็นบุญยิ่ง อย่าติดนิ่ง เรื่องแล้วผ่าน พาลโง่เขลา อนาคต  ยังไม่เกิด อย่ามัวเมา วันนี้เรา **ทำให้ดี** เท่านี้พอ@@   *************************************************************** **จาก คมคำ ธรรม ออนไลน์  โดย ท่าน ว.วชิรเมธี ค่ะ หากเธอเรียกว่าความผิดพลาด คือ **ความล้มเหลว** สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือ **ความเสียใจ** แต่หากเธอเรียกว่าความผิดพลาด เป็น **บทเรียน** สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือ **การเติบโต** +หมวดการพัฒนาตนเอง เมื่อเรา **ลุกขึ้นยืน** จึงมีคนเห็น เมื่อเรา **ออกเดินทาง** จึงจะเข้าใกล้เป้าหมาย เมื่อเรา  **รู้จักพอ** ความสุขจึงจะเกิดขึ้น +หมวดความสุข กฏแห่งกรรม คือ กฏที่คำให้เรารุ้ว่า **มนุษย์ สามารถออกแบบชีวิตตนเองได้** +หมวดกรรม    จริงๆ นะคะ เราสามารถออกแบบชีวิตตนเองได้ อย่างที่เพื่อนๆ หลายๆ  คนในคลับลดความอ้วน และเพื่อนๆ ที่แข่งขันใน FF ปฏิวัติตนเองจนเป็นคนใหม่  เราทุกคนสามารถทำได้ค่ะ เชื่อมั่นในตนเอง ศรัธธา ให้เวลา ลดน้ำหนักต้องใช้เวลานะคะ  ทุกสิ่งคือการเรียนรู้ แล้วเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะร้อว ว้าววววววววว  นี่เราทำมาขนาดนี้แล้วหรือนี่ ^^   ************************************************************************************ ข้อคิดของ ท่าน ว.วชิรเมธี จากหนังสือ  สูตรเด็ดสู่ความเป็นเลิศ   @@@เรื่อง  ขั้นตอนสำคัญสู่การเริ่มต้นชีวิตใหม่@@@ 1.ตั้งใจมั่น 2.ตั้งเป้าหมายขึ้น บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงและทางสายกลาง 3.พากเพียรพยายามในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.เสมอต้นเสมอปลาย 5.เตือนตัวเองว่า "ฆ่าเวลา บาปกว่าฆ่าคน"   ++**ดูเหมือนธรรมมะ ธัมโม จริงๆ ชี หื่นค่ะ 5555 ขอบคุณภาพคลับจางกึนซอคแลนด์จ้า ได้โอกาสและ อิอิ     แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 10:24:00 จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:20:40

ความคิดเห็นที่ 9 วิขอเอาบทความจากนิตยสาร ซิเคร็ท-ไทย มาฝากเพื่อนๆ นะคะ เรื่อง  @@@คิดบวก พูดบวก ทำบวก เคล็ดลับปลุกยักษ์ในตัวคุณ@@@  จากโค้ช สิริลักษณ์ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ   **แรงบันดาลใจของตัวเองได้มาจากการเจอผู้คน ได้พูดคุยกับคน เหมื่อเห็นเค้ามีปัญหาก็จะรู้สึกว่า ถ้าเค้ามีหลักในชีวิตก็จะทำให้มีพลังมากยิ่งขึ้น  คนที่ไม่มีพลังในชีวิตส่วนใหญ่เป็นเพราะขาดแรงบันดาลใจ **จริงๆ ความทุกข์ของเราเกิดจากความคิดของเราทำร้ายตัวเราเอง คนที่คิดถึงแต่ปัญหา คิดถึงแต่อุปสรรค จะไม่มีสติปัญญา ไม่มีแรงบันดาลใจไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์ เพราะโฟกัสผิดที่  การเปลี่ยนโฟกัส คือ ต้องฝึกสติเยอะ ๆ ต้องรู้ว่าตอนนี้ กำลังคิดลบ ตอนนี้กำลังห่อเหี่ยว ต้องเห็นตัวเองก่อน เมื่อเห็นปั๊บ ต้องมีสติเตือนตัวเองให้คิดบวก และโฟกัสทิศทางไปในทางบวก **คิดบวก ทำบวก พูดบวก     คิดบวก คือ เจอปัญหาและอุปสรรคแล้วมีวิธีคิดสร้างพลังให้กับตนเอง ทุกปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นให้ประโยชน์กับเราไม่วันนี้ก็วันหน้า มันทำให้เราได้เรียนรู้ได้เติบโต แข็งแกร่งมากขึ้น พอคิดบวก ใจก็จะมีพลัง ทันที     พูดบวก คือ การพูดชมตัวเอง พูดให้กำลังใจตัวเอง ยักษ์ในตัวเราชอบคำชม เสียงเชียร์ นอกจากพูดบวกให้พลังตัวเองยังไม่พอ ยังต้องให้พลังคนอื่นด้วย เวลาเจอใครก็ชื่นชมเค้า เราจะได้พลังกลับมา     ทำบวก ทำให้ตัวเองสดชื่นอยู่เสมอ ยิ้มเยอะ ๆ เปลี่ยนภาษากายทำอะไรให้รวดเร็ว สดชื่น มีความสุข ทำตัวเองให้อยู่ในคลื่นพลังงานบวกอยู่เสมอ พอเราทำอะไรสดชื่น ใจมันก็เบิกบาน และต้องพยายามแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามเสมอ อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ ลองทำดูค่ะ  ขอให้เพื่อนๆ ปลุกยักษ์ในตัวเองขึ้นมา ทำสิ่งดี ๆ บวก ๆ ตามความเป็นจริง แล้วสิ่งดี ๆ จะเข้ามาในชีวิตค่ะ ^^   กิ๊ของเรา   จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:38:08

ความคิดเห็นที่ 10 @@กิน อย่างผู้มั่งมี (สติ)@@  ที่มา: นิตยสาร Health Today บทวิจาร กิน อย่างผู้มั่งมี สติ  ได้มาจาก คุณหมอก Love in the mist ค่ะ อย่าตามใจปากตามมากจะเกิดผล          ความอร่อยเป็นเพียงอุปาทาน น่าจะช่วยเตือนตนเองให้ลดความอยากลงได้บ้าง หากคุณไม่ทำความเข้าใจให้ดีแล้วการกินตามใจปากจะก่อให้เกิดพิษ          มนุษย์เกิดมาก็ต้องกิน เพราะถ้าไม่กินก็ต้องตาย แต่เมื่อใกล้ตายก็ไม่ค่อยอยากกิน ผู้มีอันจะกินทั้งหลายควรต้องใส่ใจในการกินให้มากๆ ศึกษาให้แน่ก่อนว่าควรจะต้องกินอะไร อย่างไร แค่ไหน และอะไรคือความเหมาะสม อย่ากินไปตามกิเลส คือจิตอยากกินจิตก็สั่งให้กายกินเพื่อสนองตัณหาของจิต คุณควรระลึกไว้เสมอว่า ก่อโทษ ภัยได้ง่ายมาก เรื่องของความอ้วนจึงเป็นกันมากในปัจจุบัน ทางแก้ต้องแก้ที่จิตของคนคนนั้นก่อนอื่นใด          ต้องเพิ่มกำลังของสติ เวลากินอาหาร ไม่ใช่ปล่อยตามใจปากแล้วไปแก้ด้วยการใช้ยาลดความอ้วน ความจริงก็คือถ้าไม่กินมากก็ไม่อ้วน แต่ถ้ายังอ้วนแสดงว่ายังกินมากไป อาหารมี 2 ประเภทคือ... อาหารของกาย หมายถึงอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ เพื่อบำรุงร่างกาย ส่วนอาหารของจิต คือความคิด ถ้าจิตคิดดีจิตจะได้อาหารดี ถ้าจิตคิดมาก จิตฟุ้งซ่าน จิตก็จะอ้วนไม่คล่องตัว แต่ตรงกันข้ามถ้าไม่คิดอะไรจิตก็จะไร้ปัญญา ดังนั้นต้องฝึกจิตคิดให้พอเหมาะพอดี คิดให้ถูกต้อง ทำให้จิตมีปัญญา ซึ่งจะทำให้ ควบคุมกายและวาจาได้ดี การแสดงออกก็จะดีด้วยเช่นกัน          ดังนั้นการจะเลี้ยงร่างกายให้อยู่ได้นานๆ ก็ต้องบำรุงให้พอดี ที่จริงแล้วความอยากกิน หรือกินมากไป เป็นพฤติกรรมของจิต          อาหารของกายที่สมควรกิน ควรเป็นอาหารชั้นหนึ่ง คืองอกออกมาจากดินโดยตรง ได้แก่ พืช ผัก ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ธัญญาหาร และสมุนไพรต่างๆ          สำหรับเนื้อสัตว์ถือเป็นอาหารชั้นสอง เพราะสัตว์ต้องกินพืช หรือสัตว์ด้วยกัน ก่อนที่จะแปรสภาพเป็นเนื้อสัตว์ ไม่ได้มาจากดินโดยตรง          การกินอาหารก็เพื่อให้ได้พลังงาน และซ่อมแซมบ้าน (กาย คือบ้าน) อุปกรณ์ที่ใช้ซ่อมบ้านก็จึงควรเป็นอุปกรณ์ใหม่ คืออาหารชั้นหนึ่ง ถ้ากินเนื้อสัตว์การย่อยสลายของร่างกายต้องสลับซับซ้อนกว่า ต้องเผาผลาญมากกว่าจะได้โมเลกุลเล็กๆ ไปใช้ประโยชน์ได้ แล้วก็จะมีขยะหรือของเสียจากการเผาผลาญจำนวนมากเกิดขึ้นในร่างกาย ร่างกายก็ต้องกำจัดออกไปโดยตับและไต ทำให้ตับและไตต้องทำงานหนัก ที่สำคัญเราคงเลี่ยงไขมันที่มากับเนื้อสัตว์ยาก หากเมื่อสะสมไปนานๆ ก็อาจมีผลของโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด และโรคหัวใจได้ง่าย ทำให้ร่างกายของคนที่กินเนื้อสัตว์ต้องทำงานหนักกว่าคนที่กินพืช ผัก แต่การกินพืชผัก ผลไม้ ก็ต้องกินหลายๆ ชนิดอย่ากินซ้ำซาก เพื่อให้ได้สารอาหารจำเป็นที่ร่างกายต้องการครบ          ดังนั้นการกินจึงมีความสำคัญมาก ควรมีสติกำกับตลอด รู้จักสำรวมการกินเป็นส่วนหนึ่งของการระวังปาก ระวังลิ้น ซึ่งปากมีหน้าที่กินและพูดให้ถูกต้อง ดังนั้นต้องใช้สติหรือจิตในการกระทำทุกๆ อย่าง การปฏิบัติธรรมก็เป็นหนทางหนึ่งที่อาจช่วยคุณได้ในการป้องกันไม่ให้กิเลสเข้ามาในลักษณะของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความนึกคิด และการพูด          ลองมองดูตัวคุณเองว่ายังอ้วนมีพุงพลุ้ยอยู่หรือไม่ หากว่าใช่แสดงว่าคุณยังสำรวมการกินได้ไม่ดีพอ การปล่อยให้มีน้ำหนักมากเกินไปนั้นจะทำให้โรคต่างๆ ตามมาอีกมาก เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคข้อเสื่อม เป็นต้น ดังนั้นคุณควรจะเอาชนะความอยาก เพื่อควบคุมการกินให้ลดลง   *****มีต่อถัดไป จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:42:15

ความคิดเห็นที่ 11 ต่อค่ะ ที่มา: นิตยสาร Health Today บทวิจาร กิน อย่างผู้มั่งมี สติ  ได้มาจาก คุณหมอก Love in the mist ค่ะ การสำรวมการกิน ถือเป็นระดับอนุบาลของการปฏิบัติธรรม หลักการกินอย่างมีสติ ทำได้ดังนี้          1. ก่อนกินอาหารให้มองจ้องดูอาหารประมาณ 15 นาที ก่อนทุกครั้ง และพิจารณาดูว่าอะไรเป็นพิษเป็นภัย อะไรกินแล้วเป็นประโยชน์อะไรกินแล้วเกิดโทษ จะกินขนาดไหนถึงจะพอดี จะเลือกอาหารอย่างไรดี          2. ขณะจ้องอาหาร ให้พิจารณาว่าจะกินสารอาหารเหล่านี้เพื่อบำรุงร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีพลังทำประโยชน์ต่อไป          3. ให้ใช้ช้อนเล็กๆ ตักเข้าปาก โดยกินคำเล็กๆ เคี้ยวช้าๆ ประมาณ 20-30 ครั้งก่อนกลืน เคี้ยวจนกว่าอาหารในปากจะหมดรสชาติ แล้วค่อยกลืน อย่าคิดว่าอร่อยหรือไม่อร่อย แต่เคี้ยวเพื่อให้รู้รสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เป็นต้น คิดเสียว่าสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ ถ้ากินพอดีก็จะดี กินมากไปก็ไม่ดี          4. พยายามเลือกกิน พืช ผัก เมล็ดพันธุ์ ธัญญาหาร สมุนไพรต่างๆ และผลไม้เป็นหลัก กินเนื้อสัตว์แต่น้อยๆ การกินผัก ผลไม้ จะทำให้ย่อยง่ายและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้าๆ กากใยของพืชจะช่วยอุ้มน้ำไว้ในลำไส้ และค่อยๆ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้า จะทำให้ไม่กระหายน้ำบ่อย นอกจากนี้กากใยจากพืชจะช่วยดูดซับสารพิษให้เข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง และขับออกไปทางการขับถ่าย ขณะเดียวกันกากใยก็จะทำให้การขับถ่ายดีขึ้นด้วย          5. กินเนื้อสัตว์แต่น้อยๆ และทุกครั้งที่กินให้เคี้ยวช้าๆ ละเอียดๆ เพื่อให้ย่อยง่าย แล้วอย่าลืมแผ่เมตตาด้วย          หากว่าคุณมีสติในการกิน รู้ว่าอะไรควรกิน อะไรไม่ควรกิน จะกินเท่าไหร่ รู้จักหักห้ามใจไม่ให้เพลิดเพลินหลงใหลไปกับการกิน จงใช้สติบังคับจิตให้กินอย่างถูกต้อง อย่าหลงใหลในรสชาติ คุณก็น่าจะเป็นคนที่มีสุขภาพดีทั้งจิตและกายคนหนึ่งเลยทีเดียว   สนับสนุนภาพโดยน้องเกล lady gal gal จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:44:30

ความคิดเห็นที่ 12 จาก น้องมู๋ใหม่ (miffy_bunny)   เอาสาระดีๆมาฝาก คิดว่าหลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้วหล่ะค่ะ เอามาย้ำเตือน (ตัวเอง) อีกที ^^ *********************************************** 10 ประการ เพื่อเร่งการเผาผลาญอาหาร แซน วูดเวอร์ด ผู้มีบทความทางวิชาการเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย รวมทั้งยังทำงานให้กับองค์กรเพื่อสุขภาพไม่หวังผลกำไรอย่างอเมซอน โพรมิส          และเป็นนักเขียนประจำอยู่ในหนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทม์ได้แนะนำว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามลดน้ำหนักหรือแค่ปรับตัวให้พร้อมรับมือ กับการทำงานของระบบการเผาผลาญที่ช้าลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ต่อไปนี้ล่ะคือวิธีที่ได้ผลแน่นอนในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบนี้ และช่วยให้มีร่างกายสมส่วน 1. พยายามสร้างมวลกล้ามเนื้อ          ดังเช่นที่กล่าวไว้แล้วเมื่อตอนต้น ว่าระบบการเผาผลาญจะทำงานช้าลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ประมาณว่ามันจะทำงานช้าลงปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณทำได้เพื่อต่อสู้กับธรรมชาติ ชารี ลีเบอร์แมน ผู้เขียนหนังสือชื่อ Dare to Lose ให้ความเห็นว่า "กล้ามเนื้อนี่แหละคือตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดถึงระบบเผาผลาญพลังงานจากอาหาร ที่คุณกินเข้าไป ชี้ให้เห็นด้วยว่าคุณเผาแคลอรี่และเผาไขมันไปได้มากน้อยแค่ไหน" เธอยังแนะนำด้วยว่าถ้าคุณต้องการจะเร่งกระบวนการเผาผลาญให้ทำงานดีขึ้น อย่างน้อยก็ควรจะยกดัมบ์เบลหรือดึงแถบยางต้านแรงอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง เพียงเท่านี้มันก็ช่วยได้มากเลยในการเร่งกระบวนการเผาผลาญ และข่าวดีก็คือระบบเผาผลาญของคุณที่ดีขึ้นนี้ จะยังคงทำงานหนักไปได้อีกหลายชั่วโมงทีเดียว ภายหลังจากออกกำลังมาแล้ว 2. เคลื่อนไหวอยู่เสมอ          ถ้าบอกว่าต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ใครๆก็รู้ แต่ก็ต้องย้ำกันไว้สักหน่อยล่ะว่าคุณควรจะเคลื่อนไหวแบบไม่ธรรมดา ด้วยการหาเวลาให้ได้สัก 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง เพื่อมาเดินเร็วๆ, วิ่งจ็อกกิ้ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำหรือออกกำลังกายแบบแอโรบิกบางอย่าง ให้ได้ความถี่อาทิตย์ละ 3 ถึง 4 ครั้ง เรื่องนี้ลีเบอร์แมนคนเดิมบอกว่า "ใครๆต่างก็ไม่ชอบทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ แต่มันก็จำเป็นต้องทำค่ะ" 3. กินเป็นปกติ อย่าได้อดอาหารเป็นอันขาด          ลดน้ำหนักได้แต่อย่าอดอาหาร ฟังดูอาจจะเพี้ยน ๆ หน่อยสำหรับใครก็ตามที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการกินให้น้อยๆเข้าไว้ แต่ความคิดแบบเก่า ๆ นี้กลับเป็นปัญหา ตรงที่ว่ามันกลับไปทำให้กระบวนการเผาผลาญทำงานได้ช้าลง ตามคำอธิบายของจูลี เบเยอร์ นักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งกล่าวว่า"ทุกๆเซลในร่างกายเราก็ไม่ ต่างอะไรจากหลอดไฟ เมื่อเรากินอาหารไม่เพียงพอ หรือเปรียบกับได้รับเชื้อเพลิงน้อย เซลหรือไส้หลอดก็จะไม่เผาไหม้สว่างไสว ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆห่างกัน สามถึงสี่ชั่วโมงต่อมื้อ ก็จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี และช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย 4. ละเว้นน้ำตาล          แน่ล่ะ แม้จะไม่มีน้ำตาล คุณก็ยังเลือกกินอาหารอร่อยๆได้ "เพราะเมื่อใดที่คุณกินน้ำตาลเข้าไป นั่นคือระบบการเผาผลาญจะถูกเปลี่ยนไปเป็นระบบเก็บกักไขมันอย่างรวดเร็ว" ตามที่ลีเบอร์แมนพูด ในเมื่อเธอเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องการบริโภคอาหารน้ำตาลต่ำ ด้วยหลักความคิดว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปตามปกตินี้ แม้ไม่มีน้ำตาล มันก็แตกตัวออกเพื่อช่วยรักษาระดับนำตาลในเลือดอยู่แล้ว 5. ไม่อดอาหารเช้า          เป็นความจริงที่ไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงเท่าไหร่เลยว่า คนที่กินอาหารเช้าที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำมักจะสะโอดสะองกว่าพวกที่ไม่กิน ลองคิดแบบนอกกะลากันดูหน่อยเป็นไร ถ้าหากคุณจะกินอาหารเช้าที่เป็นสลัดผักหรือว่าข้าวซ้อมมือ อาหารแบบนี้แหละที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ทั้งยังมีเส้นใยอาหารมากกว่าอาหารประเภทอื่นด้วย 6. กินเผ็ดเข้าไว้          คงไม่ต้องถึงกับควันออกหู แต่ถ้าคุณชอบอาหารไทยอยู่แล้วก็ย่อมถือว่าเดินมาถูกทาง แม้แต่ลีเบอร์แมนเองก็ยังพูดเลยว่า"อาหารเผ็ดๆนี่แหละ ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญดีนัก" ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูเถอะว่าใครบ้างในวงข้าวของคุณ ที่กินเผ็ดแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆ นั่นแหละกระบวนการเผาผลาญของเขากำลังทำงานอย่างหนักอยู่ 7. ดื่มชาเขียว          มิแชลล์ สเตรฟ ผู้ฝึกซ้อมกีฬาจากเนบราสกาให้ความเห็นว่า"มีวิธีค่อนข้างทำลายสุขภาพตั้ง หลายอย่างที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ อย่างการดื่มกาแฟแก่ๆสักแก้ว หรือการรับนิโคตินเข้าร่างกาย แต่ดิฉันไม่ได้บอกว่าคุณต้องสูบบุหรี่นะ" แต่ลีเบอร์แมนเองก็ให้คำแนะนำที่น่าสนใจในเรื่องนี้เช่นกันว่า แทนที่จะดื่มเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนมากๆแล้วต้องพบกับผลข้างเคียงค่อนข้าง อันตราย ก็น่าจะใช้ชาเขียวร้อนแทน ซึ่งชาเขียวที่ว่านี้จะกระตุ้นระบบเผาผลาญได้นานกว่าและมีประสิทธิภาพ มากกว่ากาแฟเสียอีก 8. อย่าลืมดื่มน้ำ          อย่าได้ละเลยการดื่มน้ำเป็นอันขาด การดื่มน้ำอยู่เป็นประจำนี้สำคัญมากกับการขับของเสียออกจากร่างกายในระหว่าง การเผาผลาญไขมัน แม้น้ำเย็นก็ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เล็กน้อย เนื่องจากร่างกายจะใช้ความร้อนมาเพื่อทำให้อบอุ่นขึ้น แล้วมันจะมาจากไหนล่ะถ้าไม่ใช่ระบบการเผาผลาญแล้วได้ความร้อนเป็นผลพลอยได้ 9. หลีกเลี่ยงความเครียด          จงอยู่ให้ห่างความเครียดให้มากที่สุด ตามที่ลีเบอร์แมนพูดคือ"เพราะความเครียดสามารถเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้ โดยเฉพาะไขมันตรงหน้าท้อง" ทำไมคุณลีเบอร์แมนถึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะทั้งความเครียดทางกายและจิตใจมันจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ ติโซลออกมาน่ะสิ และเพราะเจ้าคอร์ติโซลนี่มันมีอำนาจชลอกระบวนการเผาผลาญให้ช้าลงด้วย เราจึงควรทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เครียดหรือเครียดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 10. นอนหลับมาก ๆ          นักวิทยาศาสตร์ได้ทำวิจัยมาแล้วหลายครั้งในหมู่ผู้นอนหลับ พบว่าใครก็ตามที่นอนน้อยกว่าวันละเจ็ดหรือแปดชั่วโมงจะมีโอกาสน้ำหนักขึ้น ได้มาก ยิ่งกว่านั้นเราก็รู้ด้วยว่ากล้ามเนื้อจะถูกเสริมสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยในช่วง ชั่วโมงท้ายของการนอนก่อนจะตื่น ตามคำกล่าวอ้างของเบเยอร์ ถ้าจะทำตามข้อแนะนำข้อที่ 1 ไปพร้อมๆกับข้อนี้ด้วย ก็จะช่วยได้มากในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ          ทั้งหมดนี้เราได้มาจากข้อความของคุณซูแซน วูดเวอร์ด ซึ่งปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในเมืองโอลิมเปีย รัฐวอชิงตัน เป็นคอลัมนิสต์เกี่ยวกับสุขภาพและวัฒนธรรมในนิตยสารหลายเล่ม รวมทั้งอเมซอน โพรมิส องค์กรเพื่อสุขภาพไม่หวังผลกำไร และมีบทความลงในนิตยสารลอส แอนเจลิส ไทม์สด้วย ขอบคุณ http://board.yimwhan.com/show.php?user=faithry&topic=19&Cate=4 ************************************************** สนับสนุนภาพโดย พี่หนิง หะนุง-หะนิง น้องหมาไปเที่ยวลาวจ้า ^^ จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:49:07

ความคิดเห็นที่ 13 จาก คุณแต้ว ts_ukjaii   เข้าโน้นออกนี้ไปเรื่อยๆ เจอลิงค์นี้จากห้องแป้ง เป็นโปรแกรมออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงมีท่าฝึกให้ดูด้วย(จริงๆแล้วผู้ชายก็ใช้ได้นะ) เค้าโพสตั้งแต่ปี46 โอ นานนนโน๊ะ แต่แต้วดูแล้วเวิร์คอยู่ เป็นท่าพื้นฐานที่ส่วนใหญ่ถ้าเล่นเวทก็จะใช้ท่าพวกนี้ ^^ ใครอยากได้อะไรที่เป็นแบบแผนเพื่อความสบายใจในการออกกำลังกายหรือหมดมุก เบื่อ อยากเปลี่ยนท่าเล่น ก็ลองดูนะคะ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L2570437/L2570437.html อันนี้เป็น ข้อความในกระทู้นะคะ อยากดูเพิ่มเติมก็คลิ๊กไปตามลิ้งข้างบนค่ะ ^^   @^-^@ โปรแกรมออกกำลังกายเพื่อสุขภาพสำหรับคุณผู้หญิงมาแล้วครับ @^-^@ แฮ่ะๆ หลังจากบอกว่าจะนำมาโพสต์ๆ หลายต่อหลายทีแต่เลื่อนมาเรื่อย วันนี้ก้อได้ฤกษ์พิมพ์แล้วหละครับ โปรแกรมต่อไปนี้ เป็นโปรแกรมตั้งแต่เริ่มต้น จนเล่นไปเรื่อยๆ รวมทั้งหมด 12 week หรือ 3 เดือนนั่นเองคับ เมื่อเล่นครบแล้วจะวนกลับมาเล่นอีกก็ไม่ผิดกติกาอะไรคับ เล่นได้ตราบเท่าที่ยังอยากจะให้ร่างกายฟิตเฟิร์มและแข็งแรงอยู่คับ น้ำหนักในการเล่นต่างๆนั้น ให้เลือกให้เหมาะสมกันเองนะคับ ผมจะไม่ตอบนะคับ ว่าต้องใช้กี่ kg ๆ ลองเลือกดัมเบลที่เหมาะสม ที่จะเล่นในแต่ละท่า ได้จำนวนครั้งอย่างที่ระบุไว้ โดยไม่ล้าจนเกินไปครับ ไม่ต้องกัวกล้ามใหญ่อะไรคับ ถ้าเล่นไม่หนักมันก้อไม่มีวันใหญ่ได้ครับ โดยโปรแกรมจะบอกเป็น ท่า x ครั้ง x set นะคับ พักระหว่าง set 1-2 นาทีคับ พักระหว่างท่า 2-3 นาทีครับ ทุกวันที่เล่นเราจะบริหารทุกส่วนครับ 1 เดือนจะปรับโปรแกรมครั้งนึงแก้เบื่อ และหมุนไปบริหารส่วนอื่นๆมุมอื่นๆ ทั้งนี้ไม่ได้เล่นเน้นแบบการเพาะกล้ามครับไม่ต้องกลัว และที่สำคัญ ในแต่ละสัปดาห์จะต้องทำแอโรบิค 3 วันนะครับ วันละ 30 นาที(อย่างน้อย) ส่วนการเล่นเวท เราก็จะเล่น 3 วันเช่นกัน จัดตารางวันเอาตามที่คุณสะดวกเองได้เลยคับ การแอโรบิคนั้นคุณจะแอยังไงก็ได้ครับ วิ่งลู่วิ่ง วิ่งสนาม ปั่นจักรยานแม่เหล็ก จักรยานจริง เต้น แอโรบอกซิ่ง ฯลฯ อะไรที่ถือว่าเป็นแอโรบิคได้หมดคับ แล้วแต่ชอบแล้วกัน และที่ขาดไม่ได้ สำหรับคนที่ต้องการลดไขมันส่วนเกิน ดูแลโภชนาการด้วยนะ ไม่ต้องอดไม่ต้องงด แค่ใส่ใจกินให้มีคุณภาพ กินให้ฉลาดมากขึ้น กินให้เหมาะสมครับ ส่วนเรื่องการกินลองศึกษากันดูคับไม่ยากไม่เย็นคับ ขอให้ตั้งใจ อิๆ โปรแกรมนี้ ออกแบบโดยผมเอง ... ผสมผสานจากหนังสือสารพัดเล่ม ในบ้านเท่าที่มี และข้อมูลตามเว็บต่างๆ ผมเองพิจารณาแล้วว่าเหมาะที่คุณผู้หญิงน่าจะเล่นได้ แต่ผมจะไม่ออกตัว หรือไม่สามารถบอกได้นะคับ ว่าคุณจะลดไอ้นั่นได้ เพิ่มไอ้นี่ได้ มันต้องแล้วแต่สภาพเงื่อนไขต่างๆแตกต่างกันไปด้วยนะครับ ถ้าพร้อมแล้วก้อมาพบกับโปรแกรมได้เลยคับ จากคุณ : Kindaichi สนับสนุนภาพโดยพี่เจ๊ใหญ่ลานนา  เสี่ยเน วอลลัสสสสสสสส ^^ แค่ดูภาพก็ฮาโปด ^^ จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:55:36

ความคิดเห็นที่ 14 เสร็จแล้ว ชัยโย่ 555555555   ทำงานแล้วววววววว ขอภาพสร้างกำลังใจตัวเองหน่อย ^^  ขอบคุณภาพจากคลับจางกึนซอกแลนด์จ้า ^^ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่สุดดดดดดดดดดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 10:57:39

ความคิดเห็นที่ 15 ดีมากเลยจ้า โดยเฉพาะคลิปบริหารขา อยากได้มานานแว้ววว ขอบคุณที่รวบรวมค่ะ จากคุณ : เหมียวสีส้ม เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 11:49:53

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณพี่วิมากที่รวบรวมความรู้ดีๆไว้ให้ นั่งอ่านคำคมพี่แพมกะพี่สาแล้ว มันรุสึกถึงข้างในมีไฟลุกโชนนะ 5555+ จากคุณ : miffy_bunny เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:31:52

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบใจนะจ๊ะน้องวิที่มารวบรวมให้ ดีมาก ๆ เลย จากคุณ : ameijang - มี่ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 20:36:59

ความคิดเห็นที่ 18 เริ่ดค่ะ...มากดเก็บเข้าคลังกระทู้ด้วยค่ะ จากคุณ : babbbirdbird เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 20:58:55

ความคิดเห็นที่ 19 ลงชื่อตามอ่านจ้าา ^^ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:17:12