ความคิดเห็นที่ 1 ไปรู้มาจากใหนว่าเข้าอิสลามแล้วออกไม่ได้ คนพุทธที่เข้าอิสลามเพราะแต่งงาน พอหย่ากันก็กลับเป็นพุทธใหม่ก็เยอะ ไม่มีกฏหมายข้อใหนเขาบังคับนิ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:33:15

ความคิดเห็นที่ 2 อันที่จริงผมไม่อยากตั้งกระทู้แบบนี้ เพราะผมไม่ชอบเรื่องไร้สาระ แต่สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิต คือการกล่าวหาอะไรลอย โดยขาดตรรก และเหตุผล ผมเป็นคนที่เคารพความคิดเห็นคนอื่นเสมอ แต่การแสดงความคิดเห็นที่เป็นลบ หรือ บวก ต่อผุ้อื่นนั้น โดยขาดหลักการที่รองรับนั้น เป็นสิ่งที่มนุษย์ชน ปกติ ไม่กระทำกัน คิดบวก โดยไม่มีตรรก มารองรับ ก็เข้าขั้น ยกยอปอปั้น ทำเพื่อผลประโยชน์ เสแสร้ง คิดลบ  โดยไม่มีหลักการมารองรับนั้น  ก็เข้าข่ายปรักปรำ ผู้อื่น โดยไร้เหตุผล ถ้าจับเหตุและผลมั่วๆสั่วๆมา หรือตัดแปะมาแต่บางส่วน ก็เรียกว่าบิดเบือน ดั่งนั้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ และเป็นหลักคิดต่อเยาวชน ที่ผ่านมา ผมขอตั้งเรียน จากสถาการณ์ตัวอย่างดั่งหัวข้อกระทู้ นี้แหละครับ จากหัวข้อที่แตกประเด็นมา กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก Y12361834 คือกระทู้ ""[ชาวห้องศาสนา]-"เพราะพวกที่เป็นโรค เกลียด และกลัว ศาสนาอิสลาม มีเยอะ"<_จาก คห.ของ login เกาะลันตา@-นั้น-จริงหรือ ???{แตกประเด็นจาก Y12350167} ลิ้งค์ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12361834/Y12361834.html กระทู้ที่ จขกท  ในกระทู้ที่ขอแตกประเด็น มานั้น นำกระทู้ ของคุณเกาะลันตา มาเป็นประเด็น  ซ้อนประเด้นขึ้นมา กระผมใคร่เรียนว่า คุณเกาะลันตา นั้น เป็นมุสลิม สตรีท่านนึง เหมือนกับสมากชิกที่นับถือศาสนาอิสลาม ในห้องนี้ ศาสนาอิสลาม และมุสลิมในห้องนี้ ถูกการกล่าวร้ายอ้างอิงไปถึงพระเจ้า และศาสดา ดั่งเช่น ข้อความของล้อคอินนี้ เป็นประจำ ซึ่งต่อแต่นี้ท่านอาจได้เห็น การเข้ามาของกลุ่มนี้ และการวิวาทะ กันอย่างดุเดือด แต่ผมใคร่เรียนว่าผมจะพยายามอดกลั้นให้ถึงที่สุด และรักษารูปแบบการโต้กลับด้วยหลัการและเหตุผล จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:36:22

ความคิดเห็นที่ 3 เพื่อนๆที่นับถือศาสนิกชน และไม่มีศาสนา ที่ยืนบนหลักการและตรรก ได้โปรดพิจรณา ตามประโยค หรือบริบท ของ Mopeena ดังต่อไปนี้คือ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ น้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตา่ย ชาวพุทธทั้งหลายอย่าได้ชะล่าใจกับกลุ่มชาวมุสลิม น้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตา่ย ชาวพุทธทั้งหลายอย่าได้ชะล่าใจ ด้วยข้อความตรงนี้ คือ ผล ที่มาของเหตุ มิใช่เหตุที่มาของผล เป็นการกล่าวเตือน จากกลุ่มชนในสังคมบางพวก กับกลุ่มชาวมุสลิม ตรงนี้คือคำตอบ ของประโยคบริบท ดั่งกล่าว สรุป ในประโยคนี้ คือการกล่าวหรือให้ร้ายบุคคลที่นับถือศาสนา อิสลาม หรือมุสลิม ว่าเป็นตัวการ ในการทำให้ปลาเป็นปลาตาย โดยเลือกยุทธศาสตร์ น้ำร้อน น้ำเย็น เป็นการกล่าวอ้างปรักปรำที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือแต่อย่างใด   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 12:47:56 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:44:32

ความคิดเห็นที่ 4 ไปรู้มาจากใหนว่าเข้าอิสลามแล้วออกไม่ได้ คนพุทธที่เข้าอิสลามเพราะแต่งงาน พอหย่ากันก็กลับเป็นพุทธใหม่ก็เยอะ ไม่มีกฏหมายข้อใหนเขาบังคับนิ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:33:15   ***************************************** ผมกำลังพูดถึงกฏหมายอิสลามที่พวกมุสลิมพยายามจะผลักดันเข้าสภานะครับ ไม่ใช่กฏหมายที่มีในปัจจุบัน ลองอ่านและตั้งใจอ่านใจความให้ดีครับ จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:47:52

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องขอบใจ นายจิมด้วยที่อุตส่าห์ยกความเห็นมาตั้งกระทู้ใหม่ให้ แต่ดูเหมือนว่าจะยกมาเพื่อลบล้างความน่าเชื่อถือเสียมากกว่า แต่ก็บอกแล้วให้ไปศึกษาหาข้อมูลกันเพิ่มเติมเอาเอง อย่ามานักวิชาเกินกับผมให้มาก ไอ้ตรรกกง ตรรกะ อะไรนั้นอย่าเอามาพูดกับผม หากไม่มีมูลหมาคงไม่ขี้ หากไม่มีเรื่องแบบนี้มีหรือจะเอามาพูด จะบอกให้นะผมจะติดตามไปทุกฝีก้าว จะคิดจะทำอะไรให้ระวังไว้ด้วย โดยเฉพาะไอ้กฏหมายอิสลาม อย่าได้เอามาพูด จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:52:56

ความคิดเห็นที่ 6 การที่มีเว็บไซต์ต่าง ๆ ออกมาแฉความชั่วร้าย เรื่องราวและการกระทำของมุสลิมนั้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ การที่มีเว็บไซต์ต่าง ๆ ออกมาแฉความชั่วร้าย นี่คือการแหล่งที่มาอ้างอิง จาก คห ข้างบน ว่าเป็นเวบไซด์ ต่างๆ ซึ่ง คุณ Mopeena ไม่ได้บอกเอาไว้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม กล่าวร้ายมุสลิม โดยที่ Mopeena ฟังหรืออ่าน หรือรับรู้ ตามการชักจูงของเวบไซด์ดั่งกล่าว ว่าเป็นจริง เรื่องราวและการกระทำของมุสลิมนั้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เป็นการตอกย้ำขันเชนาะให้แน่น ต่อบริบท ข้างต้นที่กล่าวในคห นี้ ว่ามุสลิม คือต้นเหตุ ของการทำให้ น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:56:06

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างที่ชาวมุสลิมพยายามจะดีสเครดิตแต่อย่างใด ตรงนี้Mopeena ไม่ได้บอกว่า การดิสเครดิต นั้น ดิสเครดิต อย่างไร เป็นการกล่าวลอย โดยการอนุมาน ของตนเอง แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 12:58:32 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:58:17

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ขอให้ชาวพุทธรู้ไว้และตระหนักไว้ เพราะความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาก รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง หากว่าไม่จริงเราก็เฉย ๆ ด้วยประโยคนี้ทั้งประโยค เป้นการกกล่าวเตือน เพื่อนชาวพุทธ บนหลักการที่เลื่อนลอย ตรงที่ขีดเส้นนั้นคือการเน้น ข้อความ ไม่แน่ใจ จาก การกล่าวหา กล่าวร้ายของตนเอง ทั้งจากเวบไซด์ และจาก Mopeena อนุมานไปเอง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:03:25

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าได้ไปเืชื่อคำของพวกมุสลิมให้มาก ผมท้าให้ไปศึกษาหาข้อมูลกันเองว่าที่ผมพูดมานั้นจริงเท็จแค่ไหน และเรื่องต่าง ๆเหล่านี้รู้ไว้ตระหนักไว้ ก็ไม่เสียหายนะครับ คนเสียผลประโยชน์ย่อมออกมา ลบล้างความน่าเชื่อถือเป็นธรรมดา จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:04:58

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ถ้ามันจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ เราจะได้รู้เท่าทัน ไม่ถูกหลอกเอาง่าย ๆ คำว่าแต่ถ้ามันจริง นั่นคืออาจเป็นจริงก็ได้ หรือไม่เป้นจริงก็ได้ นั่นคือความไม่มั่นใจ ในข้อมูลที่ได้รับมา ว่าถุกต้องหรือไม่? ส่วน คำว่า "ไม่ถุกหลอกเอาง่ายๆ" แสดงว่า ต้องมีผู้หลอกและผู้ถูกหลอก แต่ Mopeena ก็ได้กล่าว อนุมานโดยสรุป ว่า มุสลิมนั้นคือผู้หลอกลวง บนสมมุติฐานที่ไม่แน่ใจในข้อมูลของตนเองว่าถุกต้องหรือไม่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:09:37

ความคิดเห็นที่ 11 เรามาดูกฏหมายอิสลามบางช่วงบางตอนบ้างว่ามีอะไร จริงหรือไม่จริงอย่างไรกับที่พูดมา พรบ.ฉบับนี้ทุกอย่างให้บังคับใช้ตามบทบัญญัติพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน มีผลให้ ๑. คู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิม เมื่อสมรสกับมุสลิมจะต้องกลายเป็นมุสลิมโดยกฎหมาย ตามคัมภีร์อัลกุรอาน ๒. หากมีการหย่า สินสมรสจะต้องแบ่งภายใต้กฏหมายอิสลาม ๓. หากมีการหย่า คู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิมมาแต่แรก [ซึ่งถือเป็นผู้เข้ารับอิสลาม ตามมาตรา ๔ วรรคแรก] จะเปลี่ยนศาสนาออกจากศาสนา    อิสลามไม่ได้ การออกจากศาสนาอิสลามมีโทษ เมื่อเปลี่ยนศาสนาตามกฎหมายไม่ได้ หากใจไปฝักไฝ่ศาสนาอื่น จะมีโทษฐาน "ละทิ้ง    ศาสนาอิสลาม" หรือ "การไม่เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติศาสนากิจอิสลามด้วยควา่มเลื่อมใส" มีโทษหนัก ถึงประหารชีวิต ! ๔. หากคู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิมมาแต่แรก จะสมรสใหม่ คู่สมรสคนใหม่ของเขาก็จะต้องกลายเป็นมุสลิมไปโดยอัตโนมัติตามกฏหมายอิสลาม     และหากมีลูกก็จะต้องเป็นมุสลิมตามกฎหมาย จะออกจากศาสนาอิสลามไม่ได้ ๕. ต้องเสียเงินงบประมาณมหาศาล    ในการสร้างซูรอ (สภาที่ปรึกษาสูงสุดแห่งชาติ),    จัดตั้งศาลชารีอะห์ (ศาลอิสลาม) ขึ้นในศาลจังหวัดทุกแห่ง จัดตั้งขึ้นในศาลฎีกาทุกแห่ง บางจังหวัดมีศาลจังหวัดหลายแห่ง ทำให้ต้องใช้งบ    ประมาณมหาศาลในการจัดตั้งแผนกคดีครอบครัวมรดกอิสลาม อีกนับร้อยแห่งทั่วราชอาณาจักร[มาตรา ๗],    สำนักงานชารีอะห์ (สำนักทะเบียนอิสลาม ทำงานเหมือนสำนักงานเขต) และเงินเดือนของ    กอฎี (เดิมใช้ชื่อ "ดะโต๊ะยุติธรรม" หมายถึง ผู้พิพากษา ซึ่งกอฎีไม่ใช่ภาษาไทย ไม่มีในพนจานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน การบัญญัติกฎหมาย    ไทยจะต้องใช้ภาษาไทย เพื่อให้คนไทยเข้าใจและปฏิบัติตามได้)    [มาตรา ๑๐ ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการเช่นเดียวกับผู้พิพากษา] ,[มาตรา ๘ กำหนดองค์คณะจะต้องประกอบด้วยกฎีไม่น้อยกว่า    สองคน และผู้พิพากษาอีักหนึ่งคน และองค์คณะกอฎีของศาลฎีกา จะต้องประกอบด้วยกฎีไม่น้อยกว่าสามคน และผู้พิพากษาอีักสองคน    การกำหนดองค์คณะดังกล่าวไม่เ็ป็นธรรม เพราะผู้พิพากษาอิสลามมีจำนวนมากกว่า ลงมติกี่ครั้งก็แพ้ฝ่ายอิสลามทุกครั้ง]    จ้างเจ้าหน้าที่ศาล หรือที่ปรึกษา ไม่กำหนดว่าจะต้องมีความรู้กฎหมายไทย และไม่ได้กำหนดคุณวุฒิทางการศึกษาไว้ชัดเจน กำหนดเพียงแต่    เป็นผู้มีความรู้ด้านนิติศาสตร์อิสลามเท่านั้น ซึ่งเป็นการรอบรับผู้จบการศึกษาจากโรงเรีบนปอเนาะ [มาตรา ๑๑],    เงินค่าสวัสดิการครอบครัวข้าราชการ ให้กับภรรยาของข้าราชการไทยมุสลิมทั่วประเทศ ซึ่งสามารถมีภรรยาได้ถึง ๔ คน หรือมากกว่า    (เมื่อภรรยาทุกคน เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว) และบุตรอีกไม่จำกัดจำนวน และอื่นๆ อีกมากมาย ๖. เงินค่าธรรมเนียมศาล และเงินค่าปรับ หรือเงินได้ใดๆ ในศาลอิสลามที่จะตั้งขึ้นตามกฎหมายนี้ กลับไม่ยอมให้นำเงินเป็นรายได้    แผ่นดิน เหมือนในศาลอื่นๆ [มาตรา ๑๒] ๗. "การปฏิบัติตามข้อบัญญัติกฎหมายอิสลามตามพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน หากขัดหรือแย้งหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายใด ให้ถือว่าเป็น    การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่อาจถือเป็นความผิดที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายใด" [มาตรา ๑๔] บทบัญญัติีมาตรานี้ ให้ถือว่า    พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอยู่เหนือกฎหมายใดๆ แม้แต่รัฐธรรมนูญก็ต้องอยู่ภายใต้พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เท่ากับประเทศไทยเสียเอกราชทาง    ศาลให้แก่ศาสนาอิสลาม แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 13:15:50 จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:14:28

ความคิดเห็นที่ 12 เพราะเท่าที่เห็นมาทั้งหมดในห้องศาสนานี้ก็ตามหรือที่ไหน ๆ ก็ตาม คนมุสลิมมักจะสร้างภาพให้ดีดีไว้ก่อน ตรงที่ผมขีดเส้นมานั้น โดยเฉพาะคำว่า "เท่าที่เห็น "นั้นเป็นการบอกมุมมอง ของMopeena มองเท่าที่ตนเองเห็นมารับฟังมา ส่วนนึงจากการชักจุงชักนำของเวบไซด์ ที่อ้างอิงมา ซึ่งไม่รู้ว่าเวบอะไร ? แต่ความสำคัญ อยู่ตรงที่ว่า เมื่อคำว่า เท่าที่เห็น มาบวกรวมกับ คำว่าทั้งหมด มองได้สองมุม มุมแรก ทั้งหมดที่ Mopeena เห็น หรือว่า ข้อความขัดแย้งกันเอง ว่าเห้นมามันหมดและครอบคลุมหรือไม่ คนมุสลิมมักจะสร้างภาพให้ดีดีไว้ก่อน ด้วยข้อความตรงนี้ คือการกล่าวอ้าง ปรักปรำแบบไร้ตรรก ด้วยเพราะว่า ถ้าสร้างภาพจริงก้คงไม่ต้องมานั่งโต้แย้ง สู้พยักหน้ายอมรับไปเสียก็สิ้นเรื่อง แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 13:17:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:16:33

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องราวความผิดเกิดขึ้นที่ไหนของมุมโลกของมุสลิม คนพวกนี้มันแก้ตัวแทนได้หมด มันรู้หมดว่าอะไรเกิดขึ้น แม้แต่การระเบิดทำลายพระพุทธรูปที่บาิมิยัน คนพวกนี้ยังพูดให้ดูดี และเป็นความชอบธรรมไปได้ ตรงที่ผมขีดเส้นมา นั่นคือการปรักปรำ ว่ามุสลิม ชอบแก้ตัวให้สิ่งที่ผิด และอนุมานไปเองว่า แก้ตัวให้ทุกเรื่อง มันรู้หมดว่าอะไรเกิดขึ้น ตรงนี้ก้อนุมานและฝันไปว่า มุสลิมในนี้ฉลาดล้ำลึก สามารถรอบรู้ได้หมดทุกเรื่อง แม้แต่การระเบิดทำลายพระพุทธรูปที่บาิมิยัน คนพวกนี้ยังพูดให้ดูดี และเป็นความชอบธรรมไปได้ กล่าวหาว่าพุดให้ดู ดี ก็อนุมานไปเองนั้นแหละ แบบเลื่อนลอย ยังไม่ปรากฎมุสลิม คนใด เห็นด้วยสนับสนุนสักคนเดียว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:23:08

ความคิดเห็นที่ 14 คุณยายถูกคุกคามจากความสันติ จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:24:23

ความคิดเห็นที่ 15 มีชาวพุทธไม่น้อยที่คอยคล้อยตามกับคำพูดของพวกมุสลิม เพราะความเขลา และก็มีไม่น้อย ที่จัดอยู่ในกลุ่มพวก เฉยโง่ อะไร ๆ กรูก็ปล่อยวาง ทำเป็นเฉย สักวันจะรู้สึก ด้วยข้อความตรงนี้ นอกจาก Mopeena จะปรักปรำ ศาสนาอิสลาม อย่างเลื่อนลอยแล้ว ยังกล่าวหา หรือคิด หรือดูถูกสติปัญญา ของพี่น้องชาวพุทธ ที่นับถือศาสนาเดียวกันกับตนเอง อย่างร้ายแรง   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 13:27:00 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:26:42

ความคิดเห็นที่ 16 โอ้โห........ไม่นึกว่าข้อความประโยคเดียว จะทำให้มุสลิมบางคนเดือดร้อนไ้ด้ขนาดนี้ คัดมาทีละประโยค แบบประโยคต่อประโยคกันเลยทีเทียว น่าขำ นี่แหละพฤติกรรมอันนี้แหละที่ผมพยายามจะพูดจะบอก ว่าคนพวกนี้ถ้ามีเรื่องอะไรที่เสียผลประโยชน์ ก็จะออกมาพูดจาหว่านล้อมจนกระทั่งตัวเอง เป็นคนถูก ดูดีในสายตาคนอื่นไป และพูดจาหว่านล้อมให้ผู้อื่นดูแย่ ไปเสียหมด ไม่ผิดเลยจริง ๆ มันก็สันดร เดิม ๆ นั่นเอง จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:32:21

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าได้ติดตามอย่างใกล้ชิด จะเห็นว่าพวกมุสลิม มีความพยายามจะผลักดันกฏหมายอิสลามเข้ามาใช้ในประเทศไทย พยายามจะแผ่ขยายอิสลามไปทั่วประเทศ ด้วยข้อความตรงนี้ แสดงว่าผู้คนส่วนใหญ่ ในสังคมนี้ไม่ได้ใกล้ชิดกับแหล่งข้อมูลที่ถุกต้อง นอกจาก Mopeena และเวบไซด์ดั่งกล่าว เป้นแหล่งรวมข้อมูลที่ถุกต้อง ด้วยประการดั่งนี้ย่อมรู้ว่าใครคือผุ้ผลักดัน และทั้งหมดหรือไม่ และกฎหมายฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบหรือไม่?   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 13:34:02 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:33:24

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านผ่านๆ ตาม กฎหมายที่ Mopeena ยกมา ถ้ามีจริง "๑. คู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิม เมื่อสมรสกับมุสลิมจะต้องกลายเป็นมุสลิมโดยกฎหมาย ตามคัมภีร์อัลกุรอาน ๒. หากมีการหย่า สินสมรสจะต้องแบ่งภายใต้กฏหมายอิสลาม ๓. หากมีการหย่า คู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิมมาแต่แรก [ซึ่งถือเป็นผู้เข้ารับอิสลาม ตามมาตรา ๔ วรรคแรก] จะเปลี่ยนศาสนาออกจากศาสนา   อิสลามไม่ได้ การออกจากศาสนาอิสลามมีโทษ เมื่อเปลี่ยนศาสนาตามกฎหมายไม่ได้ หากใจไปฝักไฝ่ศาสนาอื่น จะมีโทษฐาน "ละทิ้ง   ศาสนาอิสลาม" หรือ "การไม่เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติศาสนากิจอิสลามด้วยควา่มเลื่อมใส" มีโทษหนัก ถึงประหารชีวิต ! ๔. หากคู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิมมาแต่แรก จะสมรสใหม่ คู่สมรสคนใหม่ของเขาก็จะต้องกลายเป็นมุสลิมไปโดยอัตโนมัติตามกฏหมายอิสลาม    และหากมีลูกก็จะต้องเป็นมุสลิมตามกฎหมาย จะออกจากศาสนาอิสลามไม่ได้ " ข้อ ๑,๓,๔ ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา ตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ พรบ. ข้อนี้ตกไป และหากถือเป็นสาระสำคัญก็ตกทั้งฉบับ ข้อ ๒ ขัดต่อหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ เรื่องสิทธิในทรัพย์สิน และขัดต่อหลักฎหมายแพ่ง เรื่องเสรีภาพในการทำสัญญา  ส่งผลให้ พรบ. ข้อนี้ตกไป และหากถือเป็นสาระสำคัญก็ตกทั้งฉบับ "๗. "การปฏิบัติตามข้อบัญญัติกฎหมายอิสลามตามพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน หากขัดหรือแย้งหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายใด ให้ถือว่าเป็น   การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่อาจถือเป็นความผิดที่จะต้องรับโทษตามกฎหมายใด" [มาตรา ๑๔] บทบัญญัติีมาตรานี้ ให้ถือว่า   พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอยู่เหนือกฎหมายใดๆ แม้แต่รัฐธรรมนูญก็ต้องอยู่ภายใต้พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เท่ากับประเทศไทยเสียเอกราชทาง   ศาลให้แก่ศาสนาอิสลาม" ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในเรื่องความรับผิดในทางอาญา เป็นเรื่องการเลือกปฏิบัติโดยไม่เท่าเทียมกัน บุคคลต้องเสมอกันในทางกฎหมาย  ส่งผลให้ พรบ. ข้อนี้ตกไป และหากถือเป็นสาระสำคัญก็ตกทั้งฉบับ ส่วนข้อ ๕ - ๖ เป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นเรื่องงบประมาณ ถ้าไม่ขัดแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย ก็ถือว่าสามารถร่างกฎหมายออกมาได้ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:33:36

ความคิดเห็นที่ 19 โอ้โห........ไม่นึกว่าข้อความประโยคเดียว จะทำให้มุสลิมบางคนเดือดร้อนไ้ด้ขนาดนี้ คัดมาทีละประโยค แบบประโยคต่อประโยคกันเลยทีเทียว น่าขำ นี่แหละพฤติกรรมอันนี้แหละที่ผมพยายามจะพูดจะบอก ว่าคนพวกนี้ถ้ามีเรื่องอะไรที่เสียผลประโยชน์ ก็จะออกมาพูดจาหว่านล้อมจนกระทั่งตัวเอง เป็นคนถูก ดูดีในสายตาคนอื่นไป และพูดจาหว่านล้อมให้ผู้อื่นดูแย่ ไปเสียหมด ไม่ผิดเลยจริง ๆ มันก็สันดร เดิม ๆ นั่นเอง จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:37:21

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วน ร่างพรบ.กฎหมายอิสลาม ว่าด้วยครอบครัวและมรดก เท่าที่ผ่านตามาทั้ง ๔ ฉบับ นั้น ล้วนเป็นการกำหนดเกี่ยวเฉพาะสิทธิในทางแพ่งของอิสลามศาสนิกเท่านั้น ยังไม่พบว่ามีการบัญญัติอันเป็นการละเมิดสิทธิของศาสนิกอื่นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:37:23

ความคิดเห็นที่ 21 และใช้กฏหมายนี้ดึงคนเข้าศาสนาอิสลาม ไม่ว่าจะการแต่งงาน กฏหมายอิสลามก็จะเอาคนนั้นเป็นคนอิสลามทันที เข้าแล้วก็ออกไม่ได้ด้วย ด้วยข้อความตรงนี้แสดงว่า Mopeena และเวบไซด์ดั่งกล่าว กำลังบอกว่าตนเองนั้น มีความเชียวชาญรอบรู้ถึงบทบัญญัติในศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:37:44

ความคิดเห็นที่ 22 เพราะกฏหมายอิสลามห้ามไว้ คน ๆ นั้นก็ต้องเป็นอิสลามไปตลอดชีวิต หากว่าหย่ากันแล้ว ไปแต่งงานใหม่ คู่สมรสคนใหม่ก็ต้องเป็นอิสลาม อันนี้แค่บางตอนของกฏหมายอิสลามเท่านั้น ตรงนี้ก็เป้นการยืนยัน ว่า Mopeena และแหล่งข้อมูลอันไม่เป็นที่เปิดเผยของ Mopeena นั้นมีความเชียวชาญบทบัญยัติในศาสนาอิสลามเป้นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องดั่งกล่าว ด้วยข้อความว่าบางตอน แสดงว่าทราบมากว่านี้อย่างแน่นอน แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 13:41:52 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:40:46

ความคิดเห็นที่ 23 พฤติกรรมไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากมาลบล้างความน่าเชื่อถือของข้อมูล ผมขอยืนยันคำเดิมให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกันเอาเอง อย่าได้ไปเชื่อคำคนมุสลิม หรือของผม ของอย่างนี้มันต้อง เห็นด้วยตาตัวเอง จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:46:38

ความคิดเห็นที่ 24 และอีกอย่าง ให้สังเกตุดูว่า คนมุสลิม มีความพยายามที่จะต้องการมีตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยให้ได้ เพราะกระทรวงนี้ ดูและเรื่องการปกครองทั้งหมดในประเทศ การโยกย้าย แต่งตั้งข้าราชการ ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ กระทรวงนี้เอาไปกินหมด ตรงที่ขีดเส้นใต้ แสดงว่า Mopeena มีความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองต่างๆเป็นอย่างดี และรู้จักนักการเมืองมุสลิมโดยส่วนตัวเป้นอย่างดี ถึงได้ทราบการกระตือรือร้นในการไต่เต้าหาตำแหน่งดั่งกล่่าว และในบริบทต่อมา แสดงว่า Mopeena เป็นผุ้ที่เชี่ยวชาญในระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเป็นอย่างดี ถึงได้ทราบเรื่องใต้โตะบนโตะ ได้ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:54:41

ความคิดเห็นที่ 25 หากว่ามุสลิมคนไหนได้ตำแหน่งนี้ไป รับรองว่าชาวพุทธแย่แน่ ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูรัฐมนตรีเงาของพรรคประชาธิปปัตย์ สิ ว่าเป็นใคร เป็นการอนุมานเอาเอง แถมมีการอ้างอิงแนวการเมืองเสียด้วย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:59:45

ความคิดเห็นที่ 26 บอกให้ก็ได้ว่าเป็นคนมุสลิม และตอนเลือกตั้งใหม่ ๆ รู้ว่าเพื่อไทยได้ ก็มีการขอตำแหน่ง บอกอยากจะเอามาดูและพวกเดียวกัน ซึ่งก็คือทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย แสดงว่าMopeena แนบแน่นกับฝ่ายการเมืองเป็นอย่างมาก ถึงได้ทราบกลไกภายในพรรคการเมือง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:02:10

ความคิดเห็นที่ 27 และนี่คือบางส่วนของอันตรายที่จะเกิดขึ้น อยากให้อ่านและนำไปพิจารณาดู ไปหาข้อมูลดูก็ได้ ว่าจริงเท็จแค่ไหน แค่อยากจะเตือนเท่านั้น ว่าอย่าได้ประมาทกับคนมุสลิมเป็นอันขาด นี่คือบทสรุปของ Mopeena และความห่วงใย ต่อการเมืองเมืองไทย หรือว่า ศาสนากันแน่? จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:03:56

ความคิดเห็นที่ 28 ข้อคิดเสนอแนะส่วนตัว เมื่อท่าน Mopeena มีความห่วงใย ต่อการเมือง ต่อศาสนา ในประเทศไทย ผมก็เอามาแกะเป็นหัวข้อให้ดูกันตาม คห ต่างๆที่กล่าวมาเบื้องต้น ท่านผู้อ่านท่านใดอยากจะปุจฉา ในแต่ละคห อย่างใด  ผมชี้ช่อง และการถกประเด้นต่างๆไว้ให้เป้นที่เรียบร้อย เชิญกันตามสบาย นะครับ กับ Mopeena ส่วนผมขอไปนั่งจิบชา สบายๆ สบายๆ  เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 14:07:59 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:07:31

ความคิดเห็นที่ 29 . จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:16:30

ความคิดเห็นที่ 30 ศาสนาจารย์ ยูเซฟ นาดาร์คอนี ซึ่งถูกทางการอิหร่านสั่งประหารชีวิตฐานละทิ้งศาสนาอิสลาม (ภาพ: www.worthynews.com) เอเอฟพี – สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติประณามรัฐบาลอิหร่านที่สั่งประหารชีวิตศาสนาจารย์ชาวคริสต์รายหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการละเมิด “สิทธิมนุษยชนด้านการนับถือศาสนา” วานนี้ (1) ด้วยคะแนนโหวตอย่างเป็นเอกฉันท์ 418-0 เสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ประกาศมติเชิงสัญลักษณ์ให้อิหร่านปล่อยตัว ยูเซฟ นาดาร์คอนี ในทันที พร้อมประณามรัฐบาลเตหะรานที่สนับสนุนการข่มเหงรังแกชนกลุ่มน้อย นาดาร์คอนี วัย 34 ปี เปลี่ยนจากศาสนาอิสลามมานับถือคริสต์ตั้งแต่อายุ 19 ปี และกลายเป็นศาสนาจารย์ประจำชุมชนชาวคริสต์กลุ่มเล็กๆ ซึ่งใช้ชื่อว่า “ศาสนจักรแห่งอิหร่าน” (Church of Iran) ศาสนาจารย์ผู้นี้ถูกจับเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2009 และต้องโทษประหารชีวิตฐานละทิ้งศาสนาอิสลาม ตามกฎหมายชารีอะห์ บทลงโทษดังกล่าวจะถูกยกเลิกหากผู้กระทำผิด “สำนึกตัว” และยกเลิกการเปลี่ยนศาสนา ซึ่ง นาดาร์คอนี ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น ประเทศตะวันตก ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และโปแลนด์ ต่างออกแถลงการณ์ประณามอิหร่าน และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวศาสนาจารย์รายนี้ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2010 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารนาดาร์คอนี แต่คำตัดสินดังกล่าวถูกยกเลิกโดยศาลสูงในกรุงเตหะราน ทำให้คดีถูกส่งกลับไปยังศาลชั้นต้นที่เมืองราชต์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา รองผู้ว่าฯ เมืองราชต์ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและการเมืองของจังหวัด ระบุว่า ความเชื่อถือศรัทธาของนาดาร์คอนี ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป และจะเอาผิดเขาในข้อหา “เป็นไซออนิสต์ เป็นคนทรยศ และกระทำอาชญากรรมด้านความมั่นคง” แทน นักสิทธิมนุษยชนเกรงว่า ศาสนาจารย์ผู้นี้อาจถูกลงโทษประหารได้ทุกเวลา “ทางการอิหร่านจู่โจมศาสนสถาน, กักขังผู้ศรัทธาและผู้นำศาสนา รวมถึงข่มขู่ชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาอื่นๆ บ่อยครั้งขึ้นทุกที” สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แถลงในมติประณาม พร้อมชี้ว่า “รัฐบาลทุกประเทศมีหน้าที่ต้องปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย” ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติเผยว่า อิหร่านลักลอบประหารชีวิตนักโทษถึง 146 รายในปีที่แล้ว และเมื่อปี 2010 ก็มีผู้ถูกประหารไปมากกว่า 300 คน จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:24:37

ความคิดเห็นที่ 31 ศาลมาเลเซียไม่อนุญาตให้เปลี่ยนศาสนา เพื่อคงไว้ซึ่งความถูกต้องตามคำสอนอิสลาม Lina Joy อายุ 43 ปี เดิมถือกำเนิดเป็นมุสลิม มีชื่อเดิมว่า Azlina Jailani ร้องขอต่อศาลมาเลเซียที่จะเปลี่ยนคำในบัตรประชาชนจากการนับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาคริสต์ เธอได้ร้องต่อศาลว่า เธอไม่ได้เป็นอิสลามแล้ว เธอเป็นคริสต์และต้องการเปลี่ยนหลักฐานในบัตรเท่านั้น เธอเปลี่ยนศาสนาเมื่อปี 1998 6 ปีต่อมาศาลมาเลเซียตัดสินไม่ให้เธอเปลี่ยนข้อมูลในเอกสารทางราชการ รัฐบาลอิสลามอันเปี่ยมไปด้วยสันติและความใจกว้างตามแบบของอิสลามที่ถูกต้องยังได้กดดันเธอ ทำให้เธอแต่งงานไม่ได้ มีลูกไม่ได้ อยู่อย่างซ่อนเร้นและหวาดผวา เธอจึงร้องต่อศาลสูงสุด และได้มีคำตัดสินออกมาเมื่อ 30 พ.ค.2550 นี้เอง ซึ่งมีการพิจารณามานานถึง 10 เดือนและตัดสินว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนศาสนาได้ เพราะจะทำให้ชาวมาเลเซียที่ปัจจุบันระบุข้อมูลว่านับถืออิสลามเพื่อที่จะได้รับสวัสดิการ การรับราชการเลื่อนขั้นตำแหน่งและไม่ถูกรัฐบาลกลั่นแกล้ง ลุกฮือขึ้นมาเอาอย่าง ทำให้ขั้วอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มพรรคชาวพุทธ คริสต์ และฮินดู ที่พยายามสามัคคีกันเพื่อต่อสู้กับการกดขี่ของศาสนาแห่งสันติภาพ ศาลปฏิเสธคำร้องของเธอ และแนะนำบอกให้เธอไปร้องต่อศาลศาสนาอิสลาม (Sharia court) ซึ่งใช้คำสอนตามคัมภีร์อัลกุรอ่านในการตัดสินคดีความ และมีอิหม่ามที่รู้ศาสนาดีที่สุดในประเทศเป็นผู้พิพากษาเพื่อไม่ให้หลักการของอิสลามถูกบิดเบือน เป็นที่รู้กันดีว่าหากเธอไปร้องต่อศาลศาสนาอิสลามเพื่อเปลี่ยนศาสนา เธอจะได้รับโทษประหารตามหลักศาสนาอิสลามที่มีระบุใว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน และถูกใช้บังคับในประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ มาเลเซียระบุให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ (แต่เดิมมีอิสลาม 45% แต่ผลจากการบังคับ จ้างให้มานับถืออิสลามด้วยนโยบายภูมิบุตร ปัจจุบันมี 60%) จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:29:52

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องนี้ Mopeena พูดถึงประเทศไทย ไม่ได้พูดถึงประเทศอื่น ประเด้นนี้ เล่นมาหลายรอบแล้ว เข้าข่ายซ้ำซ้อน และประเด้นนี้นอกประเด็น แต่ถ้าอยากเล่นประเด้นนี้ไปตั้งกระทู้ใหม่ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 14:34:40 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:31:19

ความคิดเห็นที่ 33 “ไม่อนุญาตให้ทำการหลั่งเลือดคนมุสลิมด้วยกัน  เว้นด้วยเหตุ  3  ประการก็คือ   (1) ผิดประเวณี และเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว   (2) ชีวิตด้วยกับชีวิต  “คือผู้ที่ฆ่าผู้อื่น”  (ในบัญญัติอิสลามนั้นจำเป็นที่ต้องนำบุคคลนั้นมารับโทษและจะต้องถูกฆ่าให้ตายตามกัน)   (3) ผู้ที่ละทิ้งศาสนา  ผู้ที่ปลีกตัวแยกออกจากกลุ่มมุสลิม  และผู้ปกครองของพวกเขา จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:43:39

ความคิดเห็นที่ 34 เนื่องจาก MCE มิใช่ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ดั่งนั้นการยกบทคำสอนของศาสนอิสลาม ต้องมีแหล่งอ้างอิงข้อมูล และอีกอย่างนอกประเด็นนี้ เพื่อความครบถ้วนของข้อมูล รบกวนตั้งกระทู้ใหม่ถามมุสลิม เพราะประเด็นนี้นอกประเด็น   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 14:52:34 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:51:02

ความคิดเห็นที่ 35 และแล้ว mce เมื่อเห็นท่าสหายร่วมอุดมการณ์ ทำท่าจะไปไม่รอดทางสติปัญญา จึงใช้ไม้ตาย เบี่ยงประเด็น อีกครั้ง   วัฎจักรที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนส่งผลให้สมาชิกหน้าเดิมๆเพียงหยิบมือนี้ยังมืดบอดภายใต้โคลนตมแห่งอคติที่ฝังตนเองอย่างแน่นหนาต่อไป จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:09:25

ความคิดเห็นที่ 36 มีราคาอะไรอีกครับ พุทธศาสนิกชน DMC รายนี้ ทวนให้นะครับ 1. โกหกเรื่องงบประมาณ ว่าอิสลามได้มากกว่าพุทธ พอเอาตัวเลข 3500 ล้านมากาง เงียบกริบ 2. โวยวาย เรื่อง สส มหาดไทย โยงไปนู่น จะยึดประเทศ 3. เอาข่าวมั่วมากาง หวังให้เกิดความเกลียดชัุงกับคนในชาติ 4.. คราวนี้อะไรอีก  :D ส่วน mce ก็รู้ๆกันอยู่ เด็กนักเรียนหัวเกรียนกลัวอิสลามขึ้นสมอง เพื่อนพ้องหายไปไหนหมดแล้ว? ผมละขำ คนที่เคยปกป้องล๊อกอินนี้กันนัก แค่สองข้อแรกตอนนั้น ก็แสดงความเลว ออกมาแล้วว่า เป็นพวกแนวคิด Racist ขนาดไหน ยังปล่อยให้ลอยตัวมาถึงตอนนี้ ไม่ออกมาช่วยกัน พูดเรื่องมารยาทกันหน่อยละครับ ผมละอยากฟังนัก เรื่องมารยาทแบบถูกที่ถูกทาง อ่อฝันไปผมอยู่ห้องศาสนา ที่ซึ่งไว้สำรอก ข้อมูลเท็จได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร และไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ถ้าคนไทยไม่ฆ่ากันตายเพราะเรื่องศาสนาสมใจ ก็คงไม่หยุด ให้ิคิด.. สงสัยนายคนนั้นคงโดนจัดจ้าง มาจากแกงค์ค้ายาละมั้ง สมคบคิดดีไหมแนวคิดนี้ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:45:04

ความคิดเห็นที่ 37 เพราะเรา (ชาวมุสลิม) เชื่อว่าแนวทางของเราเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเที่ยงตรง การเผยแผ่หรือเชิญชวนผู้คนให้หันเข้าสู่อิสลามจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น (วาญิบ ) สำหรับมุสลิมทุกคน   ซึ่งไม่ได้ผิดแปลกเลยเพราะแนวคิดนี้พบได้ในศาสนาคริสต์เช่นเดียวกัน ( ลองแหงนมองตามเสาร์ไฟฟ้าซิคับ ) ส่วนเรื่องคนที่หันหลังกลับให้กับอิสลาม แล้วต้องโทษประหารชีวิตหรือจำคุกนั้น ไม่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอ่านแม้แต่บทเดียว รวมทั้งในสมัยท่านศาสดา ท่านไม่เคยใช้ให้ทำเช่นนี้  ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับระบอบการปกครองของแต่ละประเทศมากกว่า "ในยุโรปยุคกลางเองการกระทำที่ผิดแผกไปจากคำสั่งของคริสต์จักรก็มีโทษทัณฑ์ที่โหดร้ายทารุณยิ่งไปเสียกว่านี้อีก " ื จากคุณ : ตัวกินมดมีหนาม เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:45:38

ความคิดเห็นที่ 38 อะไรคือไปไม่รอด ไม่มีความรู้สึกเลยว่าอะไรคือไปไม่รอด การที่ไม่ได้เข้ามาต่อความยาวสาวความยืด ไม่ได้หมายความว่าไปไม่รอด เพียงแต่สิ่งที่อยากพูดได้พูดไปหมดแล้วก็เท่านั้น สันดานเิดิมนะ laliklalee สมองคงมีเท่านี้ ไม่มีอะไรพูด ก็ไม่วายวกมาพูดจา กล่าวหาผู้อื่น สติปัญญามีเท่านี้เองหรือไง ถึงได้มีแต่การกระทำเดิม กลับไปจินตนาการถึงโลกผู้สร้างของนายเถอะนะ ถ้าไร้ความคิดว่าโลกนี้มีประโยคอื่นให้พูดอีกเยอะ แต่สติปัญญากลับมีไม่ถึง จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:48:29

ความคิดเห็นที่ 39 โผล่มาแล้วเหรอครับ วันนี้จะค้นแฟ้มเก่าๆเอาอะไรมาตั้งกระทู้ปลุกระดมอีกดีครับ   ปล. อ้อ เห็นชอบอ้างสติปัญญาจัง ใช้ตาใน เพ่งเห็นชาติไหนได้บ้างแล้ว ก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ  ^^ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 15:58:35 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:54:07

ความคิดเห็นที่ 40 ด้วยคำรับสารภาพของ Mopeena เรื่องเวบไซด์  นั้นแสดงให้เห็นว่า มีเวบที่สร้างความแตกแยก ปลุกปั่นยุยง ให้เกิดความร้าวฉานในชาตินั้นขึ้นจริง และด้วยผลพวงด่งกล่าว ว่า เวบที่ Mopeena เอ่ยอ้างถึงนั้น มีบทบาทและอิทธิพล ต่อระบบคิดของคนในสังคมพอสมควร ดั่งนั้นเยาวชน ที่หลงเข้าไปในวังวนของเวบดั่งกล่าว เป็นเรื่องอันตรายต่อความมั่งคงของรัฐ เมื่อเป็นเรื่องอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ อาจจะกล่าวได้ว่า อาจมีพฤติกรรมเข้าข่าย "ผู้ก่อการร้าย" จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:09:18

ความคิดเห็นที่ 41 จากคุณ : ตัวกินมดมีหนาม "ส่วนเรื่องคนที่หันหลังกลับให้กับอิสลาม แล้วต้องโทษประหารชีวิตหรือจำคุกนั้น ไม่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอ่านแม้แต่บทเดียว " ถูกต้องแล้วครับ ไม่มีในอัลกุรอาน แต่โทษประหารสำหรับผู้เปลี่ยนศาสนา นั่น มีอยู่ในฮะดิษ ซึ่งเป็นซุนนะฮฺ ที่บังคับให้มุสลิมที่ปฏิบัติตามฮะดิษต้องปฏิบัติ คือ «مَنْ بَدَّلَ دِيْنَـهُ فَاقْتُلُوهُ» ความหมาย  “ผู้ใดที่ได้เปลี่ยนศาสนา  ดังนั้นจงประหารชีวิตของเขา” (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 3017) أنَّ رَجُلاً أسْلَـمَ ثُمَّ تَـهَوَّدَ، فَأتَى مُعَاذُ بْنُ جَبَلٍ وَهُوَ عِنْدَ أبِي مُوسَى، فَقَالَ: مَا لِـهَذَا؟ قَالَ: أسْلَـمَ ثُمَّ تَـهَوَّدَ، قَالَ: لا أجْلِسُ حَتَّى أقْتُلَـهُ، قَضَاءُ الله وَرَسُولِـهِ؟ แท้จริงมีชายคนหนึ่งรับอิสลามหลังจากนั้นเขาได้กลายเป็นยิว   แล้วเขาก็ได้ไปหามุอาซ บิน ญะบัล ขณะที่เขาอยู่กับอบีมูซา  เขาได้กล่าวว่า  นี่มันคืออะไร?  เขากล่าวว่า  เขาได้รับอิสลามแล้วต่อมากลายเป็นยิว  เขากล่าวว่า  ฉันจะไม่นั่งจนกว่าจะได้ประหารเขาเสียก่อน  นี่คือการกำหนดของอัลลอฮฺและรอสูลของพระองค์” (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 7157  สำนวนหะดีษเป็นของท่าน  และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 1824 ในกิตาบอัลอิมาเราะฮฺ) ในกุรอาน มีเพียง   และผู้ใดในกลุ่มพวกสูเจ้าออกนอกศาสนาของเขา  แล้วเขาได้เสียชีวิตลงขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธา  ชนเหล่านี้แหละที่บรรดาการงานของพวกเขาไร้ผลทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ  และชนเหล่านี้คือชาวนรกซึ่งพวกเขาจะต้องอยู่ในนั้นตลอดกาล”   (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 217) จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:18:33

ความคิดเห็นที่ 42 ฮ่าๆๆ รูปบะเร่อเลย เอิ๊กๆๆ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:19:03

ความคิดเห็นที่ 43 ด้วยสมมุติฐานของ Mopeena เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน และการเมืองนั้น ไม่ว่าเรื่อง รัฐมนตรี ว่าการ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้มีข้อสังเกตุดั่งนี้คือ -ประชาชนคนไทย ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญนั้น ถูกจำกัดว่าด้วยการนับถือศาสนาหรือ? -ประชาชนคนไทยนั้น ที่ได้รับสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนั้น ถูกจำกัดว่าด้วยการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับกระทรวงกระนั้นหรือ ? -ด้วยคำกล่าวว่า ประเทศไทยนั้นใจกว้าง นั้นโดยสมาชิกบางท่านได้ยกตัวอย่างการจำกัดสิทธ์ ของประชาชน ในการขึ้นตำแหน่งทางการเมืองนั้น ประเทศไทยในหลักการปฏิบัติและระบบคิดว่าใจกว้างอย่างที่คนกลุ่ม Anti Islam เอ่ยอ้างนั้นเป็นจริงหรือไม่?   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 16:25:08 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:21:17

ความคิดเห็นที่ 44 aramis_s  ศึกษาตามลิ้งค์นี้ครับ บทลงโทษผู้ออกจากศาสนาอิสลาม??? ความคิดเห็นที่ 13 ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ ...เจ้าของกระทู้ อยากได้คำตอบตามหลักการ หรือ ว่าตามสภาพทั่วไปล่ะครับ ถ้าตามหลักการ ก็ไปอ่านที่นี่นะครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kheedes&date=03-12-2005&group=4&gblog=1 ถ้าตามสภาพทั่วไป ก็หาตามสื่อต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ข่าวในความคิดเห็นที่ 8 นั้น ...ถามว่า การรุมฆ่าคน ๆ หนึ่ง เพียงเพราะ บุคคลผู้นั้นนับถือศาสนาต่างไปจากตนเองนั้น ผิดหรือไม่ ...คำตอบก็คือ การฆ่าคนในลักษณะเช่นนี้ เป็นความผิดแน่นอนครับ ทั้งนี้ ตามปฏิญญาอิสลามที่ออกโดย OIC ระบุว่า มาตราที่ 10 ไม่มีการบังคับในการนับถือศาสนาและจะไม่มีการฉวยโอกาสในเรื่องความอ่อนแอ ความยากจน ความไม่รู้ของสมาชิกในสังคมเพื่อเปลี่ยนแปลงศาสนาดั้งเดิมของเขา เราต้องทำความเข้าใจประการหนึ่งว่า อิสลามนั้น ใช้ศาสนานำการเมือง... กฎหมายห้ามเปลี่ยนศาสนานั้นจะถูกบังคับใช้ และมีผล เมื่อมันมีรัฐธรรมนูญแห่งระบอบรัฐอิสลามมาบังคับใช้ก่อน ...ซึ่งนั่นก็หมายความว่า กฎหมายนี้จะถูกใช้บนรัฐอิสลามที่มีกุรอานเป็นรัฐธรรมนูญเท่านั้น ... ซึ่งเป็นเหตุผลอย่างเดียวกันว่า ที่ว่า ทำไมประเทศไทย จึงไม่มีบทลงโทษเรื่องการเปลี่ยนศาสนา ในขณะที่ตะวันออกกลางจะมีกฎหมายข้อนี้ ...กฎหมายห้ามเปลี่ยนศาสนานั้น วางอยู่บนพื้นฐานสิทธิประโยชน์ และ อธิปไตยของรัฐ หมายความว่า การประกาศตนว่าเป็นมุสลิม ย่อมหมายถึง การให้ความยินยอม และ อนุญาตให้กฎหมายอิสลามทั้งหมด ถูกบังคับใช้แก่เขา โดยบุคคลผู้นั้นจะอยู่ใต้กฎหมายอิสลาม ทั้งในแง่ของ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่รัฐพึงให้ และ บทลงโทษตามกฎหมาย หากว่าเขาละเมิดกฎหมาย .... ดังนั้นกฎหมายห้ามเปลี่ยนศาสนา จึงเป็นกฎหมายลักษณะเดียวกับกฎหมายป้องกันการก่ออาชญากรรมในรัฐ .. ดังนั้น การห้ามเปลี่ยนศาสนา ตามหลักการของกฎหมาย จึงหมายถึง การห้ามเปลี่ยนศาสนาไป เพื่อผลประโยชน์ทางด้านการเมือง ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงว่า กฎหมายนี้ มีเจตนาเพื่อใช้กับผู้เข้ารับอิสลามใหม่ โดยตรง...มากกว่า จะบังคับใช้กับผู้ที่เป็นมุสลิมอยู่แต่เดิม ตามหะดิษ (วจนะท่านศาสดา) ที่ถูกระบุไว้นั้น มีอยู่ 2 กรณี คือ 1."ไม่อนุญาตให้หลั่งเลือดมุสลิมนอกจากหนึ่งในสามสาเหตุเท่านั้น นั่นคือ การปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่เข้ารับอิสลามแล้ว หรือการผิดประเวณีหลังจากที่ได้แต่งงานแล้ว หรือสังหารผู้อื่นที่ต้องห้าม" (บันทึก อันนะสาอีย์) 2. "ผู้ใดเปลี่ยนศาสนาของเขา (มุรตัด) พวกเจ้าก็จงสังหารเขาเสีย" (บันทึก อัลบุคอรีย์) หะดิษ แรกนั้น ชัดเจนอยู่แล้วว่า กล่าวถึงผู้ที่ปฏิเสธอิสลาม หลังจาก ที่เข้ารับอิสลาม ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายข้างต้น หะดิษที่ 2 นั้น กล่าวถึงกลุ่มชนที่เข้ารับอิสลามแล้วต่อมาเปลี่ยนเป็นศาสนาอื่น เพื่อทำการกบฎต่อรัฐ ...ทั้ง 2 หะดิษนั้น มีที่มาชัดเจนในเรื่องของเหตุผลทางการเมืองในสมัยนั้น เหตุเพราะ สมัยที่รัฐอิสลามเพิ่งตั้งแรก ๆ นั้น มีบุคคลบางกลุ่มเข้ามารับอิสลามเพียงเพื่อ ต้องการหาข่าว (สายลับ) , ต้องการผลประโยชน์ทางการค้า , ต้องการแต่งงานกับหญิงมุสลิม , ต้องการสิทธิประโยชน์ที่รัฐจัดให้ ในฐานะประชากรมุสลิม ซึ่งหากว่า การเปลี่ยนศาสนานั้น เป็นเพราะไม่ได้ศรัทธาในอิสลามแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีการลงโทษอันใด เช่นกรณี ที่มีอาหรับเบดูอิน คนหนึ่งมาหาท่านศาสดาและขอเข้ารับอิสลาม แต่ต่อมาเขาก็ล้มป่วยและมาขอยกเลิกการเป็นมุสลิม ถึง 3 ครั้ง (คือ เปลี่ยนจากอิสลามไปเป็นอย่างอื่น เพราะเขาคิดว่า การที่เขาเป็นมุสลิมแล้วทำให้เขาล้มป่วย) แต่ทั้ง 3 ครั้งท่านศาสดาก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ จนสุดท้ายเขาจึงเดินทางออกไปจากมาดีนะห์ (รัฐอิสลาม) ซึ่งท่านศาสดาก็ไม่ได้กล่าวโทษเอาผิดแต่อย่างใด ด้วยจิตคารวะครับ จากคุณ : kheedes - [ 3 ก.ค. 50 11:35:09 ] จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:35:33

ความคิดเห็นที่ 45 จากพารากราฟ สุดท้าย ของ Blog ดั่งกล่าว ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ โดยทั้งนี้มีหลักฐานบางประการจากคอลีฟะห์อุมัร (รด.) ว่าท่านได้สั่งให้ทหารของท่านจัดการกับผู้เปลี่ยนศาสนาอย่างสันติวิธี หรือหากชักชวนไม่ได้ผล ก็ควรจำคุกดีกว่าการประหาร นักวิชาการมุสลิมจึงให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนศาสนาของมุสลิมคนหนึ่งนั้น ควรจำกัดให้เป็นโทษแบบตะอฺซีร (คือ อยู่ในดุลพินิจของผู้พิพากษา)  หากการเปลี่ยนศาสนานั้นไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐ ก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษ หรือแค่แนะนำ ตักเตือน แต่หากการเปลี่ยนศาสนามีผลต่อความมั่นคงของรัฐ หรือเปลี่ยนด้วยเจตนาของการก่อกบฏต่อรัฐ ก็อาจจำคุก หรือประหารชีวิตได้ ซึ่งทัศนะนี้ได้รับการยอมรับมากกว่า ทัศนะของบางมัซฮับ (สำนักคิดทางนิติศาสตร์อิสลาม) ที่กล่าวว่ามันเป็นโทษประเภท ฮัด (ความผิดที่ชัดเจน) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ตรงที่ผมเน้นข้อความ นั้นเป้นที่ชัดแจ้ง ว่าเป็นเรื่องความมั่นคงต่อรัฐ เป็นกบฎ ซึ่งทุกประเทศก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน ไม่แบ่งว่าประเทศนั้นจะนับถือศาสนาอะไร ประเทศของเราก้ตัดหัว 7 ชั่วโคตรมานับไม่ถ้วน มายุคใหม่ก็ประหาร ด้วยการยิงเป้ามาหลายสิบคนเช่นเดียวกัน   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:49:39

ความคิดเห็นที่ 46 นับมาถึงตรงนี้ ผมยังไม่ได้คำตอบจาก Mopeena เลยว่า เอามาจากเวบอะไร ? แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:27:16 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:26:42 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:26:05

ความคิดเห็นที่ 47 จาก คห 24-25-26 ด้วยข้อความของ Mopeena ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเมืองไทย เรื่อง รัฐมนตรี ว่าถ้าเป็นมุสลิม ชาวพุทธ จะเดือดร้อน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นักการเมืองมุสลิม แกนนำกลุ่มวาดะห์ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นชาวไทยมุสลิม อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีชื่อเรียกกันโดยทั่วไปว่า "วันนอร์" เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2 สมัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็น อดีต ส.ส. 9 สมัย เคยสังกัดในพรรคการเมืองคือ พรรคกิจสังคม พรรคประชาธิปัตย์ พรรคความหวังใหม่ และ พรรคไทยรักไทย มิหนำซ้ำ ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าขั้นสูงสุด ของอำนาจ นิติบัญญัติ คือ ตำแหน่งประธานรัฐสภา และเป้นประธานสภาคนแรกของประเทศไทย ที่มาจากพรรคฝ่ายค้าน และได้เป็นที่ยอมรับถึงความตงฉิน จากทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:49:27 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:39:46 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:39:14

ความคิดเห็นที่ 48 และจาก คห ที่ 25 ด้วยข้อความของ Mopeena ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเมืองไทย "หากว่ามุสลิมคนไหนได้ตำแหน่งนี้ไป รับรองว่าชาวพุทธแย่แน่ ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูรัฐมนตรีเงาของพรรคประชาธิปปัตย์ สิ ว่าเป็นใคร " ต่อด้วย คห 26  "บอกให้ก็ได้ว่าเป็นคนมุสลิม และตอนเลือกตั้งใหม่ ๆ รู้ว่าเพื่อไทยได้ ก็มีการขอตำแหน่ง บอกอยากจะเอามาดูและพวกเดียวกัน ซึ่งก็คือทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย " ข้อความคห ที่ 25 นั่นใกล้เคียงความจริง เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทย สส มุสลิม ในฟาก ปชป  เป็นได้แค่รัฐมนตรีเงา   ตลอดระยะเวลา 70ปี มีคนเดียวที่ได้เป้น รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ คือ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ส่วนในฟากเพื่อไทย ได้เป็น รมว  รมช รองนายกกันหลายตำแหน่ง เรื่อง ปชป  ทรท พปช พธ ควม ไม่ต้องถามใคร ถาม นายจิม นี่แหละ แค่แอบเงี่ยหูฟัง ไม่ได้ถึงกับใกล้ชิดหรอก แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:48:37 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:47:17

ความคิดเห็นที่ 49 ตามหะดิษ (วจนะท่านศาสดา) ที่ถูกระบุไว้นั้น มีอยู่ 2 กรณี คือ 1."ไม่อนุญาตให้หลั่งเลือดมุสลิมนอกจากหนึ่งในสามสาเหตุเท่านั้น นั่นคือ 1.การปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่เข้ารับอิสลามแล้ว, หรือ2.การผิดประเวณีหลังจากที่ได้แต่งงานแล้ว, หรือสังหารผู้อื่นที่ต้องห้าม" (บันทึก อันนะสาอีย์) 2. "ผู้ใดเปลี่ยนศาสนาของเขา (มุรตัด) พวกเจ้าก็จงสังหารเขาเสีย" (บันทึก อัลบุคอรีย์) หะดิษ แรกนั้น ชัดเจนอยู่แล้วว่า กล่าวถึงผู้ที่ปฏิเสธอิสลาม หลังจาก ที่เข้ารับอิสลาม ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายข้างต้น หะดิษที่ 2 นั้น กล่าวถึงกลุ่มชนที่เข้ารับอิสลามแล้วต่อมาเปลี่ยนเป็นศาสนาอื่น เพื่อทำการกบฎต่อรัฐ ...................... คุณจิมที่นับถือ ผมไม่ได้ขัดจังหวะหรือเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนะครับ, แต่ผมอยากได้หลักฐานอ้างอิงจาก "อัลกุรอาน" ในเรื่อง สิทธิในการฆ่าชีวิตมนุษย์ตาม กฏ  ชาเรียอ์ ซึ่งผมไม่เรียกว่ากฏหมายอิสลามเนื่องจาก ไม่มีบรรทัดฐานในการกำหนดบทลงโทษ, ทั้งนี้เพราะว่าขึ้นอยู่กับกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในการออกบัญญัติ, และบทลงโทษ ซึ่งบทลงโทษ 1..การปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่เข้ารับอิสลามแล้ว, หรือ2.การผิดประเวณีหลังจากที่ได้แต่งงานแล้ว, การฆ่าในสองกรณี ดังกล่าวนี้ขัดกับ บัญญัติในอัลกุรุอาน อย่างชัดเจน ในการฆ่าชีวิตมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่ศัตรูที่มารุกราน, หรือเป็นอันตรายต่อตัวเราและต่อครอบครัวของเรา  ตามอัลกุรอาน..การผิดประเวณีไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่มีการประหารชีวิต, การเลือกถือศรัทธาใดๆ ไม่มีการบังคับและหรือลงโทษด้วยการฆ่าชีวิต "นักวิชาการมุสลิมจึงให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนศาสนาของมุสลิมคนหนึ่งนั้น ควรจำกัดให้เป็นโทษแบบตะอฺซีร (คือ อยู่ในดุลพินิจของผู้พิพากษา?)" "หากการเปลี่ยนศาสนานั้นไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐ ก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษ หรือแค่แนะนำ ตักเตือน" (ข้อนี้เป็นความคิดเห็นของคุณจิมหรือจากหลักการใดในหลักการของอสลาม?) ดูเสมือนว่าชีวิตมนุษย์ตกอยู่ในกำมือของนักวิชาการบางกลุ่มเท่านั้น  เพื่อไม่ให้กระทู้ออกนอกลู่นอกทางและยืดเยื้อ และเป็นการป่วน, ผมต้องการคำตอบจากคุณจิมเท่านั้น  ผมจะรับฟังจะด้วยเหตุผลใดๆก็ได้  พร้อม กับ ผมจะพยักหน้ารับทราบ และจะไม่โต้เถียงอะไรเลย,เพียงต้องการความคิดเห็นของคุณจิมเท่านั้น  ผมไม่ต้องการความคิดเห็นของผู้อื่น  เพราะผมกับคุณจิมพอเข้าใจกันได้  แต่ถ้าคุณละลิกละลี้ จะร่วมให้ความคิดเห็นด้วยผมก็ยินดีรับฟัง เพราะถือว่า คงมีเหตุผลและเป็นผู้ใหญ่พอที่จะคุยกันได้    ถ้าผมเข้าใจผิดอธิบายด้วย แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:53:56 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:51:18

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วเรื่องกฎหมายชารีอะห์ และคำพูดเตือนนะ ช่วยบอกด้วยว่า Copy มาจากเวบใด ผมคุ้นๆตานะครับ ทั้งกฎหมายที่นำเสนอ และวิธีคิด อ่านแล้วไม่มีที่มาที่ไป ไม่ยอมบอกด้วยว่าไปขุดจากที่ใดมา เวบใด เลยอุปมาว่า ที่ Mopeena ไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ใช่คำพูดตนเอง ไปลอกเค้า ไปตามเค้าชักจูง เลยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:53:09

ความคิดเห็นที่ 51 อัซซาลามุอาลัยกุมครับ คุณอาแมท เนื่องจากเวลาผมจำกัด จวนได้เวลาไปรับภรรยา และไปบ้านแม่ของผม จากการเดินทางจากประเวศ -บางบัวทอง ผมจะไปทุกคืนวันศุกรืและกลับเย็นวันอาทิตย์ เพื่อไปดู แล คุณพ่อ และคุณแม่ ผมใคร่เอาบทความ จากบล้อค http://www.oknation.net/blog/print.php?id=130653 ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ ก่อนอื่นทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า หลักการของศาสนาอิสลาม มาจาก 2 แหล่ง คือ 1.กุรอาน 2.ซุนนะห์ (แนวทาง กิจปฏิบัติ รวมทั้งคำพูด) ของท่านศาสดา หลักการใดขัดแย้งไปจากนี้ถือว่า ไม่ใช่หลักการอิสลาม และหากหลักการใดมีการขัดแย้งกันเอง ให้ถือว่ากุรอานคือข้อตัดสินขั้นเด็ดขาดครับ การพ้นไปจากศาสนาอิสลามนั้น ในภาษาอาหรับ คือ “ริดดะฮฺ” ซึ่งแปลว่า การหันหลังให้ ส่วนผู้ที่กระทำการดังกล่าว เรียกว่า มุรตัด ซึ่งเป็นที่เข้าใจในหลาย ๆ คนว่า โทษคือการประหารชีวิต แต่ในความเป็นจริงเมื่อเราพิจารณาจากกุรอาน เราจะพบว่า กุรอานได้บัญญัติเรื่องการพ้นจากศาสนาไว้ 13 อายะห์ (โองการ) ในแต่ละซูเราะห์ (บท) เช่น “...จนกว่าเจ้าจะปฏิบัติตามศาสนาของพวกเขา จงกล่าวเถิด แท้จริงคำแนะนำของอัลลอฮ์เท่านั้น คือ คำแนะนำ แน่นอนถ้าเจ้าปฏิบัติตามความใคร่ของพวกเขา หลังจากที่มีความรู้มายังแล้ว ก็ย่อมไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้” (กุรอาน 2:120) “และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน” (กุรอาน 3:85) “ผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์หลังจากที่เขาได้รับศรัทธาแล้ว(เขาจะได้รับความกริ้วจากอัลลอฮ์) เว้นแต่ผู้ที่ถูกบังคับทั้งๆ ที่หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา แต่ผู้ใดเปิดหัวอกของเขาด้วยการปฏิเสธศรัทธา พวกเขาก็จะได้รับความกริ้วจากอัลลอฮ์และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างมหันต์” (กุรอาน 6:106) แต่จากทั้งหมด พบว่า ไม่มีโองการใดเลยที่ระบุถึงโทษทัณฑ์ที่ต้องได้รับบนโลกนี้ โทษทั้งหมดถูกระบุว่าเป็นความรับผิดชอบของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น ถึงแม้ว่า จะมีการก่อตั้งรัฐอิสลามขึ้นแล้วก็ตาม ก็ยังไม่มีโองการใดระบุว่าต้องทำโทษหรือประหารผู้ที่หลุดพ้นจากศาสนา อาทิเช่น ซูเราะห์อัล บากอเราะห์ อายะห์ที่ 217 ความว่า “...และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของเขา แล้วเขาตายลง ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละบรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล” นักการศาสนาบางท่านให้ความเห็นว่า การพ้นจากศาสนานั้น เป็นความผิดที่เขาผู้นั้นต้องรับผิดชอบต่อพระผู้เป็นเจ้าเอง ซึ่งหากว่ามีการลงโทษประหารชีวิตด้วยเหตุผลของการพ้นจากศาสนาจริง มันก็จะไปขัดแย้งกับโองการที่ว่า - "ไม่มีการบังคับใด (ให้นับถือ) ในศาสนา อิสลาม แน่นอน ความถูกต้องนั้นได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อ อัฎ-ฎอฆูต(ซัยตอน) และศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้ว แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว โดยไม่มีการขาดใด ๆ เกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้" (กุรอาน 2:256) เมื่อไม่มีการระบุการลงโทษในทางโลกที่บันทึกในกุรอานแล้ว หากมามองในแง่ของซุนนะห์ท่านศาสดาจะพบว่า ครั้งหนึ่ง มีชาวยิวกลุ่มหนึ่ง มาเข้ารับศาสนาอิสลาม แต่ต่อมาก็ได้ละทิ้งอิสลามและกลับไปสู่ศาสนาเดิม ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ถูกกล่าวไว้ในซูเราะห์อาลิอิมรอน อายะห์ที่ 71-73 แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ถูกท่านศาสดาลงโทษแต่ประการใด หรืออีกกรณีหนึ่งที่อาหรับเบดูอิน คนหนึ่งมาหาท่านศาสดาและขอเข้ารับอิสลาม แต่ต่อมาเขาก็ล้มป่วยและมาขอยกเลิกการเป็นมุสลิม (คือ เปลี่ยนจากอิสลามไปเป็นอย่างอื่น) ถึง 3 ครั้ง แต่ทั้ง 3 ครั้งท่านศาสดาก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ จนสุดท้ายเขาจึงเดินทางออกไปจากมาดีนะห์ ซึ่งท่านศาสดาก็ไม่ได้กล่าวโทษเอาผิด หรือส่งทหารออกตามล่าแต่อย่างใด จากบทสรุปในหลายส่วน นักวิชาการมุสลิมให้ความเห็นในหลายด้าน บ้างก็ว่า การพ้นจากศาสนาจำเป็นต้องถูกประหารโดยอ้างเอาหะดิษ ของอิบนุอับบาส ที่ว่า “ผู้ใดเปลี่ยนศาสนาจงฆ่าเขา” หรือหะดิษที่เกี่ยวกับชนเผ่าอูกัลป์เป็นต้น แต่ ทั้งหมดก็ถูกอีกฝ่ายโต้แย้ง โดยอ้างหลักฐานจากกุรอานในซูเราะห์ที่ 2 อายะห์ที่ 256 และซุนนะห์ท่านศาสดา โดยวิจารณ์ว่าการสังหารที่เกิดขึ้น เป็นเพราะคดีความอื่น (เช่นการปล้น) ไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนศาสนา โดยทั้งนี้มีหลักฐานบางประการจากคอลีฟะห์อุมัร (รด.) ว่าท่านได้สั่งให้ทหารของท่านจัดการกับผู้เปลี่ยนศาสนาอย่างสันติวิธี หรือหากชักชวนไม่ได้ผล ก็ควรจำคุกดีกว่าการประหาร นักวิชาการมุสลิมจึงให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนศาสนาของมุสลิมคนหนึ่งนั้น ควรจำกัดให้เป็นโทษแบบตะอฺซีร (คือ อยู่ในดุลพินิจของผู้พิพากษา) หากการเปลี่ยนศาสนานั้นไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐ ก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษ หรือแค่แนะนำ ตักเตือน แต่หากการเปลี่ยนศาสนามีผลต่อความมั่นคงของรัฐ หรือเปลี่ยนด้วยเจตนาของการก่อกบฏต่อรัฐ ก็อาจจำคุก หรือประหารชีวิตได้ ซึ่งทัศนะนี้ได้รับการยอมรับมากกว่า ทัศนะของบางมัซฮับ (สำนักคิดทางนิติศาสตร์อิสลาม) ที่กล่าวว่ามันเป็นโทษประเภท ฮัด (ความผิดที่ชัดเจน) จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:05:45

ความคิดเห็นที่ 52 เดี๋ยวค่ำๆ ผมจะมาต่อความว่า ในทัศนะของผม ว่าเป็นเช่นไร ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:06:59

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่า คำตอบที่นำมาจากคุณ Kheedes นี่ชัดเจนแล้วนะครับ ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมอยากทราบว่าคำอ้างเหล่านี้มากกว่า ว่ามาจากไหน คู่สมรสฝ่ายที่มิใช่มุสลิม เมื่อสมรสกับมุสลิมจะต้องกลายเป็นมุสลิมโดยกฎหมาย ตามคัมภีร์อัลกุรอาน เอามาจากไหนครับ คำอ้างพวกนี้ ไม่ใช่ก๊อบมาตามเว็บมั่วนิ่มที่ไหนนะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:27:44

ความคิดเห็นที่ 54 อยากรู้จริงๆว่า แขก จะแก้ตัวยังไงในเมื่อ ความจริง เห็นๆ กันอยู่ว่า ที่เมืองแขก ใครเปลื่ยนศาสนามีโทษถึงตาย จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:27:24

ความคิดเห็นที่ 55 ดิฉันว่า ดิฉันพูดไม่ผิดนะคะ สำหรับ พวกที่เป็นโรคเกลียด และ กลัวอิสลาม ยังไม่ต้องไปดูสังคมข้างนอกเวป ดูคนในสังคมของห้องศาสนา ในเวปนี้ นี่แหล่ะค่ะ มันชัดเจนแล้ว คงไม่ต้องให้ดิฉันก๊อปอะไรมาให้ดูย้อนหลังกันหรอกนะคะ ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ ก็เห็นๆกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 20:01:38 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:00:13

ความคิดเห็นที่ 56 ตามหะดิษ (วจนะท่านศาสดา) ที่ถูกระบุไว้นั้น มีอยู่ 2 กรณี คือ 1."ไม่อนุญาตให้หลั่งเลือดมุสลิมนอกจากหนึ่งในสามสาเหตุเท่านั้น นั่นคือ 1.การปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่เข้ารับอิสลามแล้ว, หรือ2.การผิดประเวณีหลังจากที่ได้แต่งงานแล้ว, หรือสังหารผู้อื่นที่ต้องห้าม" (บันทึก อันนะสาอีย์) 2. "ผู้ใดเปลี่ยนศาสนาของเขา (มุรตัด) พวกเจ้าก็จงสังหารเขาเสีย" (บันทึก อัลบุคอรีย์) ......................... คุณ mce เดือนนี้เดือนที่มุสลิมใกล้จะถึงเวลาการถือศีลอด แล้ว เบาๆกันหน่อยละกันครับ  ข้างบนนี้คือคำตอบ ที่ มีมุสลิมนำจะไปตีความเป็นอย่างไรก็ได้ ตามที่เขาต้องการ, ถ้าคนใจชั่วก็นำไปตีความว่า  "ฆ่ามันไปเลยโดยไม่มีเหตุผล"  ถ้าผู้มีเหตุผลเขาก็จะอธิบายว่า  ในกรณีนั้นกรณีนี้ ตามวาระและเวลาของการกระทำ, ลงเอยก็ หาเรื่อง ฆ่าจนได้  ถ้าคุณเข้าใจคำตอบของผมแล้ว ผมคิดว่าคุณจะเข้าใจอิสลามได้ดีขึ้น ทั้งสองข้อข้างบนนี้ไม่มีในอัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์เล่มเดียวของศาสนาอิสลาม ที่ผมใช้อยู่, ในเมื่อไม่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน และ ข้อความทั้งสองข้อนั้น  ถ้าพูดตามตัวอักษร ไม่มี การอ้าง ว่า ในกรณีนั้นกรณีนี้แล้ว  คำสอนเช่นนั้นไม่มีในหลักการของอิสลาม ในเมื่อคำสอนดังกล่าวไม่มีในศาสนาอิสลามแล้ว มันเป็นความเข้าใจผิดของคุณเอง ที่คิดว่า อิสลามสอนเช่นดังที่คุณคิดและเห็นตามข่าว   ในโลกมุสลิมนั้น  ข้อความทั้งสองข้อนั้น มีมุสลิมประมาณ 80 % เชื่อว่า เป็นหลักการของอิสลาม  ส่วนผมอยู่ใน 20 % ของมุสลิมที่ไม่เชื่อเช่นนั้น   คุณลองใช้สามัญสำนึกดูซิครับว่า มีศาสนาหรือศาสดา ผู้ใดบ้างที่จะสอนให้ สังหาร ชีวิตมนุษย์ โดยขาดเหตุผล และทารุณ, เกินกว่าที่พระเจ้าบัญญัติโทษไว้ เช่น การฆ่า ผู้ที่ได้แต่งงานแล้วทำผิดประเวณี คือมีชู้ ซึ่งในอัลกุรอานบัญญัติไว้โทษหนักสุด คือ โบย 100 ที  และหรือ ในบางกรณี ให้จำกัดอยู่ในบ้านจนกว่าจะ มีโอกาสที่จะได้ มีคู่ครองใหม่ (ไม่ใช่ขังจนตาย)  เมื่อคุณเข้าใจเช่นนี้แล้วจะเห็นว่าศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็นในสังคมมุสลิม ตามมุมต่างๆของโลก  เขาเหล่านั้นปฏิบัติผิดหลักการของอิสลามไม่ว่า จะอธิบายในรูปแบบใดๆก็ตาม  เมื่อทราบความจริงซึ่งผมยอม เอาความศรัทธาต่อพระเจ้าเป็นประกัน ว่าที่ผมอธิบายมานี้ เป็นความถูกต้องตามอัลกุรอาน แล้ว ผมว่าคุณควรจะเพลาๆลงได้แล้ว ครับ  หลักการของศาสนาอิสลามไม่ได้เลวอย่างที่คุณเข้าใจ หลักการในการมีเมตตากรุณาและการห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้น  ไม่ต่างจากทุกๆศาสนา  แต่ความเลวต่างๆของมุสลิม ที่คุณนำมาแสดงนั้น เกิดจากมุสลิมก็จริง, แต่เขาทำผิดหลักการของอิสลามครับ  เรื่อง อิสลาม หรือมุสลิมไทยจะยึดครองเปลี่ยนกฏหมาย นั้นลืมไปเลยครับ ผมว่าในสังคมมุสลิมไทย ไม่มีใครอยากเอาเหามาใส่กบาลหรอกครับ  เพราะ มุสลิมไทยจะวิ่งหนีไปอยู่เขมรหรือลาวหรือพม่า กันหมด  อย่างเช่นพวกแขกอรับหนีเข้าไปอยู่ใน ยุโรปและอเมริกา เพราะต้องการเสรีภาพในความคิดและความเป็นมนุษย์ ซึ่งสามารถที่จะใช้สติปัญญาได้อย่างสุดขอบเขตเท่าที่พระเจ้าประทานมา  กฏหมายชาเรีย ไม่เหมาะสมกับสังคมมนุษย์เลยครับ แม้แต่ในซาอุดิอารเบีย  ที่ใช้กฏหมายนี้ ก็บังคับได้แต่ ตาสีตาสา เท่านั้น ไม่อาจจะบังคับ ครอบครัวของกษัตริย์ซาอุได้ สองมารตฐาน   มุสลิมไทยไม่น่ากลัวครับ, เนื่องจากเรามีความเป็นคนไทยและความรู้สึกรักสังคมไทยเช่นเดียวกับคนไทยทั้งหลาย  พวกบ้าอรับก็ปล่อยเขาไป อย่าไปล้อเลียนเขาเลย  เรื่องเช่นนี้มีมาตั้งแต่คุณยังไม่เกิด   เมื่อผมเห็นพวกคุณนำมา Rerun แล้วผมถึงไม่มีความโกรธ     พอคุณแก่ชราเท่าผมคุณก็จะมองเห็นเหมือนดูหนังซ้ำแล้วซ้ำอีก   คุณจิมเขาเล่าว่า แขกอรับเหมาเครื่องมากินวัวเตี้ยและเที่ยวผู้หญิง ทั้งนี้เพราะว่า แขก อรับ พวกนั้นเขาเป็นมุสลิมที่เลว ดีอย่างเดียวคือ มั่วกามรมณ์ และ ฆ่ากันเองเท่านั้น   คนเช่นนี้มีอยู่ในทุกๆ สังคมและความศรัทธา จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:30:07

ความคิดเห็นที่ 57 กฎหมาย ชารีอะห์ คงไม่เหมาะกับมนุษย์ที่ละทิ้งสันดานสัตว์ไม่ได้มากกว่าครับ เพราะกฎหมายของอัลลอฮฺนี่แหละที่ นำมาอาหรับพ้นจากความป่าเถื่อนมาได้ เพราะกฎหมายนั้น ทำให้มนุษย์พ้นความป่านเถื่อนแบบสัตว์มาได้นั่นเองเรื่องนี้ประวัติศาสตร์ก็บันทึกไว้ ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12356297/Y12356297.html จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:44:42

ความคิดเห็นที่ 58 มาแล้วครับ เดวขอทานกาแฟก่อน เดวมาคุยด้วย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:27:52

ความคิดเห็นที่ 59 สำหรับสมาชิกโดยทั่วๆไปเพื่อเข้าใจให้ถูกต้อง   กฏหมายชาเรีย ไม่ใช่ อัลกุรอาน ต่างกันมาก อย่าเข้าใจผิด  ในสังคมมุสลิม กฏหมายชาเรีย ต่างกันไปตามสังคม มุสลิม ทั่วทุกๆมุมโลก ชาเรียใน ซาอุดิอารเบียกับ ชาเรีย ในอิหร่าน และหรือใน จอร์แดน ก็ต่างกัน กฏหมายของอัลลอฮ์คือ อัลกุร อาน ไม่มีสิ่งใดเจือปน กรุณาอย่าสับสน ข้างล่างนี้คือส่วนต่อเติมบัญญัติของพระเจ้าที่ทำลายสังคมมุสลิม อยู่ในทุกๆวันนี้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้มุสลิมล้าหลัง.....   ทำลายอิสลามอย่างที่เห็นอยู่ในทุกๆวันนี้ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดในหลักการของ   อัลกุรอาน อัลกุรอานเปลี่ยนสังคมป่าเถื่อนของอรับให้เห็นแสงสว่างและความรุ่งเรื่อง  แต่หลักการข้างล่างนี้ทำให้อรับกลับกลายเป็นสัตว์ป่าไล่ฆ่ากันอยู่ทุวี่ทุกๆวันดังเช่นเห็นอยู่ในสังคม อรับเผ่าต่างๆในปัจจุบันนี้ ............... ตามหะดิษ (วจนะท่านศาสดา) ที่ถูกระบุไว้นั้น มีอยู่ 2 กรณี คือ 1."ไม่อนุญาตให้หลั่งเลือดมุสลิมนอกจากหนึ่งในสามสาเหตุเท่านั้น นั่นคือ 1.การปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่เข้ารับอิสลามแล้ว, หรือ2.การผิดประเวณีหลังจากที่ได้แต่งงานแล้ว, หรือสังหารผู้อื่นที่ต้องห้าม" (บันทึก อันนะสาอีย์) 2. "ผู้ใดเปลี่ยนศาสนาของเขา (มุรตัด) พวกเจ้าก็จงสังหารเขาเสีย" (บันทึก อัลบุคอรีย์) จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:34:31

ความคิดเห็นที่ 60 ศรัทธาที่ไม่มาพร้อมกับปัญญา นั่นคืองมงาย คิดว่าศาสนิกชนต่างๆทั่วโลกศรัทธาในศาสนาของตนมากว่าหรืองมงายในศาสนาของตนมากกว่า และการศรัทธาแล้วไม่ทำให้ยกระดับจิตใจตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับยาเสพย์ติด ใครมีหูจงฟังเถิด จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:38:42

ความคิดเห็นที่ 61 ท่านอาแมทที่เคารพ ต้องเรียนก่อนว่า ผมเป็นสายเก่า แบบที่มุสลิมในประเทศไทยยึดถือกัน มิใช่แนวอนุรักษ์นิยม แนวทางของสายที่ผมยึดถือนั้น คือยึดตามๆกันมา ตามผู้รู้ ซึ่งผมต้องยอมรับตนเองว่า -ผมไม่มีความรู้ในหลักไวยากรณ์ และหลักการให้ความหมายภาษากรุอาน แต่อย่างใด -ผมไม่มีความรู้มากพอ และเกิดไม่ทันในยุคท่านศาสดา ถึงจะได้มาบอกว่าอันใด คือท่านศาสดา ได้มีจริยวัตร อันใดที่แท้จริง -ด้วยอุณหภูมิ อีหม่านของผมนั้นยังน้อย เมื่อเทียบกับบุคคลในยุค ท่านศาสดา ละหมาด ผมเองยังมีการเกี่ยงว่าทำงานก่อนการละหมาด รอแปป รอเดี่ยว เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ทะนี้เมื่อผมมีหลักยึดว่า ผมตามผู้รู้ ผมก้ต้องตาม เพราะผมไม่อยู่ในสถานะของนักกฎหมายอิสลาม ในยุคท่านศาสดา ถามว่าคนในยุคท่านศาสดา นั้นคือใคร ? กลุ่มชนสามศตวรรษแรกนั้น สามารถจำแนกได้ดังนี้ คือ 1. บรรดาซอฮาบะฮฺซึ่งพวกเขาเป็นชนกลุ่มแรกที่รับอุดุมการณ์และอะกีดะฮฺต่างๆ จากท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.)โดยตรง หลักการต่างๆ จึงมั่นคงและมีเสถียรภาพอยู่ในสติปัญญาและหัวใจของพวกเขา โดยยังความบริสุทธิ์จากความมัวหมองของบิดอะฮฺและความคลุมเครือ 2. บรรดาตาบิอีนซึ่งพวกเขาก็ยังได้รับสัมผัสทางนำของท่านนบี(ซ.ล.) ด้วยการเจริญรอยตามบรรดาซอฮาบะฮฺของท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.) และได้รับการชี้นำจากพวกเขาด้วยการได้เห็น อยู่ร่วม และได้รับอิทธิพลจากคำสอนต่างๆ ของท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.) 3. ตาบิอิตตาบิอีน ซึ่งพวกเขาอยู่ในยุคที่ความบริสุทธิ์ของหลักการอัลอิสลามได้ถูกแทรกซึมจากหลักการภายนอกที่ไม่ใช่อัลอิสลาม ด้วยประการดั่งนี้ เมื่อเทียบชั้นกับตัวผม  ตัวผมเองยังไม่ติดฝุ่น ของคน ยุคตาบีอีน เมื่อไม่มีตัวเลือกมากกว่านี้ ผมก็ต้องทำตามผู้ที่รู้มากกว่า เพราะการที่เราตามผู้นำนั้น วันที่สอบสวน ผู้นำนั้นจะรับผิดชอบแทนตัวผม ถ้าผมไปตีความเอง ถ้าเกิดตีความผิด นำไปปฏิบัติผิดๆ  นั่นหมายถึงว่า ผมต้องรับผิดชอบตนเอง และถ้าใครมาตามแนวทางของผม  ผมก็ต้องแบกความรับผิดชอบนั้นไปด้วย จากคุณ : จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:53:24

ความคิดเห็นที่ 62 การเชื่อฟังท่านนบีนั้นก็เท่ากับเชื่อฟังอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺ บอกแล้วว่า (3:132) " และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา " (4:80) " ผู้ใดเชื่อฟังรอซูล แน่นอนเขาก็เชื่อฟังอัลลอฮฺแล้ว และผู้ใดผินหลังให้ เราก็หาได้ส่งเจ้าไปในฐานะเป็นผู้ควบคุมพวกเขาไม่ " (24:56) " และพวกเจ้าจงดำรงละหมาด และจงบริจาคอัซซะกาฮ์ และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามรอซูล เพื่อพวกเจ้าจะได้รับควาเมตตา " (26:108) " ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮฺ และเชื่อฟังฉัน" (นบีนุฮฺ) (4:59) " ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไปที่สวยยิ่ง " (4:69) " และผู้ใดที่เชื่อฟังอัลลอฮฺ และรอซูลแล้วชนเหล่านี้จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงกรุณาเมตตาแก่พวก เขา อันได้แก่บรรดานบี บรรดาผู้ที่เชื่อโดยดุษฏี บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม และบรรดาผู้ที่ประพฤติดี และชนเหล่านี้แหละเป็นเพื่อนที่ดี " (33:71) " พระองค์จะทรงปรับปรุงการงานของพวกเจ้าให้ดีขึ้นสำหรับพวกเจ้า และจะทรงอภัยโทษความผิดของพวกเจ้าให้แก่พวกเจ้าและผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตาม อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แน่นอนเขาได้รับความสำเร็จใหญ่หลวง " ที่ผมขีดเส้นใต้ไว้ นั้นทำให้เรารู้ว่าเมื่อเกิดปัญหาก็ให้ ไปหา อัลลอฮ์ และรอซูล หรือท่านศาสดานั่นเอง ดังนั้น บทบัญญัติต่างๆ เราต้องถามท่านศาสดา และทำตามท่านครับ ไม่ใช่คิดเองเออเอง แล้วบอกว่า ท่านศาสดาไม่มีอำนาจบังคับผู้ใด เพราะ อำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย กุรอ่านบอกชัดเจนแล้วครับ ตั้งแต่กการโบยไปจนถึงตัดสินเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ไม่ใช่เฉพาะท่านศาสดาเท่านั้นที่มีอำนาจ แต่เป็นมุสลิม ทุกคนนั่นแหละครับ ที่มีอำนาจ ตามที่กุรอ่าน อนุมัติไว้ ซึ่งถ้าบังคับไม่ได้จริง แล้วโองการเรื่องการให้โบย หรืออื่นๆ จะปฏิบัติได้อย่างไร? และเป็นการให้ปฏิบัติโดยเข้มงวดด้วย นี่จึงไม่ใช่แค่กฎข้อบังคับ ที่แนะแนวทางนะครับ แต่นี่คือคำสั่งใช้ ให้มุสลิมต้องทำไม่ใช่ ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ และบัญญัติของท่านนบีหรือการกระทำของท่านนบีนั้น ไม่ใช่การล้มล้างบัญญัติของกุรอ่านแต่อย่างใด เพราะกุรอ่านบอกไว้เองว่า (4:59) " ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไปที่สวยยิ่ง " ดังนั้นการกระทำและบัญญัติของท่านนบี จึงถูกรับรองไว้โดย อัลกุรอ่านซึ่งมากจากอัลลอฮฺ ครับ ไม่ใช่การกระทำ ที่ ไม่ต้องใส่ใจ โดยอ้างว่าเป็นบัญญัติของมนุษย์ เพราะบัญญัตินี้ อัลลอฮฺสั่งว่า จงเชื่อฟังแถมยัง สั่งอีกว่า (24:56) " และพวกเจ้าจงดำรงละหมาด และจงบริจาคอัซซะกาฮ์ และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามรอซูล เพื่อพวกเจ้าจะได้รับควาเมตตา " สั่งให้ปฏิบัติตามครับ ชัดๆ ดังนั้น ด้วยคำสั่งในกุรอ่าน และ เหตุผลต่างๆ แล้ว มุสลิมจึงต้องนำเอากฎหมายอิสลาม ที่มีรากฐานมาจากกุรอ่านและแบบอย่างของท่านศาสดา มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ...และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว ชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธการศรัทธา (อัลมาอิดะห์ 5 : 44) กฎหมายอิสลามจึงเป็นสิ่งที่มุสลิมต้องนำมาใช้นะครับ ถ้าไม่พยายามนำมาใช้ เท่ากับ ผิดต่อเจตนารมย์ของอิสลาม จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:58:18

ความคิดเห็นที่ 63 ส่วนเรื่องกฎหมายชารีอะห์นั้น ถ้าแนวทางตัวผมเองนั้น เห็นด้วยในหลักการที่จะยกมาทั้ง องคพายพ แต่ถ้ายกมาเฉพาะในบทลงโทษ นั้น ผมไม่เห็นด้วย มีคำถามต่อมาว่า แล้วองคพายพ นั้นขอบเขตถึงตรงไหน หมายถึงว่า ยกกฎหมายมาทั้ง บทบังคับใช้ บทป้องปราม บทปราบปราม และการเยียวยา ครอบคลุม ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ศาสนา ฯลฯ ในกระบวนยุติธรรม นั้น ต้องใช้อัลกรุอาน+หะดีษ  ที่ซอเฮียะ เป็นหลักเกณฑ์ ใน ขั้นตอนพิจรณาคดีความ ต้องตามขั้นตอนทางศาสนาทุกกระบวนความ ตั้งแต่ตัวบุคคล การคัดสรร ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 22:04:54 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 22:04:06 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:01:18

ความคิดเห็นที่ 64 ส่วนบทลงโทษ ที่รุนแรงเฉียบขาดนั้น ผมเห็นด้วย มิใช่เพราะผมนับถือศาสนาอิสลาม แต่ผมเห็นด้วย เพราะจากตัวอย่างในสมัย จอมพล สฤษ นั้น บ้านเมืองสงบ เรียบร้อยดี การมีบทลงโทษ ที่รุนแรงนั้น จะช่วยกำหราบให้คนที่ถุกลงโทษ นั้น ยำเกรงกฎหมาย บทลงโทษ จะมีความยุติธรรมได้ ก็ต้องมีกระบวนการทำให้เกิดความยุติธรรม และการบังคับใช้ กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เมื่อครบกระบวนการแล้ว สังคมมันจะสงบขึ้นมาเอง ต้องทราบโดยหลักการและสัจธรรมอย่างนึงว่า "คนดีย่อมไม่กลัวบทลงโทษ คนไม่ดีต่อให้บทลงโทษนั้นเบาหวิว ก็แอนตี้ต่อต้านแล้วละครับ"   แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 22:12:31 จากคุณ : จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:11:09

ความคิดเห็นที่ 65 การเรียงลำดับความเชื่อในส่วนที่ผมร่ำเรียนมาและผมนำมาเป้นแนวทางคือ เชื่อครู หรืออูลามอร์ หรือเชื่อซอฮาบะห์เท่ากับเชื่อนบี เชื่อนบี เท่ากับเชื่อกรุอาน เชื่อกรุอาน เท่ากับเชื่อ อัลเลาะห์ (ซบ) ถ้าทวนกลับทาง -เชื่ออัลลเลาะห์ก็ต้องเชื่อกรุอาน -เชื่อกรุอานก็ต้องเชื่อ นบี -เชื่อนบี ก็ต้องเชื่อ ศอฮาบะห์ของท่านและอูลามอร์ เมื่อเป็นดั่งนี้ ผมขอเชื่อครู นะครับคุณอา   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:17:33

ความคิดเห็นที่ 66 To : Mopeena [13 กรกฎาคม 2555 22:24]     ขอร้องอย่าไปแกว่งปากหาตี-นผมในกระทู้ผม ผมต้องการสันติ อย่าได้ตี-นเดียวจัดให้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12366433/Y12366433.html จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:25:39

ความคิดเห็นที่ 67 MCE เคยคิดถึงข่าวที่มาโพสคห. 30 บ้างไหม? ที่ตายนะสมควรเค้าเรียกแกว่งปากหาเท้า  คล้ายๆเหตุการณ์เผากรุงเทพเมื่อ 2-3 ปี  ที่นักข่าวญี่ปุ่นตายนะ แต่งตัวอย่างนั้นใครดูก้อรู้ว่าญี่ปุ่น  เค้าชุลมุนมีคนต่างชาติตายก้อสนุกขึ้นไปอีก  ส่วนฝรั่งสันขวานเนี่ยรู้จักมันดีแค่ไหน  อะไรเรียกร้องได้มันทำหมดแหละ  ถ้าคุณไปเผยแผ่ศาสนาพุทธในเกาหลีเหนือ  แล้วเค้ายิงเป้าคุณ.....คุณคิดว่าคุณคือฮีโร่ โง่หรือฉลาด จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:48:16

ความคิดเห็นที่ 68 เรียนคุณแมทท์ ที่นับถือ การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี หรือ ตัดมือตัดเท้า หรือ ปาหินจนตายใช่หลักของอิสลามหรือไม่ และทำไม มีอิสลามในประเทศไทยนิยมชมชอบการกระทำเช่นนั้น ในเมื่อมีคนเข้าใจอิสลามผิด มากกว่าครึ่งและทำให้อิสลามมีปัญหากับคนที่ไม่ใช่อิสลามยังควรแก้ปัญหาเช่นไร เพื่อลดความเชื่อที่โลกสมัยใหม่ตัดสินเเล้วว่าโหดเกินไป แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 22:56:49 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 22:56:14 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:49:34

ความคิดเห็นที่ 69 กฏหมายชารีอะห์ เป็นของบังคมทางศาสนาที่บังคับใช้ แต่การที่รัฐๆหนึ่งจะเลอะห์มาบังคับใช้หรือไม่เป็นสิทธิ์และอำนาจอธิปไตยของรัฐนั้นๆ ดังนั้นการที่รัฐจะนำชารีอะห์มาใช้ทั้งหมดหรือนำมาใช้แต่ดัดแปลงบางส่วนก็เป็นสิทธิ์ตามหลักอธิปไตยเหนือรัฐนั้นๆเช่นกัน สรุปคือกฏหมายชารีอะห์นั้นบังคับแก่มุสิลม แต่กฏหมายของประเทศที่นำชารีอะห์มาใช้จะบังคับแก่แค่ประเทศนั้นๆ ปล ผมนับถือ ท่านโคไมนี่ ในฐานะนักปฏิวัติคนหนึ่งครับ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 23:06:26

ความคิดเห็นที่ 70 ท่านยอง กฎหมายชารีอะห์ แบบอิหร่าน ผมก็ไม่สนับสนุน เพราะไม่ใช่ชารีอะห์ที่แท้จริง ในสมัยท่านนบี ไม่ได้ใช้แบบนี้ครับ ชารีอะห์โดย บทลงโทษนั้นรุนแรงแต่มีคนจำนวนน้อยมาก ที่ก้าวไปถึงกระบวนการนั้นได้ เช่นการละเมิดประเวณี ในกรณี ดังกล่วต้องใช้พยาน ถึง 4 ปาก และต้องเอาเชือกลอด ระหว่างกลาง ลำตัวของ คู่นั้น ว่าผ่านหรือไม่? บทลงโทษ เฆี่ยน 100 ที สำหรับการผิดประเวณี ปกติ ทั่วไป การปาด้วยหินนั้น สำหรับการมี ชู้ ถ้าตัวบทกฎหมายในเรื่องการลงโทษนั้นรุนแรง คดีความผัวไล่ยิงชู้ คดีฆ่าหมู่ ก็ไม่เกิดขึ้น การตัดสิน โดยใช้ศาลเตี้ย ก้ไม่มี มีข้อสังเกตุว่า  เวลาเค้าทำอะไร มีแมวที่ไหน ไปเอาเชือกลอด เวลาเค้า ตะลึงตึงๆกัน ส่วนพยานนั้น ไม่ใช่หมู หมา กา ไก่ จะสามารถมาเป็นพยานได้ คนที่จะเป็นพยานนั้น ต้องปฏิบัติตนตามศาสนาอย่างเคร่งครัด และคุณสมบัติส่วนตัว คือ -ไม่พูดปด -รักษาหน้าที่ -มีความยุติธรรม -ปฎิบัติตนตามศาสนบัญญัติทุกประการ ถ้าพยานซี้ซั้วมั่วนิ่ม พยานนั้นเองแหละจะถุกลงโทษ สถานหนัก มีข้อสังเกตุอีกว่า จะมีใครกล้าที่จะเป้นพยาน หรือไม่ ? แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:24:31 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 06:40:23 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 06:29:21 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 06:28:30

ความคิดเห็นที่ 71 ผมให้อยากให้จับตาดู ตุรกี ยุคต่อๆไปนี้ ครับ ว่าหลังจากที่อัตตาเตริก ได้รวบรวมชาติเสร็จแล้ว และเปลี่ยนผ่านมาถึงในยุค จารีตนิยมตามแบบฉบับสมัยท่านนบี ของตุรกี จะเป็นเช่นไร เราคงได้เห็นการนำเอาหลักการชารีอะห์ มาประยุกตร์กับกฎหมาย ตุรกี โลกที่แท้จริง นั้น มีทั้ง สีขาว สีเทา และสีดำ ท่านที่มองแต่สีใด สีหนึ่งนั้น และอนุมาน ว่าเป้นจริง นั้นคือโลกแห่งความฝัน เป็นจริงไม่ได้ กฎหมายชารีอะห์ ก็เช่นเดียว กัน มีทั้งแง่มุม ที่เป้นสีขาว สีเทา สีดำ ตามแต่ที่เราสมผัสได้ด้วยลูกนัยน์ตา ถ้าเราไม่ทราบว่าหลักการที่แท้จริงคืออย่างไร มองในด้านเดียว ก็จะออกอาการ แบบ กลุ่มป่วน วิตกจริตแบบ นายภูวดลแดนไทย และพรรคพวก นั้นแหละครับ   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 06:36:57

ความคิดเห็นที่ 72 ผทสันนิษฐานในกรณี ทีว่า ผู้ที่ต่อต้าน ที่ไม่ใช่มุสลิม(ต่างศาสนิก) และต่อต้าน ชารีอะห์แบบจิตตกนั้น เช่น MCE  MOPEENA และสาวก ของนายภูวดล แดนไทย นั้น แท้ที่จริงแล้ว ต่อต้าน อะไรกันแน่ ต่อต้านศาสนาอิสลาม  หรือต่อต้านตัวกฎหมาย เยาวชน ที่ ตกเป็นทาส นายภุูวดล แดนไทย  รบกวนถามตนเองว่า เราตามภุวดล แดนไทย หรือเราตามความถุกต้องกันแน่ ? เอาไว้ว่าง ผมจะเอา สิ่งที่นายภูวดล โพส มาแกะรอย แบบนี้ทีละประเด็น จะได้เกิดอาการตาสว่างกันมั่ง ปล.....เวบนี้อีกนะครับ ผมจะชำแหละสักวัน จะขายประกันก็ขายไป จะเผยแพร่ศาสนาพุทธ ก็ทำไป แต่อย่างแฝง ข้อมูลมั่วนิ่ม ให้ร้ายศาสนาอิสลามให้มาก นายจิม จะเช้คบิลสักวัน http://www.aia.or.th/hotnews.htm เป็นเวบ คู่ขนาน กับ http://www.surasiha.com/Start.asp แก้ใข ตรงวงเล็บข้างบน เพราะอ่านจาก คำถามอาแมท  เดี่ยวจะเข้าใจผิด นะครับว่าผู้ที่ต่อต้านไม่ใช่มุสลิม แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:06:43 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:05:41 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:06:00 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 06:51:26

ความคิดเห็นที่ 73 ดูหน้าเพจ Hot News แทนที่จะเป้น ข่าวการเข้าค่ายธรรม ข่าวกิจกรรมทางพุทธศาสนา หนอย Hot News มาก มีแต่ ข่าว ด่าอิสลาม ทำให้คนในวงการขายประกัน ติดภาพลบ ว่า ตัวแทนประกันชีวิต ในสมองคิดได้แค่เนี้ย http://www.aia.or.th/hotnews.htm ได้โปรด ดู  สแลท ตอนท้ายลิ้งค์ และ คำ ว่า HOT HOT  HOT ทุกตัวเลย คนที่บอกว่าตนเอง เป็นสมาชิก และเป็นตัวแทน ถ้าไม่ออกมาปรามบ้าง อนาคต ลูกค้ามุสลิม ของท่านไม่น่าสดใส นะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:13:07 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:11:38 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:03:16 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 07:01:23

ความคิดเห็นที่ 74 มาเปรียบเทียบแบบคู่ขนาน ถึงกระบวนการยุติธรรม ศาลประเทศไทย ใครแตะไม่ได้ ศาล ชารีอะห์ แตะได้ พิพากษามั่วนิ่ม ตัดสินคนผิด ผู้พิพากษา โดนหนักสองเด้ง พยาน ในประเทศไทย ให้การมั่วนิ่ม โทษจำนิหน่อย แถมมีการรอลงอาญาสะด้วย พยานในศาล ชารีอะห์  ให้การมั่วนิ่ม โทษนั้นหนักพอๆ กับ บทลงโทษ เจ้าพนักงาน ในประเทศไทย บทลงโทษ ฐานละเว้น นิหน่อย เจ้าพนักงาน ในระบบ ชารีอะห์ โดนหางเลข โทษหนัก นำหนักโทษ ของผุ้ที่อยู่ในกระบวน การยุติธรรม นั้น ขึ้นลง ตามโทษานุโทษ ของผู้กระทำผิด  ไม่ตายตัวแบบ ของไทยเรา เมื่อน้ำหนักมันขึ้นลง ตามโทษานุโทษ ใครละจะกล้าเสี่ยง มั่วนิ่ม อยู่ดีไม่ว่าดี หาเหาใส่กบาล ไม่บ้าก็โง่แล้วละครับ ดังนั้น ในระบบ ชารีอะห์ จึงขาดแคลนบุคคลากร เป็นอย่างมาก ไม่มีใครอยากทำตัวเป็นผู้ตัดสิน เป็นพยาน เป็นเจ้าพนักงานกัน ไม่เหมือนบ้าน เรา เพื่อตำแหน่ง อะไรต่อมิอะไร วิ่งกันขาขวิด อยากจะเป้นกันจังเลย แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:33:26 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 07:32:41

ความคิดเห็นที่ 75 คุณจิมผมก็คนหนึ่งที่เห็นว่า กฏหมายชารีอะห์  ทำเกินบัญญัติของ อิสลาม   และเห็นความไม่ยุติธรรมลายอย่าง  ผิดหลักสมดุลย์ทางขบวนการยุติธรรม   ของอิสลาม   ผมเป็นมุสลิมหรือไม่? ....... คุณ mce    เมื่อผมกลับจากทำงานแล้วผมจะตอบให้คุณเข้าใจครับ ตอนนี้ก็ใจเย็นๆก่อนอย่าเอาอะไรมาโจมต้  ไว้ให้ผมอธิบายให้ฟังแล้ว ค่อย ซักถามกันอีกคร้ง  คุณกับผมคุยกันได้ ในทุกๆแง่ทุกๆมุมของศาสนาอิสลาม  เพราะผมเชื่อมั่นอยู่ในหลักการศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว ซึ่งเป็นหลักการของอิสลามที่แท้จริง ของอิสลาม พระเจ้าไม่มีความน่ากลัวมีแต่ความรักความเมตตา ความกรุณา  พระองค์ทรงอภัยและเมตตาเสมอ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 07:44:45

ความคิดเห็นที่ 76 คุณอาแมท ที่เคารพ คุณอาแมท ทำไมจะไม่ใช่มุสลิมละครับ การจะเป้นมุสลิม หรือไม่เป้นมุสลิมนั้น คือ ไม่เอารู่ก่นอีหม่าน ครับคุณอา ส่วนใครไม่เอารู่ก่น อิสลาม นั้น ก็ถุกลงโทษไป ถูกลงโทษ เสร็จ พ่อแม่ ตีเรียบร้อย ความเป้นพ่อลุก ไม่ได้ขาดไปนี่ครับอา ถามได้ เดวไม่ส่งอินทผาลัมสด ไปให้ทานสะร้อก ครับอา แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 07:59:32 จากคุณ : จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 07:57:10

ความคิดเห็นที่ 77 MCE แก่น ของ คห 30-31 นั้นคืออะไร ตอบให้พี่จิม ชื่นใจหน่อยครับ ผมยอมรับ ความเห็น สั้นๆพอโดยสรุป ไม่ต้องยาวเป้นกิโลเมตร จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 07:59:00

ความคิดเห็นที่ 78 คุณอาแมท ครับ ผมมีตัวอย่างนึง คนไทยเรานีแหละ ครับ ผมไปทำงานรับเหมาโครงการใหญ่ มีConsult ท่านนึง ของบริษัท ข้ามชาติ ชื่อดังในประเทศไทยเป้นผู้ควบคุมงาน Consult ท่านนี้ เป็นมุสลิม ชาวสตูล เป็นลุูกเขย ผู้บริหารบริษัทฯนี้ ซึ่งผู้บริหารบริษัทฯ นี้ก็ไม่ใช่อื่นไกล เป็นเพื่อนเลิฟ กับปะป่า ผม ภรรยา ของ Consult  เป็นพุทธ ต่างคนต่างนับถือ Consult คนนี้ เมาทั้งวัน ตีหม้อประจำ อะไรที่ มั่นแหก กูเอาหมด ละหมาดไม่เอา ถือบวชไม่เอา ซะกาตไม่ออก ใส่ซองทำบุญอย่างเดียว ผมก็ตักเตือนไป เฮ้ย  เบาๆหน่อย ผมถือว่ามุสลิม เมื่อเจอผู้ที่แหกๆไปบ้างเป้นหน้าที่ต้องตักตือน ก็ตักเตือนไป เค้าจะทำไม่ทำ ผมถือว่าพ้นตัวผมไปแล้ว เป็นเรื่องของเค้ากับพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ) วันนึง เจ้าหมอนี่ไม่กลับบ้านไป ตะลึงตึงๆ ทั้งคืน เดินเมาค้างมาที่ออฟฟิศ พอมาถึง เดินแบะอกเสื้อมาเชว หนอย มีสร้อยทองแขวนมาสะด้วย พอมาใกล้ๆผม กลิ่นละมุดงี้ หึ่งเชวครับ สร้อยที่ห้อย ตะหล่อง ต่องแต่ง ห้อยมาชนหน้าผม อ้ายหยา มาชาอัลลอฮ์ พระเครืองครับคุณอา เจ้าหมอนี่ อวดเชว พี่ๆสวยมะ เมียซื้อให้ ทองหนักตั้ง 5บาทเชว ว่าแล้ว ก็ดึงมาอวด ผมส่ายหน้า แล้วบอกว่า เฮ้ย เอ็งจะเมา ศาสนามะเอา ข้าแค่เตือนเอ็ง เพราะเรื่องนี้เป้นเรื่อง กิ่งไม้ใบหญ้า เอ็งจะทำไม่ทำ เป้นเรื่องของเอ็ง เวลาเอ็งตายไปยังได้ เจอหน้าข้าฯ ได้เจอ หน้า แมะ หน้า ปะ เอ็ง นี่เอ็งเล่น ถึงรากแก้ว ตายตอนนี้ ข้าฯ เอาเอ้งไปฝัง ไม่ได้นาว้อยส์ ไอ้หอกหัก มันเถียง เฮ้ยพี่ซีเรียสไปได้ เมียให้มาก็รับๆไปเอาใจมันหน่อยแขวนในคอ ก็เท่านั้น ผมบอกว่า ข้าเตือนเอ็งแล้วนะ ว่าร้ายแรง ไม่เชื่อเอ็งลองตายตรงนี้ดิ แล้ว ข้า จะเอาเอ้งไปฝังหรือไม่ เฮ้ยพี่....มันทำหน้าแหย ๆ มันขนาดนั้นเลย รึ เออ หนักว้อยส์ แล้วผมควรทำอย่างไร ดี ผมบอกมันว่า เอ้งก็ไปทำให้หายเมาสะ แล้วมาคุยกับ ข้าฯ ใหม่ไปๆๆชิ้วๆๆ นี่ละครับคุณอา ที่เป้นหนังตัวอย่าง กิ่งไม้ ใบหญ้า อย่างไร ไม่มีผลต่อ ต้นไม้อิสลาม ผลที่จะมีต่อต้นไม้อิสลาม นั้นคือราก ครับคุณอา ด้วยความเคารพครับอา   จากคุณ : จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 08:18:19

ความคิดเห็นที่ 79 ด้วยประเด็นตรง คห ข้างบนนั้น โดยส่วนตัวของผม อะไรก็แล้วแต่ที่จำทำให้ ศาสนาอิสลามอันเป้นที่รักของเรา แน่น เขม็งเกลียวได้ ผมไม่รังเกียจ ไม่ตั้งแง่ในการกระทำ ไม่ว่าตัวบทนั้นจะมีในกรุอาน ในหะดีษ หรือไม่  หรือ จะเป็นบิดอะห์ก็ตาม ผมก็ไม่ไปห้ามปรามเค้า ได้แต่แนะนำในแนวทางที่อย่าให้หลุดกรอบ ของการศรัทธาที่ถูกต้อง ออกไปครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 08:48:26 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 08:46:56

ความคิดเห็นที่ 80 คุณอาแมท ตรงคห 72 ของผมนั้น ผมขออธิบาย เดี่ยวจะข้าใจผิดไปกันใหญ่โต ต้องขอมาอัฟด้วย ผู้ต่อต้าน ไม่ใช่มุสลิม  ซึ่งผมกลับไปแก้ใขแล้ว ให้ทำความเข้าใจดั่งนี้ ในส่วนของผุ้ที่ต่อต้านที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม และกลุ่มพวกที่จิตตก ขยายซ้อนขยาย หมายถึง คนที่ต่อต้านที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามและโดยเฉพาะกลุ่ม ที่จิตตกระแวง คิดติดลบ เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม นะครับ ต้องรบกวนทำความเข้าใจตามนี้ดด้วยครับ นี่คือแก่นที่ต้องการสื่อออกไป แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:12:15 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:11:55

ความคิดเห็นที่ 81 To : Mopeena [13 กรกฎาคม 2555 22:24]     ขอร้องอย่าไปแกว่งปากหาตี-นผมในกระทู้ผม ผมต้องการสันติ อย่าได้ตี-นเดียวจัดให้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12366433/Y12366433.html จากคุณ : Nine Cats   เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:25:39   **************************************************** To ไอ้แมวเก้าหัว ขอร้องอย่ามาหาเรื่องหาตรีนกันดีกว่า หากไม่ได้มาเป็นมิตรก็ต่างคนต่างอยู่ซะ คิดว่าคนอื่นไม่มีตรีนหรือไง มาทำเป็นนักเลงในบอร์ด ไอ้พวกมุสลิมแอบแฝง พวกอีแอบ อย่าได้มาพูดกันเลยคงจะดีกว่ามั๊ง ถ้าไม่ให้คนอื่นเขาพูด แล้วตั้งกระทู้หาเตี่ย มรึงหรือไง มีอะไรที่มันไม่ใ่ช่ตรงไหนก็แย้งมาสิ นี่อะไรมาพูดจาไร้การศึกษาหาเรื่องกันแบบนี้ (ขอโทษท่านอื่น ๆ นะครับ ผมไม่เคยพาลด้วยคำหยาบแบบนี้กับใครก่อน แรงมาแรงไป) แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:19:30 จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:15:25

ความคิดเห็นที่ 82 Mopeena ขอให้คุณแก้ คำผิด มุสลิม แอบแฝง นั้นไม่มี ในระบบอิสลาม มุสลิม ที่ไปแอบแฝงนั้นไม่ใช่มุสลิม คือเรื่องใหญ่ ของอิสลาม คนที่เป้นอิสลาม แล้วไปตีเนียน ไปแอบในศาสนาคนอื่นนั้น ไม่ใช่ อิสลาม ล้านเปอร์เซนต์ อย่าเอาข้อมูล ของเวบนรก มาใส่สมองให้มากเรื่อง พระไปกินข้าวกับโตะอีหม่าม แล้วชี้นำบอกว่า มุสลิม ปลอม ตัวเป้นพระ เป็นข้อสันนิษฐาน ที่ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับบทบัญญัติศาสนาอิสลาม แล้วดันมาเผยแพร่ ซั่วๆ ในหน้าเวบ องค์กรชั้นนำระดับโลก มันแสดงถึงภูมิปัญญาอ่อน เผยภูมิปัญญาออกมาแบบนี้แล้วใครจะไว้วางใจ ให้ไปฝากผีฝากไข้ได้ การกระทำแบบนั้น ในศาสนิกของ ท่านนั้นเยอะมาก เช่น บอกว่า -เป้นคนไม่ได้รับนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาใดๆ แต่ทุกอย่างของพุทธศาสนา รับมาเต็มหมด แล้วเที่ยวด่าศาสนาคนอื่นไปหมด -ใช้ชื่อปลอม ให้ดูเหมือนชื่ออิสลามที่เค้าใช้กัน แล้วเข้ามาเขย่าขวด พฤติกรรมเหล่านี้ เป็นกฎเหล็กของอิสลาม อย่าเอาระบบคิดที่ว่า พุทธศาสนิกชน ทำได้ แล้ว ทำไม อิสลามจะทำไม่ได้มาใช้ เด็กๆ เค้าทำกันครับ      แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:41:30 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:32:43 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:31:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:28:51

ความคิดเห็นที่ 83 ถ้าไม่เชื่อลองถาม คุณอาแมท ดู ว่ามุสลิม แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ นั้นได้ไหม เรื่องใหญ่หรือไม่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:34:08

ความคิดเห็นที่ 84 ไอ้คุณจิม อย่ามามากความกับผม ผมเบื่อแล้วละกับคำพูดเดิม ๆ ของคุณ ไม่ว่าจะภูมิปัญญา สติปัญญา หรืออะไรต่อมิอะไรมากมาย ที่เอามา่ด่ากันเลิกซะ ผมรำคาญเต็มทีแล้ว หากจะชี้แจงอะไรก็ให้มันสร้างสรรกว่านี้หน่อย คำพูดพวกนั้นเด็ก ๆ เขาใ่ช้กัน คนแก่ ๆ อย่างคุณ น่าจะคิดเป็นบ้างนะครับ นี่มันบอร์ดชั้นนำของประเทศ จะคิดจะทำอะไรให้ ผ่านการไตร่ตรองเสียก่อน ให้พอได้เห็นว่าคุณมีวุฒิภาวะเพียงพอ ที่คนอื่นอยากจะสนทนาด้วย จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:48:06

ความคิดเห็นที่ 85 ชี้นำแบบนี้ หมายความว่า อะไร ว่างจะไล่ หัวข้อ HOT  HOT HOT ที่ละหัวข้อ ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร? http://www.aia.or.th/hotnews.htm จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:48:28

ความคิดเห็นที่ 86 Mopeena จะมาไล่ความกันเอาไหม?  อย่าดินฟ้าอากาศ ตามแบบอย่างใครบางคน คุณจะฟัดกับ คุณ Nine Cats มันเรื่องของคุณ อย่าเอาศาสนาอิสลามไปเกี่ยวข้อง ตอบผมมา  มุสลิม แอบแฝง ศาสนาอื่นเป็นอย่างไร? ถ้าตอบไม่ได้ หลบไป อย่าเอาศาสนาอิสลามมาเกี่ยวข้องอีก ผู้ใหญ่พูด คำเดียวรู้เรื่อง เข้าใจ๋? แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 09:51:49 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:50:30

ความคิดเห็นที่ 87 อ้อแถม ชี้แจงที่สร้างสรร นั้นต้องแบบคุณใช่ไหม ? ไม่มีที่มาที่ไป เนี่ยสร้างสรร มากเลย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:53:58

ความคิดเห็นที่ 88 ถ้าจะให้ตอบก็จะตอบให้ ผมหมายถึงไอ้แมวเก้าหัว ดูเหมือนมันอยากจะเป็นมุสลิมมากกว่าศาสนาอื่น ใจมันอาจจะอยากเป็นมุสลิม แต่ทำเนียนอยู่ในศาสนาือื่น แล้วคุณจะมาเดือดร้อนอะไร ผมพยายามจะว่า ไอ้พวกนับถือศาสนาอื่นแต่ใจฝักใฝ่อิสลาม เรื่องแค่นี้มีอะไรที่คนแ่ก่อย่างคุณไม่เข้าใจอีกหรือ เข้าใจ๋??? จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:55:01

ความคิดเห็นที่ 89 อยากรู้เรื่องความลำเอียงของรัฐบาล เมื่อหัวหน้าและคณะผู้ปกครองเป็นมุสลิม ลองไปเที่ยวมาเลย์เซียครับ ไปถามชาวพุทธที่นั่นดู "รู้แล้วจะหนาวครับ" สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น !!!!!! จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:00:03

ความคิดเห็นที่ 90 “ผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์หลังจากที่เขาได้รับศรัทธาแล้ว(เขาจะได้รับความกริ้วจากอัลลอฮ์) เว้นแต่ผู้ที่ถูกบังคับทั้งๆ ที่หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา แต่ผู้ใดเปิดหัวอกของเขาด้วยการปฏิเสธศรัทธา พวกเขาก็จะได้รับความกริ้วจากอัลลอฮ์และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างมหันต์” (กุรอาน 6:106) ที่มา: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=130653 ที่ไป: แปลกพระเจ้าก็โกรธเป็นด้วย ตัดยังกิเลสไม่ได้เลย โลภ โกรธ หลง พระเจ้าก็มีด้วย ถึงว่าสาวก ถึงได้มีแต่พวกกิเลสหนา  ปัญญา......... ไม่ใช่เพราะบทบัญญัติแบบนี้หรอกหรือที่ถูกเอาไปอ้างฆ่ากันเป็นว่าเล่นน่ะ จัดให้แล้วนะครับ ที่มา ที่ไป ครบครัน (อย่ามาพูดจาดีสเครดิตกันต่อไปเลย ไม่ได้ถูกสอนมาหรือไงว่ากรุณาพูดจาให้เกียติแก่ผู้สนทนาด้วย) ****** เอาละวันนี้คงพอแค่นี้ก่อนเข้ามาทีไรเสียสุขภาพจิตทุกที วันหน้าจะเข้ามาคุยใหม่ ขอความสันติจงมีแด่ท่าน (ตูม ๆ ) จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:02:47

ความคิดเห็นที่ 91 รำคาญพวกปากดี แต่ไม่ปัญญาจริงๆ เขาตั้งกระทู้ของเขา ก็เสรือกเข้าไปหาตรีนเขาเอง กระทุ้ก่อน อยากจะโต้เรื่อง อิทธิพลของศาสนา แล้วเป็นไง ปัญญาเท่านี้ mopeena ก็หมอบแทบเท้ามุสลิมซะแล้ว ภูมิปัญญาอย่าง mopeena ผมว่าอย่ามาเห่าหนอให้รกกระทู้ดีกว่า สวะแบบนี้มันเกะกะ ครับ พอให้พูดสาระละ หมดท่า ดีแต่ป่วน สวะแท้ๆ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:03:29

ความคิดเห็นที่ 92 ความคิดเห็นที่ 88 MsgStatus(Msv[88], 88); ถ้าจะให้ตอบก็จะตอบให้ ผมหมายถึงไอ้แมวเก้าหัว ดูเหมือนมันอยากจะเป็นมุสลิมมากกว่าศาสนาอื่น ใจมันอาจจะอยากเป็นมุสลิม แต่ทำเนียนอยู่ในศาสนาือื่น แล้วคุณจะมาเดือดร้อนอะไร ผมพยายามจะว่า ไอ้พวกนับถือศาสนาอื่นแต่ใจฝักใฝ่อิสลาม เรื่องแค่นี้มีอะไรที่คนแ่ก่อย่างคุณไม่เข้าใจอีกหรือ เข้าใจ๋??? จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 09:55:01 @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ผมจะแกะรอย คำพูดของคุณเอง ถ้าจะให้ตอบก็จะตอบให้ ผมหมายถึงไอ้แมวเก้าหัว ดูเหมือนมันอยากจะเป็นมุสลิมมากกว่าศาสนาอื่น ใจมันอาจจะอยากเป็นมุสลิม แต่ทำเนียนอยู่ในศาสนาือื่น แล้วคุณจะมาเดือดร้อนอะไร ตรงที่ผมไฮไลท์ มันก็เรื่องของเค้า กับคุณ ศาสนาอิสลาม ไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณมาฟันธง ว่าศาสนาอิสลาม ตีเนียน นั่นมันถูกต้องหรือไม่ ? คุณพูด ใน คห 81 ว่า **ไอ้พวกมุสลิมแอบแฝง พวกอีแอบ อย่าได้มาพูดกันเลยคงจะดีกว่ามั๊ง ** ตรงนี้ที่ผม และมุสลิมในนี้เดือดร้อน หัดไปแหกตาดู ผมบอกให้คุณแก้ใข คำผิด ใน คห 82 ทำไมไม่ทำ ไม่ขอโทษ มุสลิม เข้าใจ หรือยัง ว่าเวบบอร์ด ระดับประเทศนั้น การโพสอะไรต้องมีความรับผิดชอบ เข้าใจ๋?   คุณ Mopeena เป็นเด้กฉลาดชาติเจริญ  เด้กฉลาดต้องรู้จักเวลาผู้ใหญ่แนะนำ โดยฉพาะใช้สมองใคร่ ครวญ ว่าตนเองนั้น เป้นอย่างที่เค้าบอกหรือป่าว แล้วแก้ใขให้ถุกต้อง แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 10:05:53 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:05:11

ความคิดเห็นที่ 93 นี่ไงแสดงความโง่เขลา และปัญญาอ่อนออกมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่า คนแบบ mopeena เคยอ่านไหมคำว่า แม่น้ำพิโรธ หรือธรรมชาติ ไม่พอใจ หรือ ฯลฯ นั่นคือการแสดงให้เห็นถึง ความร้ายแรง และความอันตราย ของสิ่งที่กระทำ แต่ถามว่า ทั้งที่ ก็มีบอกไว้่เยอะแยะแล้วว่า พระเจ้าไม่ทรงเหมือนผู้ใด ดังนั้น การโกรธ ย่อมต่างจากมนุษย์ครับ ไม่ใช่ เพราะ มนุษย์ไม่ได้ทำให้พระเจ้าตกต่ำ หรือสูงส่งได้ แต่การพิโรธของพระองค์ ย่อมหมายถึงความร้ายแรง และหายนะที่มนุษย์อาจจะได้ประสบ อย่างว่า ปัญญามันน้อยได้แต่เห่าหอนไปเรื่อยๆ สวะแบบนี้ มันจะไปเข้าใจอะไร เอ้าเชิญ สงบ เย็นกันแบบนี้ต่อไป จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:07:04

ความคิดเห็นที่ 94 หลักการสากล ในข้อขีดเขียน 1. ต้องมีตัวตน ซึ่งสามรถตามที่มาที่ไปได้ 2. เมื่อกล่าวหา ต้องมีข้อกล่าวหา ว่าเค้าผิด นั้นผิดอย่างไร 5 w 1H 3. เมื่อว่า เค้าผิด แล้วสิ่งที่ถูกคืออะไร 4. เมื่อตำหนิ  ก้ต้องมีข้อแก้ใข และมีอีกมากมาย ไปหาอ่านเอาในเนท ว่า จรรยามารยาท การขีดเขียนในที่สาธารณะ นั้นเป้นอย่างไร? สิ่งเหล่านี้ ท่านไม่ทำ เป้นสิทธ์ของท่าน แต่สิ่งเหล่านี้ คือน้ำหนัก ในความคิดเห้นของท่าน และเป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญาของตัวท่านเอง เข้าใจ๋ Mopeena   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:18:50

ความคิดเห็นที่ 95 คุณ Moopena บอกว่าสนใจเซน  แต่ทำตัวทุเรศไปหาเรื่องเค้าตลอด  อย่างที่เอากลอนท่านพุทธทาสมาโพสให้ดูไง  ปากเหม็นเค้าคลื่นไส้แล้ว  ผมก้อสนใจในหลักธรรมของศาสนาอื่นตามแบบนักวิชาการ  ไม่ใช่กุ๊ยไประรานเค้าไปทั่ว  บอกว่าพุทธคุณพระไม่คุ้มครองคุณแล้ว เพราะชาวพุทธนับถือคุณทั้ง 5 ไปอ่านประวัติเจ้าคุณนรวัดเทพศิรินทร์ได้  เค้าถือกันนะครับไปด่พ่อล่อแม่ใคร สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล  ผมไปตั้งกระทู้ของผมเพื่อถกวิชาการ  อยากจะรู้ความเห็นในมุมมองของคนนับถือศาสนาอิสลาม  ผมไม่อยากเอามุมมองตะวันตกไปตัดสินสิทธิสตรีในศาสนาอิสลาม  ใครกันแน่ที่ไปหาเรื่องก่อน  จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:54:49