Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เวียงนาคินทร์ 19-20 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/07/W12338129/W12338129.html
ตอนที่ 2-3

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/07/W12366873/W12366873.html
ตอนที่ 4-5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12397880/W12397880.html
ตอนที่ 6-7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12431426/W12431426.html
ตอนที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12461606/W12461606.html
ตอนที่ 9-10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12493395/W12493395.html
ตอนที่ 11-12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12526648/W12526648.html
ตอนที่ 13-14 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12571043/W12571043.html
ตอนที่ 15-16 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12591081/W12591081.html
ตอนที่ 17-18 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12621827/W12621827.html

 

ตอน 19

บ่วงกรรม

 

 

         ถังสังฆทานสีเหลืองสดถูกตั้งเรียงรายไว้ตรงหน้า ข้างในบรรจุไว้ด้วยเครื่องสังฆภัณฑ์ชั้นดี  ที่วิมุตติสั่งให้ลุงเรืองคนสนิทไปหาซื้อตามรายการแล้วค่อยมาจัดเรียงใส่ถัง  ไม่ให้ซื้อสำเร็จรูปอย่างทั่วๆ ไป เพราะหลายครั้งมีของที่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความจำเป็น บางครั้งสินค้าก็ไม่ได้คุณภาพที่ผู้ขายเห็นแก่ได้เอาของใกล้หมดอายุมาจัดไว้  หรือกระทั่งบางเจ้ายัดไส้กระดาษไว้ข้างใน 

 

 

แต่ของจำเป็นกับพระสงฆ์หลายอย่างที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม เช่น ยาสระผม เพราะเห็นว่าท่านไม่มีผมกันแล้ว  แต่หนังศีรษะยังต้องได้รับการชำระเสมอหาไม่แล้วจะคัน  อีกชิ้นหนึ่งที่ขาดแคลนคือมีดโกนคมๆ คุณภาพดีที่ใช้โกนผมพระและเณร  หลายวัดต้องทนใช้มีดโกนทื่อๆ ซึ่งใช้โกนมาหลายศีรษะ ไม่ดีทั้งทางด้านสุขอนามัยและโกนยากอีกด้วย  ยิ่งเป็นวัดบ้านป่าบนภูเขาแบบนี้ไม่ค่อยมีญาติโยมขึ้นถวายสิ่งอุปโภคบริโภคนัก  เหล่านี้ชายหนุ่มใช้ประสบการณ์ของตนเองที่ผ่านการบวชเรียนมาสองหน ทั้งเป็นเณรและพระภิกษุมาใช้จัดสิ่งของที่จะถวายพระท่าน

 

 

         ร่างผอมเกร็งของหลวงปู่แสน ถูกประคองให้นั่งลงบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ให้  ชายหนุ่มส่งรถไปนิมนต์ท่านลงมาจากวัดบนดอย  เพื่อเทศนาโวหารรุ่นน้องของเขา  นักศึกษาน้องใหม่เหล่านั้นนั่งเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบกับพื้นเรือน  ในขณะที่พวกรุ่นพี่นั่งอยู่แถวหน้า  วิมุตติกับเจ้าภูวิษะคลานเข่าเข้าไปหาหลวงปู่และก้มลงกราบอย่างนอบน้อม

 

 

         "เจริญพรเถิดโยม" หลวงปู่แสนยิ้มทัก และเมื่อแลเห็นหน้าคนที่เพิ่งลงกราบข้างวิทยาธรเทพนั้น ก็เพ่งมองอยู่นานก่อนจะเอ่ยทักทาย

 

 

         "อาตมานึกว่าใครภูวิษะเจ้านี่เอง ไม่ได้พบเสียนาน  ครั้งสุดท้ายที่พบนี่เห็นจะเป็นปีแล้วสินะ  เป็นอย่างไรบ้างแข็งแรงขึ้นแล้วรึ?"

 

 

ประโยคนี้ทำให้เคียงฟ้าที่นั่งอยู่แถวถัดไปต้องเงยหน้าขึ้นมาฟัง  คนที่ลงว่ายน้ำตอนเช้าตรู่ ทั้งที่อากาศเย็นจนหมอกลงหนานั่นน่ะหรือสุขภาพไม่ดี

 

 

         "ดีขึ้นมากแล้วขอรับพระคุณเจ้า ไม่อย่างนั้นคงมิอาจมาเจริญธรรมที่นี่ได้"

 

 

         "นั่นสิขอรับ...คราวก่อนทำเอาต้องถูเรือนกันหมด"

วิมุตติแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม  จากนั้นจึงรีบเงียบเสียงลงเมื่อเห็นสายตาคมกริบของอีกฝ่ายปลายตามองมาจนนัยน์ตาแทบจะเรืองแสง  ทำเอาหลวงปู่พลอยขันไปด้วย

 

 

         "ฮ่า ฮ่า เป็นอย่างนั้นก็ดี...แต่อย่าให้จิตหมกมุ่นมาก  ทุกอย่างอาจไม่ได้เป็นดังใจหวัง  ต้องปล่อยวางบ้าง..."

 

 

ภิกษุชราหยุดกล่าวเมื่อกวาดตามองไปที่กลุ่มนักศึกษา  และสะดุดเอาที่ดวงหน้าหวานของเคียงฟ้า  หลวงปู่ยิ้มให้หล่อนเป็นรอยยิ้มเต็มเปี่ยมด้วยเมตตา  หญิงสาวไม่ทันได้นึกแปลกใจสงสัยอะไร  ท่านก็หันไปสนทนากับเจ้ารูปงามต่อ

 

 

         "ทำจิตให้สงบเถิดภูวิษะเจ้า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีได้มาทำบุญร่วมกันอีกครั้ง  สิ่งใดที่เคยร่วมเกินกันไปก็อโหสิกรรมให้กันทั้งผู้ที่เคยติดค้าง รวมทั้งทุกคนในที่นี้ด้วย"  จากนั้นจึงได้เริ่มการเทศนาขึ้น

 

 

         "โยมทั้งหลาย...การเป็นนักศึกษาใหม่ทำให้เราต้องเตรียมตัวต้อนรับสิ่งใหม่ๆ คล้ายกับการเกิดใหม่   แต่ถ้าพื้นฐานเดิมก่อนมาเข้ามหาวิทยาลัยไม่แน่นก็ทำให้มีผลต่อการเรียน เหมือนกับการที่ชาติที่ผ่านพ้นมาไม่ได้สะสมบุญมามากนัก ชาตินี้พื้นฐานในการกำเนิดไม่ก็พร้อมสรรพเท่าที่ควร  ทุกๆ อย่างมันมีผลต่อเนื่องกันเสมอ  

 

อย่าได้โทษฟ้าโทษดินโทษชะตาชีวิต  แต่ขอให้พิจารณาตนเองก่อน  บางคนนั้นก็มีสัญญาเก่าติดมาแต่ปางก่อน จำได้ว่าต้องเริ่มทำกิจอะไร  อย่างไร  ติดค้างกับผู้ใดไว้   แต่บางคนจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  การไม่รู้ไม่ใช่เรื่องผิดบาป  แต่ควรจะตั้งสติและวางแผนชีวิตให้ดีป้องกันความผิดพลาดในอดีตที่เราไม่รู้  ไม่ให้ตามมาเป็นกรรมผลาญชีวิตปัจจุบัน   อย่ามัวแต่กลัดกลุ้มถามตนเองว่าทำไมต้องเป็นเรา  ก็เพราะเป็นบุพกรรมของเราไม่ใช่ของคนอื่น  จะไปเกิดเรื่องกับคนอื่นได้ยังไง?

 

 

         บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องของกรรมหรอก  แต่เป็นที่นิสัยของตนเองนิสัยไม่ดีที่เรามองข้าม   และคิดเข้าข้างตนเองเสมอยึดติดกับตัวกูของกู  ทุกอย่างล้วนเป็นมาตรฐานที่กูกำหนด ไม่ใช่มาตรฐานของศีลธรรมอันดีงาม  ก็ทำให้มีปัญหาทะเลาะกับคนรอบข้างวนเวียนไม่จบสิ้น  เรื่องนั้นผ่านไปเรื่องนี้ก็ผ่านเข้ามา  และยิ่งถ้าไม่มีสติพิจารณาก็จะยิ่งกล่าวโทษเวรโทษกรรม   คนแบบนี้ไหว้พระไปอีกร้อยวัดก็ไม่หายทุกข์หรอก  หากจิตไม่สงบก็เปล่าประโยชน์"

 

 

 

 

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 16:07:06

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 16:01:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com