นายกฯแถลงแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ร่วมด้วย นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา นายกิจจา ผลภาษี และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้แถลงข่าวการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ซึ่งมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1.สาเหตุและความเสียหายจากอุทกภัยในปี ๒๕๕๔ เกิดจากปริมาณฝนที่ตกมาก ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ต.ค. ๕๔ สูงกว่าค่าเฉลี่ย ๓๙% และ ๒๒% ในภาคเหนือ และภาคกลาง ตามลำดับ จากพายุโซนร้อนไหหม่า นกเตน เนสาด และนาลแก ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักของภาคเหนือในเดือน ส.ค. ๕๔ มากกว่า ส.ค. ๕๓ถึง ๙,๐๐๐ ล้านลบ.ม. และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ก่อให้เกิดอุทกภัยและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน จำนวน๔,๒๑๓,๔๐๔ ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต ๖๗๖ ราย สูญหาย ๓ คน โดยที่สาเหตุของอุทกภัยในครั้งดังกล่าว มาจากการที่พื้นที่ป่าไม้ลดลง ระบบนิเวศน์ถูกทำลาย องค์กรที่มีอำนาจบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบยังไม่มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ การขาดแผนหลักและงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวตลอดจนระบบข้อมูลทรัพยากรน้ำของประเทศยังไม่มีประสิทธิภาพ กฏหมายด้านการจัดการทรัพยากรน้ำไม่ทันสมัย และการขาดความพร้อมในการเผชิญอุทกภัยขนาดใหญ่ เป็นต้น
จากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งที่เป็นมูลค่าความเสียหายและค่าเสียโอกาสจากการเกิดอุทกภัยด้านการจัดการน้ำ การสาธารณูปโภคสาธารณูปการ แหล่งศิลปวัฒนธรรม ภาคเกษตร อุตสาหกรรม ความสูญเสียด้านสังคม บ้านเรือนประชาชน และความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม รวม ๑.๔๒ ล้านล้านบาท จำแนกเป็นความเสียหายภาครัฐ ๐.๑๔ ล้านล้านบาท และภาคเอกชน ๑.๒๘ ล้านล้านบาท สถานประกอบการ ๒๘,๖๗๙ แห่งนิคมอุตสาหกรรม ๗ แห่ง และแรงงาน ๙๙๓,๙๔๔ คนได้รับผลกระทบ
2.การดำเนินงานของรัฐบาล รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญ เร่งด่วนของปัญหาดังกล่าว จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน. ขึ้น เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ป้องกัน บรรเทา และลดผลกระทบจากอุทกภัยในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เกษตรกร ภาคธุรกิจ และนักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนสร้างความมั่นคงของประเทศ และภาคการประกันภัย โดยได้จัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
3.สาระสำคัญของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ของรัฐบาล)
๓.1
หลักการ แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีหลักการในการวางแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ๓ ด้าน คือ (๑) ปรับปรุงและฟื้นฟูระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ (๒) สร้างความเชื่อมั่นในการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร พื้นที่อุตสาหกรรม และพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ และ (๓) บูรณาการการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้ลงสู่ทะเลโดยเร็ว
๓.2
แนวคิด การบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ต้นน้ำ จะให้ความสำคัญกับการซับน้ำ ชะลอน้ำ มิให้ไหลบ่าอย่างรุนแรง ในขณะที่พื้นที่กลางน้ำจะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำเช่น ทางระบายน้ำหลาก(Floodway) แก้มลิง และพื้นที่ปลายน้ำ จะให้ความสำคัญกับการเร่งระบายน้ำและผลักดันน้ำออกสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว ตามลำดับ
๓.3
เป้าหมาย ระยะสั้น ได้แก่ การลดระดับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุทกภัยในปี ๒๕๕๕
ระยะยาว ได้แก่ การปรับระบบการบริหารจัดการอุทกภัยอย่างบูรณาการและยั่งยืน
๓.4
แนวทางการดำเนินงาน ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในปี ๒๕๕๕ และแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยแบบบูรณาการและยั่งยืน ดังนี้
๓.๔.1
แผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในปี ๒๕๕๕ ซึ่งมีเป้าหมายคือการลดระดับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำท่วมในปี ๒๕๕๕ โดยใช้งบประมาณ ๑๘,๑๑๐ ล้านบาท ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงานในแต่ละด้าน ดังนี้
(1) การจัดทำระบบข้อมูล ระบบพยากรณ์ และระบบเตือนภัย ที่มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ โดยการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ เพื่อพัฒนาระบบข้อมูล สร้างระบบพยากรณ์ และระบบเตือนภัยที่มีเอกภาพและประสิทธิภาพ โดยจัดทำระบบการพยากรณ์สถานการณ์น้ำให้ทันเหตุการณ์ จัดทำระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ ติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ระบบดาวเทียม ระบบติดตามผลระยะไกล เป็นต้น
(2) การบริหารจัดการพื้นที่ต้นน้ำ โดยการเริ่มดำเนินปลูกป่าและพืชซับน้ำ ดำเนินการปลูกป่าและพืชซับน้ำตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง
- ปลูกป่าแบบไม่ปลูก
- คนอยู่กับป่า
- ปลูกป่าปลูกคน
(3) การบริหารจัดการพื้นที่กลางน้ำโดยบริหารจัดการการระบายน้ำของเขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์เขื่อนป่าสักชลสิทธิ และเขื่อนชัยนาทเป็นต้น จัดทำเส้นทางรับน้ำและแก้มลิงขนาดใหญ่ ปรับปรุงคันกั้นน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก คลองระพีพัฒน์ คลองหกวา ฯลฯ ทำกำแพงป้องกันตลิ่ง เช่น คลองบางกรวย ปรับปรุงประตูน้ำ สถานีสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขุดลอกคูคลอง ประมาณ ๑๐๐ แห่ง เช่น บางโฉมศรี ระพีพัฒน์ รังสิต ฯลฯ
(4) การบริหารจัดการพื้นที่ปลายน้ำ โดยการขุดลอกคลองและกำจัดวัชพืช เช่น คลองสามวา, คลองแสนแสบ, คลองทวีวัฒนา, คลองประเวศ ฯลฯ จัดทำและเสริมคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริ เช่น คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ เป็นต้น ปรับปรุงและขุดลอกทางระบายน้ำ กรุงเทพฯ ๓๗ แห่ง นครปฐม ๙ แห่ง นนทบุรี ๔ แห่ง ปทุมธานี ๑๙ แห่ง สมุทรสาคร ๓ แห่ง สิงห์บุรี ๑ แห่ง สุพรรณบุรี ๑ แห่ง ฯลฯ ขุดลอกคลองใต้สะพานรถไฟข้ามคลอง สายตะวันออก ๙ แห่ง สายวงเวียนใหญ่ มหาชัย ๔ แห่งสายเหนือที่กม. ๒๔ ๑ แห่ง ขุดลอกคลองสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน ปรับปรุงประตูน้ำ สถานีสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ประมาณ ๑๐๐ แห่ง เช่น ลาดพร้าว บางเขน บางซื่อ บางแก้ว มหาสวัสดิ์ พระยาบรรลือ เป็นต้น ตลอดจน ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ
(5) การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยการสร้างแนวป้องกันน้ำล้นตลิ่ง ปรับปรุงคันคลอง สร้างประตูน้ำ และสถานีสูบน้ำ ประมาณ ๑๕ แห่ง เช่น คลองเชียงรากน้อย คลองพระองค์ฯ คลองหกบน สถานีสูบน้ำเปรมเหนือ บางปะอิน เป็นต้น เสริมถนนเป็นคันกั้นน้ำ รอบนิคมอุตสาหกรรม ปทุมธานี ๓ แห่ง กม. ๕๘ ทางหลวงหมายเลข ๓๔๖ บางพูน และกม. ๒๐ เสริมถนนเป็นคันกั้นน้ำ รอบนิคมอุตสาหกรรม พระนครศรีอยุธยา ๕ แห่ง เช่น ทางหลวง ๓๐๘ และ ๓๐๙ ประตูน้ำพระอินทร์ จัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับนิคมฯ เพื่อจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วม และระบบระบายน้ำด้วยตนเอง จัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับนิคมฯ เพื่อจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมและระบบระบายน้ำด้วยตนเอง และจัดตั้งกองทุนประกันภัย เพื่อช่วยเหลือการประกันวินาศภัยในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม
(6) พัฒนาและปรับปรุงการบริหารจัดการโดยการจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการในลักษณะ Single Command เพื่อใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ ปรับปรุงระบบเตือนภัยและแผนเผชิญเหตุ ปรับปรุงแผนช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในระหว่างน้ำท่วมและน้ำลด ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป
๓.๔.2
แผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยแบบบูรณาการและยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายคือการปรับระบบการบริหารจัดการน้ำท่วมอย่างบูรณาการและยั่งยืน ประกอบด้วยการดำเนินงาน ดังนี้
(1) การพัฒนาระบบคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์ และระบบเตือนภัย วงเงิน๓,๐๐๐ ล้านบาท
(2) การฟื้นฟู อนุรักษ์ป่าและระบบนิเวศวงเงิน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การปลูกป่า สร้างฝายแม้ว อนุรักษ์ดินและน้ำด้วยการปลูกหญ้าแฝก และการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนในลุ่มน้ำยมสะแกกรัง น่าน และป่าสัก
(3) การกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่เพื่อการรับน้ำ วงเงิน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วยการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองในเขตเจ้าพระยาตอนบน และตอนล่าง ประมาณ ๑๐ แห่ง การกำหนดมาตรการชดเชยความเสียหายเป็นกรณีพิเศษ การปรับปรุงพื้นที่เกษตรชลประทานให้เป็นแก้มลิงประมาณ ๒ ล้านไร่ ในฤดูน้ำหลาก
(4) การจัดสร้างและปรับปรุงโครงข่ายระบายน้ำขนาดใหญ่ของประเทศ วงเงิน๑๗๗,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การจัดทำทางน้ำหลาก หรือทางผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ไปทางตะวันออกหรือทั้ง ๒ ฝั่ง การจัดทำโครงการจัดทำผังการใช้ที่ดิน/และการใช้ประโยชน์ที่ดินในผัง รวมทั้งจัดทำพื้นที่ปิดล้อม และโครงการปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และคันริมแม่น้ำส่วนที่เหลือ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20120120/431055/ยิ่งลักษณ์แถลงแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ.html