ความคิดเห็นที่ 1 ไปให้รู้ ดูให้เห็น... ทางปฏิบัติคำสอนเดิมที่เรารู้มาถูกต้องแล้วหล่ะครับ ... อะไรที่เบี่ยงเบนประเด็นก็อย่าได้สนใจครับ ... คนบางคนมีสิ่งยึดเหนี่ยว กับสิ่งยึดติด ไม่เหมือนกันมันอยู่ที่ว่าถ้าเค้าทำแล้วมีความสุข มันก็คือทางของเค้าครับ :-) จากคุณ : บ๊อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:21:05

ความคิดเห็นที่ 2 เจ้าลัทธิเขามีชื่อมานานแล้วเรื่อง "ดูดเงิน"  เวลาไปไหนนั่งรถคันละหลายสิบล้าน อยู่ได้เพราะเงินหนาที่หลอกจากลูกศิษย์ และสร้างภาพเหมือนธุรกิจแชร์ัพันล้านผ่านเครือข่าย อย่าว่าแต่ภพหน้าเลย ภพนี้ยังไม่รู้ว่าเขาจะออกหัว ออกก้อยยังไง   เห็นหน้าแล้วนึกถึงสมัยจิ้งเขียว ถ้าตายมีหวังตอผุด ลูกศิษย์คงได้ออกมาฟ้องกันวุ่นวาย จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:26:02

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นลัทธิอุบาทว์ ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เป็นมานานแล้วด้วย ไม่เคยศรัทธา 20 กว่าปีที่แล้ว ทางวัดให้นักเรียน ไปนั่งสมาธิ แต่ขอค่า ปักกรด 500. ตอนนี้ลามไปทั่วประเทศ จัดบวชพระ แสนรูป ไปทำให้วัดอื่นๆยุ่งยากใจ คนในพื้นที่ไม่ชอบ จากคุณ : bmw692 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:26:34

ความคิดเห็นที่ 4 อืมม  เรื่องของธรรมกายเป็นเรื่องที่ชาวพันทิพพูดมาหลายๆกระทู้แล้ว   ก็หวังว่าจะมีใครไปทำข่าวแบบเรื่องเล่าเช้านี้ เช่นเดียวกับแม่ชีทศพร แต่ด้วยอำนาจเงิน ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ จริงๆเป็นเรื่องที่ดีหากมีการถ่ายคลิปแล้วนำมาโพสให้คนอื่นได้รับทราบ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ จากคุณ : guofang09 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:27:19

ความคิดเห็นที่ 5 ผมอ่านแล้ว ไม่เห็นด้วยกับคำสอนของเขาเลยครับ คงได้แต่หวังว่าให้ลูกศิษย์ของเขา  โชคดีแล้วบรรลุในระดับหนึ่งที่เห็นซึ้งแล้วว่า คำสอนที่ได้รับจากที่นี่ มันไม่ใช่ทางที่จะหลุดพ้นครับ จากคุณ : อี้จับซา เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:46:32

ความคิดเห็นที่ 6 ....กิเลสตัวสำคัญของไชยบูลย์ คือ ความบ้าอยากดัง  อยากเป็นใหญ่ครองภพทั้งหมด  คิดว่าตนเองเหนือกว่าบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ดับขันธ์ไปก่อนหน้านั้นทั้งหมด   ใช้คำกล่อมบรรดาลูกศิษย์ใกลชิดที่โง่เขลาทั้งหลายว่า   ในอนาคตเขาจะมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวัฏฏะสงสาร  สามารถใช้อำนาจธรรมกายเสก บันดาลให้สัตว์หมดวัฏฏะสงสารเข้านิพพานกันหมด  ไม่เหลือวัฏฏะสงสารอีกเลย   ... โอ้โห ๆๆ.. ....ลองมาใช้หลักตรรกะง่ายๆ คิดดู  ..ถ้าหลักธรรมที่ว่า  สามารถใช้อำนาจธรรมกายเสกได้แบบนั้นจริง   ทำไมพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตไม่มีใครรู้หลักธรรมนี้เลยสักพระองค์เดียว (วัฏฏะสงสารจึงหมุนวนมาเรื่อยๆๆ จนบัดนี้)  ทำไมหลักธรรมนี้  หลุดรอดข่ายพระสัพพัญญุตญาณของเหล่าบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตไปได้  โดยไม่มีพระองค์ไหนล่วงรู้ถึงหลักธรรมนี้เลย ... แล้วทำไมคุณไชยบูลย์จึงเก่งกล้าสามารถไปล่วงรู้หลักธรรมนี้ได้  แสดงว่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย งั้นหรือ ? จริงหรือ ??  มีอะไรมาเป็นหลักฐานแสดงว่า  คุณไชยบูลย์เก่งกว่าบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย   ..ก็ที่่เห็นๆในปัจจุบัน ก็แค่นั้น  เคยทำฤทธิ์เดช ปาฏิหาริย์ต่างๆ แบบพระพุทธเจ้าได้ไหม  เช่นยมกปาฏิหาริย์และอื่นๆอีกมากมาย ? เคยมีผลงานเทศนาให้คนเข้าถึงนิพพานคราวละนับไม่ถ้วนแบบพระพุทธเจ้าได้ไหม ?  เคยสามารถไปเปลี่ยนใจ  เปลี่ยนทิฏฐิบุคคลสำคัญๆ ระดับผู้นำใหญ่ๆ ทั้งหลายให้มานับถือศาสนาพุทธแบบที่พระพุทธเจ้าเคยไปเปลี่ยนใจ  บรรดาศาสดาอื่นๆ และเหล่ากษัตริย์ต่างๆ ให้มาบวช มานับถือศาสนาพุทธ มากมาย..เคยทำแบบนั้นได้ไหม ?  เคยเทศนาหลักธรรมที่ลึกซึ้งละเอียดในแง่มุมต่างๆ  ในแนวอภิธรรมหรือแนวอื่นๆ ออกมาได้บ้างไหม ?  เคยแสดงการละวางปล่อยวาง ทำตัวสมถะ ได้ไหม ? ..และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ...ฯลฯ  ไชยบูลย์ เหนือกว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจริงรื๊อออ ?  ...ฝากให้เหล่าบรรดาสาวกธรรมโกยทั้งหลายไปพิจารณาดีๆ       แต่ที่เห็นๆ  ไชยบูลย์ มีนิสัยเหมือนพระเทวทัตที่สำคัญคือ  อยากใหญ่  อยากดัง  อันนี้แน่นอนเลย...การมีนิสัยอยากใหญ่อยากดังของพระเทวทัต  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  พระเทวทัตมีความปรารถนาลามก  ( ปาปิจฉตา ) จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:58:03

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ายกย่องกันถึง ยิ่งใหญ่ในสามภพ น่าจะเป็น ภพภูมินรก             ภพภูมิเปรต             ภพภูมิสัตว์เดรัจฉาน จากคุณ : ~หูว เสี่ยวผิง~ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:58:47

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เคยศรัทธาพวกลัทธินี้เลย คนที่ไปทำบุญก็มีการศึกษา แต่ทำไมยังงมงายกันขนาดนั้น _ _|| จากคุณ : กะตุกอืด เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:03:23

ความคิดเห็นที่ 9 เคยมีคนชวนผมไปเหมือนกันนะ แต่ผมไม่คิดว่ารีสอร์ทกับพระไม่น่าจะเข้ากันเท่าไหร่ เลยไม่ได้ไปกับเขาซักที ปฏิบัติธรรมปฏิบัติที่ไหนก็ได้ นี่ในความเห็นของผมนะ ส่วนเรื่องคำสอน.. ไปเรื่อยนะวัดนี้ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:12:19

ความคิดเห็นที่ 10 .... พระถามว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ ลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ .... ู^ ^ ตรงนี้สำคัญมากนะคะ เข้าข่าย "สะกดจิต"  คำถามเกิดขึ้นตอนไหนคะ ระหว่างทำสมาธิรึเปล่าคะ เราเคยสงสัยมากๆ ว่าทำไมหลายคนถึงได้ทุ่มเงินจำนวนมากให้กับสำนักจานบิน มีคนบอกว่า "คนทั่วไปทำไม่ได้หรอก ต้องโง่ด้วย ถึงจะลุ่มหลงแบบนั้นได้" ส่วนตัวเราไม่คิดว่าพวกเขาจะโง่ แต่อะไรทำให้เขาลุ่มหลง งมงาย ได้ขนาดนั้น แปลกใจเรื่อยมา ตอนนี้ชักจะเิริ่มเข้าใจลาง...ลาง.... จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:15:08

ความคิดเห็นที่ 11 เดี๋ยว  กรรไกรรัตนะก็โผล่มา จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:20:17

ความคิดเห็นที่ 12  แต่ที่รับไม่ได้จริงๆก็คือ พระถามว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ ลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ ดิฉันฟังแล้วสลดใจและรับไม่ได้จริงๆ ^^^^ ขอความกรุณา จขกท. คำพูดเหล่านี้...ถ้ามีหลักฐานเป็นภาพ หรือคลิปวีดีโอ ฯลฯ ให้นำลงโพสท์  (ครั้งนี้อาจจะไม่มี ครั้งหน้าก็ได้) - ถ้ามีหลักฐาน ยืนยันว่า พระอารย์ท่านถาม และมีคนตอบเช่นนั้นจริง เราจะดำเนินการส่งคลิปไปให้เจ้าหน้าที่วัดฯ ดำเนินการทันที และส่วนตัวจะไม่รีรอที่จะถอนตัวออกจากวัดฯ อย่างแน่นอน....... ปล....อย่าให้เหมือน เรื่อง พระอนิลมาน ธมมสากิโย คนสร้างข่าว+คนเชียร์  ตอนนี้ไม่มีแม้เงา หรือคำขอโทษ... แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 54 10:30:35 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:26:56

ความคิดเห็นที่ 13 มีเพื่อนที่ฝังรากไปกับลัทธินี้จริงๆ  ชวนไปตลอด แต่หลังๆมาไม่ชวน เพราะเจอบอกว่า "ถ้าคิดจะเป็นเพื่อนกันเลิกพูดเรื่องนี้" ทุกวันนี้เลยไม่กล้าชวนอีกเลย 555 จากคุณ : Pai-tong_Man เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:28:34

ความคิดเห็นที่ 14 กำลังจะบอกว่า พระเขมร จะมาก่อนคุณกรรไกร  ยังไม่ทันโพสต์เลยก็มาแล้ว ฉับไวจริงๆ 555 จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:34:10

ความคิดเห็นที่ 15 เคยได้ยินว่า วัดนี้จะเน้นให้คนทำบุญเยอะ ๆ ค่ะ บางคนถึงกับหมดตัวก็มีนะคะ บ้านอยู่เราอยู่ไม่ไกลจากวัดนี้ เรายังไม่ไปเลยค่ะ และไม่คิดจะไปด้วย แต่เห็นคนแถวบ้านไปกันเยอะมาก พอกลับมาจากวัด ก็จะมาเล่าให้ฟังว่า เค้าชวนให้ทำบุญเยอะ ๆ บริจาคเงินเยอะ ๆ แต่ก็ยังบ้าไปกันอยู่อีก จากคุณ : lovejustinkung เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:34:59

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงเหล่าสาวกธรรมโกยทั้งหลาย... ... ว่าที่จริงพวกคุณไม่ต้องไปนับถือธรรมกายให้ปลืองเงินทองมากมาย   ถ้าพวกคุณเชื่อว่าเขามีวิชาที่สามารถเสกบันดาลให้สัตว์ทั้งหมดทั่ววัฏฏะสงสารได้เข้านิพพานได้หมดจริง   ยังไงก็ตามเมื่อถึงวันนั้นจริงๆ  เขาก็จะเสกคุณและใครๆทุกๆคนเข้านิพพานกันหมดพร้อมหน้าจนได้นั่นแหละ   ใครจะนับถือเขาหรือไม่ก็ตาม  ทุกๆคน  ทุกๆภพทุกๆภูมิ   ก็จะได้เข้านิพพานกันหมด  ในวันที่ไชยบูลย์บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของวัฏฏะสงสาร  ..ใช่ไหมละ ? ... แล้วพวกคุณจะยังไปมั่วกับธรรมกายทำไมกัน    ? ถอนตัวออกมาไม่ดีกว่าหรือ ? จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 10:45:14

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^   ต้องมี "ค่าเสก" ด้วยค่ะ ไม่ทำให้ฟรีร๊อกกก   MLM นะจ๊ะ นะจ๊ะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 11:03:04

ความคิดเห็นที่ 18 สอนให้ทำบุญมากๆ ทำทานมากๆ โดยเฉพาะทำกับลัทธิธรรมกาย ทางลัทธิจะได้รวย รวย รวย นะจ้ะ นะจ้ะ นะจ้ะ ลัทธินี้เขาเก่งทางด้านหลอกเอาเงินจากชาวบ้าน ขนาดสวรรค์ยังเอามาขายได้ ไม่กลัวบาปกลัวกรรมกันบ้างหนอ.. จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 11:59:32

ความคิดเห็นที่ 19 อย่างน้อยวัดพระธรรมกายก็ช่วยให้ผมพัฒนาจิตใจได้นะครับ  เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่ง เปิด DMC เจอพระเทศน์ให้ทำบุญชนิดทุ่มสุดฤทธิปิดบัญชีธนาคาร เอาให้หมดหน้าตักเลยน๊ะจ๊ะ แล้วจะเห็นอานิสง จ่ะ ดูแล้ว จิตร้อน ไม่ชอบเอาเสียเลย,,,, <<<<    นี่ไง มันเป็นเครื่องแสดงให้รุ้ว่า ผมยังไม่ไปไม่ถึงไหนเลย : ] ขอบคุณวัดพระธรรมกายครับ จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 12:02:05

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับผู้ที่นับถือลัทธิธรรมกายนะจ้ะ เอ่อ..นะครับ ถ้าท่านทำบุญกับที่อื่น กับวัดอื่น ท่านจะได้บุญมากกว่า ได้อานิสงส์มากกว่าการทำบุญกับลัทธิธรรมกาย พระพุทธเจ้าบอกว่า การทำบุญสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว ดูรายละเอียดในกุศลกรรมบท 10 นะครับ ท่านเชื่อพระพุทธเจ้าหรือไม่ พระพุทธเจ้ากับท่านไชยบูลย์เจ้าลัทธิธรรมกาย เจ้าอุบายตบทรัพย์ชาวบ้าน ท่านควรจะเชื่อใคร ขอให้สัมมาทิฎฐิจงเกิดแก่ท่าน สาธุ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 12:05:18

ความคิดเห็นที่ 21 ขอหลักฐานชัดเจนกว่านี้หน่อยได้มั้ยครับ อย่างเช่น รีสอร์ท ที่ไหน??? อยากให้มีน้ำหนักขึ้นมาหน่อยครับ ... จากคุณ : ltf06 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 12:16:00

ความคิดเห็นที่ 22  เจ้าของกระทู้ถามว่า เพื่อนๆคิดอย่างไรกันบ้างคะ ขอตอบว่า ไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เล่ามาค่ะ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย   จากคุณ : มดละเอียด เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 12:47:22

ความคิดเห็นที่ 23 เจ้าลัทธิ..คุณไชยบูลย์เขาขายของเก่งกว่าใครทั้งหมดในอาณาจักรธรรมกาย.. อย่าว่าแต่ สวรรค์ยังเอามาขายได้เลย..ขนาด..สมบัติมีค่าอย่างเดียวที่เขามีติดตัวมาในชาตินี้..คือ" มนุษย์สมบัติ" เขายังยอม  ขาย.. แลกกับ..เศษเงิน..เศษกระดาษ..เศษของที่ไม่สามารถนำติดตัว..ติดจิตวิญญาณไปด้วยเลย .(.เวลาตายไปหน่ะ..ยัดเศษเงินใส่ปากเขาไปด้วยซิ..ยัดไปเยอะๆนะแล้วคอยดูว่า..เอาติดตัวไปได้จริงรึ...) .. สิ่งเดียว..ที่ดีที่สุดในชีวิตที่ติดตัวเขามาและสามารถติดตัวเขาไปได้...เขาได้ขาย..แลกมันกับเศษเดนไปเสียแล้ว...ช่างเกิดมาเพื่อเป็นนักขายเสียจริงๆ.... ..ขายได้ลงคอ..ขายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ขายหน้าขายตาขายตระกูลขายบุญ ขายสวรรค์ ขายวิมานขายๆๆ ฯลฯ..ขายหมด..ช่างขายได้ลงคอ! ..เขาเกิดมาเพื่อ..สิ่งนี้ เพียงอย่างเดียวกระมัง..."เงิน เงิน เงิน ! " แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 12:51:48 จากคุณ : ฝืนได้...ดีได้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 13:10:37

ความคิดเห็นที่ 24 กระทู้แบบนี้คนแจมเยอะดีแฮะ เขามีแต่ผ้าป่าสามัคคี นี่อนูปวาโทสามัคคี อิอิ จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 14:04:52

ความคิดเห็นที่ 25 ท่านม.ร.ว.คึกฤทธิ์เคยพูดเอาไว้ว่าในอนาคตบ้านเมืองเราจะเดือดร้อนด้วยเรื่องศาสนาต่างลิทธิ(หากไม่คิดแก้ไข)เพราะความเขลาเบาปัญาไมได้พิจารณาให้ถ่องแท้ ตามกระแสไปได้เรื่อยๆๆ พอมาวันนี้ก็เห็นได้ชัด เราไม่บังอาจไปชี้แนะคนนอกครอบครัว แต่สมาชิกในครอบครัวของเราเขารู้ได้ด้วยจิตของเขาแล้ว ความเจริญกับความเสื่อมดูเหมือนใกล้กันแค่เอื้อม ขอให้พุทธศาสนิกชนเลือกได้ถูกต้อง จากคุณ : ครูเพชร เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 14:54:33

ความคิดเห็นที่ 26 เพลียจะคุยเรื่องทำมะกลาย มันก้อเปนเรื่องของ คนรวยมีสตางค์แต่โลภอยากได้บุญและโง่ ผสมกับความขี้เกียจศึกษาและประพฤติธรรมที่ถูกต้องตามทางที่พระพุทธเจ้าชี้วางไว้ เพราะมันลำบาก มันต้องตัดนั่นละนี่ ผิดธรรมชาติของคนมีสตางค์ ไม่ถูกกับจริตและกิเลส ทำมะกลายนี่แหละว้ะ คำตอบ แค่ทำบุญใช้สตุ้งสตางค์ก็ได้บรรลุโสดาสกิทาอนาคา เผลอๆ เปนพระอรหันต์โดยไม่ต้องบวช ฮัดช่า !!! คนบางคนบางจำพวกไม่ได้อยากบรลุธรรมหรือหมดทุกข์เพราะความเพียรหรอกฮะ แค่อยากได้หน้าได้ชื่อจากการทำบุญสุนทานและการได้รับการยอมรับว่าเปนคนดีที่บริสุทธฺ์หมดจรดดดดดดด แค่นั้นเขาก็เชื่อว่าตายไปจะไม่ตกนรกได้ไปเกิดเปนเทวดาชั้นฟ้าแล้ว จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 14:55:27

ความคิดเห็นที่ 27 ธมก.ครับ วันหลังชวนผมไปด้วยนะ ผมชักอยากไปทำ "ฮา..อะไร" ที่นั่นด้วยซะแล้ว อิอิ จากคุณ : ต้อง ฮา... แน่ๆเรย (abhirakk) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 15:01:54

ความคิดเห็นที่ 28 ^^^ อยากฮา ไม่ต้องรอให้ใครชวน เชิญที่วัดฯ ได้ทุกวันอาทิตย์ หรืออยากฮายาวๆ พรรษานี้เชิญมาบวชซัก เดือนสองเดือน แล้วจะฮาอย่างมีความสุข จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 15:31:22

ความคิดเห็นที่ 29 ขอแค่เรื่องคำสอนนะครับคิดว่าพระท่ีานที่สอนควรไปอ่าน ธัมจักรกัปวัตนะสูตรซะใหม่ หรือนิทานเรื่องฤาษีสาปให้รวย การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยความใคร่ในกามทั้งหลายเป็นของต่ำทรามเป็นของชาวบ้านเป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ข้อปฏิบัติของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์เลยนี้อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งคือ การประกอบการทรมานตนให้ลำบากเป็นสิ่งนำมาซึ่งทุกข์ม่ใช่ข้อปฏิบัติของพระอริยเจ้าไม่ประกอบด้วยประโยชน์เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง ไม่เข้าไปหาที่สุดแห่งการกระทำ ๒ อย่างนั้น มีอยู่ เป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้ว เป็นเครื่องกระทำให้เกิดจักษุ ป็นเครื่องกระทำให้เกิดญาณ เพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เป็นไปพร้อมเพื่อนิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลางนั้น เป็นอย่างไรเล่า ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลางนั้น คือข้อปฏิบัติเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้เอง สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ สัมมาสังกัปโป ความดำริชอบ สัมมาวาจา การพูดจาชอบ สัมมากัมมันโต การทำการงานชอบ สัมมาอาชีโว การเลี้ยงชีวิตชอบ สัมมาวายาโม ความพากเพียรชอบ สัมมาสะติ ความระลึกชอบ สัมมาสะมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 15:46:21

ความคิดเห็นที่ 30 สังโยชน์ข้อที่ 3 (คัดจากหนังสือคู่มือมนุษย์ โดย พุทธทาสภิกขุ) ทีนี้มาถึงสังโยชน์ข้อที่ 3 เรียกว่า สีลัพพตปรามาส แปลว่า การจับฉวยศีลและวัตรผิดจากความมุ่งหมายที่ถูกต้อง. โดยใจความก็คือ การติดแน่นยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเคยประพฤติปฏิบัติมาด้วยความเข้าใจผิด. ส่วนมากเกี่ยวกับลัทธิประเพณี ตัวอย่างเช่น การเชื่อพิธีไสยศาสตร์และการปฏิบัติทางไสยศาสตร์ต่างๆ นับเป็นสีลัพพตปรามาสโดยไม่ต้องสงสัย. แม้ในเรื่องของพระพุทธศาสนา ถ้าปฏิบัติไปด้วยความเข้าใจผิดว่าจะเกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ เกิดฤทธิ์อำนาจ มาคุ้มครองเราได้ อย่างนี้ก็เป็นการปฏิบัติไปโดยหวังผลผิดทางและไร้เหตุผลนั่นเอง. ตัวอย่างเช่น การสมาทานศีล หรือประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งที่แท้ก็เพื่อกำจัดกิเลส แต่ถ้าไปเข้าใจว่าจะทำให้เกิดอำนาจขลังศักดิ์สิทธิ์แล้วใช้อำนาจขลังนั้น ตัดกิเลสได้ อย่างนี้ก็เป็นความยึดถือซึ่งผิดความมุ่งหมายเดิม. การปฏิบัติอย่างเดียวกันแท้ๆ แต่ถ้าเข้าใจผิด โดยยึดมั่น ในทำนองไร้เหตุผล หรือเป็นเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ก็เป็นสีลัพพตปรามาสไปทั้งสิ้น. แม้ที่สุดสมาทานศีล ปฏิบัติสิกขาบทด้วยความคิดว่าตนจะได้ไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ อย่างนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลย ย่อมเป็นการจับฉวยศีลและวัตรผิดความมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาไป ทำให้การรักษาศีลและพรหมจรรย์ของตนเศร้าหมอง; เพราะว่าความมุ่งหมายของพระวินัยนั้นก็เพื่อกำจัดกิเลสในส่วนหยาบๆทางกายและวาจาเพื่อให้เป็นรากฐานของสมาธิ และต่อไปถึงปัญญาเป็นลำดับๆไป หาใช่มุ่งหมายเพื่อให้ไปเกิดในสวรรค์ไม่. นี้ได้ชื่อว่าทำศีลของตนให้สกปรกเศร้าหมอง ไปด้วยความยึดถือที่ผิด ด้วยอำนาจของความคิดที่ผิด. เรื่องให้ทานก็ดี เรื่องรักษาศีลก็ดี เรื่องเจริญสมาธิภาวนาก็ดี ซึ่งถ้าทำไปด้วยความสำคัญผิดต่อความมุ่งหมายที่แท้จริงของการกระทำเหล่านั้นแล้ว จะต้องเป็นการกระทำนอกลู่นอกทาง ของพระพุทธศาสนาทั้งนั้น ฉะนั้น ขอให้เข้าใจว่า แม้การปฏิบัติในวงของพุทธบริษัทเรา ถ้าทำไปด้วยความสำคัญผิดจนกิเลสตัณหาเข้าครอบงำ เช่น หวังในทางขลังทางศักดิ์สิทธิ์ เมื่อได้แล้วก็จะกลายเป็นสีลัพพตปรามาสไป. แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ชาวบ้านชอบทำกันอยู่ทั่วๆไป เช่น การสวดมนต์ ทำบุญบ้าน หรืออะไรก็ตาม จะต้องเอาข้าวสุกและสำรับคาวหวานชุดหนึ่งมาตั้งไว้หน้าพระพุทธรูป เป็นทำนอง เซ่นวิญญาณพระพุทธเจ้าหรือเป็นการถวายข้าวพระ เชื่อกันว่าวิญญาณของพระพุทธเจ้าจะได้ฉันข้าวที่จัดมาถวาย. ถ้าทำด้วยความรู้สึก หรือเข้าใจเช่นนี้แล้ว ก็ย่อมเป็นการปฏิบัติที่ผิดความมุ่งหมายเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องสงสัย เรื่องการประพฤติผิดต่อความประสงค์ที่ถูกต้องนั้นนับว่ามีดาษดื่นอยู่ทั่วๆไปในวงพุทธบริษัท เป็นการทำไปอย่างงมงายไร้เหตุผล ทำให้ข้อปฏิบัติหรือระเบียบที่ดีงามอยู่แล้วต้องสกปรกไปด้วยความโง่เขลาและความหลงผิดของคนเหล่านั้นเอง นี่คือความหมาย ของคำว่า "สีลัพพตปรามาส." จากคุณ : นักศึกษาธรรมมะฝึกหัด (Arltenis) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 16:21:14

ความคิดเห็นที่ 31 เน้นย้ำ...เฉพาะกรณีของวัดนี้ 1. แม้ในเรื่องของพระพุทธศาสนา ถ้าปฏิบัติไปด้วยความเข้าใจผิดว่าจะเกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ เกิดฤทธิ์อำนาจมาคุ้มครองเราได้ อย่างนี้ก็เป็นการปฏิบัติไปโดยหวังผลผิดทางและไร้เหตุผลนั่นเอง 2. การสมาทานศีลหรือประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งที่แท้ก็เพื่อกำจัดกิเลส แต่ถ้าไปเข้าใจว่าจะทำให้เกิดอำนาจขลังศักดิ์สิทธิ์แล้วใช้อำนาจขลังนั้น ตัดกิเลสได้ อย่างนี้ก็เป็นความยึดถือซึ่งผิดความมุ่งหมายเดิม 3. แม้ที่สุดสมาทานศีล ปฏิบัติสิกขาบทด้วยความคิดว่าตนจะได้ไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ อย่างนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยย่อมเป็นการจับฉวยศีล และวัตรผิดความมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาไป 4. แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ชาวบ้านชอบทำกันอยู่ทั่วๆไป เช่น การสวดมนต์ ทำบุญบ้าน หรืออะไรก็ตาม จะต้องเอาข้าวสุกและสำรับคาวหวานชุดหนึ่ง มาตั้งไว้หน้าพระพุทธรูป เป็นทำนองเซ่นวิญญาณพระพุทธเจ้าหรือเป็นการถวายข้าวพระ เชื่อกันว่าวิญญาณของพระพุทธเจ้าจะได้ฉันข้าวที่จัดมาถวาย. ถ้าทำด้วยความรู้สึกหรือเข้าใจเช่นนี้แล้ว ก็ย่อมเป็นการปฏิบัติที่ผิดความมุ่งหมายเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องสงสัย จากคุณ : นักศึกษาธรรมมะฝึกหัด (Arltenis) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 16:24:51

ความคิดเห็นที่ 32 อย่างเช่นว่า  ท่านสอนว่า ระหว่างความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์ พวกเราควรจะเลือกอะไร ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานเป็นบรมสุข แสดงว่าความสุขเป็นของดี ดังนั้นพวกเราควรเลือกเอาความสุข  พระยังสอนอีกว่า ระหว่างรวย จน ไม่รวยไม่จน เราก็ต้องเลือกรวยเอาไว้ก่อน เพราะรวยทำให้เราสามารถทำทานบารมีไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมได้ หากทำใจให้เป็นกลาง ถ้าให้เลือกคนส่วนมากก็เลือกรวยไว้ก่อน ถ้ารวยเงินก็สามารถทำให้เรามีกำลังในการให้ทานมากขึ้น แต่ประโยคสุดท้ายนี่ผิดหลักพุทธศาสนาจริงๆ เพราะแค่รวยอย่างเดียวทำทานเยอะแต่ไม่ทำความดีอย่างอื่นๆก็ไม่ได้ทำให้เราไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 17:28:17

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องที่ดิฉันเล่ามาเป็นความจริงค่ะ แม้บางคนไม่เชื่อ ดิฉันก็ไม่ว่าอะไร เป็นเรื่องของแต่ละบุคคคล หลักฐานไม่มีเพราะไม่ได้ถ่ายวิดีโอไว้ แต่เขาแจกวิดีโอการปฏิบัติธรรมในช่วงเวลาดังกล่าวมาคนละ 1 ชุด ยังไม่ได้เปิดดูเลย  เพราะมีการถ่ายวิดีโอและถ่ายรูปมากมายตลอดเวลาเช้าถึงเย็นในระยะเวลา 4 วันที่อยู่ ส่วนรีสอร์ทและรายละเอียดนั้นเข้าไปดูในเวปเขาก็ได้ค่ะ ใครสนใจอยากร่วมโครงการก็ลองไปดู เพราะเขาจัดทุกเดือน ดิฉันชอบในความเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสะอ้านในการจัดโครงการ คนวัดก็อัธยาสัยดี น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานในการทำบุญทำทานกันทุกคน ทุำคนดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการทำทาน พวกเขาทำด้วยความศรัทธาจริงๆ เขาเชื่อว่าผลของทานมีจริง เขาจะต้องร่ำรวยยิ่งๆขึ้น ยิ่งทำมากอานิสงส์ก็มาก ดิฉันเองก็อนุโมทนาด้วย แต่ที่ดิฉันไม่แฮปปี้ก็เป็นคำสอนของพระที่เทศน์วันละ 3 เวลานี่แหละค่ะ มีความรู้สึกว่าท่านสอนให้คนยึดติดในความรวยมากเกินไป ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ทำให้ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงพวกคนวัดเกรงว่าเขาจะหลงไปอีกนาน แต่พวกเขาก็ดูไม่เดือดร้อนอะไร ป้าดิฉันก็บอกว่าเหมือนการเดินทางไปเชียงใหม่ ใครจะไปทางไหนก็ถึงเหมือนกัน จะไปรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน ก็ถึงเหมือนกัน มีแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ดิฉันไม่เถึยงป้าแต่ดิฉันคิดว่า มันก็ถูกอย่างที่ป้าพูด แต่ถ้าว่า การเดินทางนั้นถ้ามันหลงทาง มันจะไปถึงเชียงใหม่ไหมล่ะเนี่ย พวกคนวัดบางคนเขาคุยกับดิฉัน เขารู้ว่าดิฉันปฏิบัติยุบพอง เขาก็ประเมินเอาว่าดิฉันกำลังหลงทางและเสียเวลาที่ไปปฏิบัติสายอื่นอยู่ เขาอยากช่วยให้ดิฉันเดินตรงทาง แต่ดิฉันกลับคิดว่าเขานั่นแหละกำลังหลงทาง และดิฉันก็อยากช่วยให้เขาเดินตรงทาง สรุปแล้วต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหลงทาง สรุปแล้วใครกันแน่ที่หลงอยู่ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 11:35:05 จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:29:59

ความคิดเห็นที่ 34 คุณRinta คห 32 คะ ดิฉันคิดว่า การที่เขาเอาคำว่านิพพานัง ปรมัง สุขขัง มาอ้างให้คนยึดติดกับความสุขนั้นดิฉันไม่เห็นด้วย เพราะคำว่านิพพานเป้นบรมสุขนั้นมีความหมายให้เราตัดกิเลสที่เร่าร้อนในจิตให้หมดสิ้นไป คำว่านิพพานมีความหมายว่าสิ้นกิเลสหมดสิ้นในกองทุกข์ แต่ความสุขที่พระวัดพระธรรมกายสอนให้เลือกเอาระหว่างทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ไม่สุขนั้นมันไม่ควรมาเทียบใช้กับนิพพานัง ปรมัง สุขขัง ใช่ไหมคะ จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:38:05

ความคิดเห็นที่ 35 เราเชื่อเรื่องที่ จขกท. เล่ามานะ จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:45:05

ความคิดเห็นที่ 36 ประมานเนี้ยครับ จากคุณ : kingkiev เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:49:18

ความคิดเห็นที่ 37 นึกขึ้นได้ เป็นเรื่องของญาติห่างๆ ที่หลงไปกับจานบิน เชื่อไหมว่า หลงทำบุญจนหมดตัว ขายที่ ขายมรดกพ่อแม่ เพราะเชื่อว่า ทำมากจะรวยมาก พอหมดตัว ก็โกรธ หาว่า ทำดีไม่ได้ดี ทุกวันนี้เปลี่ยนศาสนาไปเรียบร้อย ที่น่าสมเพชและอนาจมากคือ เอากระดูกพ่อแม่ ไปเททิ้งทีเดียว จากคุณ : Pai-tong_Man เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:50:58

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ smiling girl คห 10 คะ ตอนที่พระท่านถามนั้น ท่านถามตอนเทศน์ใกล้จะเสร็จแล้ว ท่านถามเป็นคำสุดท้ายก่อนจะเลิกเทศน์ค่ะ ไม่ได้ถามระหว่างสะกดจิต ดิฉันจำไม่ได้ว่าองค์ไหนถาม แต่พระที่เทศน์นั้นล้วนฉลาดและเก่งๆทุกองค์ บางองค์เป็นด็อกเตอร์ด้วย ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าท่านเห็นดีเห็นชอบกับการสอนอย่างนี้ได้อย่างไร หรือว่าท่านสอนถูกแล้วดิฉันคิดผิด ชักจะสับสนแล้ว คุณมดละเอียด คห 22 ไม่เชื่อไม่เป็นไรค่ะ ลองไปร่วมโครงการเขาดู หัวละ 4,000 บาท คนที่ไปได้ต้องมีสตางค์หน่อย เพราะไปแล้วยังต้องไปร่วมบริจาควันละหลายรายการ ไม่บริจาคอะไรเลยก็ได้ แต่ทุกคนเขาบริจาคกัน เรานั่งเฉยๆมันก็ดูยังไงๆอยู่ ดิฉันทนนั่งเฉยอยู่ แต่ป้าเขาบอกแกมบังคับว่าเธอเอาเงินใส่ซองถวายพระบ้างสิ ดิฉันก็เลยต้องทำทุกรายการค่ะ ก็ไม่มาก ถวายผ้าไตร 1,500 บาท ป้าช่วย 500 บาท ใส่ซองถวายพระ 3 ซองๆละ 100 บาท ป้าเขาเห็นดิฉันถวายทีละร้อยเขายังทำหน้าเบื่อๆดิฉันเลย ดิฉันทำเสียหน้าป้าเขามังคะอุตส่าห์พามาทำไมบริจาคน้อย ขากลับป้ายังบอกดิฉันว่ามีเงินเก็บไว้เยอะรู้จักเอามาทำบุญบ้าง  ดิฉันก็เถียงในใจว่า เอ๊ะ ดิฉันก็ทำไปแล้วนิ แล้วป้าจะเอายังไง วัดอื่นๆดิฉันก็ทำไปทั่วไม่มีขาด ตักบาตรก็ตักเกือบทุกเช้าเลยเพราะพระจะมารับบาตรถึงหน้าบ้านทุกเช้าไม่มีขาด คุณมดละเอียดต้องไปร่วมทำบุญกับคนวัดดูนะคะ จะได้รู้ว่าดิฉันพูดเท็จหรือพูดจริง ของอย่างนี้ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง ดิฉันเคยไม่เชื่อเช่นกัน แต่คราวนี้มีโอกาสไปโดยจำเป็น ถ้าไม่ได้ไปฟรีๆรับรองไม่ไปอยู่แล้ว แต่พอไปแล้วมันก็ได้สัมผัสความจริงอย่างนี้ค่ะ จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:55:36

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ Pai-tong-man คห 37 คะ วันสุดท้ายเขามีการmotivate ด้วยการเอาคนที่บริจาคเยอะตามคำขวัญของเขาที่ว่าทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชีมาเป็นตัวอย่างในการทำทาน คนนี้เคยบริจาคได้เดือนละ 1 ล้าน และมีเป้าหมายว่าจะต้องทำให้ได้เดือนละ 1ล้าน คืออาจไม่ใช่เงินเขาคนเดียว แต่ก็รวบรวมมาจากคนที่ศรัทธา เขาเล่าว่าเขาทบทวนอยู่พักหนึ่งในการที่จะปิดบัญชีธนาคารเพื่อเอาเงินทั้งหมดมาบริจาค และเขาทำได้ เขาทำแล้วก็ปิติมากจนทุกวันนี้ เขาบอกว่าวันที่เขาปิดบัญชี เขาก็กังวลเหมือนกันว่าถ้าเขาเจ็บป่วยกระทันหันในคืนนั้นแล้วเขาจะทำอย่างไร แต่มาคิดอีกที เขาเชื่อในอานิสงส์และบารมีหลวงพ่อว่าเขาต้องผ่านไปได้ แล้วเขาก็ผ่านไปแล้วและทำได้สำเร็จ ดิฉันสังเกตเห็นทุกคนตั้งใจฟังคนนี้พูดอย่างทึ่ง ดิฉันเองก็ทึ่งที่เขากล้าทำ ทำบุญชนิดปิดบัญชีไม่ได้ทำง่ายๆแต่เขาทำได้ มีบางคนคุยกับดิฉันว่าอยากทำให้ได้อย่างคนนี้แต่เขารายได้น้อยไม่รู้ว่าเมื่อไรจะบริจาคได้อย่างนี้ ดิฉันก็บอกว่าทำบุญทำทานอย่าให้เดือดร้อนตัวเองและผู้อื่น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่วัดนี้ไม่ได้พูดอย่างดิฉันพูด มีแต่สอนเน้นๆว่าให้ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดเจดีย์ หรือทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชี ทำให้ดิฉันเป็นห่วงคนวัดบางคนที่ถ้าปิดบัญชีไปแล้วจะทำให้เดือดร้อนกันไปใหญ่ จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:07:25

ความคิดเห็นที่ 40 มาคัณฑิยสูตร [๒๘๗] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งพระอุทานนี้ในเวลานั้นว่า      ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง  นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง บรรดาทางทั้งหลายอันให้ถึงอมตธรรม ทางมีองค์แปดเป็นทางอันเกษม. จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:11:36

ความคิดเห็นที่ 41 คุณกรรไกรไม่มาตามนัดฮิ จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:21:36

ความคิดเห็นที่ 42 จริงๆแล้ว.. ถ้าจะมองอีกแง่ ธรรมกายก็พาคุณไปสวรรค์ได้นะครับ เพราะการที่คุณทำบุญจนหมดตัวเนี่ย ตอนก่อนตาย แน่นอนว่าคุณต้องระลึกถึงบุญนี้ออกกันบ้างแหล่ะน่า เสี้ยววินาทีนั้น มันจะทำให้คุณไปสวรรค์ ก่อนจะเสวยสุขหมด .. แล้วก็ร่วงลงมาเหมือนเดิม - -" เราๆท่านๆก็ปฏิบัติในแนวที่ถูกไป ไม่ต้องไปว่าเค้าหรอกครับ ผิดใจกันเปล่าๆ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งบนดวงดาวสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:21:42

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเคยเห็นในช่องทีวีของเขา ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมเวลาเจ้าสำนักพูดอะไรออกมา ต้องมีลูกคู่คอยหัวเราะ คอยรับ คอยส่งกันตลอดเวลา มันดูตลกมากเลย เหมือนรายการทีวี เกมส์โชว์ที่จ้างคนมาหัวเราะดังๆ เพื่อให้ดูสนุก  แต่ผมไม่เห็นว่าจะสนุกตรงไหน มันเฟื่อน มันฝืดสุดๆเลย  ผมก็ไม่เข้าใจว่า ใครนะที่ฟังอยู่ได้  พูดก็เหมือนอมอะไรอยู่  แล้วมีจ๊ะจ๋า  ผมเห็นแล้วก็คิดว่า สิ่งนี้หรือที่จะนำคนไปสวรรค์  ในสวรรค์มีแต่คนแบบนี้หรือ   แล้วคนจนต้องไปนรกหรือ ? ในสวรรค์มีแต่คนรวยหรือ? จากคุณ : ดับเบิ้ลเอ็ม เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:25:56

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้ามีใครช่วยไปแปะที่เวปบอร์ดในDMC บ้างก็ดี อยากรู้ว่าคนในเวปบอร์ดที่เคยไปปฏิบัติธรรม ตามรีสอร์ทของวัด  จะมีมุมมองกันอย่างไรบ้าง จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:29:11

ความคิดเห็นที่ 45 วิธีที่ได้ผล    ยุคนี้ใช้การสร้างวัตถุให้อลังการที่สุดเป็นตัวล่่อ จะได้มวลชนมากกว่าวิธีอื่น แสงสีอลังการ์ ดุจ แมงเม่าพากันบินเข้ากองไฟ สมเด็จโตบอกว่า......ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่อยู่ที่ ของใหญ่ๆ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 22:14:29

ความคิดเห็นที่ 46 ยังกะธุระกิจ ขายตรง จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 22:54:26

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเชื่อเจ้าของกระทู้นะครับ เพราะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วเหมือนกัน ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดเจดีย์ ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชี รวยเร็ว รวยแรง รวยรวด รวยโคตรๆ เออหนอ ทำไปได้ เพลียหัวใจกับลัทธินี้จริงๆ #42 ไม่แน่หรอกครับ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครกำหนดได้ ทำนายได้ ว่าตอนสิ้นใจจิตระลึกถึงสิ่งใด ระลึกถึงกรรมอันใด และกรรมใดจะนำเราไปเกิด เราทุกคนสร้างกรรมกันมานับชาติไม่ถ้วน มีกรรมใดวิบากใดรอให้ผลอยู่ รอให้ผลตอนสิ้นใจ อันจะเป็นสิ่งที่กำหนดแดนเกิดของเรา พระพุทธเจ้าท่านจึงว่า ให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตให้ผ่องใส เมื่อทำสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ จะเกิดเป็นความคุ้นเคยจนเป็นอุปนิสัย เวลาจะสิ้นใจ แนวโน้มของจิตก่อนสิ้นใจจะน้อมนำไปสู่กุศลกรรมนั้น และด้วยกุศลกรรมที่ทำไว้ ก็ชักนำไปเกิดในสุขคติภูมิได้ ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดเจดีย์ ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชี ทำบุญให้หมดตัวกันไปเล้ยยย เอ้า เฮ.. หวังบิ๊กบุญ บุญโคตรๆ เหมือนทุ่มเงินซื้อหวยกะเอารวยทีเดียว จะเจ๊งเอานะครับ เอาเงินไปทำบุญหมด ครอบครัวลูกหลานเดือดร้อน ตัวเองก็เดือดร้อน ก่อนตายจิตเศร้าหมองก็ไปเกิดอบายภูมิ ไม่ได้ไปสวรรค์นะครับ #43 เขามีคณะลูกคู่คอยรับจริงๆครับ ตอนที่ผมไปที่วัดธรรมกาย พอลูกพี่ไชยบูลย์พูดคำ เหล่าบรรดาลูกคู่ก็ขานรับ สาธุ สาธุ.. ยังกะในหนังกำลังภายใน ทำเสียงแปลกๆไม่เหมือนมนุษย์มนาทั่วไปด้วยนะ ทำนองว่าฮึกเหิมเพิ่มบารมี เอากะเขาสิ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 23:23:22

ความคิดเห็นที่ 48 ไอ้การเพ่งมองลูกแก้วให้เกิดความสุขนี่  ผมมองว่าเป็นแค่ปฐมญาณ มันจะสามารถพาเราไปสู่นิพพานได้อย่างไร   ความเห็นส่วนตัวครับ จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 00:59:26

ความคิดเห็นที่ 49 เชื่อจขกทค่ะ เพราะว่ามีเพื่อนแม่ยึดติดสำนักนี้มาก แล้วตัวเองก็ไม่ได้มีเงิน แต่ก็เข้าข่ายมีเท่าไหร่ให้หมด ยังมาชักชวนคนอื่นเสียตังด้วย เน้นเรื่อง"ผล"ที่ว่าจะรวยจริงๆค่ะ - -" ทำบุญหวังผลกันมากมาย จากคุณ : azur เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 01:36:02

ความคิดเห็นที่ 50 จขกท มีหลักฐานเป็นภาพหรือวิดีโอไหมครับ ช่วยคนจากมิจฉาทิฏฐินี่ กุศลแรงนะครับ :) จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 07:38:57

ความคิดเห็นที่ 51 แต่พระที่เทศน์นั้นล้วนฉลาดและเก่งๆทุกองค์ บางองค์เป็นด็อกเตอร์ด้วย ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าท่านเห็นดีเห็นชอบกับการสอนอย่างนี้ได้อย่างไร หรือว่าท่านสอนถูกแล้วดิฉันคิดผิด ชักจะสับสนแล้ว ถ้าเจ้าของกระทู้แน่ใจแล้วว่าความคิดตัวเองถูก ทำไมไม่ขอถามตามตรงกับพระอาจารย์ไปเลยล่ะ ลักษณะแบบปุจฉา-วิปัสนา จะได้รู้ว่าที่ท่านเทศน์หรือพูดมา มีความหมายหรือบริบทอย่างไร อย่างน้อย คุณก็จะได้รับความกระจ่าง หรือหากคุณเห็นแย้งกับท่าน ก็ขอให้ท่านได้เมตตาอธิบายในส่วนที่เป็นความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งดูแล้วทำให้ดูว่าคุณมีภูมิปัญญากว่าการมาโพสท์แบบนี้เยอะเลย พระอาจารย์ที่คุณกล่าวถึง ท่านรักษาศีล 227 ข้อ และภูมิรู้ภูมิรรมก็มีมากกว่าพวกเราแน่ ๆ การมาโพสท์จาบจ้วงพระสงฆ์หรือเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้จาบจ้วง ก็ล้วนแต่เป็นการสร้างทางมาแห่งวิบากกรรมให้ตัวเองทั้งนั้น มาโพสท์แบบนี้ แค่สนองอารมณ์ความไม่พอใจของตัวเองแท้ ๆ แค่อยากจะหาพวกที่เห็นพ้องกับคุณ แล้วแน่ใจเหรอว่าความเห็นของคนที่คุณไม่รู้จักในนี้ จะทำให้คุณรู้จริงมากขึ้น หรือมีปัญญามากขึ้น มีพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า "คนนั่งนิ่ง เขาก็นินทา คนพูดมาก เขาก็นินทา แม้แต่คนพูดพอประมาณ เขาก็นินทา คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก" "ผู้มีภูมิปัญญาย่อมไม่พูดพล่อยๆ เพราะเหตุแห่งคนอื่นหรือตนเอง ผู้นั้นย่อมมีผู้บูชา ในท่ามกลางชุมชน ภายหลังเขาย่อมไปสู่สุคติ" หากคุณสนใจเรื่อง "นิพานัง ปรมัง สุขัง" ดิฉันเคยมีทำกระทู้ไว้นานแล้ว ในชื่อกระทู้ว่า "+ + + + นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า นิพพานเป็นบรมธรรม + + + + + " ลองติดตามดูนะคะ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/05/Y9244821/Y9244821.html ไม่ว่าคุณจะสนใจปฏิบัติสายใดก็ตามก็ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 09:55:13 จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 09:54:47

ความคิดเห็นที่ 52 คิดเหมือนกันกับคุณ ฮิมาวาริซซังเลย  ใครหาได้ นำมาแสดง เพื่อช่วยคุณ pa-o-toi-uan  หน่อยนะคะ คลิปอื่นก็ได้มีมีเนื้อความลักษณะเดียวกัน ถ้าคุณpa-o-toi-uan   เกิดคิดได้ เปลี่ยนทิฏฐิได้ ก็อย่าซ้ำเติมนะคะ จากคุณ : เอิงเอย เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 10:12:02

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าเป็นพระในวัดนี้ ผมไม่ไปนั่งปุจฉา วิสัชนา ด้วยหรอก จะโดนลูกศิษย์เหยียบเอา แล้วก็ไม่คิดว่าท่านจะสละเวลาปฏิบัติธรรมมาเสวนากับคนปิดหูปิดตาอย่างผมหรอกครับ :D จากคุณ : monboy01 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 13:10:04

ความคิดเห็นที่ 54 เคยเห็นทีวีช่องวัดนี้ เขามีทำบุญแล้วจับรางวัล ได้เงินได้ของ ด้วยหรอครับ  ? จากคุณ : นาฬิกาปลาดาว เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 14:02:22

ความคิดเห็นที่ 55 ลูกศิษธรรมกายโง่งมงายจริงๆ เชื่อ จขกท ไม่ต้องถามหาหลักฐานหรอกรู้ๆกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 15:02:48 จากคุณ : gaylove เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 14:37:43

ความคิดเห็นที่ 56   ความคิดเห็นที่ 50 MsgStatus(Msv[50], 50); จขกท มีหลักฐานเป็นภาพหรือวิดีโอไหมครับ ช่วยคนจากมิจฉาทิฏฐินี่ กุศลแรงนะครับ :) จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 07:38   ความคิดเห็นที่ 52 MsgStatus(Msv[52], 52); คิดเหมือนกันกับคุณ ฮิมาวาริซซังเลย  ใครหาได้ นำมาแสดง เพื่อช่วยคุณ pa-o-toi-uan  หน่อยนะคะ คลิปอื่นก็ได้มีมีเนื้อความลักษณะเดียวกัน ถ้าคุณpa-o-toi-uan   เกิดคิดได้ เปลี่ยนทิฏฐิได้ ก็อย่าซ้ำเติมนะคะ ^^^^ CONFIRM ให้อีกที ถ้าใครก็ตามพิสูจน์ได้ว่า มีพระอาจารย์ของวัดพระธรรมกายถามศิษย์วัดว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ และลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ ใครที่พิสูจน์ได้ว่า พระอาจารย์ของวัดพระธรรมกายสอนแบบนี้จริง ระบุชื่อมาได้เลย เดี๋ยวไปคุยต่อให้ นอกจากจะออกจากวัดฯแล้ว ยินดีมอบเงินให้อีก 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ลงไว้ให้เป็นหลักฐาน ไม่เช่นนั้น จะถือว่า ข้อความ ที่พระอาจารย์พูดตามที่ขีดเส้นใต้นี้ สร้างเอง โกหก และใส่ความวัดฯ  ปล. แล้วถ้าข้อความนี้ โกหก  จขกท. และผู้เชียร์ มีอะไรจะรับผิดชอบบ้างหรือไม่จ๊ะ.....     จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 14:40:41

ความคิดเห็นที่ 57 คุณPa-o-toi-uan และคุณรัตนมาลี เสียดายที่ดิฉันไม่ได้ตั้งใจไปจับผิดจุุึงไม่ได้ถ่ายวิดีโอไว้ แต่ถึงเตรียมจับผิด ดิฉันก็ไม่มีเครื่องถ่าย แม้แต่โทรศัพท์ของดิฉันก็ไม่มีตัวถ่ายคลิป ได้แต่ฟังแล้วมาเล่าต่อ วันนั้น มีดิฉันตอบอยู่คนเดียวว่าพระพุทธเจ้า ส่วนทุกคนตอบว่าหลวงพ่อธัมมชัยโย และพระที่ถามองค์นั้นท่านก็สนับสนุนอีกครั้ง ไม่มีหลักฐาน ไม่เชื่อไม่เป็นไร จะให้จุดธูปสามบานหรือเผชิญหน้ากับทุกคนในวันนั้นอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความจริงก็ได้ ดิฉันเชื่อว่าจะมีศิษย์วัดพระธรรมกายที่รักษาศีลดีไม่มุสายอมรับว่าตัวเองได้พูดอยู่หลายคนหรืออาจเป็นทุกคน เพราะพวกเขาเกือบทั้งหมดก็ถือศีล 5 เคร่งครัดเหมือนดิฉันเช่นกัน ดิฉันไม่มุสาสามารถจุดธูปสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ว่าดิฉันได้ยินอย่างนั้นจริงๆ ถึงได้มาตั้งกระทู้นี้ เพราะดิฉันเคารพนับถือพระพุทธเจ้า ดิฉันไม่ได้รังเกียจคนวัดพระธรรมกาย ตรงข้ามดิฉันรู้สึกชอบอุปนิสัยของพวกเพื่อนๆด้วยซ้ำ ทุกคนมีกริยาน่าคบ พูดจาอ่อนหวาน ยิ้มได้ทั้งวัน เป็นกันเองตลอดเวลา แต่คำสอนแบบนี้ดิฉันเป็นห่วงพวกเพื่อนๆคนวัดว่าจะหลงทางไปกันใหญ่ ถ้าใครต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่โตและจะเอาเรื่องดิฉันให้เข็ดหลาบจริงๆ ก็ให้ทุกคนในวันนั้นในห้องนั้นพร้อมใจกันจุดธูปสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพระที่เทศน์วันนั้น(เสียดายจำชื่อไม่ได้และไม่ได้คิดจะจำเพราะไม่ได้ตั้งใจไปจับผิดแค่เป็นห่วงเพื่อนๆเท่านั้น)และคนวัดทุกคนที่พูดว่าหลวงพ่อพระธัมมชัยโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ และถ้าทุกคนยอมทำตาม ดิฉันก็ยินดีทำเช่นกัน  จากนั้นก็ให้ทุกคนรับผิดชอบในคำสาบานนั้น ไม่ว่าจะเกิดผลอะไรก็รับกันไปเอง ไม่มีการสาบานกล่าวออกมาแล้วแอบขอขมาที่มุสาอยู่ในใจ ถ้าแอบขอขมาในใจถือว่าการขอขมาในใจเป็นโมฆะ ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมจะดีกว่า ตกลงไหม ถ้าดิฉันจะเดือดร้อนเพราะทุกคนในวันนั้นต่างพากันไม่ยอมรับว่าได้พูดออกไป และพระในวันนั้นก็ไม่ยอมรับเช่นกัน ดิฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ ดิฉันก็คงต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองแต่ผู้เดียว ซึ่งอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คนพูดอะไรอย่างนั้นออกไปย่อมจำคำพูดของตัวเองได้แน่นอน ถ้าเกิดจำไม่ได้แล้วไม่ยอมรับว่าพูดก็ถือว่าเขาไม่ผิดก็แล้วกัน ส่วนดิฉันนั้นจำได้แม่นยำ คำทุกคำไม่มุสา จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 15:30:25

ความคิดเห็นที่ 58 ที่ดิฉันโพสต์กระทู้นี้ก็มีแต่เจตนาดี ไม่อยากให้พระท่านเทศน์หรือบอกคนแบบนี้ ยุคของพระพุทธเจ้าโคตมยังไม่สิ้นสุดเลยจะมีใครยิ่งใหญ่กว่าพระองค์ได้ในสามภพ ถ้าจะยิ่งใหญ่ก็ต้องต่อคิวอีกยาวนานมากๆๆๆๆๆเพราะผู้ที่อธิษฐานจิตเป็นพระพุทธเจ้ายังมีอีกหลายพระองค์อย่างน้อยที่รู้ๆกันอยู่ก็มี 10 พระองค์ ซึ่งองค์ถัดไปจากพระพุทธเจ้าโคตมคือพระศรีอริยเมตไตรย องค์ถัดไปอีกคือพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯลฯ ถ้าสิ่งที่ดิฉันโพสต์ในกระทู้นี้ไม่เป็นความจริง ก็ขอให้ดิฉันอย่าได้มีปัญญาบรรลุพระนิพพานอย่างที่ตั้งใจไว้เลย แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 11:37:29 จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 15:51:04

ความคิดเห็นที่ 59 ^^^ เรียน จขกท ด้วยความเคารพ ขอชี้แจงดังนี้ หากท่าน จขกท ยืนยันตามนั้น จึงมีความจำเป็นที่อยากให้ช่วย ยืนยันข้อเท็จจริง (แต่ จขกท. ไม่มีหลักฐาน ก็ไม่เป็นไร ขอให้ผ่านไปแล้วกัน)   เนื่องจาก 1.ข้าพเจ้าคือ ส่วนหนึ่งของวัดฯ ที่ทราบถึงกฎระเบียบต่างๆของวัดฯ และแจ้งให้ท่านทราบว่า การนับถือพระรัตนตรัยอย่างสูงสุดเป็นสิ่งที่วัดฯปลูกฝังศิษย์ทุกคนตั้งแต่เริ่มสร้างวัด รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การเทศนาสอน ทั้งในวัด นอกวัด ซึ่งพระอาจารย์ทุกท่าน ต้องผ่านการฝึกฝนอบรมมาก่อน และหากมีพระอาจารย์ท่านใด ที่ถามศิษย์ตามข้อความดังกล่าว ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของวัดฯ และเป็นการสอนผิดเพี้ยน ผิดวัตถุ ประสงค์อย่างร้ายแรง 2.ในการขอให้ท่าน ยืนยัน ไม่ใช่เพื่อการจับผิดท่าน หรือคิดในทางลบ แต่อย่างใด เพียงแต่ เป็นการขอความร่วมมือ จากท่าน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อไป 3.ทั้งนี้ ในเบื้องต้น จะได้ทำการสอบถามข้อมูล ในช่วงเวลา ดังกล่าวจาก หน่วยงานที่ "ภูวนาลี" เขาใหญ่อีกครั้ง ท้ายนี้ ตั้งแต่เริ่มมีหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ไม่เคยมีการสอนหรือสนับสนุนแนวคิด ว่าหลวงพ่อ หรือใคร และจะมีสิ่งใด เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด นอกจากพระรัตนตรัยเพียงเท่านั้น จึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญหากจะมีการสอนที่สวนทางแบบนี้ ปล.กราบขออภัย จขกท. หากสร้างความลำบากใจ ประการใด ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้แก้ไข ข้อบกพร่อง ในโครงการปฏิบัติธรรม นอกสถานที่ต่อไป กราบขอบพระคุณ จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:27:37

ความคิดเห็นที่ 60 เอาเงินแสนมาล่อ เป็นลัทธิที่ดำเนินชีวิตด้วยโลภะจริง ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายเอาความจริงมาบอกโดยผมเชื่อว่า เขาไม่ได้ต้องการเงินตอบแทนอะไร จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:34:13

ความคิดเห็นที่ 61 ศาสนาพุทธ มีพระรัตนตรัย  คือ แก้วสามประการ แต่แก้วดวงหนึ่ง กำลังจะ ถูกสับเปลี่ยน พูดตรงเกินไป บางคนอาจจะรับไม่ได้ เอาเท่านี้ ละกันครับ v v http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10449531/X10449531.html #10-15  + #31 --- http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10426410/Y10426410.html จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:37:26

ความคิดเห็นที่ 62 เรียน ความคิดเห็นที่ 60 หาใช่ไม่...เจตนาเพื่อให้ช่วยกันพิสูจน์ ไม่ใช่ให้คิดอกุศลแบบนั้น... หากแต่ว่า ทางเราเชื่อมั่นใน กฏเกณฑ์และมาตรฐานของวัดฯ จึงมั่นใจว่า ต่อให้เป็นล้านก็ไม่มีใครได้อยู่แล้ว.... แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 16:45:37 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:43:37

ความคิดเห็นที่ 63 #38 ดอกเตอร์ PhD หรือ ดอกเตอร์ MD ก็ไม่ได้แปลว่าคนผู้นั้นจะฉลาดค่ะ ถึงมันจะแสดงว่าเค้าน่าจะมีกระบวนความคิดที่ดีแต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปโดยเฉพาะถ้าไม่ใช่เรื่องที่เค้าศึกษามา เพราะดอกเตอร์ได้มาเนื่องจากความเชี่ยวชาญเจาะลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะเวลาเห็นดอกเตอร์ทำตัวแปลกๆหรือเชื่ออะไรแปลกๆค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:46:43

ความคิดเห็นที่ 64 เพิ่มเติมจาก... #61   วิธี และ ขั้นตอน การเปลี่ยน ก็คือ เปลี่ยนดวงที่ 3 ก่อน   แล้วก็ค่อยเปลี่ยน ดวงที่ 2 ซึ่งต้องอาศัยดวงที่ 3 จากนั้น ก็สามารถเปลี่ยนดวงที่ 1 ที่ต้องอาศัยดวงที่ 2 และ ดวงที่ 3   v v   เชื่อหรือไม่  ใช่หรือเปล่า   ก็ขอให้ใช้ สติ และ ปัญญา ไตร่ตรองกัน ตามกำลังของแต่ละท่านเอง ละกันครับ ... แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 16:50:01 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:48:04

ความคิดเห็นที่ 65 โลภะมันยืนพื้นอยู่มานาน คงมองไม่เห็น แต่มันแสดงออกทางคำพูดต่าง ๆของคุณ ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องมีอามิสมาล่อตลอด จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 17:19:03

ความคิดเห็นที่ 66 ความตระนี่ เนี่ยร้ายนะ ถ้าได้ยินคำว่าให้เสียทรัพย์ โทสมูลจิตก็จะส่งความร้อนเผาใจเลย ในนี้ก็โดนเผาไปหลายคนแล้วแหละทั้งๆๆที่ยังไม่ได้จ่ายตังค์เลย   พระท่านพูดอย่างนั้น  เชื่อเถอะน้อยคนมากที่จะทำอย่างนั้นร้อยละไม่ถึงห้า ส่วนมากก็รักตัวเองทั้งนั้น     ใครทำได้ผมนับถือใจ  โอกาสจะบวชตลอดชีวิตมีสูง  และจะได้ไปนิพานก็สูงตามไปด้วย  อย่าลืมจะไปนิพพานต้องสละได้แม้ชีวิต  ลูกเมีย   แค่หาความรู้ทางธรรมเพื่อความสบายใจ  ไว้อวดเพื่อนไปนิพพานไม่ได้หรอก ต้อง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา   อยากรวย ก็ต้องทำบุญเยอะๆ แล้วก็ต้องทำงานเยอะๆด้วยบุญทำให้ประสพผลสำเร็จเงินคืองาน งานคือเงิน    ถ้าทำบุญเยอะๆๆแต่ไม่ทำงาน แสดงว่าต้องการแต่บุญ ไม่ต้องการเงิน ถ้าจนก็อย่าโทษกัน จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 17:47:29

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นความโชคดีของชาวพุทธที่จขกท เข้าไปในวังวนการสอนแบบนี้แต่มีสติระลึกได้ไม่เห็นชอบด้วยในคำพูดนั้น และนำข้อมูลมาเผยแผ่ เราสงสารแต่คนที่เข้าไปแล้วไม่รู้ไม่เข้าใจไม่มีสติ ก็จมอยู่ใต้บาดาลนั้น เราเชื่อว่าคนที่ศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์จะสามารถเข้าใจและไม่ศรัทธาในวัดนี้ แต่ก่อนไม่เคยโพสต์เกี่ยวกับวัดนี้เพราะข้อมูลน้อย แต่ได้ยินกิตติศัทท์ เรื่องการซื้อบุญแต่นั้นไม่ใช่แนวทางของเราเพราะเป็นการสร้างความโลภ ทำบุญหวังผล ไม่ใช่คำว่าทำทาน หรือการให้อย่างแท้จริง ก้อเลยไม่สนใจวัดนี้ แต่ก็มาพบข้อมูลการเผยแผ่และวิธีปฎิบัติของที่นี้ในพันทิป ซึ่งบางกระทู้ข้อมูลดีมากทั้งภาพ และการเปรียบเทียบอย่างเช่นการสร้างพระธรรมกายประจำตัวที่ไม่เป็นดังมหาปุริสลักษณะ และบอกว่าเป็นวัตถุเชื่อมใจชาวพุทธสู่พระพุทธองค์ดังโฆษณา หลังจากนั้นก็โหมโปรโมต อานุภาพของพระธรรมกายประจำตัวว่าส่งผลบุญแรงและเร็วคลายทุกข์ชนัก แก่ผู้สร้างและนำมาซึ่งความร่ำรวยเชิญชวนคนอื่นให้สร้างตามและที่บุญหนักๆที่ได้รับนี้สร้างหลายๆ องค์ทั้งนั้น โปรโมตขายบุญกันอย่างโจงครึ้ม แถมเชิญชวนกันให้มาสร้างจะได้บุญแบบนี้บ้าง ไม่รู้กรมการศาสนาทำอะไรอยู่วัดในพระพุทธศาสนา ขายบุญกันโจงครึ้ม ข้อมูลพร้อมศัพท์ ก็คงต้องบอกกับคนที่เขาทำบุญไปแล้ว ถ้าไม่ได้บุญแรงๆเนี้ย คงต้องฟ้อง สคบ แทนละมั้ง หลอกลวงผู้บริโภค     ต้อง ขอบคุณ จขกท ที่มาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อชาวพุทธมาเผยแผ่ เราขออนุญาตโพสต์ที่เราตั้งไว้ในกระทู้มาในกระทู้ของคุณด้วย รอคนของวัดธรรมกายมาตอบเพราะท่านว่าวัดเคร่งครัดปฎิบัติตามคำสอนของศาสดาละก้อไม่น่าจะหาคำตอบมาตอบคำถามได้ยาก ทำอย่างไรจะรวบรวมกระทู้ทั้งหมดของวัดธรรมกายในทุกเรื่องที่ชาวพุทธพบเจอมาแล้วร้องถามกรมการศาสนาว่า ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10525515/Y10525515.html จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 17:54:35

ความคิดเห็นที่ 68 ขอเสนอความเห็นแย้งกับ คห. 67 เป็นความโชคร้ายของคนที่อ่านแล้วเชื่อ จขกท. ทุกคำที่พิมพ์ต่างหากล่ะ เพราะคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าของกระทู้จำได้หมดทุกคำพูด หรือแม้แต่การทำความเข้าใจกับสิ่งที่ฟัง   การจัดปฏิบัติธรรมกลุ่มเล็ก ๆ แบบนี้ ถือเป็นกิจกรรมแบบกลุ่มส่วนตัว การได้รับเชิญไป ถือเป็นเกียรติ และยิ่งถ้าเขาปฏิบัติดีกับ จขกท. ด้วยแล้ว แต่ จขกท. นำสิ่งที่คุณเข้าใจผิดมาเผยแผ่ ก็เท่ากับว่าคุณเสียมารยาทจริง ๆ แทนที่จะได้บุญ... ก็ได้.......แทน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 18:04:46 จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:04:29

ความคิดเห็นที่ 69 http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=17946 จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:12:25

ความคิดเห็นที่ 70 ทำไมเจ้าชายสิทธถะ เป็นถึงลูกกษัตริย์ แล้วต้องได้ครองราชสมบัติอีก รวยมหาศาล  ท่านยังละสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด  แล้วแสวงหาที่สุดของทุกข์ จนค้นพบ ความจริงอันประเสริฐ อริยะสัจ 4  แต่ธรรมกาย  สอนให้ทำบุญ  จะได้รวย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   จริง ๆ การให้ทาน  เป็นการกระทำทางอ้อมเพื่อให้จิต  สามรถลดความตะหนี่  แล้วก็ละของหยาบ ๆ ได้  แล้วถึงจะละของที่ละเอียดเข้าไปอีก   ปล่อยวางอารมณ์ ต่าง ๆ   ไม่ใช่  รวย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:21:11

ความคิดเห็นที่ 71 ญาติเราหลงงมงาย  บริจาคไปล้านนึง เจ้าลัทธิมาถึงบ้านเลย ---- น้องชายเพื่อน จบวิศวะ กู่ไม่กลับ ไปเป็นทาสอยู่ข้างใน ทำงานหาเงินให้เค้าฟรี ---- พี่ชายเพื่อนโดนหลอกไปเข้าวัด จนเรียนหมอไม่จบเสียดายมาก ---- เคยมีพี่เภสัช ทั้งอ้อนวอนทั้งตื๊อให้ไปวัดนี้ เเล้วก็มีน้องๆทันตะน้องเภสัช มาอ้อนวอนเราเป็นเทอมๆ สงสารแล้วก็เกรงใจ พี่เค้านิสัยดี เเล้วก็ดีกับเรามาก เเล้วก็อยากรู้อยากเห็นเลยลองตามไปดู วันนั้นนั่งรถบัสไปกันเป็นขบวน เราเจอเเจ๊กพอต มีใครที่คงเกลียดวัดนี้ ยิงปืนขึ้นมาบนรถ กระสุนเจาะกระจกเป็นรูกลมดิก ห่างหัวเราขึ้นไปฟุตเดียว เราเห็นเราก็รู้เเล้วละว่า รอยกระสุน เเต่คนบนรถคงกลัวเราเเตกตื่นเลยบอกว่าเป็นรอยหนังสะติีก หนังสะติ๊ะเเป๊ะอะไรอะ  เจาะกระจกเป็นรูกลมดิกขนาดเท่าเหรียญอะ -_-" --- ไปที่วัด  เค้าให้ไปนั่งกันสองข้างทาง เเล้วก็จะมีคนที่บริจาคเยอะๆหลักล้านหลักสิบล้าน ได้เดินบนทางตรงกลางตามหลังเจ้าอาวาส พวกข้างล่างก็ต้องพนมมือไหว้กันเป็นฝักถั่ว เเล้วก็ต้องร้องเพลง ที่ทางวัดเเต่งสรรญเสริญอีตาคนนั้น เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามเสร็จสรรพ เนื้อร้องก็ประมาณ "คุณ....ท่านเป็นคนดีมีใจเมตตา   บลา บลา บลา" เเล้วก็มีนั่งสมาธิ  ตรงนี้เป็นการสะกดจิตชัดๆเลย พูดชี้นำด้วยน้ำเสียงเเบบยานคางสะกดจิต ให้มองเห็นภาพเป็นลูกเเก้ว เราก็จินตนาการเห็นสิ เล่นบรรยายว่ากลางตัวเหนือสะดือขึ้นมามีดวงเเก้วสว่างไสวอะไรประมาณนั้น รู้ทันหรอกน่า -- เสร็จเเล้วให้ออกไปยืนกันกลางเเดดร้อนเปรี้ยง พอยืนนานได้เวลาสมควร ก็ให้มองไปกลางเเดด เเล้วบอกว่าจะเห็นวงเเสงสว่าง  ซึ่งเป็นนิมิตมหัศจรรย์ ตอนนั้นอุทานในใจ ไอ้กร๊วกเอ๊ย นึกว่าตูโง่เหรอ ยืนกลางเเดดเปรี้ยงๆนานๆ  ตามันก็จะเห็นเเสงเเบบนั้นกลางเเดดเป็นเรื่องปกติ ------ เเล้วก็มีการพยายามชักนำให้สร้างพระประจำตัว เราบอกว่าไม่มีตังค์  ก็บอกว่าให้ผ่อนได้ด้วยนะ ผ่อนบุญ ....555+ มีหลายคนเเล้วละบริจาคจนหมดเนื้อหมดตัว ทะเลาะกันบ้านเเตกสาเเหรกขาด ----- เราพูดเเบบนี้สร้างศัตรูเยอะเเหงๆ เพราะวัดนี้คนนับถือเป็นล้าน เเต่ไม่เป็นไรหรอก อยากให้คนตาสว่างซักที พวกเหลือบศาสนา หากินกับความเชื่อความงมงายของคน Propraganda ชัดๆเลย จากคุณ : RoseTiara     เขียนเมื่อ : วันเนา 54 16:28:01 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:47:18

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่เป็นไร..เข้าใจน่ะ เข้าใจ.... ...ผ่านมา 40 ปีแล้ว... แต่ก็ยังรอให้มาพิสูจน์อยู่เสมอ.... จะวันนี้ พรุ่งนี้ มาได้ตลอด เรายินดีต้อนรับ และตอบทุกคำถามด้วยความยินดีและปราศจากความขุ่นเคืองในทุกคำถาม.... บอกหลายต่อหลายครั้ง จะให้ถึงแก่นต้องเข้ามาบวช หรือไม่ก็ต้องคลุกวงในกันนานๆ... ...นึกถึงสมัยปี 42-43 คณะชุดที่จะมาลุยกับวัดฯ(เห็นบิ๊กๆกันทั้งนั้น) มาดูกันตั้งแต่กุฏิพระ ยันใต้ถุนโบสถ....อยากให้ท่านมาแบบนั้นบ้าง อย่ามัวแต่ฟุตเวิร์ค....ของจริงอยู่ในวัดฯ ไม่ใช่บนจอคอมฯ นะจ๊ะ.... จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 19:14:43

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่เยศรัทธาวัดนี้เลย ไม่กล้าเข้าไปเหยียบย่ำเลยด้วยซ้ำ กลัวหมดตัวจริงๆ วัดในบ้าน สวดมนต์ในห้องพระ ทำตนเป็นคนดีตามหลักคำสอน ไม่ต้องสาดเงินทองซื้อบุญ ทำดีกับพ่อแม่แทนคุณ บุญก็มากมายแล้ว เจ้าสำนักก็แต่งหน้าทาปาก ดูไม่งามเลยน่ะ น่ะจ๊ะ จ๊าจ๊ะ จากคุณ : joomzaza1 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 19:28:18

ความคิดเห็นที่ 74 เจ้าสำนักทำเลเซอร์หรือใช้เครื่องสำอางค์เเน่นอนค่ะ คิดดูตอนเราเด็กๆ สิบปีที่เเล้ว  ผิวก็อย่างงี้ ผ่านมาสิบปี ผิวใสเหมือนเดิมเป๊ะ  รอยเหี่ยวรอยย่นไม่มีเลย ผิวคนนะ ไม่ใช่หนังกลอง ----- ใครบอกว่าไม่เคยสัมผัสเราไปมาเเล้ว อีกที่คือที่บ้านเศรษฐีคนนึงเเล้วพระพวกนี้มาเทศน์ น้องคณะเค้าก็คะยั้นคะยอให้ไป เราเกรงใจก็เลยไป บอกได้เลยว่าไถแต่ตังค์  ตอนนั้นเราเรียนอยู่นะ เเต่จะเอาเป็นหมื่นเลยนะ  เราบอกไม่มี ยังบอกให้เราผ่อนเลยนะ เราเลยตอกซะหน้าหงายเลยอะ จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 19:34:17

ความคิดเห็นที่ 75 สุดยอดเลย  คุณ   RoseTiara  ...  มีเรื่องเล่าอะไรดีๆ  รีบถ่ายทอดออกมาอีก ๆๆ   อยากฟังๆๆ.. ฮ่าๆๆ จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 20:46:28

ความคิดเห็นที่ 76 คุณ   RoseTiara เจอเหมือนกันเลย สองทุ่มกว่า พระโทรมาหาดิฉัน ชวนสร้างพระประจำตัวประดับจานบินองค์ละหมื่น ไม่รู้ได้เบอร์มาจากใคร พูดโน้มน้าวเซ้าซี้อยู่เป็นชั่วโมง บอกว่าตังค์ไม่มีไม่เป็นไรให้ผ่อนได้ ท่านใช้คำว่า "ทะยอยบุญ" เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินศัพท์คำนี้   เพื่อนเล่าให้ฟังทำงานอยู่บริษัทออกแบบ เคยถูกเรียกไปทำสปาส่วนตัวให้ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามภพ ไว้อาบน้ำนมแช่น้ำแร่ให้ผิวผ่องมีออร่า จากคุณ : lovely beagle เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:32:52

ความคิดเห็นที่ 77 คุณรัตนมาลี คหที่68 ตามที่จขกท บอกในความคิดเห็นที่ 58     วันที่ 7-10 เดือนหน้าเขาจะจัดอีก หัวละ 4,000 บาท ใครสนใจไปเข้าเวป Academy of life จัดทุกเดือนอยู่แล้ว แล้ว คหที่ 69   จากคุณ : 5tik (5tik) ยกรายละเอียดมาให้ดู อ่านในกระทู้แล้วต้องร้องว่า โอ้โห้ อือหือ ความรู้ใหม่สำหรับเราจริงๆ http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=17946 คหที่ 71+74 RoseTiara คุณเล่าได้เห็นภาพมากเลย เคยได้ยินทำบุญผ่อนส่งทำได้ที่วัดนี้ วันนี้ได้รับรู้จากคนที่มีประสบการณ์ตรงเลยนะเนี้ย คนธรรมกายเชื่อว่านรก สวรรค์มีจริง การที่เที่ยวใช้พุทธศาสนามาหาเงินเนี้ย อุ้ย อย่าบอกนะเงินที่เขาทั้งหลายบริจาคมาก็นำมาเพื่อทำนุบำรุงพระศาสนา ขนาดให้ทำบุญผ่อนส่งได้ด้วยนะ    ก็ขอให้หาคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสสอนให้พระสงฆ์ชักชวนให้ชาวบ้านทำบุญด้วยเงินเพื่อทำให้พระพุทธศาสนาตั้งอยู่    มาให้เป็นวิทยาทานความรู้หน่อยดิ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:34:26

ความคิดเห็นที่ 78 แถมอีกหน่อย ลูกค้าเล่าให้ฟัง ลูกค้าเป็นเอเย่นต์ขายนมอยู่จังหวัดปทุม คิดอยากทำบุญเลยเอานมของบริษัทตัวเองขับรถเองไปถวายวัด(เป็นคันรถ) สานุศิษย์จานบินมาต้อนรับ แต่พอรู้ว่าไม่ได้เอาเงินมาถวายแต่เอานมมาถวาย ท่าทีนอบน้อมยิ้มแย้มหายไปทันใด สลายตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครมาสนใจช่วยยกลังนมลงจากรถ ลูกค้าเลยต้องแบกหามเอง จากคุณ : lovely beagle เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:39:05

ความคิดเห็นที่ 79 เพื่อนเราก็ผ่อนส่งสร้างองค์พระ เดือนละ500บาท ผ่อนไป2ปี พี่งผ่อนจบเมื่อมีนา 54 นี้เอง แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 21:54:24 จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:45:04

ความคิดเห็นที่ 80 โอโห้กระทู้นี้ ได้ความรู้เยอะจริงๆ เรื่องจริงหรือนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ   จขกท มีเพื่อนมากมายที่ได้สัมผัสความสุดยอดของวัดนี้เช่นกัน จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 22:19:49

ความคิดเห็นที่ 81 จาก... http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=17946 ปฏิบัติธรรมภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วย "อุปกรณ์อำนวยกิเลส" มากมายขนาดนั้น...มันจะไปได้อะไรซักขนาดไหนกันเชียว จริงมั้ย? จากคุณ : นักศึกษาธรรมมะฝึกหัด (Arltenis) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 22:45:41

ความคิดเห็นที่ 82 ฮา  "อุปกรณ์อำนวยกิเลส" เอ เห็นเม้นท์บนๆมีใครซักคนบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ใช่ไหม หวังว่าสืบสวนแล้วเรื่องคงไม่หายไปกับสายหมอก ได้ผลยังไงก็มารายงานให้ฟังบ้างนะ (แต่ก็สังหรใจ ว่าคงไม่ได้ข่าวอะไรเท่าไหร่ ) จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:06:34

ความคิดเห็นที่ 83 คห.51 ถามให้โดนลูกศิษย์รุมเหรอครับ เคยคุยกะเพื่อนเรื่องทำบุญนี่แหล่ะ ว่าทำไมถึงทุ่มทุนจนตัวเองเดือดร้อน ต้องมายืมเงินชาวบ้าน ยังทะเลาะกันไม่คุยกันเป็นอาทิตย์ -*- ไม่เคยไปแฮะ ลองมั่งดีกว่า เราคงไม่โดนสะกดจิตหรอกมั้ง -*- จากคุณ : THANODOM (THANODOM) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:22:44

ความคิดเห็นที่ 84 คนจริง คือ คนที่พูดจริง ทำจริง กระทำจริงในสิ่งที่ตนพูด ทั้งการกระทำยังทำให้ผู้อื่นได้นำความสุขแก่ผู้อื่น ของจริง คือ สิ่งที่คนจริงได้ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง ซึ่งจะยังประโยชน์ให้เกิดสิ่งที่ดีงามแก่คนหมู่มาก คนปลอม คือ คนที่พูดจริง แต่ไม่ทำ หรือพูดไม่จริง และไม่ทำ หรือพูดไม่จริง แตไปทำให้ผู้อื่นเดือดเนื้อร้อนใจในการกระทำของตนด้วย ของปลอม คือ สิ่งที่คนปลอมได้ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงหรือปลอม อีกทั้งทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยการโพทนา ป่าวประกาศในประสบการณ์ของตน ที่จริงบ้าง ปลอมบ้าง ก็นำมาใส่ไข่ผสมคละเคล้าด้วยจริต นิวรณ์ อคติ และกิเลส  .................................................................................. แม้ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ก็ยังตรัสว่า "  เอหิปัสสิโก (จงมาพิสูจน์เถิด ) " ทั้งๆ ที่ทุกคนก็ทราบดีว่าสิ่งนี้เท่านั้น สิ่งเดียวจริงๆ ที่ประเสริฐที่สุดในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ เป็นของจริงที่มาจากคนจริง ที่จะทำให้คนเดินดิน คนธรรมดา ไม่มีราคา ไม่มีคุณค่าใด กลายมาสู่ พระอริยบุคคลที่จะก้าวสู่พระนิพพาน แล้วนับประสาอะไรกับวัดเล็กๆ ไม่กี่พันไร่อย่างนี้ ดังนั้น " เอหิปัสสิโก " ก่อนจะดีกว่ามั้ย.. ถึงจะเชื่อ.. จากคุณ : ^^ (รักษาบรรยากาศ) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:37:56

ความคิดเห็นที่ 85 เรียนคุณpa-o-toi-uan คห 59 ดิฉันดีใจที่มีคนวัดที่มีเหตุผลอย่างคุณค่ะ การที่คุณกล่าวว่า  ...หากมีพระอาจารย์ท่านใด ที่ถามศิษย์ตามข้อความดังกล่าว ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของวัดฯ และเป็นการสอนผิดเพี้ยน ผิดวัตถุ ประสงค์อย่างร้ายแรง....ท้ายนี้ ตั้งแต่เริ่มมีหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ไม่เคยมีการสอนหรือสนับสนุนแนวคิด ว่าหลวงพ่อ หรือใคร และจะมีสิ่งใด เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด นอกจากพระรัตนตรัยเพียงเท่านั้น จึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญหากจะมีการสอนที่สวนทางแบบนี้ ซึ่งคุณpa-o-toi-uanเองก็ยังคิดได้ว่าการสอนว่าหลวงพ่อฯเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพเป็นการสอนผิดเพี้ยนและสวนทาง เนื่องจากหลวงพ่อไม่ได้ให้สอนเช่นนี้ ดิฉันเองก็ยังแปลกใจที่พระลูกศิษย์ของท่านกลับสอนอย่างนี้ และคนวัดในวันนั้นก็ตอบอย่างนี้ ซึ่งทำให้ดิฉันรับไม่ได้ต้องออกมาบอกเล่าสู่กันฟัง และดิฉันก็ไม่ได้โกรธเคืองคุณรัตนมาลีหรือศิษย์ของหลวงพ่อหลายคนที่จะไม่เชื่อคำที่ดิฉันเล่ามา เพราะว่ามันดูอวดอ้างและจาบจ้วงพระพุทธองค์อย่างชัดเจนแบบไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่ครองผ้าเหลืองพูดออกมาอย่างนั้น และพระที่พูดก็เป็นพระที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมจากวัดมาอย่างดีแล้ว แม้แต่ตัวดิฉันเองก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะดิฉันเป็นคนที่ตอบก่อนและตอบอยู่คนเดียวว่าพระพุทธเจ้า แต่ว่าดิฉันตอบผิด เกือบทุกคนในห้องนั้นตอบว่าหลวงพ่อพระธัมมชัยโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ และพระที่เทศน์ที่เป็นผู้ถามก็ได้กล่าวรับรองว่าถูกต้องแล้ว เอาเป็นว่าใครใคร่เชื่อก็เชื่อไป ใครไม่อยากเชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ อยากเชื่ออะไรก็เป็นสิทธิ์ของตัวท่าน ใครมุสาคนนั้นก็รับกรรมไป คุณรัตนมาลีคห 68 คุณคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง กระทู้นี้ไม่ได้ว่าอะไรคนวัด แต่กำลังบอกว่าพระสอนอย่างนี้ ดิฉันรับไม่ได้  คนวัดในทีมนั้นดีกับดิฉัน ดิฉันก็ดีกับเขาใช่หรือไม่ ที่ดิฉันเสี่ยงโพสต์กระทู้นี้ก็เพื่อที่คำสอนของพระจะได้ตรงทางทำให้เกิดสัมมาทิฐิเป็นผลดีกับคนวัด เพราะถ้ายังเชื่อว่าผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพคือพระธัมมชัยโยมันจะเป็นมิจฉาทิฐิ ไม่เป็นผลดีต่อคนวัดแน่นอน  และการที่บอกว่าดิฉันจำคำพูดไม่ได้ทุกคำ มันก็แน่นอนที่สุด ดิฉันจำไม่ได้หมดแต่ก็พอจะบอกเล่าในส่วนที่ดิฉันจำได้เท่านั้น มันเป็นแค่ 2-3ประโยคในหมื่นประโยค ขนาดแค่ไม่กี่ประโยคยังทำให้รู้ได้ว่าการสอนบิดเบือน และถ้าหากดิฉันจำได้หมดหรืออัดเทปเข้าไว้แล้วเอามาเปิดให้ฟัง คุณรัตนมาลีคิดว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าอยากรู้ว่าจริงหรือไม่ก็ลองติดตามไปร่วมโครงการดูสักครั้ง แล้วช่วยมาเล่าสู่กันฟังว่ามันเป็นอย่างไร อย่าแค่อ่านๆแล้วก็บอกว่าไม่เชื่อๆหาว่าดิฉันมุสาแต่ตัวเองไม่ขวนขวายไปพิสูจน์ดูให้ฟังกับหูให้้ดูกับตา โปรแกรมนี้หัวละแค่ 4,000 บาทเอง คุณรัตนมาลีคงจะไปได้ถ้าศรั่ทธาแรงกล้าน่าเลื่อมใส เพราะบางคนในทริปนี้เขามีเงินเดือนไม่กี่พันอยู่ต่างจังหวัดเขายังขวนขวายหาเงินมาร่วมบุญกับเพื่อนๆจนได้ คุณรัตนมาลีก็เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อมากน่าจะหาเวลาไปร่วมบุญกับเขาบ้าง รับรองคุ้มค่า อากาศดี อาหารอร่อย  แต่อย่าลืมเตรียมเงินสำรองเอาไว้หน่อยก็แล้วกันเพราะมีรายการบริจาคทำทานบารมีทุกวัน ที่ดินไร่ละ 5หมื่นเท่านั้น ถ้าซื้้อเกิน 10 ไร่จะได้เป็นประธานทอดผ้าป่านะถ้าจำไม่ผิด  อย่าไปนั่งเฉยๆโดยไม่ใส่ซองบริจาค มันดูไม่ค่อยดีค่ะ คนอื่นเขาแข่งกันบริจาค เราก็ศิษย์มีครูคนเดียวกับเขาคงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สุดท้าย ดิฉันอยากเรียนว่าตัวดิฉันรับไม่ได้กับคำพูดที่ว่าพระธัมมชัยโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ แล้วคุณรัตนมาลีรับได้หรือไม่ถ้าพระและคนวัดพูดอย่างนั้นจริงๆ และทุกวันนี้คนวัดคนอื่นๆเขาได้ยินเรื่องทำนองนี้กันกับหูแต่คุณรัตนมาลีไม่เคยได้ยินจึงเลยไม่เชื่อ หากคุณได้ยินกับหูได้รู้กับตา คุณจะทำอย่างไร จะศรัทธาต่อไปหรือไม่ดิฉันแค่อยากรู้ จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:51:21

ความคิดเห็นที่ 86 เรื่องที่คุณจิตพุทธเล่ามานั้น ส่วนตัวดิฉันเชื่อว่าส่วนจริงมีมาก ดิฉันไม่เคยได้ไปสูงสิงหรือรู้จักกับใครที่นับถือวัดธรรมกายเป็นส่วนตัว แต่ก็ได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการเรี่ยไรเงินเพื่อวัตถุนิยมเป็นประจำ เรื่องสอนผิดๆนี่เห็นด้วยกับคุณจิตรพุทธหลายอย่าง เช่นสอนให้คนเชื่อเรื่องไปสวรรค์นี่ ดิฉันบังเอิญได้ไปทำบุญกับพระรูปหนึ่งที่วัดทางเหนือ ท่านก็ได้รับการอุปถัมป์จากวัดธรรมกาย ท่านก็พูดเรื่องทำบุญแล้วไปสวรรค์ ดิฉันก็เคยบอกท่านไปว่าไปสวรรค์ก็เหมือนกับการไปฮอลิเดย์หมดบุญก็มาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปหรอกเสียเวลา ตายไปก็ขอมาเกิดเร็วๆเพื่อจะได้สะสมบุญให้ได้ไปนิพพานเร็วๆดีกว่า ทำไม วัดไม่สอนให้คนทำบุญเพื่อหวังไปนิพพานล่ะ ท่านไม่ตอบกลับเลยค่ะ แต่ส่วนดีเท่าที่เห็นวัดนี้เขาก็มีนะไม่ใช่ว่าไม่ดีไปเสียทั้งหมด เช่นได้เห็นเขาอุปถัมป์พระสงฆ์ ได้จัดโครงการณ์ดีๆหลายอย่างเพื่อสังคมเหมือนกัน เรื่องกดดันบริจาคเงินทำบุญนั้น ก็ในเมื่อเงินมันอยู่ในกระเป๋าตัวเองไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้ ไม่เคยได้ยินว่าวัดเขาบังคับหรือเอาปืนมาจี้ให้ทำเลยนะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:28:37

ความคิดเห็นที่ 87 ตอบช้าดีกว่าไม่ตอบ คห 51 คุณรัตนมาลีคะ ดิฉันก็อยากจะปุจฉา วิสัชชนากับพระทั้ง 4 ท่านนั้นเช่นกัน แต่ว่าดิฉันพิจารณาตัวเองแล้วว่าเข้าเข้าผิดวง  เป็นคนเดียวที่ไม่ใช่ศิษย์วัด เลยไม่กล้าถาม เพราะคนที่นั้นเขาก็รุมล้อมถามท่านแต่เรื่องของวิชาธรรมกายกันทั้งนั้น ไม่ใครเขาคุยเรื่องอริยสัจกัน ส่วนใหญ่มีปัญหาว่าทำไม่ได้ ทำเท่าไรมันก็ไม่เห็นดวงแก้วกับเขาสักที แม้แต่ป้าดิฉันปฏิบัติมา 30 ปีแล้วยังไม่เคยเห็นดวงอะไรเลยแม้แต่เท่าแสงหิ่งห้อยก็ยังไม่เคยเห็น  พระท่านก็ได้พยายามชี้แนะสอนสุดความสามารถว่าจะต้องทำใจใสๆทำตาปรือๆกำหนดอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นเรื่องของวิชาธรรมกายล้วนๆ หากดิฉันไปถามว่าทำไมท่านไม่สอนอริยสัจ 4 บ้าง ไม่สอนไตรลักษณ์บ้าง คนจะได้ไม่ประมาทกับชีวิต ทำไมสอนแต่จะให้รวยๆๆหรือหาแต่ความสุขใส่ตัวมากเกินไปจนมองไม่เห็นความทุกข์หรือไปถามว่าผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพทำไมเป็นพระธัมมชัยโยทำไมไม่ใช่พระพุทธเจ้า คุณรัตนมาลีคิดดูว่าดิฉันจะทำวงแตกสักขนาดไหน ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะ เพราะถ้าถามแล้วพระท่านอาจตอบว่าโยมมาผิดวิกแล้วจ้ะ อยากรู้ก็ให้ไปถามวิกของโยมเอาเองนะจ๊ะ (พระท่านพูดเพราะค่ะ พูดนะจ๊ะทุกองค์เลย จริงๆนะ) ทุกคนรู้ว่าดิฉันเป็นคนนอกเป็นสายอื่นแต่เขาก็ไม่รังเกียจอะไรเพราะว่าเรานับถือพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน(หรือปล่าว ดิฉันชักไม่แน่ใจ)  เพราะก่อนเข้าปฏิบัติ ทุกคนจะต้องลงทะเบียนว่าเข้าวัดนี้มาตั้งแต่เมื่อไร และมีการสัมภาษณ์รายตัว ให้ทุกคนได้แสดงตัวเองว่าชื่ออะไร ทำอะไร เคยเข้าวัดมาเมื่อไร ส่วนใหญ่เข้าวัดนี้มาแล้วเป็นสิบปีขึ้นไป ดิฉันเป็นคนเดียวที่เป็นผู้มาใหม่โดยบังเอิญ  เพราะป้าพามาเนื่องจากท่านชวนใครๆก็ไม่ยอมมาด้วยแม้แต่ลูกท่านเองก็บอกไม่ว่าง ลุงก็มาไม่ได้บอกไม่ค่อยสบาย น้าก็มาไม่ได้บอกเจ็บขา หลานอีกคนก็ไม่ยอมมาบอกไม่ว่าง มีดิฉันคนเดียวใจดีที่สุดแม้ไม่อยากมาก็ต้องมาเพราะอยากสงเคราะห์ท่าน หวังว่าคุณรัตนมาลีคงเข้าใจนะคะ จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:39:58

ความคิดเห็นที่ 88 ผมสงสัยว่าคนที่ถามหาหลักฐานกับ จขกท. เรื่องพระอาจารย์ถามเรื่อง "ผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ" ทำไมเจาะจงแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวละครับ ไม่สงสัยประเด็นที่ จขกท. อ้างว่าเป็นคำสอนของพระอาจารย์อย่าง "ทุ่มสุดฤทธิปิดบัญชีธนาคาร" หรือ "เราก็ต้องเลือกรวยเอาไว้ก่อน" ละครับ หรืออันนี้เห็นว่าอันนี้เป็นคำสอนโดยทั่วไปของธรรมกายจริง? ธรรมกายสอนแบบนี้จริง? และก็อยากถามว่าถ้ามีการสอนแบบนี้ (โดยพระหรือวัดทั่วไป) อย่างทุ่มสุดตัวปิดบัญชี ตามความคิดเห็นของคุณ เห็นว่าคำสอนแบบนี้เป็นอย่างไร? แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 01:51:02 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 01:49:26 จากคุณ : ASX เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 01:48:41

ความคิดเห็นที่ 90 "ใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ"   --- "หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ" ฟังแล้วเครียดนะนี้ นี้เรากำลังมาถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือนี่ แต่ถ้ายัง...ก็ยิ่งเครียดหนัก ว่าจะมีอะไรหนักหนาสาหัสกว่านี้อีก จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:17:29

ความคิดเห็นที่ 91 ได้เงินก็เอาไปเผยแผ่ธรรม ไม่ได้เอาไปทำอะไร   ท่านก็ต้องตายเหมือนกัน วัดก็เป็นของพระพุทธศาสนา ถ้าเอาเงินไปแล้วไม่ทำอะไร  หรือเอาไปแล้วสร้างวัดอย่างเดียวผมก็ไม่ทำเหมือนกัน ได้เท่าไรท่านก็คืนให้สังคมจนหมด     มีสมัยเมื่อสิบปีที่แล้ว มีการทำให้สังคมอายในการนับถือพระพุทธศาสนาแบบว่าเป็นเรื่องล้าหลัง   ถ้าสังคมเป็นแบบนั้นพุทธศาสนาก็ไปเร็ว   การสร้างมวลชนพุทธศาสนาให้ดูทันสมัย  ก็ทำให้กระแสสังคมผักดันพุทธศาสนาให้คนนิยมสัทธามากขึ้น  เมื่อสัทธาการแสวงหาความรู้ทางธรรมส่วนบุคคลก็เริ่มขึ้นค้นความรู้เอาเองตามต้องการ   ส่วนที่พระท่านพูด ต้องถามท่านพูดในแง่ไหน  ท่านพูดแบบล้อเล่นกับหมู่คณะหรือเปล่า   ก็เห็นเขาก็กราบพระพุทธเจ้าอยู่ไม่ใช่หรอ   ถาม จขกท.เห็นเขากราบพระพุทธเจ้ากันหรือเปล่าตอนจบพิธี นะ ช่วยตอบหน่อย แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 09:43:34 จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:42:06

ความคิดเห็นที่ 92   ความคิดเห็นที่ 88 MsgStatus(Msv[88], 88); ผมสงสัยว่าคนที่ถามหาหลักฐานกับ จขกท. เรื่องพระอาจารย์ถามเรื่อง "ผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ" ทำไมเจาะจงแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวละครับ ไม่สงสัยประเด็นที่ จขกท. อ้างว่าเป็นคำสอนของพระอาจารย์อย่าง "ทุ่มสุดฤทธิปิดบัญชีธนาคาร" หรือ "เราก็ต้องเลือกรวยเอาไว้ก่อน" ละครับ หรืออันนี้เห็นว่าอันนี้เป็นคำสอนโดยทั่วไปของธรรมกายจริง? ธรรมกายสอนแบบนี้จริง? และก็อยากถามว่าถ้ามีการสอนแบบนี้ (โดยพระหรือวัดทั่วไป) อย่างทุ่มสุดตัวปิดบัญชี ตามความคิดเห็นของคุณ เห็นว่าคำสอนแบบนี้เป็นอย่างไร? ตอบคุณ ASX 1.เพราะประเด็นเรื่องพระอาจารย์ถามเรื่อง "หลวงพ่อฯคือ ผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ" ไม่มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ล้าน% 2.ส่วนการทำทาน แบบ"ท่มสุดฤทธิ์" นั้นยืนยันให้อีกเสียงว่ามี แต่ไปบอกให้ใครต่อใคร ปิดบัญชีทำ..ไม่มี แต่คนที่เค้าปิดบัญชี ทำจริง แล้วยกมาเป็นตัวอย่าง นั้นมี (เยอะด้วย...) ที่ไม่ให้น้ำหนักประเด็นนี้ เพราะเป็นเรื่องพื้นๆ ที่คนวัดฯ เค้าก็ทำทานกันแบบนี้เป็นปกติ ไม่ใช่แค่กับวัดพระธรรมกาย เค้าทำเต็มที่แบบนี้กับทุกที่ และที่สำคัญคือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบนั้น....แต่ส่วนใหญ่คนที่เค้าทำ เค้าก็จะมีมาให้ทำอีกเรื่อยๆ แถมมากกว่าเดิม แปลกที่ในเมื่อเค้าปิดบัญชีทำบุญ แล้วทำไมยังมีเงินมาให้ทำอีก ทุกครั้ง... บางคนซะอีก กลับไปแสดงความตระหนี่แทนเจ้าของทรัพย์ ทั้งที่ไม่ใช่ทรัพย์ของตัวเอง.... 3.ถ้าถามประเด็นเรื่องการสอนให้ทำทาน 3.1 ถ้าที่ใดวัดใดก็ตาม บอกให้ทำทาน ให้ทำอย่างเต็มที่ สุดกำลังของเรา จะรู้สึกนิยมมากกว่า มันชัดเจน จริงใจ กว่าประเภทสร้างแบบสันโดษแต่โฉนด กับเงิน เหลือเพียบ.. และผู้มีปัญญาย่อมรู้และเข้าใจว่า คำว่าทำเต็มที่สุดกำลัง ไม่ได้แปลว่า ทำทานจน ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน แต่ผู้ที่ทำจะรู้แก่ใจตนเองดีที่สุด ว่าเท่าไหร่ถึงเรียกว่า เต็มที่เต็มกำลังสำหรับตนเอง...เช่น เรามีเงิน 100 บาท เรารู้สึกว่า 60 บาทคือ สุดยอดการทำทานของเราในตอนนี้แล้ว นั้นแหละเงิน 60 บาท คือเงินที่คุณทำเต็มที่ เต็มกำลังแล้ว แต่ถ้าคุณปลึ้มที่จะถวายทานทั้งหมด 100 บาท มีความสุขกับการทำหมด นั่นก็เรียกเต็มกำลัง เช่นเดียวกัน 3.2 มักจะมีคนไปจับประเด็นแบบนี้ผิดๆ ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้ว วัดไหน ไปสอนโยมให้ทำบุญแบบขาดสติหมดตัว สอนให้เป็นหนี้ ใครที่ไหนจะไปเชื่อ ถ้าถามว่าคิดยังไง ก็ตอบว่า ที่ไหนสอนแบบนี้ ก็ผิด และสมควรได้รับการประนาม จากชาวพุทธทั้งโลก ขอบพระคุณที่ถาม ถามอีกนะ ถามแบบนี้ดี ชอบ มอบพร หลวงพ่อคูณให้เลย       แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 10:33:21 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 10:25:47 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 10:22:19

ความคิดเห็นที่ 93 ^^^ จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 10:26:25

ความคิดเห็นที่ 94 ตอบ คห 91 คุณธรรมชาติไพศาล พระอาจารย์ถามเล่นหรือถามจริง คุณลองพิจารณาดู พระเทศน์เสร็จก็ถามปิดรายการ แล้วมีคนวัดพร้อมใจกันตอบ คุณว่าจริงหรือเล่นๆ ถึงคุณคิดว่าเป็นคำถามเล่นๆแต่คำถามอย่างนี้เอามาล้อเล่นจะดูดีไหมคะ ส่วนเรื่องการกราบพระรัตนตรัย ก็มีการทำวัตรเช้าตอน 8-9 โมงเช้าและวัตรเย็นตอน6-1 ทุ่มทุกวันตามปกติ เพราะโปรแกรมก็กำหนดระเบียบการไว้อย่างนั้น ลืมเลาไปว่าช่วงบ่ายถึงเย็นจะมีน้ำปานะและไอสกรีมอร่อยๆให้รับประทาน มีไอติมชาเขียว ไอติมช็อกโกแล็ต ไอติมแคนตาลูป อร่อยมาก บางทีก็มีโยเกิร์ติ ของรับประทานมีไม่อั้น ดิฉันยังคิดว่าถือศีลแปดไม่น่าทานไอศกรีมได้ แต่ก็เอาเถอะ จะไปคิดอะไรมากทำไม เขาจัดปฏิบัติธรรมในรีสอร์ทไม่ใช่ในวัด สถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ก็อยู่ปฏิบัติแบบสบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียดอะไร  ได้นอนบนเตียงมีฟูกอันอ่อนนุ่ม  แค่นี้ศีลก็ขาดกระจุยไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ต้องรอจนกินไอติมหรอกค่ะ  เลยเขากินอะไรดิฉันก็กินกับเขาอย่างนั้น ชิลล์ๆ คห92 แย้งว่าพระอาจารย์ถามอย่างนี้คนวัดตอบอย่างนี้เป็นไปไม่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่แปลกอะไร เป็นเรื่องธรรมดา   ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินกับหูตัวเอง เป็นใครก็คงไม่ยอมเชื่อ อย่างนี้ต้องลองไปพิสูจน์ดูให้เห็นให้รู้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า  พระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องหลักกาลามสูตรไว้แล้ว ใครไม่เชื่อก็อย่าสักแต่บอกว่าไม่เชื่อๆๆๆ มีทางพิสุจน์สถานที่พิสูจน์ก็มีรออยู่แล้วเขายังจะเปิดรับอีกหลายเดือนจนสิ้นปี เข้าไปดูตามเวปที่ให้ไว้ จะได้รู้ว่าจริงหรือไม่ จะได้ไม่มาเสียเวลามาโต้แย้ง บางทีอาจช่วยกันหาวิธีที่ทำให้อะไรๆมันตรงทางขึ้น เพื่อนๆชาววัดจะได้ประโยชน์ไปด้วย แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 12:14:27 จากคุณ : จิตพุทธ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:03:50

ความคิดเห็นที่ 95 มีเพื่อนเคยไม่ชอบวัดนี้แต่พอแฟนเค้าพาไปบ่อยๆ ตอนนี้บริจาคไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แถมช่วงหลังยังจะมายืมตังค์เราไปบริจาคอีก พอเราไม่ให้ แล้วแนะนำให้เค้าลองไปวัดอื่นดูบ้าง จะได้รู้ว่าการทำบุญไม่ต้องใช้เงินขนาดนั้น ก็โกรธจนไม่พูดกับเราและเพื่อนๆในกลุ่มแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงดี จากคุณ : โดนัทน้ำตาล เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:34:43

ความคิดเห็นที่ 96 มาแอบอ่านครับ คนวัดนี้ก็จะรักในสำนักของตนอย่างมาก คนทีอยู่ในบอร์ดในพันทิพย์แอนตี้วัดนี้อยู่แล้ว มีหัวข้อนี้ขึ้นมาก็เลยเป็นประเด็น จากคุณ : theliger เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:36:25

ความคิดเห็นที่ 97 สงสัยว่า ในวันนั้นที่ ..**พระถามว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ **ลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่าหลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่   ในสามภพ นอกจาก'คุณจิตพุทธที่ได้ยิน2หู แล้วบรรดาลูกศิษย์ ที่ร่วมพิธีการในวันนั้น และร่วมเปล่งเสียงตอบออกไป หากพลัดเข้ามาอ่าน อยากรู้ว่า ท่านได้นั่งอยู่ในวันนั้นจะไม่ได้ยินคำที่พระถาม และคำที่ลูกศิษย์พร้อมเพรียงกันตอบ เลยหรือคะ หรือว่าวันนี้พูดไม่ได้  หรือไม่อยากพูด หรือไม่ทราบดี หรือไม่พูดดีกว่าจะบาปกรรมหรือว่า..เอ้อๆๆ ลืมมมมันดับไปหมดแล้ว.. จากคุณ : noinop เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:07:40

ความคิดเห็นที่ 98 ถ้าทุกท่านเห็นว่าเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา ทำไมไม่ให้สื่อดี ๆ ไปขุดคุ้ย ให้ รมต.วัฒนธรรมที่มีหน้าที่กำกับดูแลไปจัดการเหมือนกับกรณีแม่ชีที่เป็น ข่าวอยู่ตอนนี้ เห็นแต่มีกระทู้เสียดสี โต้เถียงกัน ถ้าสิ่งที่ชาวธรรมกายปฎิบัติผิดจริง ส่วนที่กำกับดูแลหรือสื่อต้องดำเนินการใช่หรือไม่ แต่ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จากคุณ : คิดบวกดีกว่าคิดลบ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:16:19

ความคิดเห็นที่ 99 นายปลาโออ้วนพุงแตก ก็แบบนี้แหละ ตอบไม่ได้ ดำน้ำกระดึกๆ จอกแหนเต็มตัวไปหมด  กระทู้พูดถึงเรื่องพระที่สำนักจานบิน   ไปดึงหลวงพ่อคูณท่านมาทำไม  นรกจะกินกบาล !!! จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:21:29

ความคิดเห็นที่ 100 กระทู้นี้อาจจะดันไม่ขึ้น เพราะสาวกเค้าเยอะพอดู ถึงคนจะรู้เยอะ ก็ทำไรมากไม่ได้ เพราะสาวกแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา สามารถอยู่ได้ด้วยสาวกตัวเอง แต่โหวตให้นะครับ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:51:09

ความคิดเห็นที่ 101 เคยเปิดเจอช่อง DMC จากทีวีดาวเทียมเหมือนกันนะจ๊ะ... เจ้าลัทธิพูดอะไร จะมีลูกคู่ คอย ฮู๊...ฮา...สอดประสานตลอดเลยนะจ๊ะ พูดดูดทรัพย์อย่างเดียวเลยนะจ๊ะ เด็กก็ไม่เว้นเลยนะจ๊ะ รัฐบาลอุดหนุนเกือบพันล้านเลยนะจ๊ะ เงินภาษีพวกกรูนะจ๊ะ ทนดูได้แป๊ปเดียวนะจ๊ะ ต้องลบช่องทิ้งแล้วนะจ๊ะ จากคุณ : ดช.กร๊วก นะจ๊ะ (กร๊วกคุง) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:56:35

ความคิดเห็นที่ 102 สาวกจานบิน "สองน้องสาม"   จะหลังไมค์มาทำไมกันจ๊ะ  เช๊ยยย เชย วิธีอีแอบแบบเนี้ย กล้าๆ หน่อยสิจ๊ะ มีความเห็นยังไง เล่นที่หน้าบอร์ดนี่เลยจ้ะ แล้วใครกันแน่จ๊ะ ที่เสียทีเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา คุณพบพระพุทธศาสนา หรือพบแต่ดวงแก้วของ ทำ-มา-กลาย ไชโย้ จ๊ะ ?? อาการใสเย็น จ๊ะๆ จ๋าๆ ตามแนวของเหล่าจานบินหายไปไหนซะล่ะจ๊ะ เสียกริยาหมดเล๊ยยย กร่นด่าซะ  ไม่งามเลยจ้ะ :-) สำนักจานบินมีผลผลิตแบบคุณด้วยเหรอเนี่ย ภาพพจน์เสียหายโม๊ดดด จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:06:46

ความคิดเห็นที่ 103 เล็กไปแฮะ ... ต้องขยายจ้ะ  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:10:03

ความคิดเห็นที่ 104 พวกเอาเงินไปปรนเปรอให้สำนักจานบินนี่ มีหลาย ๆ คนมาขอยืมเงินผมด้วย  แต่ขอบอก ไม่ให้หรอกและแนะนำว่าอยากได้ก็ไปขอคืนจากเจ้าสำนักเอาเอง ถ้าเขาให้คืนน่ะนะ ใครมีครอบครัวหลงเมามัวไปกับวัดนี้ ญาติพี่น้องคงต้องทำใจกันซักนิด และรักษาทรัพย์สมบัติส่วนตัวไว้ให้ดี เพราะถ้าเผลออาจะถูกสาวกสำนักจานบินที่มักจะอ้างว่าตัวเองนั้นมีคุณธรรมสูงส่งเกรียงไกรใน 18 ภพ(มงกุฏ) ทำตัวเป็นโจรขโมยไปถวายเจ้าสำนักได้ง่าย ๆ จากคุณ : Autumn2reason เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:25:31

ความคิดเห็นที่ 105 อิอิ สาวกจานบิน "สองน้องสาม" อยากถามจังคนที่เอาศาสนามาหาเงินดูดเงิน หลอกเงินคน บาปไหม ? ถ้าท่านเชื่อว่าบาป บุญ นรก สวรรค์ มีจริง เสียดายจังเลย เดี๊ยนเงินไม่เยอะ ไม่สามารถไปทำบุญเสริมรวยที่วัดนี้ได้ เพราะเบี้ยน้อย หอยน้อยค่า ปกติชอบทำบุญ ถ้ามีก็แบ่งทำ ไปวัดบ้าง เข้าห้องพระสวดมนต์ ไปวัดก็ไม่เคยต้องสวมชุดขาวเลย ก็เห็นว่าวัดเป็นที่เราชาวพุทธ แต่งกายสุภาพ ไม่สั้น ไม่โป๊ ก็เข้าได้แล้ว ไปก็ไหว้พระ ทำบุญรับพร จิตใจก็อิ่มแล้ว กลับบ้านก็สบายใจ ไอ้ต้องไปแบบใส่ชุดฟอร์มไม่ถนัดค่ะ ไม่ชอบอะไรที่มันต้องฝืนจิตใจจริงๆ ทำบุญอยากทำก็ทำ มากน้อยตามใจและไม่เป็นการทำบุญหวังผล บางทีอย่างการทำบุญใส่ซองผ้าป่า บางทีก็จบแล้วสาธุพอขอให้ศาสนาดำรงอยู่ อย่าให้มีมารมาแฝงก็พอ การว่ากล่าวพระสงฆ์ เป็นสิ่งไม่ดี แต่หากคนที่เข้ามาอาศัยศาสนาหาชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินตรา หรือนำพาญาติโยมไปสู่หายนะคงไม่ไหวที่จะยกมือขึ้นกราบไหว้ เหมือนกับตำรวจี่มีหน้าที่ดูแลความสงบบ้านเมือง หากรีดไถ เราก็มองว่าเค้าคือโจร ที่แอบใส่ชุดตำรวจ วัดนี้บ้านดิฉันขอผ่านค่ะ แถมระบุในลิส ไม่ให้ลูกไปเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะชวนไปฟัง ไปอบรม ไปบวช ขอไปทำบุญบ้านๆ สบายใจกว่าค่ะ ใส่ตังค์ 20 บาทกล่องรับบริจาคหมาแมว ยังสบายใจกว่าเยอะ ถ้าแฟนคลับวัดนี้มาอ่านไม่พอใจ ก็ช่วยไม่ได้ค่ะ เพราะมันรู้เห็นมาจากคนรอบกายที่หมดตัว ครอบครัวแตกแยก จากการหลงไปโดนสะกดจิตมา..... จากคุณ : joomzaza1 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:50:19

ความคิดเห็นที่ 106 สาวกจานบิน "สองน้องสาม"นี่...สงสัยสมองกลับหน้ากลับหลังแน่เลย... ...เอ่อ..สมองกลับหลังหัน! จากคุณ : ฝืนได้...ดีได้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:13:23

ความคิดเห็นที่ 107 ทำไม "สอง" ไม่เป็น "พี่สาม" ล่ะ?   ตั้งชื่อลูกยังไงเนี่ย งง.... จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:24:27

ความคิดเห็นที่ 108 คุณ pa-o-toi-uan ครับ เห็นคุณพูดอยู่บ่อยๆว่า"ผ่านมา 40 ปี ยังรอให้พิสูจน์อยู่เสมอ" กับข้อเท็จจริงที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเบียดเบียนผู้อื่น กับมิจฉาทิฎฐิ การหลอกลวงต้มตุ๋นผู้อื่นของชาวธรรมกาย การมอมเมาผู้อื่นด้วยโลภะและโมหะ ของทางลัทธิธรรมกายที่ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้ว คุณจะว่าอย่างไร ตั้งแต่แรกสร้างวัด ก็มีที่มาที่ไปไม่สะอาด สร้างวัดขึ้นมาก็เบียดเบียนชาวบ้านแถวนั้น จนกระทั่งมีภาพออกทางหนังสือพิมพ์ เป็นภาพเหล่าสาวกธรรมกายยกพวกตะลุมบอนกับชาวบ้านเจ้าของที่ดิน ที่ดินที่พวกคุณภูมิใจกันนักว่าวันนี้มีเป็นพันไร่นั่นแหละ เอาละ ไหนๆก็เป็นวัดมาได้ เอ้า..วัดก็วัด เมื่อเป็นวัดในสังกัดมหาเถรสมาคม เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ที่คำสอนควรจะต้องเป็นไปตามพระธรรมวันัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระธรรมวินัยนั้นบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก และพระไตรปิฎกที่ได้รับการเชื่อถือว่าถูกต้องเที่ยงตรงที่สุด ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สุด ก็คือพระไตรปิฎกที่เรามีอยู่นี่แหละ แต่ลัทธิธรรมกายสอนอะไร สอนอะไรก็ไม่รู้ มั่วไปเรื่อย พระพุทธเจ้าภาคโปรด ภาคปราบ ภาคขาวภาคดำ ภาคเทพภาคมาร อีกหน่อยคงมีภาคอุลตร้าแมน ไหนจะเรื่องสวรรค์เรื่องนิพพานอีก จะรื้อวัฏฏะบ้างอะไรบ้าง เลอะเทอะไปกันใหญ่ พอมีท่านผู้รู้ทักท้วงเข้า แทนที่จะหยุด แทนที่จะแก้ผิดให้เป็นถูก กลับทำผิดให้เป็นผิดยิ่งกว่า ถึงขั้นหาญกล้าจะแก้พระไตรปิฏกให้ตรงกับคำสอนของลัทธิตัวเอง 40 ปีมาแล้วที่ทำผิด ทุกวันนี้ก็ยังทำผิดมากขึ้น ทุกอย่างมีหลักฐานชัดเจน เมื่อไหร่จะทำให้ถูกเสียที เมื่อไหร่จะมีสัมมาทิฏฐิเสียที จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:30:13

ความคิดเห็นที่ 109 ต่อมาก็เรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้าน เรื่องอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เหาะไปปัดระเบิดนิวเคลียร์จากไทยไปลงญี่ปุ่น เรื่องโบกธงเงินธงทองกลางแดดแล้วเห็นพระพุทธเจ้า พวกหน้าม้าก็โบกธงกันไป สักพักก็เพ้อ..เห็นแล้ว เห็นแล้ว เห็นพระพุทธเจ้าแล้ว ช่วงนั้นประเทศเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ทางวัดมีปัญหาทางด้านสภาพคล่อง ก็คิดวิธีหาเงินขึ้นมา ก็โบกธงเห็นพระพุทธเจ้านี่แหละ เริ่ดดด เรื่องเข้าเฝ้าถวายข้าวพระพุทธเจ้า เรื่องดุสิตบุรี เขตวงบุญพิเศษ เรื่องแพคเกจบุญขายพระพร้อมที่ดินบนสวรรค์ สร้างพระประจำตัวปางไชยบูลย์ พร้อมบริการไฟแนนซ์ ทั้งหมดนี้ทำไปได้อย่างไร ไม่ละอายและเกรงกลัวต่อบาปบ้างหรือ เพียงเพราะเพื่อเงิน สนองความโลภของท่านไชยบูลย์เจ้าลัทธิ โลภจนกระทั่งถูกดำเนินคดีอาญาจนแทบติดคุกก็ยังไม่สำนึก จะบอกอะไรให้นะครับ หนึ่งในอาบัติปาราชิกของพระภิกษุสงฆ์ ทำแล้วขาดจากความเป็นพระคือลักทรัพย์ ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้ นั่นคือมีจริตโจร เมื่อไหร่ก็ตามที่มีจริตโจรเกิด อยากได้ทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น แล้วก็กระทำกรรมเพื่อให้ได้ทรัพย์นั้นมา ภิกษุผู้นั้นต้องอาบัติปาราชิก สิ่งที่ท่านไชยบูลย์เจ้าลัทธิกระทำตลอด 40 ปีที่ผ่านมา จริตโจรเกิดนับครั้งไม่ถ้วน ขาดจากความเป็นพระไปนานแล้ว แล้วก็เลิกอ้างหลวงพ่อคูณเสียที หลวงพ่อคูณท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่มีปัญหาเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นเอาเงินชาวบ้านเหมือนท่านไชยบูลย์ อย่าเอาหลวงพ่อคูณมาเทียบ มันเทียบกันไม่ได้ คำว่า “รวย” ของหลวงพ่อคูณนั้นเป็นมงคลอย่างยิ่ง แต่คำว่า “รวย รวย รวย” และ “รวยเร็ว รวยแรง รวยรวด รวยโคตรๆ”ของลัทธิธรรมกายนั้นเป็นอัปมงคลอย่างยิ่ง เพราะสอนให้โลภ สอนให้มักมาก สอนให้กิเลสเพิ่มพูน ทำบุญหลวงพ่อคูณ 40 บาท ด้วยแบงค์ 20 สองใบ ท่านคืนให้หนึ่งใบ ท่านเป็นห่วงญาติโยม ไม่อยากให้เดือดร้อนเพราะการทำบุญ แต่ทางลัทธิธรรมกาย ทุ่มสุดฤทธิ์บิดบัญชี ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดเจดีย์ เงินทำบุญไม่พอผ่อนเอาก็ได้ ขาดส่งค่างวดเมื่อไหร่พระโดนยึด เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น นี่คือข้อเท็จจริง ตลอด 40 ปีที่ผ่านมากับการกระทำของลัทธิธรรมกาย หวังว่าคุณ pa-o-toi-uan จะมองเห็นความจริงเหล่านี้บ้างนะครับ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:31:26

ความคิดเห็นที่ 110 วัดนี้มีการชี้นำให้ปิดบัญชีแบงค์เปิดบัญชีบุญ ทุ่มสุดตัวกันตลอดขอยืนยันค่ะให้สาบานก็เอา  เชิดชูการเบียดเบียนตัวเองว่าประเสริฐ  มีการยกย่องให้เกียติผู้ที่ทุ่มสุดตัวอย่างเต็มที่ ได้เป็น some body ในวัด (ส่วนตัวไปเหมือนกันเพราะสามีเข้าวัดนี้) แต่ตัวดิฉันทำบุญมาดีค่ะ อะไรที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนดิฉันไม่ใส่ใจ ส่วนสามีก็ความสุขของเขาดิฉันไปเป็นเพื่อนด้วยงั้นๆ  บ้านก็อยู่ไกลอาทิตย์ต้นเดือนทีขับรถไปวัด เพื่อถวายข้าวพระ แล้วก็กลับบ้าน  ดิฉันไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองจะดีขึ้นได้อย่างไรนอกจากได้ทำบุญ(เอาใจสามี) แต่คำสอนของท่านน่ะ   ไม่อินเลยสำหรับดิฉันส่วนสามีก็ทราบซึ้งไปด้วย  ช่วยกันไม่ได้ของแบบนี้ชอบใครชอบมันค่ะ จากคุณ : สาวโรงงานสะท้านโลกันต์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:41:36