ชั่ววูบหนึ่ง
ชั่ววูบหนึ่ง ใบหน้าเขาดูเกือบจะเหนื่อยล้า
แต่ก็ทนไว้ ถ้าทำหน้าอย่างนั้น คัลเน่คงจะล็อคตัวเขาไว้อีก
เขาจึงลบความรู้สึกทั้งหมดออกจากใบหน้า
"งั้นฉันกลับไปทำงานล่ะ"
เขาบอก
คัลเน่หน้ามุ่ยแล้วจ้องเขาเหมือนจะบอกว่าสุดท้ายแล้วชิออนก็ไม่ยอมพัก จากนั้นชิออนก็ยิ้มตอบ
เขาผละจากสองคนนั้นและตั้งใจจะกลับไปที่ห้องทำงาน
คลอธก์กับคัลเน่กำลังคุยกันเรื่องอะไรสักอย่างอยู่ทางด้านหลัง
อาจเป็นเรื่องความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น
อาจเป็นเรื่องโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป
คัลเน่พูดว่า
"ว่าแต่ คุณคลอธก์ครับ ผมเห็นซะแล้วสิ เมื่อวานคุณออกมาจากคฤหาสน์ของคุณโนอาตอนดึก ๆ ใช่ไหมล่ะ ? "
"เฮ้ย ?! พะ พูดอะไรของนาย......"
"เปล่านิ~ แค่คิดว่ามันดึ้กดึก ความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปขนาดนั้นแล้วเหรอครับ ?"
"พูดอะไรของนาย เมื่อวานฉันไม่ได้ไปบ้านของโนอาสักหน่อย ?"
"งั้นก็เมื่อวานซืน ?"
"ก็ไม่ได้ไปเฟ้ย ถึงจะพยายามหลอกถามแบบนั้นฉันก็ไม่หลงกลหรอก เพราะมันไม่มีอะไร !"
"เอ๊ะ จริง ๆ ก็แค่ยังใช่ไหมคร้าบ ?"
"ยังม่งยังไม่อะไรฟะ พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนั้นซะหน่อย"
"เด็กชะมัด"
"ว่าไงนะ ? เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก ?"
ทั้งคู่คุยอะไรกันแบบนี้ ไม่รู้ทำไมชิออนจึงยิ้มให้กับบทสนทนาบ้าบออันแสนจะไม่เกี่ยวข้องกับโลกหรือสงครามที่กำลังใกล้เข้ามาเลย
เขายิ้มโดยไม่หันกลับไป
และมุ่งตรงไปยังห้องทำงานทั้งรอยยิ้มเช่นนั้น
เขายืดตัวเล็กน้อย แล้วรีบรุดไปยังห้องทำงาน
ราวกับกำลังหนีอยู่ เขาผละไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะมันกลับมาอีกแล้ว
คลื่นความทรงจำ
เพราะคลื่นความทรงจำของอัสลูด โรแลนด์พยายามรุกล้ำหัวของเขา
และทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น ก็รู้สึกเหมือนจะทรุดลงไปกับพื้น
เขาจวนเจียนจะล้มและหมดสติ
แต่จะแสดงความอ่อนแอให้พวกคลอธก์เห็นไม่ได้
เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกคลอธก์จะทำอะไรได้ เป็นเรื่องที่แค่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถจะยื่นมือมาช่วยอะไรได้
จึงไม่จำเป็นต้องทำให้พวกเขากังวล
ไม่มีความจำเป็นต้องบอกเรื่องที่พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั่วทั้งร่างเขาเจ็บปวด และถ้าไม่ตั้งเจตจำนงไว้ว่าห้ามยอมแพ้ แม้แต่สติสัมปชัญญะของเขาเองก็จะหายไป เขารีบผละตัวออกมา
แม้จะเป็นระหว่างนั้น เจตจำนงของอัสลูด โรแลนด์ก็แข็งแกร่งขึ้นและพยายามยึดร่างของชิออน ความทรงจำและเจตจำนงของอัสลูดพยายามจะครอบงำร่างกายเขา
ความมืดพยายามจะปกคลุมวิสัยทัศน์ ปกคลุมโลก
หัวใจเต้นแรงราวกับจะระเบิด เขาทุบอกและกดมันไว้ ความรู้สึกคลื่นไส้และอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงจนแทบทนไม่ได้
"......บัดซบ "
เขาพึมพำเบา ๆ
แผ่วเบาจนไม่มีใครได้ยิน
มันคือเสียงกรีดร้อง
มันคือเสียงกรีดร้อง
แต่เสียงนั้นเบามาก เบาซะจนไปไม่ถึงหูใคร ไม่สิ คงยิ่งแย่ถ้ามันไปถึงหูใครเข้า
ดังนั้นเขาจึงไม่ร้องออกมาอีก
เขาแค่พยายามหนีไปเก็บตัวในห้องทำงานด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวใกล้จะร้องไห้
เขาเปิดประตู
แล้วเข้าไป
ไม่มีใครอยู่ในนั้น
ไม่มีใคร อยู่ในนั้น
จะไลเนอร์หรือเฟริสก็ไม่อยู่
เขาดูให้แน่ใจ แล้ว
"......อึ่ก อ่ะ "
ปลดปล่อยเสียงครางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และทรุดตัวลง
เขาทรุดตัวพิงหลังกับประตู
ตราบใดที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ก็จะไม่มีใครเข้ามาได้ ถ้าใช้หลังกั้นประตูเอาไว้ ก็จะไม่มีใครเข้ามาได้
ดังนั้นเขาจึง
"อึ่ก อ้ะ......อ๊าก !"
กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
จากความเจ็บปวดทั่วทั้งร่าง
ร้องออกมาเพื่อตอบโต้ความเจ็บปวดที่เกินจะทน
แต่ความเจ็บปวดยังคงทวีความเข้มข้นขึ้น
ยิ่งทวีความน่าชิงชังขึ้น
ถ้าเป็นบ้าไปได้คงดีซะกว่า
ความเจ็บปวดปกคลุมทั่วทั้งร่างจนคิดว่าตายไปซะได้คงจะดีกว่า
'ผู้กล้า' พยายามจะฟื้นขึ้นมา
อสูรกายในตัวชิออนพยายามจะกัดกินเขาจากข้างใน
และแล้ว
"......ช่วงเวลามันถี่ขึ้นแล้วก็สั้นขึ้นเรื่อย ๆ นะ "
ก็มีเสียงพูดขึ้น
ห้องทำงานที่ไม่น่าจะมีใคร ก็มีเสียงพูดขึ้น
ชิออนเงยหน้า
พอมองไป ก็เห็นลูซีลกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะของไลเนอร์ และมองลงมาทางเขา