ความคิดเห็นที่ 1 แล้วคำว่า ใหญ่ที่สุดในภพสาม หมายความว่าอย่างไร พวกโง่ ๆ ในวัดพระธรรมกายจะรู้ความหมายหรือเปล่าก็ไม่รู้   กลับมาเข้าเรื่อง ไชยบูลย์นั้น เอาบุญมาล่อหลอกประชาชน สารพัดวิธีที่จะทำ ให้ปิดบัญชีบ้าง ยุให้ขายตัวเอาเงินมาทำบุญมีบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่ให้ขายไร่ ขายสวน ขายสมบัติน่ะมีแน่ ๆ ที่ผมอยากจะเขียนไว้เพื่อความสะใจของผมเองในความโง่ของบุคคลากรของวัดพระธรรมกาย ก็คือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ เขียนเรื่องการตรวจสอบดวงบุญ ดวงบาป และดวงไม่บุญไม่บาปไว้ในหนังสือคู่มือสมภาร ในบทบัญญัติที่ 11 ดังนี้ ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายของแต่ละกาย มีดวงกลมซ้อนกันอยู่ ๓ ดวง ดวงแรกมี  สีเทา ๆ อยู่ข้างนอก นี่คือ ดวงอัพยากตากฤต หรือธรรมกลาง  ถัดเข้าไปในกลางดวงของธรรมกลางนั้น มีอีกดวงหนึ่งสีดำประดุจนิล นี่คือ ธรรมดำหรืออกุศลธรรม   ส่วนดวงที่ ๓ ซึ่งซ้อนอยู่ในกลางดวงดำนั้น มีสีขาวใสบริสุทธิ์ยิ่งนัก นี่คือ ธรรมขาว หรือกุศลธรรม  ธรรมขาวนี้ ก็คือ ดวงบุญ  ธรรมดำ คือ ดวงบาป  ธรรมกลาง คือ ดวงไม่บุญไม่บาป  ดวงบุญ ดวงบาป และดวงไม่บุญไม่บาปนี้ มีขนาดของดวงไม่คงที่ บางคนก็มีดวงบาปโต บางคนก็มีดวงบุญโต  ส่วนผู้ที่ไม่นิยมทำบุญทำบาป ก็มีดวงไม่บุญไม่บาปโต  ถ้าทำบุญมากจะทำให้บาปและไม่บุญไม่บาปมีน้อย และถ้ามีบาปมาก บุญและไม่บุญไม่บาปก้ย่อมจะมีน้อย ดังนี้เป็นต้น   ดวงบุญ ดวงบาป และดวงไม่บุญไม่บาปนี้ แต่ละดวงก็มีธาตุมีธรรม ส่วนที่เห็นปรากฏนั้นเป็นส่วนธาตุ  ธรรมนั้นซ้อนอยู่ในว่างกลางธาตุอีกทีหนึ่ง เพราะละเอียดกว่าประณีตกว่า เอาธาตุของดวงบุญประกอบเป็นกสิณ  ธรรมของดวงบุญเป็นสมาบัติ  เดินสมาบัติในกสิณ ตรวจดูธรรมขาว (กุศลธรรม) ให้เห็นตลอดจนถึงภพ  เอาธาตุของดวงบาปประกอบเป็นกสิณธรรมของดวงบาปเป็นสมาบัติ เดินสมาบัตรในกสิณ ตรวจดูธรรมดำ (อกุศลธรรม) ให้เห็นตลอดจนถึงภพ  เอาธาตุของดวงไม่บุญไม่บาปประกอบเป็นกสิณ ธรรมของดวงไม่บุญไม่บาปเป็นสมาบัติ เดินสมาบัติในกสิณตรวจดูธรรมกลาง (อัพยากตากฤต) ให้เห็นตลอดจนถึงภพ ในธรรมขาว ดำ กลาง เหล่านี้ แต่ละธรรมก็มีนิพพาน ภพ ๓ โลกันต์ เหมือนกัน พวกนี้ต้องตรวจดูให้ละเอียด   ที่ผมสะใจในความโง่ของบุคลากรในวัดของพระธรรมกายก็คือ ไชยบูลย์หลอกล่อให้ทำงานอย่างทาส  หลอกล่อเองเงินของประชาชนไปทำอะไรก็ไม่รู้ ทำไมไม่บอกให้ประชาชนตรวจดูดวงบุญของเขาบ้างว่า ไปถึงไหนแล้ว  ใกล้ดุสิตบุรี เฟส 9,999,999 ของไชยบูลย์แล้วหรือยัง ก็ไชยบูลย์ทั้งเคยเผาหนังสือคู่มือสมภาร แล้วก็กลับมาพิมพ์คู่มือสมภารแจกในงานศพคุณยายจันท์  ยิ่งใหญ่กว่าใครในภพสาม  ทำไมสอนการตรวจดูดวงบุญ-ดวงบาปไม่ได้ มันน่าแปลกใจ..พิลึก... ปล. ผมท้าความยิ่งใหญ่ของไชยบูลย์มาหลายครั้งแล้ว  สานุศิษย์ช่วยไปบอกทีว่าผมวิพากษ์วิจารณ์ท่าน  ท่านยิ่งใหญ่ในภพสาม ช่วยเอาฟ้ามาผ่าผมหน่อย ตอนนี้คันหลังอยู่  อาจจะหายคันไปบ้าง ยิ่งใหญ่ที่สุดในภพสามจริงก็น่าจะทำได้ มีแต่คุยโต อวดโอ้ โม้แบบหน้าหนาพิลึก ล่อลวงหน้าจอทีวีไปวัน ๆ  แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 54 07:36:06 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 16:02:00 จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 01:46:29

ความคิดเห็นที่ 2 เรียน คุณอะตอม [IP: 110.168.41.189] เรื่องคำถามของคุณผมบริการให้ไม่ได้หรอกครับ ที่จะไปตรวจใครไปไหนอย่างไรในบันทึกแบบนี้ ถ้าอยากรู้ คุณมาเรียนกับเรา ผมจะบริการให้  แต่ต้องเอารูปมาด้วย คือ คนตายแล้วไหน พวกเราต้องดูรูปด้วย เอาแค่ชื่อมาไม่ได้  ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ แค่ชื่อก็พอ   สำหรับเรื่องไชยบูลย์กับบารมีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้น “โกหก”  ทั้งนั้น   ไชยบูลย์แค่ดวงธรรมก็ยังไม่เห็น มีแต่หลอกลวงประชาชนไปวันหนึ่ง ๆ  จะพาใครไปหาใครได้   อีกอย่างหนึ่ง “ดุสิตบุรี” ไม่มีครับ สวรรค์ชั้นดุสิตนั้นมีแน่นอน แต่ดุสิตบุรีของไชยบูลย์ไม่มี   สำหรับคุณ ไม่มีเงินนี่ ลำบากจัง [IP: 110.168.20.59] เรื่องเงินนั้นง่ายมาก ทำงานให้มากขึ้น รายได้ก็จะมากขึ้น ส่วนเรื่องการอธิษฐานบารมีนั้น ควรทำวิชา 18 กายให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยอธิษฐาน อธิษฐานไปที่ดวงบารมีของเรา ไม่ใช่อธิษฐานไปที่ดวงปฐมมรรค เรื่องเงินนั้น บารมีเก่ามีส่วนมาก ที่เป็นเศรษฐีมั่งมีทรัพย์มากมายมหาศาลนั้น ส่วนใหญ่บารมีเก่าสนับสนุนทั้งนั้น ในชาตินี้ ทำงานให้มากขึ้น บารมีก็สร้างด้วย แต่ไม่ใช่ทำบุญกับไชยบูลย์แบบบ้า ๆ บอ ๆ แบบนั้น จะรวยได้ยังไง เมื่อปิดบัญชีตัวเองไปให้ไชยบูลย์  ไชยบูลย์น่ะรวยแน่ โดยไม่ต้องทำมาหากินอะไร ล่อลวงอย่างเดียว.....   การสร้างบารมีที่ดีที่สุดก็คือ การให้ธรรมะเป็นทาน ที่ผมมาตอบบันทึกในตอนนี้ ก็เพราะไปสอนวิชาธรรมกายที่โรงเรียนในจังหวัดร้อยเอ็ด เพิ่งเดินทางกลับมาถึงบ้าน เมื่อเราสร้างบารมีมาก ๆ จักรพรรดิก็จะมาอยู่กับเรามาก เมื่อมีจักรพรรดิมาก เราก็จะมีทรัพย์สมบัติมากไปด้วย ทรัพย์สมบัติที่ว่านี้ เป็นทรัพย์ละเอียด ไม่ใช่ “เงิน” แต่เพียงอย่างเดียว อยากรู้รายละเอียดไปหาอ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำเอาเอง แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 54 07:36:34 จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 01:47:31

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับคุณ [IP: 183.88.246.152] ไปแสดงความโง่ที่อื่น ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ โง่ให้ไชยบูลย์จูงจมูกอยู่ได้ ไม่เจ็บจมูกบ้างหรือไง  ที่เขียนไปข้างบนนั้น ถูกหรือผิดอย่างไร.......นะจ๊ะ..นะจ๊ะ... หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนวิชาตรวจดูดวงบุญไว้ ทำไมไชยบูลย์ไม่นำมาสอนเพื่อตรวจสอบดวงบุญบ้าง ล่อ..ลวง..พราง..ให้เสียเงินอย่างเดียว วิชาดีๆ ไม่สอนกันบ้าง สอนไม่ได้..ก็บอกมา... คี่ข้าไชยบูลย์แบบคุณ ไปหาอ่านหนังสือคู่มือสมภารให้จบเสียก่อน แล่วค่อยมาให้เถียงกันใหม่ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 54 07:36:55 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 16:07:01 จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 01:48:13

ความคิดเห็นที่ 4 วิพากย์วิจารณ์โดย ดร.มนัส  โกมลฑา <<==  คลิกที่ข้อความที่ขีดเส้นใต้ จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 01:50:09

ความคิดเห็นที่ 5 จากกระทู้ของคุณจิตพุทธ ความคิดเห็นที่ 328    เรื่องที่เกิดขึ้นตามที่คุณจิตพุทธเล่าให้ฟังนั้น  หากคุณปาโอ และเหล่าเพื่อนสมาชิกวัดพระธรรมกายอยากจะสอบสวนหาความจริง  มันไม่ได้มีอะไรยากเกินไปเล้ยยย..... อยู่ที่ว่า   อยากจะสอบสวนแต่ปากหรือเปล่าาาาาา ? คุณจิตพุทธก็บอกกล่าวไว้แล้วว่า   เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 3-6 พ.ค. 54 นี่เอง  สถานที่ก็ที่เขาใหญ่   มีรายละเอียดประมาณนี้แล้ว   ทำไมจะหาไม่ได้ ทีมงานที่ไปก็ล้วนแล้วแต่ผู้ถือศีลอย่างน้อยก็ศีลแปดทั้งนั้น  ทั้งทีม  แม้กระทั่งคุณจิตพุทธที่ไปก็ต้องถือศีลแปดเช่นกัน  และเท่าที่เคยฟังมาว่า  ทีมงานชาววัดพระธรรมกายหลายคน หลายท่านถือศีลแปดตลอดชีวิตก็มาก   อย่างน้อยสุดก็ศีล 5 วัดพระธรรมกายเป็นวัดใหญ่  มีทีมงานทำงานมากมาย  อีกทั้งเคยคุยเอาไว้ว่า ทำงานอย่างมีระบบ  มีระเบียบ  ใคร ๆ ก็รู้ตรงนี้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น  การที่ทีมงานของวัดพระธรรมกาย โดยมีพระสงฆ์ร่วมด้วยนั้น  จะต้องมีบันทึกการออกไปปฏิบัติงานว่า ทีมงานสายนี้ใครเป็นหัวหน้า ใครเป็นรอง สต๊าฟภายในทีมงานมีใครทำหน้าที่อะไร  ไปปฏิบัติภาระกิจที่ไหน  จะต้องมีบันทึกอยู่ที่วัดอยู่แล้ว คุณปาโอไปสอบถามตารางบันทึกการปฏิบัติงานที่ห้องธุรการของวัดก็ได้   เรื่องนี้ไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องไปสอบถามกับพระเดชพระคุณธัมมี่โดยตรง   อยู่ที่ว่า คุณปาโอ เอาจริงเอากับการที่จะสอบสวนตรงนี้หรือเปล่า ? ความคิดเห็นที่ 56    ........................................ ....................................... ...................................... CONFIRM ให้อีกที ถ้าใครก็ตามพิสูจน์ได้ว่า มีพระอาจารย์ของวัดพระธรรมกายถามศิษย์วัดว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ และลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ ใครที่พิสูจน์ได้ว่า พระอาจารย์ของวัดพระธรรมกายสอนแบบนี้จริง ระบุชื่อมาได้เลย เดี๋ยวไปคุยต่อให้ นอกจากจะออกจากวัดฯแล้ว ยินดีมอบเงินให้อีก 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ลงไว้ให้เป็นหลักฐาน ไม่เช่นนั้น จะถือว่า ข้อความ ที่พระอาจารย์พูดตามที่ขีดเส้นใต้นี้ สร้างเอง โกหก และใส่ความวัดฯ  ปล. แล้วถ้าข้อความนี้ โกหก  จขกท. และผู้เชียร์ มีอะไรจะรับผิดชอบบ้างหรือไม่จ๊ะ.....     จากคุณ : pa-o-toi-uan  เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 14:40:41  ถูกใจ : รักษาบรรยากาศ เรื่องนี้  คุณปาโอ  มิจำเป็นต้องวางเงินแสนเป็นเดิมพันหรอกครับ ศีลของพระ 227 ข้อที่ไปเป็นวิทยากรในวันนั้นเป็นเดิมพัน และสต๊าฟทีมงานที่ไปอีกกี่คน  ก็ถือศีล 8 ศีล 10 กันทั้งนั้น ใครเป็นใครที่ไปในวันนั้น  คุณปาโอไปสอบสวนทวนความเอาที่ห้องธุรการของวัดพระธรรมกายดูได้ ไม่จำเป็นต้องมาเรียกร้องถามหาหลักฐานเอากับคุณจิตพุทธ    เพราะคุณจิตพุทธเธอไปร่วมปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เธอมิได้เตรียมตัวเพื่อไปจับผิดทีมงานวัดพระธรรมกาย เมื่อเธอพบเห็นเรื่องราวที่ผิดปกติเช่นนี้  เธอจึงเอามาบอกกล่าว ว่า เธอรับไม่ได้ และผมเชื่อว่า คุณปาโอเองก็รับไม่ได้เช่นกันจึงได้ท้าพนันเดิมพันด้วยเงินสูงถึง 100,000 บาท คุณปาโอสบายใจได้เถิดว่า คุณปาโอไม่จำเป็นต้องใช้เงินแสนนั้นเดิมพันหรอก  คนที่ไปปฏิบัติธรรมนั้น  เขาไม่ได้มีเงินเป็นเดิมพัน  แต่เขามีศีล มีธรรม มีบุญ มีบารมี มีนรก มีสวรรค์ มีนิพพานเป็นเดิมพันกันทั้งนั้น ก่อนที่คุณปาโอจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าเรื่องราวข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง  คุณปาโอก็ควรไปสอบถามทีมงานที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวเสียก่อนเถิด ไปบอกทีมงานที่ไปในวันนั้นทั้งหมดให้เข้ามาอ่านกระทู้ของคุณจิตพุทธ จริงหรือเท็จทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเองดีอยู่แล้ว  เพราะทุกอย่างมีศีล มีธรรม มีบารมี มีสวรรค์ มีนิพพานเป็นเดิมพัน  หากใครผิดศีล หากใครละเมิดศีล  ย่อมที่จะมีหนทางที่ไปที่ห่างจากนิพพานเป็นเดิมพันอยู่แล้ว คนสมัยครั้งพุทธกาล   เห็นพระสงฆ์ปฏิบัตินอกลู่นอกทาง  มีอุบาสกอุบาสิกามาร้องเรียนต่อพระพุทธองค์ด้วยปาก  ไม่จำเป็นต้องมีคลิบวีดิโอเลย  ก็สามารถสอบสวนทวนความกันได้ จนเกิดพระวินัยบัญญัติมากมาย คุณปาโอมิจำเป็นต้องวางเงินแสนท้าหรอกครับ  รีบไปดำเนินการได้เลย ทั้งนี้เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่องของวัดพระธรรมกาย จากคุณ : ทวนทอง    เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 18:08:53  ถูกใจ : ทุกวินาที, R_may, กาหยี่ ความคิดเห็นที่ 329    เงินแสนที่จะวางเดิมพันนั้นนั่นน่ะ  เอาไปซื้อหนังสือตำรับตำราเรื่องมารยาทกับการสงบสติ เล่มละ 20 บาท ที่คุณปาโอว่านั่นและ  มันซื้อได้ ตั้ง 5,000 เ่ล่มเชียวนะครับ อ่านเล่มละเที่ยวสัก 5,000 เที่ยว  คุณปาโอก็คงไม่มารยาทดีขึ้นกว่านี้้ ความคิดเห็นที่ 322    .......................................................... .......................................................... .......................................................... ปล...มีตำรามารยาท กับการสงบสติ ขายนะ 20 บาทเอง....ไม่ชอบเสียตังค์เดี๋ยวให้ฟรี..... ...แม้ไร้คุณค่า.แต่มานี่เร้ววววว .....มาเหอะ จขกท. เค้าบอกแล้ว... หน้ามืดควันออกหูกันจนลืมเลย พี่ๆ... น้ำมันเหลืองตราต้นโพธิ์กันหน่อยเป็นไง... มาซิ มาเร้ววว http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10555349/Y10555349.html     แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 54 08:47:12 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 54 08:45:34 จากคุณ : HOT แบบไร้คุณค่า แต่ไม่ด่าใคร (pa-o-toi-uan)  เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 08:40:50  เพราะในความเห็นข้างบนนี้  คุณปาโอแสดงความเห็นอย่างไร้มารยาท  ปราศจากความสงบในสติอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง  เนื่องจากแสดงความเห็นแถกแถออกนอกลู่นอกทางจากประเด็นที่คุณจิตพุทธถามหาไปมาก ผมจึงต้องเข้ามาสกัดกั้นการแถกแถของคุณปาโอ  กี่ครั้งกี่หนคุณปาโอก็ไม่เคยที่จะปรับปรุงตัวเองให้มีมารยาทและสงบสติอารมณ์แสดงความเห็นในห้อยู่ในลู่ในทางเสียที คุณปาโอแสดงความเห็นในลักษณะนี้มากี่กระทู้กี่ความเห็นแล้ว  ผมสกัดกั้นหลายครั้ง  คุณปาโอก็ยังไม่รู้ตัว  มิหนำซ้ำยังมาเที่ยวป่วนแขวะแดกดันให้คนอื่นไปซื้อหนังสือเล่มข้างต้นไปอ่าน คนที่สมควรอ่านหนังสือ มารยาท กับการสงบสติ มากที่สุดคือคุณปาโอนั่นแหละ จากคุณ : ทวนทอง    เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 18:29:59  ถูกใจ : R_may จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 02:04:20

ความคิดเห็นที่ 6 จากวันนั้นมาถึงวันนี้  เวลาล่วงเลยมากว่าครึ่งค่อนเดือนแล้ว คุณ pa-o-toi-aun ไปสอบถามที่ห้องธุรการของวัดพระธรรมกายได้ความว่าไง  ก็มาเล่าให้ฟังกันบ้างสิครับ หรือว่า เพื่อนสมาชิกชาววัดพระธรรมกายท่านอื่่นไปสอบถามข้อมูลได้ความคืบหน้ามาอย่างไรบ้างก็มาเล่าให้ฟังด้วยสิครับ จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 02:07:51

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อนสมาชิกชาววัดพระธรรมกายที่จะเข้ามาตอบแสดงความเห็น  กรุณาตอบให้อยู่ในประเด็น อย่าได้เฉไฉไปเป็นอื่นอย่างในกระทู้ก่อน ๆ หน้านี้ มิฉะนั้นจะถูกลากไส้ออกมาอีกไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะคุณปาโอ นั้น  ขอให้รู้สำนึกทุกขณะจิตที่ตอบแสดงความเห็นด้วยน่ะครับ และพยายามบริกรรม "สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ๆ " พร้อม ๆ กับเพ่งลูกแก้วอย่างน้อย 30 นาที  ก่อนที่จะพิมพ์แสดงความเห็นเข้ามา  เนื้อหากระทู้มันจะได้อยู่ในกรอบในร่องในรอยซะที จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 02:13:02

ความคิดเห็นที่ 8 วิชชาธรรมกายไม่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย 1 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/254845 วิชชาธรรมกายไม่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย 2 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/254849 วิชชาธรรมกายไม่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย 3 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/255052 วิชชาธรรมกายไม่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย 4 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/256527 หนามยอกอกพระธัมชโย 1 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/348801 หนามยอกอกพระธัมชโย 2 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/348803 หนามยอกอกพระธัมชโย 3 http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/352788 และมีบทความว่าด้วยการสอนผิดพลาดของพระเดชพระคุณธัมมี่เป็นตอน ๆ อีก 13 ตอน  พร้อมกับบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายบทความ  ตามเข้าไปอ่านเวบไซต์ของ คุณมนัส โกมณฑา ดูได้ครับ http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand?page=2 จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 02:32:07

ความคิดเห็นที่ 9 เขาเป็นใหญ่ที่สุดในอเวจีมหานรกครับ คือตกนรกขุมที่ลึกที่สุด และรับโทษที่หนักที่สุด แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 02:57:44 จากคุณ : หมัดดาวใต้ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 02:57:10

ความคิดเห็นที่ 10 คงจะยาวนะคะเนี่ย จากคุณ : nan97 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 03:53:33

ความคิดเห็นที่ 11 อือม... กลับไปฟังซีดีเรื่อนรกต่อดีกว่า เห็นเขาว่าที่จองที่จองทางกันเยอะที่สุดก็พระนี่แหละ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 07:49:01

ความคิดเห็นที่ 12 โหวต จากคุณ : abhirakk เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 08:18:53

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นกระทู้คุณทวนทองที่ไรต้องรีบเข้ามาอ่านเลย ชักช้ากลับกระทู้หาย ^^ โหวตให้ซะเลยละกัน กันหาย จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 08:57:43

ความคิดเห็นที่ 14 ลงชื่อไว้ก่อนครับ จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 09:41:39

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตไว้ก่อน งานยุ่งมากวันนี้ เดี๋ยวมีอะไรจะเล่าให้ฟัง คนในครอบครัวเราเพิ่งเจอมากับตัวเองเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเอง สุดยอดกลยุทธ์การตลาดจริงๆ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 09:48:23

ความคิดเห็นที่ 16 ร่วมด้วยช่วยกันจ้ะ ทั้งโหวต ทั้งเก็บ จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 09:59:01

ความคิดเห็นที่ 17 รีบเข้ามามุง ก่อนที่กระทู้จะหาย  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 10:28:30

ความคิดเห็นที่ 18 เรียนคุณทวนทอง ผมสนใจหลักสูตร 18 กายใน 24 ชั่วโมง จะเปิดสอนช่วงไหนช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ ตรงเสาร์-อาทิตย์จะดีมากครับ จากคุณ : theliger เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 10:31:14

ความคิดเห็นที่ 19 รอฟังคุณ เนตังมม รีบกลับมาเล่าให้ฟังโดยด่วน :) จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 10:32:29

ความคิดเห็นที่ 20 ยิ่งใหญ่สุดใน 3 โลก ..  จริงๆ ครับ โลกแห่งเงิน โลกแห่งวัตถุ โลกแน่งอำนาจ จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 12:41:51

ความคิดเห็นที่ 21 เขาว่ามา คนขายแอมเวย์ไปธรรมกายกันก็เยอะ จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 12:44:49

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ^ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆอ่ะ   หัวหน้าศูนย์แถวบ้านเรา เธอก็เป็นคนขายแอมเวย์ เธอหาคนบวชได้เห่าไร ก็ชวนสมัครสมาชิกเท่านั้น  แม้แต่พวกเด็กดีวีสตาร์ เธอยังชวนมาสมัครเป็นสมาชิกเลย  ค่าสมาชิกนี่หลายร้อยนะจ๊ะ  เธอเคยมาชวนเรา เราหลงฟังอยู่ตั้งนาน ตอนหลังถึงชักแฟ้มและใบสมัครขึ้นมา เราถีงรู้ว่าแอมเวย์  พอเราปฏิเสธ  .....สีหน้าเธอแสดงความไม่พอใจทันที   (ก็ไม่บอกแต่แรกนี่ ว่าเป็นแอมเวย์  เราจะได้ปฏิเสธไปแต่แรก  ไม่ต้องมานั่งพูดซะยืดยาว) จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 13:04:25

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านยากดี จากคุณ : Poifhai@Thailand เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 13:18:38

ความคิดเห็นที่ 24 ผู้ที่เข้ามาใหม่ จะได้รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร ชาวพุทธสามัคคีกันปกป้องพระพุทธศาสนา ขออนุญาตนำ คห 123 มาลงไว้ในลำดับ คห ต้นๆ... ..ขออนุญาต กลับเข้ากระทู้ชั่วคราว... ..ผมมีความรู้สึกว่า ต้องมีคน "เข้าใจผิด"ว่า   ที่มีคนวิพากษ์วิจารย์เรื่องนี้แล้ว ห้ามทำบุญ... เรามาดูในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามไม่ให้เราทำบุญในลัทธิหรือศาสนาอื่นๆ เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมแล้ว ทำให้คนนั้นเกิดสัมมาทิฎฐิในพระธรรมของพระองค์เรียบร้อยแล้ว    พวกเขาบอกเขาจะเลิกทำบุญกับอาจารย์เจ้าลัทธิเองค์เดิมของเขา   พระองค์ยังทรงห้ามไว้ให้พิจารณาดีๆ และให้เคารพอาจารย์เจ้าลัทธิเหมือนเดิม  ให้ทำบุญได้เหมือนเดิม   .... ต้องรู้ "ความแตกต่าง"  .....จำประโยคนี้เอาไว้ครับ  "ธรรมและวินัยในพระพุทธศาสนาที่แท้เท่านั้น ทำให้พ้นทุกข์ได้"... ....มองดูดีๆนะครับ   "ไม่ได้ห้ามทำบุญ" แต่  ต้องรู้ "ความแตกต่าง" ว่า วัดใดคือวัดในพระพุทธศาสนา     วัดใดไม่ใช่พระพุทธศาสนา   วัดใดแอบอ้างเอาคำสอนพระพุทธศาสนามาสอนผิดๆ(ในทุกเรื่อง ตั้งแต่ ทาน ศีล ภาวนา).... มีลูก  มีหลาน  มีญาติ  บอกเขา(จิตของเขาจะรับรู้)ว่า   ทำบุญก็ทำได้  แต่ให้เขาทราบว่า ลัทธินี้ "ไม่ใช่พระพุทธศาสนา"   ...ไม่ได้ห้ามทำบุญครับ... แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 15:18:01 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 13:26:07 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 13:25:19 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 13:22:03

ความคิดเห็นที่ 25 ลงชื่อตามอ่านด้วยคนค่ะ.. ..เปิดหูเปิดตาค่ะ..คนแถวบ้าน จนไปหลายรายเหมือนกันค่ะ กับวัดพระธรรมกาย..ตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวกันบ้างแล้ว.. เดอะซีรี่..ยาวเลยนะค่ะเนี๊ยะ.... จากคุณ : บัวบานที่ปลายนา เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:09:01

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็จะมาเพื่อ อนุโมทนากับวัดพระธรรมกาย ครับ 555+ จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:26:54

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาให้กำลังใจ คุณทวนทองครับ คนตาใส ใจมืดบอด คิดว่า มีเงิน ก็ซื้อบุญได้ มีเยอะมาก น่าเวทนามาก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อ จนกว่าจะหมดตัว ค่อยสำนึก จากคุณ : Seeing เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:29:30

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ theliger คห.18  เรื่องจะเข้าไปอบรมวิชชาธรรมกายสายอาจารย์การุณย์นั้น  ลองรายละเอียดข้างล่างนี้น่ะครับ  สำหรับวันและกำหนดเวลาการฝึกอบรมนั้น  ลองค้นหารายละเอียดในเวบไซต์ของคุณมนัส โกมลฑา ที่แนบมาในกระทู้นี้ดูน่ะครับ เรียน คุณ 456 [IP: 203.185.131.97] อยากเห็นวันที่ นายไชยบูลย์ ตาย ๆ ไปซักที่ แผ่นดินจะได้สูงขึ้น เร็ว ๆ นี้แหละครับ ธาตุธรรมท่านบอกว่า ไชยบูลย์นี่จะปุบปับแล้วก็ตายไปเลย ไม่มีโอกาสแก้ไข คำว่า ธาตุธรรม หมายถึง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จักรพรรดิทุกพระองค์   ทำไมไชยบูลย์ถึงจะต้องปุบปับตายไปเลย เนื่องจากตอนนี้ ธาตุธรรมดับกายละเอียดของไชยบูลย์ทั้ง 17 กายไปแล้ว  กายละเอียดภายในจึงไม่สามารถช่วยกายเนื้อได้ ใจเย็นนิดหนึ่ง เพราะ ตอนนี้สถานการณ์ของไชยบูลย์ก็เข้าขั้นตกต่ำสุด ๆ แล้ว เมื่อเทียบกับยุคที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่คุณผ่อง และหลวงพี่ฉัตรสึกออกมาตอนกลางพรรษานั่นแหละ ไชยบูลย์สั่นสะเทือนสุด ๆ  สำหรับความลับอื่น ๆ ผมจะค่อย ๆ นำมาเปิดเผย   เรียน คุณ PT [IP: 203.185.131.97] ทางแก้มีดังนี้ ไชยบูลย์พูดเสมอว่า "ต้องการให้คนเห็นดวงธรรม" ตามคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ การที่ไชยบูลย์เรี่ยไรบ้าเลือดมหาศาล ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ ต้องการให้คนเห็นดวงธรรม แต่ไชยบูลย์ก็ไม่สามารถสอนให้ใครเห็นดวงปฐมมรรคได้เลย เพราะ ไชยบูลย์อาศัยเพียงชื่อของหลวงพ่อวัดปากน้ำเท่านั้น พวกผมเปิดอบรมเพียงวันเดียวก็สามารถสอนให้คนเห็นดวงธรรม กายธรรม เห็นพระพุทธเจ้า ได้รับรัตนะเจ็ดจากพระองค์ได้  ภายในวันเดียวเท่านั้น เราเปิดอบรมที่บ้านเธียรสวน ในซอยพหลโยธิน 54  ตรงข้ามตลาดยิ่งเจริญ ดูรายละเอียดที่นี่ http://gotoknow.org/blog/meditation-thammakai/435464 ลองแนะนำให้เพื่อนของคุณเข้ามาฝึกดู  เพียงวันเดียวเท่านั้น  หยุดไปวัดพระธรรมกายสักวันหนึ่ง  มีหลาย ๆ คนในระยะแรก ตอนเช้าไปวัด ตอนบ่ายมาฝึกกับเรา ก็เห็นดวงธรรม เห็นกายธรรมได้ พอเราอธิบายความไม่ชอบมาพากลของไชยบูลย์ให้ฟัง  คนที่เข้าใจแล้ว ก็ไม่เข้าวัดอีกเลย คนที่มาฝึกกับเราเป็นประจำ (เราเปิดอบรมทุกเดือน) ส่วนใหญ่มาจากวัดพระธรรมกายทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม  คุณลองมาฝึกดูก่อนก็ได้ จะได้มีความรู้ไปบอกเพื่อนได้อย่างละเอียด ไม่ต้องเสียเงินค่าอบรมใด ๆ เลี้ยงข้าวกลางวันฟรีด้วย บุญนั้น เราสามารถหาได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน http://www.gotoknow.org/blog/dhammakaya-misunderstand/352788 อืมมม์  อยากจะแจกกิฟท์ให้เพื่อนสมาชิกที่เข้ามาแสดงความเห็นในหลาย ๆ ความเห็น  แต่กิฟท์ผมหมดไปตั้งแต่เมื่อวานซืนนี้แล้วล่ะครับ   ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่สามารถแจกกิฟท์ให้ใคร ๆ ได้ ใครแสดงความเห็นถูกต้องทั้งในหลักธรรมชาติ หลักกฎหมาย หรือถูกต้องตามหลักขนบธรรมเนียมประเพณี  และถูกใจผมด้วย   ผมก็แจกกิฟท์ทันทีทันใด  กิฟท์ผมจึงหมดไปอย่างรวดเร็ว  ถ้าผมได้เข้ามาในเวบบอร์ด Pantip ในช่วงต้น ๆ เดือนกิฟท์ผมก็จะหมดไปภายในระยะไม่เกิน 10 วันแรกของเดือน   แต่เดือนนี้มีความเห็นที่ถูกใจมากมาย  กิฟท์เลยถูกแจกจ่ายไปหมดตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2554 แล้วล่ะครับ ผมอยากจะขอกิฟท์จาก Pantip สักเดือนละ 500-1,000 กิฟท์  จะได้พอแจกทั้งเดือน  จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:56:15

ความคิดเห็นที่ 29 สีของตัวอักษรมันอ่านยากจังค่ะ ป๋าทวน จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:58:38

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่แปลกใจ # 26 หรอก  สาวกจานบินที่ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้้น  อวยยานแม่ในทุกกรณี ทำเป็นดื้อตาใส เจื้อยแจ้วไปเรื่อย แปลกใจว่า "ป้าปาโอ" ทำไมซ่าๆ ไปล่ะ  เขิลลล เหรอคะคุณป้า  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:01:08

ความคิดเห็นที่ 31 เจอสีตัวอักษร ตาแทบเหล่เลยค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงนาฬิกา เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:24:08

ความคิดเห็นที่ 32 นิดเดียว... แนะว่า COPY มาควร ปรับFONT ก่อนเพราะ ระบบRich Mode ไม่ค่อย SUPPORT จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:24:17

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^ ^ ^ นับตั้งแต่คุณจิตพุทธตั้งกระทู้ Y10530971 พระวัดพระธรรมกายสอนอย่างนี้ รับไม่ได้จริง ๆ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10530971/Y10530971.html ถึงวันนี้ก็ครบ 1 เดือนพอดีครับ คุณ pa-o-toi-aun คงจะได้มีโอกาสขับรถไปส่งคุณแม่ไปวัดพระธรรมกายหลายครั้งหลายหนแล้ว  ผมฝากให้คุณปาโอแวะเวียนเข้าไปสอบถามฝ่ายธุรการของวัดพระธรรมกาย  เกี่ยวกับทีมงานที่ไปจัดกิจกรรมที่เขาใหญ่ตามกำหนดการที่คุณจิตพุทธกล่าวไว้ในกระทู้นั้น  หวังว่า คุณปาโอและเหล่าสานุศิษย์วัดพระธรรมกายคงรู้คำตอบกันแล้วว่า มีเจ้าหน้าที่ของวัดคนไหนไปกันมั่ง  และมีการจัดกิจกรรม  มีการสอบถามอะไร ๆ ตามที่คุณจิตพุทธเล่าไว้นั้น การเงียบงันของบรรดาสานุศิษย์อย่างคุณ ๆ ทั้งหลายนั่นแหละคือคำตอบชัดเจนที่สุดอย่างที่คุณมนัส โกมลฑากล่าวไว้นั้นแหละ คุณ ๆ สานุศิษย์ทั้งหลายคงรู้คำตอบแล้ว  และพวกเราทั้งหลายก็รู้คำตอบจากการเงียบงันของคุณ ๆ สานุศิษย์ทั้งหลายนี่แหละ คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดว่า มันเป็นความจริงทั้งนั้น   การเงียบของคุณ ๆ ทั้งหลายเป็นการตอกย้ำความจริงตามที่คุณจิตพุทธเล่าไว้ทุกประการ  ผมเชื่อเช่นนั้นล้านเปอร์เซ็นต์ครับ จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:41:19

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่น่าเชื่อว่าคนได้ 18 กายอย่างคุณทวนทองจะไม่เข้าใจว่า การอธิษฐานให้ฟ้าผ่าคนอื่นเป็นสิ่งที่ธาตุธรรมฝ่ายขาวไม่อนุญาตให้ทำ ทั้งการแช่งชักหักกระดูกให้ผู้อื่นตายวันตายพรุ่งเป็นการสอนสั่งจากสายของอ.การุญ ถ้าใจเราไม่เป็นกลาง ก็จะเอียงไปทางขาวกับทางดำ เท่าที่อ่านมาเห็นใจที่ร้อนรุ่มของคุณทวนทองเอียงไปทางดำมากกว่าขาว คงต้องใช้เวลาสะสางธาตุธรรมให้สะอาดบริสุทธิ์อีกพอสมควร รักษาใจหน่อยค่ะ สอนคนอื่นสอนได้ อย่าลืมสอนตัวเอง อย่าลืมว่าในบอร์ดนี้คนไม่เชื่อถือวิชชาธรรมกายมีมากเท่าผืนเสื่อ จากคุณ : โคโรญ4711 (catwoman007) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:21:48

ความคิดเห็นที่ 35 ู ู ถึง คนที่ไม่เชื่อถือวิชาธรรมกาย-"สูตรวัดธรรมกาย" จะมีมากเท่าผื่นเสื่อ .. แต่ถ้าเสื่อต่อกันหลายๆผืน ก็สามารถมีมากเท่าผืนดิน ได้นะครับ จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:30:27

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ ทวนทอง โจมตีวัดธรรมกายมาหลายปีแหละ ตั้งแต่มีคนเข้าวัดเป็นหมื่น ตอนนี้เขาทำพิธีครั้งหนึ่งมาเป็นหลายแสน ถ้ามาเป็นล้าน  ท่านทวนทองคงเขียนไม่รู้เรื่อง ไม่แน่อาจเอาเลือดเขียนก็ได้นะ 55555 ล้อเล่นนะครับ(ถ้าโกรธขอโทษอย่างแรง) แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 16:36:42 จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:35:54

ความคิดเห็นที่ 37 วิธีอ่านสีอักษรที่ยากๆ ให้ป้ายตัวอักษรทั้งหมดครับ(คลิ๊กเมาส์ค้างแล้วลากคลุมตัวอักษร) ตัวอักษรจะกลายเป็นสีขาวให้อ่านได้ง่ายขึ้นครับ ธุรกิจที่หากินกับตัณหา และความโลภของคน จะเจริญเติบโตได้ดี จากคุณ : Garcinia เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:52:19

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าสอนถูกทางจริง ๆ ป่านนี้พระอริยะเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว ก็ปริมาณเยอะซะขนาดนั้น แต่ผมเห็นสาวกลัทธินี้แต่ละคน สติยังไม่มีกันเลย เวลาเดินก็เหม่อ ๆ หลง ๆ มานะอัตตาก็เยอะ เอาปริมาณมาชี้วัดไม่ได้หรอกครับ แต่ก็นะ เจ้าลัทธิเป็นยังไง สาวกก็เป็นงั้นล่ะ ถูกของเขาแล้ว ก็เขาเลือกที่จะดำเนินไปอย่างนั้น ดำเนินแบบ "ฝันในฝัน" จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:55:04

ความคิดเห็นที่ 39 จะดราม่าไหมหนอ ? จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 17:30:09

ความคิดเห็นที่ 40 เคยขับรถผ่าน นึกว่า สถานที่ถ่ายทำ independence day เรื่องเศร้า.. ของชาวพุทธกึ่งศตวรรษโดยแท้ จากคุณ : zenzen เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 18:07:25

ความคิดเห็นที่ 41 คุณคห. 36 ครับ แล้วปัจจุบันนี้   คนที่เข้าวัดคลอง 3 นี่    กิเลสมากขึ้น  หรือ  ลดลง ? ที่สำคัญ    ฉลาดขึ้น  หรือ  โง่งมงาย  มากกว่าเดิม ? จากคุณ : คนโบราณนานมาแล้ว เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 19:24:46

ความคิดเห็นที่ 42 ชาวพุธหรือชาวพุทธ? http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10641261/Y10641261.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10630912/Y10630912.html "คนชั่วยามที่ทำบาปย่อมรู้สึกสนุกกับสิ่งที่กระทำ  แต่เมื่อวิบากกรรมตามมาถึงย่อมประสบทุกข์อย่างแสนสาหัส" แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 19:46:49 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 19:46:20 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 19:40:52

ความคิดเห็นที่ 43 ระวังครับ หลังเลือกตั้ง  ทีมงานวัดนี้ จะเข้าครอบงำกรมศาสนา การกวาดต้อน นักเรียน ชาวบ้าน เข้าล้างสมองคงคึกคัก งานนี้ชาวพุทธ(แท้ๆ)  ต้องรวมพลังกันครับ จากคุณ : misery เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 19:51:05

ความคิดเห็นที่ 44 เรียนคุณ misery   เงินอาจจะ "ซื้อ" ผู้ที่ต้องการผลประโยชน์ได้ แต่ไม่อาจ "ซื้อ"ใจของชาวพุทธ(แท้ๆ)ได้ครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 19:56:00

ความคิดเห็นที่ 45 คนอย่างนี้นะหรือ ที่เป็นใหญ่ที่สุดในภพสาม ? """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ตอนนี้ เค้าจะมาเป็นใหญ่ในไทย ถ้า...เป็นไปตามแผน ศาสนาพุทธในไทย คงสั่นคลอนครั้งใหญ่ จุดเขื่อมโยง>>>> http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/09/Y5870185/Y5870185.html http://www.oknation.net/blog/print.php?id=261388 จากคุณ : misery เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 19:57:45

ความคิดเห็นที่ 46 ผมขอถามคำเดียวครับ.... คุณทวนทองเคยทะเลาะอะไรกับคนวัดพระธรรมกายหรือเปล่าครับ...คงจะทำให้เจ็บหัวใจน่าดู.... รักษาจิตบ้างนะครับ .... ศาสนาพุทธไม่ได้สอนอย่างนี้หนิครับ.... จากคุณ : ร่มธรรม เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 20:14:12

ความคิดเห็นที่ 47 ขอถามด้วยคนค่ะ  คุณร่มธรรมเคยทะเลาะอะไรกับพระพุทธศาสนาบ้างหรือเปล่าคะ ทำไมจึงสนับสนุน "ลัทธิปลวก" ที่มาเกาะแทะพระพุทธศาสนาทำมาหากิน  ?? จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 20:24:58

ความคิดเห็นที่ 48  ลัทธิปลวก   ........................................................... ลัทธิปลวก พวกนั้น นั่นใช่แล้ว คงไม่แคล้ว ขายบุญ นายทุนใหญ่ คำจ๊ะจ๋า ตัวข้า นั้นคือใคร ผู้ยิ่งใหญ่ ในสามโลก เรื่องโปกฮา ................................... จากคุณ : misery เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 20:46:29

ความคิดเห็นที่ 49 วันนี้เป็นวันแรกที่เรารู้สึกสงสาร ผู้ที่ชื่อว่า ธัมมชโย จริงๆนะ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จะเข้ามาเล่าเรื่องดังที่บอกไว้ ปกติทุกวันอาทิตย์จะไปทำบุญกับแม่ที่วัดป่า แต่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้แม่บอกว่าจะไปปฎิบัติธรรมมีเพื่อนมาชวนไปวันศุกร์กลับวันอาทิตย์ ชื่อวัดที่ไป สมมุติว่า ขื่อ วัด A ซึ่งวัดนี้ใหญ่และเป็นที่รู้จักในระแวกนี้ เราก็รับรู้แล้วว่าท่านจะไปไหน  เมื่อวานแม่กลับมาก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้างไปปฎิบัติธรรม แม่ส่งใบประกาศให้ดู บวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ล้านคน วัดธรรมกายมีชื่อแม่เราอยู่ในนั้นใบประกาศ อ้าวเราก็งง ถามแม่ว่าทำไมไปวัดธรรมกาย ท่านก็ตอบว่าไปปฎิบัติธรรมที่วัด A จนถึงวันอาทิตย์เช้าและก็เขาก็พาไปวัดธรรมกายทั้งวันเพราะต้องไปรับสไบแก้ว ถามว่ารู้ไหมว่าปฎิบัติธรรมครั้งนี้เป็นของวัดธรรมกาย ท่านตอบว่าไม่รู้ เพื่อนๆบอกตอนเย็นๆของวันศุกร์เมื่อถึงวัด A แล้ว บอกว่าจะปฎิบัติธรรมที่นี่ แต่วันอาทิตย์ต้องไปรับ สไบแก้วที่วัดธรรมกาย   เราก็ถามแม่ว่าแล้วทำบุญไปเยอะไหม แม่บอกว่าเคยได้ยินลูกพูดว่าวัดธรรมกายชอบให้ทำบุญด้วยเงินเยอะๆ ก็เลยไม่ได้ทำแต่เห็นในวัดมีขายสร้อยเอาเงินเข้าวัดเส้นละ 300 บาทคนแย่งซื้อเต็มเลยแต่แม่เคยเห็นขายในตลาดแค่ เส้นละ 50-100ก็ไม่ซื้อ  แต่ทำบุญถวายให้ที่วัด A ไปเพื่อช่วยเหลือวัด แต่ได้ข่าวว่ารายได้วัด Aไม่พอค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติธรรมตรั้งนี้ ส่วนต่างไปเบิกที่วัดธรรมกาย เพราะเป็นโครงการของวัดธรรมกาย แม่บอกว่าอยากกลับมากแต่กลับออกมาลำบากก็เลยต้องอยู่จนเย็นคนเยอะมากเลยเต็มไปหมดพระก็เยอะ และบอกว่าพวกเพื่อนๆพาไปพบ เจ้าอาวาสด้วยเห็นใกล้ๆ หน้าตาเหมือนอายุสัก 40ปี ผิวพรรณดีมาก  แต่งานนี้คนมากจริงๆมาเป็นรถบัสทั่วประเทศ  คนที่พาไปก็จ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆค่ารถด้วย คือคนที่พาแม่ไปศรัทธามากๆ  และในกลุ่มที่ไปก็มีพวกที่ครั้งแรกที่ไปก็ชอบวัดธรรมกายทั้งนั้น แต่แม่เราก็คงแค่ครั้งนี้แหละ  แม่เล่าว่าเคยไปมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งสัก 2ปีที่แล้วตอนนั้นเขาก็ชวนทำบุญแต่ละคนจ่ายหนักๆทั้งนั้นเลยถ้าเราจ่ายน้อยก็อายเขาแต่ก็จำได้อีกว่าลูกเคยบอกระวังวัดนี้ชอบให้ทำบุญเยอะ ๆก็ทำไปตามมารยาทนิดหน่อยและไม่ไปอีกเลย  พ่อก็เคยไปครั้งหนึ่งก็เจอชวนทำบุญแต่ก็ไม่ทำเยอะเพราะได้ยินว่าลูกบอกไว้เช่นกัน     ก็อย่างว่าพวกท่านสาวกวัดธรรมกายเจ๋งจริงๆนะ ที่สามารถหาคนเข้าวัดเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านโดยที่บางคนไม่ได้ต้องการจะไป   แม่ถามเราว่าไม่รู้เขาเอาเงินจากที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายจัดงานใหญ่โตขนาดนั้น?? ต้องใช้เงินมากจริงๆ   นั่นซินะ! วัดธรรมกายมีรายได้อะไร มีเงินมาเลี้ยงคนได้จำนวนมากมายขนาดนั้น  และไอ้ความยิ่งใหญ่ที่มีคนเข้าวัดเป็นแสนเป็นล้านด้วยวิธีแบบนี้ ขณะที่บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปวัดนี้   นั้นคือความภูมิใจของท่านซินะก็ดูความคิดเห็นที่ 36 พูดด้วยความภาคภูมิใจมากเลย ศรัทธาล้นหลามมาเป็นล้านคน      บอกตามตรงเราสงสารคนที่ชื่อธัมมชโย มากเลย สมเพชสาวกของธรรมกายที่ใช้วิธีแบบนี้หาคนเข้าวัด สร้างความนับถือศรัทธา จากการสร้างภาพ และหาทรัพย์ต่อไป ความยิ่งใหญ่ที่มีคนมากมายไปณ วัดแห่งนี้ มีสาวกที่รักมากแบบนี้ มีหน้าตาผิวพรรณดีแบบนี้ ครั่งใคร้ในความเป็นสงฆ์ มีความฉลาดคิดหาวิธีให้คนมานับถือ แต่พวกท่านกลับไม่เข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์  ไม่ใช้ความฉลาด  ความมีบุคคลิกที่ดีทำกุศลที่เป็นกุศล  แต่กลับสร้างแต่วิบากกรรมใช้พุทธศาสนามาหาผลประโยชน์  ใช้อุบายอาศัย ความโลภของคนมาหาผลประโยชน์ เพื่อความยิ่งใหญ่   ลาภ ยศ สรรเสริญ เงินทอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีความเสื่อมถอย  แต่กลับจมอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทั้งชีวิต  ช่างน่าเสียดายโอกาสของการเกิดเป็นมนุษย์ น่าเสียดายที่ตนเองมีบารมีกลับนำไปใช้ในทางที่หลงไป ผิดไป และไม่สามารถสำนึกได้เอง กลับพยายามทำต่อไปเพราะเชื่อว่านั้นคือทางที่ถูก   ช่างน่าสงสารจริงๆ ใช่ไหมคนแบบนี้ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:06:23

ความคิดเห็นที่ 50 จากคุณ : kingkiev เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:33:41

ความคิดเห็นที่ 51 คุณคห.46 ครับ ผมคนหนึ่งหละครับที่ไม่เคยทะเลาะกับวัดนี้   เคยทำบุญวัดนี้เป็นตัวเลข 6 หลักขึ้น   ทองคำอีกหลายบาท บวชธรรมทายาทก็เคย  เข้าวัดนี้ตั้งแต่ปี 2524 แต่บอกตรง ๆ หลังจากเจอวิชชาธรรมกายของแท้  พบมโนยิทธิของจริง   ประสพพบเจอครูบาอาจารย์  ที่ท่านเป็นพระแท้หลายท่าน บอกตรง ๆ  ผมคนหนึ่งหละครับ  ขอต่อต้าน  พระปลอม (ไชยบูลย์)  ตลอดชีวิต นี่ถ้ายายจันทร์ (ขี้โม้)  ยังไม่ตาย  ก็จะขอต่อต้านในความโกหกหลอกลวงของเธอด้วย นี่เห็นว่าแกตายไปก็ทุกข์ทรมานที่  "เซฟ"  มากพอแล้วไม่อยากซ้ำเติม คนไหนปฎิญาณปกป้องว่า พระปลอม  (ไชยบูลย์) เป็นคนดี     ก็ขอให้กล้า ๆ ฝึกสมาธิแบบเอาจริงเอาจังหน่อย  อย่ามัวแต่ มาผายลมปกป้องคนชั่ว เหน็บแนมคนดี  ที่เขามีความปราถนาดีปกป้องพระศาสนา  คุ้มกันผู้คนไม่ให้ตกเป็น เหยื่อของพวกบ้า โลภ หลง    กล้าบังอาจจาบจ้วง   แม้กระทั่งพระบรมศาสดา  หรือ สมเด็จพระสังฆราช   สร้างความแตกแยกในบวรพุทธศาสนา  ตั้งตัวเป็นผู้ยิ่งให่ญใน 3 ภพ กล้า ๆ  หน่อย  ยังไม่เคยมีใครตายเพราะนั่งสมาธิ  เอาแบบที่  พระปลอม กับ ทัตตชี โว   ชอบพูดก็ได้   ชาติสุดท้ายถวายชีวิตไปเลย  แต่ไม่ใช่ให้บริจาคเงินนะ   ให้นั่งสมาธิ   ฝึกวิชชาไหนแบบไหนก็ได้    สรุปสุดท้ายก็พบของจริงเหมือน ๆ กัน จากคุณ : คนโบราณนานมาแล้ว เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 01:11:45

ความคิดเห็นที่ 52 เรียนคุณเนตังมม คห 49       ไม่ต้องแปลกใจครับ ถึงปริมาณที่มาก นับตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล มาถึงยุคปัจจุบัน "คนโง่มากกว่าคนฉลาด" ...............ลองมาอ่านเรื่อง สัญชัยปริพาชกดูครับ.......... สัญชัยปริพาชก เป็นอาจารย์เดิมของ ท่านอุปติสสะ(หรือหลังจากบวชในพระพุทธศาสนา คือ ท่านพระสารีบุตร (อัครสาวกเบื้องขวาผู้เลิศในทางปัญญา) และ ยังเป็นอาจารย์เดิมของ ท่านโกลิตมาณพ (หรือหลังจากบวชในพระพุทธศาสนา คือ ท่านพระโมคคัลลานะ(อัครสาวกเบื้องซ้ายผู้เลิศในทางฤทธิ์)))..... ...มาณพทั้งสอง(ก่อนที่จะบวชในพระพุทธศาสนา)ได้ไปชักชวนสัญชัยปริพาชก ให้ไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าด้วยกัน แต่สัญชัยปริพาชกไม่ยอมไป มาณพทั้งสองก็รบเร้าว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ตรัสรู้เอง เป็นผู้รู้แจ้งจริง ต่อไปคนทั้งหลายจะหลั่งไหลไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า แล้วอาจารย์จะอยู่ได้อย่างไร สัญชัยปริพาชกจึงถามว่า ในโลกนี้คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก มาณพทั้งสองได้ตอบว่า "คนโง่มากกว่า" สัญชัยปริพาชกจึงกล่าวแก่มาณพทั้งสองว่า "ปล่อยให้คนฉลาดไปเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ให้คนโง่ซึ่งมีจำนวนมากกว่ามาเป็นลูกศิษย์ของเรา เราจะได้รับเครื่องสักการะจากคนจำนวนมาก คนฉลาดอย่างเธอทั้งสองจะไปเป็นศิษย์ของพระสมณโคดมก็ตามใจ" จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 06:14:41

ความคิดเห็นที่ 53 กระทู้นี้ผมตั้งใจมาตามความคืบหน้าต่อเนื่องจากกระทู้ของคุณจิตพุทธน่ะครับ ความคิดเห็นที่ 26    ผมก็จะมาเพื่อ อนุโมทนากับวัดพระธรรมกาย ครับ  555+ จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี   เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:26:54  คุณปทุมฉัตรสหัสรังษี  คงหมายรวมอนุโมทนาไปถึงกรณีที่เกิดขึ้นที่เขาใหญ่ที่สานุศิษย์พากันยกย่องให้พระเดชพระคุณธัมมี่เ็ป็นผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพด้วยช่วยไหมครับ ?    พอดีผมเข้าไปอ่านเวบบล็อคของคุณมนัส โกมลฑา ที่เกี่ยวข้องกับกระทู้ของคุณจิตพุทธเข้า   ผมก็เลยนำมาประกอบกระทู้  พร้อมกับทวงถามคำตอบจากคุณปาโอ และเหล่าเพื่อนสมาชิกวัดพระธรรมกาย ว่า ตลอดระยะเวลา 1 เดือนมานี้  มีเพื่อนสมาชิกชาววัดพระธรรมกายผู้ใดเข้าไปสอบถามกับฝ่ายธุรการของวัดพระธรรมกายแล้วหรือยังว่า มีทีมงานของใคร ผู้ใด ไปจัดกิจกรรมที่รีสอร์ทหรูที่เขาใหญ่หรือไม่ ? นั่นเป็นประการที่ 1 ที่ผมต้องการสอบถามความคืบหน้า  แต่เมื่อผมเข้ามาอ่านกระทู้  แทนที่คุณปทุมฉัตรสหัสรังษีจะเข้ามาให้ความกระจ่าง กลับกลายเป็นเข้ามาอนุโมทนากับวัดพระธรรมกาย  นั่นก็แปลว่า คุณปทุมฉัตรอนุโมทนากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เขาใหญ่ด้วยใช่ไหมครับ ?   งั้นผมก็จะได้ร่วมอนุโมทนากับคุณมนัส โกมลฑาเช่นกันครับ ประการที่สอง ก็คือ การร้องแรกแหกกะเฌอของคุณปาโอในกระทู้คุณจิตพุทธเพื่่อขอหลักฐาน  พร้อมท้าพนันเดิมพันเป็นเงิน 100,000 บาท  พร้อมกับมีเพื่อนสมาชิกท่านอื่นเข้ามาร่วมเรียกร้องให้เอาหลักฐานมาแสดงนั้น   นั่นเป็นการแสดงออกว่า คุณ ๆ สานุศิษย์วัดพระธรรมกายในเวบบอร์ดแห่งนี้ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่พระสงฆ์ของวัดพระธรรมกายและสานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายเหล่านั้นยกย่องให้พระเดชพระคุณธัมมี่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 3 ภพ  ดังนั้น เมื่อเพื่อนสมาชิกวัดพระธรรมกายในเวบบอร์ด Pantip แห่งนี้  เห็นว่า  การยกย่องให้พระเดชพระคุณธัมมี่ใหญ่ที่สุดใน 3 ภพ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องไม่เหมาะสม  ผมก็อยากจะรู้ว่า เพื่อนสมาชิกวัดพระธรรมกายในเวบบอร์ดแห่งนี้ ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อพระสงฆ์และเหล่าสานุศิษย์ที่จัดกิจกรรมที่รีสอร์ทแห่งนั้นอย่างใดบ้าง   เพื่อที่นักจัดกิจกรรมของวัดพระธรรมกายจะได้ไม่กระทำผิดพลาดซ้ำ ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป  และจะได้ไม่มีใครร่วมอนุโมทนาผิด ๆ อย่างที่คุณปทุมฉัตสหัสรังษีเข้ามาอนุโมทนาใน คห. 26 ประการที่สาม การที่พระสงฆ์ของวัดพระธรรมกายให้การยอมรับต่อการที่สานุศิษย์วัดพระธรรมกายยกย่องให้พระเดชพระคุณธัมมี่ใหญ่สุดใน 3 ภพโดยไม่คัดค้าน ไม่ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องต่อเหล่าสานุศิษย์เหล่านั้น  คล้ายกับว่า พระสงฆ์ของวัดพระธรรมกายที่เป็นวิทยากรจัดกิจกรรมครั้งนี้เห็นดีเห็นงามว่า พระเดชพระคุณธัมมี่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 3 ภพไปด้วยโดยปริยายจริง ๆ   นั่นก็หมายถึงว่า พระสงฆ์ผู้เป็นวิทยากรรูปนั้นให้การยอมรับว่า พระเดชพระคุณธัมมี่ยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า  แม้ท่านจะไม่พูดตรง ๆ   แต่ท่านไม่แสดงความรู้ที่ถูกต้องแก่สานุศิษย์เหล่านั้่น  เท่ากับว่า พระสงฆ์รูปนั้นกำลังปรามาสต่อพระพุทธองค์โดยตรง  เป็นการปรามาสว่า พระพุทธองค์อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าพระเดชพระคุณธัมมี่  ผมก็อยากจะถามพระสงฆ์รูปนั้นยังพระสังฆสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันอยู่อีกหรือ จึงกล้าปรามาสพระพุทธองค์โดยอ้อมอย่างนี้  ถ้าคิดว่า ยังเป็นพระสังฆสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันอยู่  ก็สมควรขอขมาต่อพระพุทองค์และพระรัตนตรัยอย่างเป็นทางการด้วยนะครับ  รวมทั้งคุณปทุมฉัตรสหัสรังษีที่ร่วมอนุโมทนา  ถ้าคุณคิดว่า ยังเป็นพุทธบริษัทของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ก็ต้องขอขมาต่อพระพุทธองค์และพระรัตนตรัยด้วยนะครับ    แต่ถ้าคุณไม่คิดจะขอขมาต่อพระพุทธเจ้าและพระรัตนตรัย  ก็สรุปความได้ว่า คุณได้ออกจากการเป็นพุทธบริษัทของศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไปแล้ว  แม้กระทั่งพระเดชพระคุณธัมมี่นั่นก็เหมือนกันที่ได้กระทำผิดต่อพระพุทธองค์มามากอย่างไม่รู้จักการละอายต่อบาปกลายเป็นคนเก้อ-ยาก  ภาษาชาวบ้าน ๆ เรียกว่า หน้าด้านหน้าทนที่แฝงอยู่ในกมลสันดารโดยแท้น่ะครับ  กระทำสังฆเภท กระทำสัทธรรมปฏิรูป เที่ยวปล่อยให้พระลูกวัดสั่งสอนธรรมผิด ๆ ที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ โดยอ้างว่า คำสั่งสอนเหล่านั้นเป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์  กระทำการอย่่างนี้ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่รู้สำนึกด้วยความเก้อ-ยากในกมลสันดานอย่างแท้จริง จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:22:58

ความคิดเห็นที่ 54 อนุโมทนา วัดพระธรรมกาย... ตลอดไป... คนเรา ถ้ารู้ ก็คงไม่ทำ เราเวทนาในพวกคุณ ... ทวนทองมีสนิม... จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:32:42

ความคิดเห็นที่ 55 ได้คุยกะเพื่อนหลายคนเรื่องสำนักนี้ ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องคดีปี42 ไม่รู้ว่าปาราชิกไปแล้ว นี่ขนาดเพื่อนเรียนอภิธรรม  ปริยัติ   แถมไม่รู้กันด้วยว่าเมื่อปาราชิกแล้ว แปลว่าชาตินี้กลับมาเป็นพระอีกไม่ได้แล้ว -------------------------------------------- อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ออกโรง มาปกป้องพระพุทธศาสนา ขออนุโมทนากับคุณคนโบราณนานมาแล้ว ที่หลุดออกมาได้จากสำนักนี้ และจะอนุโมทนาบุญกับทุกๆสาวกวัดนี้ ที่กลับมามีสัมมาทิฏฐิในพระศาสนา จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:33:58

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ 34    ไม่น่าเชื่อว่าคนได้ 18 กายอย่างคุณทวนทองจะไม่เข้าใจว่า การอธิษฐานให้ฟ้าผ่าคนอื่นเป็นสิ่งที่ธาตุธรรมฝ่ายขาวไม่อนุญาตให้ทำ ทั้งการแช่งชักหักกระดูกให้ผู้อื่นตายวันตายพรุ่งเป็นการสอนสั่งจากสายของอ.การุญ  ถ้าใจเราไม่เป็นกลาง ก็จะเอียงไปทางขาวกับทางดำ เท่าที่อ่านมาเห็นใจที่ร้อนรุ่มของคุณทวนทองเอียงไปทางดำมากกว่าขาว คงต้องใช้เวลาสะสางธาตุธรรมให้สะอาดบริสุทธิ์อีกพอสมควร รักษาใจหน่อยค่ะ สอนคนอื่นสอนได้ อย่าลืมสอนตัวเอง อย่าลืมว่าในบอร์ดนี้คนไม่เชื่อถือวิชชาธรรมกายมีมากเท่าผืนเสื่อ จากคุณ : โคโรญ4711 (catwoman007)   เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:21:48  คุณโคโรญ4711-catwoman007 รหัส 598040 คงเพิ่งเป็นสมาชิก จึงไม่ทราบว่า ผมเคยไปฝึกวิชชาธรรมกายที่วัดพระธรรมกายเมื่อ 30 ปีที่แล้ว  แต่ก็ไปเพียงครั้งเดียวเองมั้งถ้าจำไม่ผิด  แต่เห็นว่า เป็นแนวทางที่ผิดเพี้ยนจึงไม่ได้เหยียบย่างเข้าไปอีก  ดังนั้น  ผมจึงมีเพียงกายเนื้อและจิตใจน้อมศรัทธาต่อพระพุทธเจ้่าพระองค์ปัจจุบันโดยตรง จึงไม่มี 18 กายแอบแฝงซ่อนเร้นอย่างที่คุณเข้าใจ ข้อมูลที่ผมหยิบมาประกอบกระทู้นี้  เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกระทู้ของคุณจิตพุทธโดยตรงที่คุณมนัส โกมลฑาซึ่งเป็นวิปัสนาจารย์วิชชาธรรมกายสายอาจารย์การุณย์เขาวิพากย์วิจารณ์  ผมเห็นว่า เนื้อหามันเป็นเรื่องเดียวกัน  ผมจึงหยิบยกมาแสดงประกอบให้สานุศิษย์วัดพระธรรมกายที่ฝึกวิชชาธรรมกายได้ร่วมพิจารณาก็เท่านั้น ผมก็มีแนวความคิดของผมอย่างหนึ่ง  คุณมนัส โกมลฑาท่านก็มีแนวคิดของท่านอย่างหนึ่ง  เป็นคนละคนกันครับ จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:37:16

ความคิดเห็นที่ 57 ทวนทอง ก็ดีแต่โจมตีชาวบ้านเขาแบบนี้ล่ะหนอ แน่จริงโอ้ล่ะพ่อก็ทำให้ได้ยิ่งกว่าเขาสิ ชีวิตยังลุ่มๆดอนๆ ไม่คิดบ้างหรอ ว่าเป็นผลจากตรงนี้ รึอาจจะคิดไม่ได้ ...555+ จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:41:19

ความคิดเห็นที่ 58 คห.๔๑ แล้วแต่คนที่เข้าไปจะปฏิบัติได้อย่างไร มีทั้งดีขึ้น และก็แย่ลง ส่วนใหญ่ก็ดีขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 09:51:00 จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:47:10

ความคิดเห็นที่ 59 เฮ้ออออ เพลียกับที่นี่จริงๆ ปล. คุณว่าอะไรอยู่ใต้ฝานี้ จากคุณ : nutkh303 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:58:07

ความคิดเห็นที่ 60 'กรณีธรรมกาย' โดย พระธรรมปิฎก (พระพรหมคุณาภรณ์; ป.อ. ปยุตโต) http://b2b2.tripod.com/tmk/ หมายเหตุ: แบบเป็นไฟล์์ .pdf http://www.mediafire.com/?pv0tfc6936t9n7u งานวิจัย 'บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย)' โดย พระ ว.วชิรเมธี http://www.mediafire.com/?mjdkjyzidmn ครั้งเดียวที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกล่าวถึงวัดพระธรรมกาย http://www.mediafire.com/?lkq89hbd9mbijmw แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:05:50 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 10:08:26 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:06:48

ความคิดเห็นที่ 61 สำนักธัมมี่ โปรดส่งสาวกที่ฉลาดเข้าท่ากว่านี้ มาตอบปัญหาไขข้อข้องใจ ให้ตรงกับคำถาม ด่วน ด่วน ---------------------------- อ ย่ า ใ ห้ บ อ ก ว่ า ส า ว ก แ ถ ว นี้ ที่ ไ ม่ ได้ เ รื่ อ ง มี ใ ค ร บ้ าง มี บ า ง ค น พ่ น ธ ร ร ม ะ ผิ ด ๆ ก็ มี จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:07:27

ความคิดเห็นที่ 62 คห.๕๕ ปาราชิกเป็นความผิดของผู้กระทำเอง มาจากเจตนา   ไม่ได้มาจากข้อกล่าวหาของผู้อื่น ลองย้อนดูผู้กล่าวหาชิว่ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ที่ว่าฉลาด บางทีก็โง่ได้เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 10:10:01 จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:09:08

ความคิดเห็นที่ 63 นี่สำหรับคนที่ขี้เกียจฟังเสียงหลวงพ่อฤาษ๊ค่ะ เมื่อสักครู่ ฟังเทปที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงวัดธรรมกาย สรุปความได้ดังนี้ : 1. หลวงพ่อได้พบชายคนหนึ่ง ชื่อ นาย ธ. นายคนนี้ตั้งใจมาที่วัดท่าซุงเพื่อเรียน "อภิญญา" กับหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อไม่สอนให้ หลังจากนั้น นาย ธ.ก็จากไปด้วยท่าทีที่ไม่เลื่อมใส หลวงพ่อเล่าว่า นาย ธ.จบมาจากเกษตร นาย ธ. คือ ใครกันหนา ? 2. มีข่าวกระจายมาจากนาย ธ. ว่าหลวงพ่อกับคุณเสริม สุขสวัสดิ์ (ศิษย์หลวงพ่อ) จะมาฮุบเงินสร้างวัดของนาย ธ. 3. ชายคนหนึ่ง นามนาย ก.เป็นเจ้าภาพ ผู้บริจาคเงินสร้างวัดแห่งหนึ่ง แถวคลองสาม ปทุมธานี เป็นอุโบสถขนาดใหญ่ นาย ก.บริจาคไปหลายล้านบาท และจะบริจาคเพิ่มเพื่อสร้างมูลนิธิอีกหลายสิบล้านบาท โดยมีจดหมายเชิญหลวงพ่อไปวางศิลาฤกษ์ที่วัดเปิดใหม่แห่งนี้ 4. ศิษย์หลวงพ่อเล่าว่า เมื่อถึงหน้าวัด มีนิสิตเกษตรหลายคน ยืนถือวิทยุสื่อสารกันอยู่ พูดทำนองว่า "จะให้องค์นี้เข้าไปดีไหม" 5. เมื่อทำพิธีเสร็จ ปรากฏว่า คนวางศิลาฤกษ์เปลี่ยนมาเป็นนาย ธ.ไปเสียเฉย ๆ โดยนาย ธ.ยังบอกกับเจ้าภาพต่อหน้าประชาชนนับร้อยทำนองว่า ให้นาย ธ.เป็นเจ้าอาวาสเสีย และให้พระอีกรูปเป็นรองเจ้าอาวาส แห่งวัดนี้ เจ้าภาพ คือ นาย ก.รู้สึกเสียใจ และผิดหวังมากกับคำพูดนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เจ้าคณะจากวัดปากน้ำเอง ก็รู้สึกสลดใจกับการกระทำของนาย ธ. 6. เจ้าภาพ คือ นาย ก. ตัดสินใจออกจากวัดนี้ ถอนเงินออก ไม่บริจาคเงินใด ๆ และเลิกยุ่งเกี่ยวกับวัดนี้เป็นการถาวร (ก่อนหน้านั้น มีคนมาเรียกร้องให้ นาย ก.ย้ายเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่ง เหตุผลแอบแฝง คือ ธนาคารที่จะย้ายเงินไปนั้น ให้ค่า commission สูงกว่า) หลวงพ่อทิ้งท้ายไว้ว่า การจะเป็นพระ ไม่ควรเมาในลาภ ในยศ ในชื่อเสียง ในโลกธรรม 8 ไม่เช่นนั้น จะดิ่งลงสู่อเวจีมหานครดังเช่น เจ้าลัทธิอันมีมิจฉาทิฐิในสมัยพุทธกาล. จากคุณ : Zen Entania     เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 15:18:44   ถูกใจ : ป้ามีมี่ จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:11:08

ความคิดเห็นที่ 64 เรียนคุณป้ามีมี่    จะฉลาดได้อย่างไรกันครับ แค่ศึกษาปริยัติ ซึ่งเป็นเพียงแค่การศึกษาในพยัญชนะ ก็ยังไม่เข้าใจ ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการปฏิบัติที่ละเอียดลึกซื้ง ฉะนั้น การตอบคำถามก็ไม่มีน้ำหนัก และ ไม่มีความ "คมคาย" และพูดไม่เต็มปากครับ ก็มีแต่พูดว่า "อนุโมทนา..." "คิดให้ดี..." "ได้แค่นี้.." "เคยฝึกแล้วดี..." คำพูดประมาณนี้ .... ซึ่งก็คือ พวกโมหะหนาที่ไม่ได้มองกลับไปดูตนเอง...  ก็แค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 10:12:38 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:11:34

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่มีเจตนาปาราชิกใช่ไหมครับ ? แต่มีเจตนาโกง ? จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:15:25

ความคิดเห็นที่ 66 เรียนคุณธรรมชาติไพศาล ใน คห 62  "อย่ากลืนน้ำลายตัวเองซิครับ ที่ไปกล่าวหาท่านอื่นๆว่า "โง่""     ดู คห ที่ 45 ใน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10641261/Y10641261.html ( คห 45 คุณธรรมชาติไพศาลเขียน... ที่จริงไม่อยากจะบอกนะเรื่องธรรมนะ ทั้งปริยัติ และ ปฏิบัติ ผมรู้พอสมควร อ่านเยอะมาก(ไม่ใช่พระไตรปิฎก) อ่านพระไดรปิฎก ๖ เล่มจบแล้วกำลังจะไปเปลี่ยนอีก ๖ เล่ม อภิธรรมก็เรียนจบเหลือแต่ทดสอบความรู้ครั้งสุดท้าย ทำวิปัสนาก็เคยได้ฌานมาแล้ว ธรรมเข้าใจเป็นอย่างดี คุณไปทำทิฏฐิของคุณให้จบก่อนเถอะ เพราะมีทิฏฐิไงเลยมองคนอื่นๆๆว่าโง่ ส่วนผมจะไม่มองใครแบบนั้นในใจผมประกอบด้วยอัปปมัญญา ๔ เสมอ ผมเสนอความเห็นกลางๆตามความเป็นจริง ไม่ออกไปแนวทำลายใคร คนเราส่วนใหญ่ก็ปุถุชน จะเอาอะไรมากมาย  ถ้าเอาตัวผมไปเปรียบเทียบ ก็ไม่ได้อยู่กันคนละสถานการณ์  หนังสือธรรมจะอ่านเจาะลึกบางเรื่องเพื่อเชื่อมโยงบางสิ่งที่เป็นนามธรรมที่ค้นหา  เชื่อเถอะเมื่อคุณปฏิบัติธรรมได้ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งความเชื่อความเห็นก็เปลี่ยนไปและก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆๆเมื่อมีความเข้าใจธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ แค่อ่านความคิดวามเห็นก็ต้องบอกว่าต้องไปอีกไกล พยามหน่อยนะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 16:07:26 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 15:53:58 จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:16:07

ความคิดเห็นที่ 67 ใครก้ได้ช่วยเอาพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช มาลงให้ดู ด่วน ด่วน สองอาทิตยืก่อนที่ลงไปแล้ว สาวกก้นิ่งเงียบ ตลึงงัน  ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็จากไปแบบเงียบๆ ต า ม เ ค ย จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:19:17

ความคิดเห็นที่ 68 เรียน คุณป้ามีมี่    ถ้ามีก็มาลงไว้เป็นหลักฐานก็ได้ครับ... .....  น่าเวทนา....สมัยนี้ พวกโมหะมากมักจะมีพฤติกรรม "ด้านได้  อายอด" จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:20:58

ความคิดเห็นที่ 69 แสดงว่าคุณธรรมชาติไพศาล   คิดว่าสมเด็จกล่าวหาธัมมี่   ใช่หรือไม่??? จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:23:46

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าไม่เอาเงินไปจริง  คืนเงินเค้าไปทำไมล่ะจ๊ะ สำหรับคนขี้เกียจค้นไฟล์ ศาลสั่งจำหน่ายคดีวัดพระธรรมกาย หลัง “อัยการสูงสุด” ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง “พระธัมมชโย” กับลูกศิษย์ 2 สำนวน ยักยอกเงินบริจาควัดกว่า 35 ล้าน ยกเหตุจำเลยคืนเงินวัดกว่า 930 ล้าน และยอมเผยแผ่ศาสนาตามพระไตรปิฎกตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช แล้ว ขณะที่คดีธรรมกายอีก 3 สำนวน อัยการพร้อมยุติคดีสั่งไม่ฟ้อง            (วันนี้) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องในคดีดำหมายเลขที่ 11651/2542 และคดีดำหมายเลข 14735/2542 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย หรือ นายไชยบูลย์ สิทธิผล อายุ 62 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ นายถาวร พรหมถาวร อายุ 57 ปี ลูกศิษย์คนสนิท เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อนายถาวร จำเลยที่ 2 และเงินจำนวน 29,877,000 บาท ไปซื้อที่ดินเนื้อที่ 902 ไร่เศษ ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร และ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 2            คดีดังกล่าว เรืออากาศโท วิญญู วิญญกุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 สรุปว่า ตามที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2542 และวันที่ 16 ธันวาคม 2542 ตามลำดับโดยกล่าวหาว่า      จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันกระทำผิด โจทก์ขอเรียนว่า การดำเนินคดีนี้สืบเนื่องจากจำเลยที่ 1 กับพวก ไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มีว่า     ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสั่งสอน โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือนแตกแยกออกไปกลายเป็นสองฝ่าย มีความเข้าใจความเชื่อถือ พระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้สงฆ์แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการทำที่ถูกต้อง คือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที ไม่ได้คิดให้มีโทษ เพราะคิดในแง่ยกประโยชน์ให้ว่า ในชั้นต้นหากมิใช่มีเจตนาถือเอาสมบัติของวัดเป็นของตนจริงๆ แต่เมื่อถึงอย่างไรก็ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระคืนให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่า ต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระ ปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสียให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา            บัดนี้ ข้อเท็จจริงในการเผยแพร่คำสอนปรากฏจากอธิบดีกรมศาสนา ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เลขาธิการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 1 ว่า ในปัจจุบันจำเลยที่ 1 กับพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎก และนโยบายของคณะสงฆ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชน จำนวนมาก สำหรับในด้านทรัพย์สินนั้น ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 กับพวกได้มอบทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร และประชาชนทั้งในและต่างประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ และไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดีนี้ ดังนั้น โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ทุกข้อกล่าวหา ขอศาลโปรดอนุญาต            โดยวันนี้ ศาลได้สอบถามว่าจำเลยทั้งสองจะคัดค้านหรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองแถลงว่าไม่คัดค้าน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองก่อนศาลมีคำพิพากษา โดยอ้างเหตุข้างต้น เมื่อจำเลยทั้งสองไม่คัดค้านที่โจทก์ถอนฟ้อง จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.35 ศาลจึงอนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยทั้งสองและจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความของศาลอาญา            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ได้มีการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการสืบพยานจำเลย ซึ่งที่ผ่านมามีการสืบพยานไปแล้วเกือบ 100 ครั้ง เหลือการสืบพยานอีกเพียง 2 ครั้ง ในวันที่ 23-24 สิงหาคม นี้            ด้าน นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อธิบดีอัยการคณะกรรมการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การถอนฟ้องคดีก่อนศาลจะมีคำพิพากษาสามารถทำได้ ซึ่งในอดีตอัยการสูงสุด เคยยื่นคำร้องขอถอนฟ้องแล้ว เช่น ความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ คดีกบฏ ผู้ก่อการร้าย            อย่างไรก็ดี สำหรับคดียักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกายที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา มีเพียง 2 คดีเท่านั้น คงเหลือสำนวนคดียักยอกทรัพย์ที่รอการสั่งคดีในชั้นอัยการอีก 3 สำนวน ประกอบด้วย      1.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ นางกมลศิริ คลี่สุวรรณ และ นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าร่วมกันเบียดบังนำเงินวัดจำนวน 95 ล้านบาทเศษไปซื้อที่ดิน      2.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ นางสงบ ปัญญาตรง นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และนายชาญวิทย์ ชาวงษ์ ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา เบียดบังเงินจำนวน 845 ล้านบาทเศษ และ       3.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ร่วมกับ นายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และนางอมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือ สีกาตุ้ย ลูกศิษย์คนสนิท ผู้ต้อง ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ      โดยเมื่ออัยการสูงสุด มีนโยบายให้ถอนฟ้อง การสั่งคดีของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ก็จะต้องมีความเห็นให้ยุติการสั่งคดีไว้      เนื่องจากการดำเนินคดีจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 78 และ 128 โดยเมื่อยุติการสั่งคดีก็ต้องถือว่าคดีนี้สิ้นสุดลงตามกระบวนการทางกฎหมายทันที      ซึ่งจำเลยทั้งสองได้คืนที่ดิน และเงินที่ก่อความเสียหายรวมมูลค่า 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกายแล้ว            อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาเคลื่อนไหว ปกป้องรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยการนำพระภิกษุสงฆ์จำนวนมาก มาสวดมนต์ที่บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกลุ่มพลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำความจริงออกมาตีแผ่ จนเจ้าตัวต้องชิงยุบสภาไป อีกทั้งเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ขอใช้สถานที่จากวัดพระธรรมกาย มอบนโยบายให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงาน ทว่า กลับกลายเป็นการใช้เป็นเวทีหาเสียงของพรรคไทยรักไทย โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เสียเอง ข่าว : ผู้จัดการ 22 สิงหาคม 2549 http://www.alittlebuddha.com/html/News%202006/August%202006/12%20August%2006.html ------------------------------------------------------------------------------------- เฮอะๆๆๆ มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ศาลจะตัดสิน แต่อัยการสูงสุดสั่งอัยการถอนฟ้อง ทุเรศไหมล่ะ ดีใจล่ะสิ ปาโอ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 54 16:42:25 จากคุณ : JitZungkabuai     เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 16:41:48   ถูกใจ : ป้ามีมี่, คนโบราณนานมาแล้ว จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:33:08

ความคิดเห็นที่ 71 โปรดดูพระลิขิตในลิงค์นี้ คห.234 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10561326/Y10561326.html ไม่มีใครอยากไปกล่าวหาใครหรอกนะ ปล. ก็อปไฟล์รูปไม่เป็นจ้า จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:41:09

ความคิดเห็นที่ 72 คห 59  nutkh303 สองอาทิตย์ก่อน ก็มาแบบนี้ แปะรูปนี้  แล้วก็ลบออก ^ ^ เปลี่ยนมุกบ้างก้ได้นะ ^ ^ โธ่ ธรรมกาย!!! จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:51:00

ความคิดเห็นที่ 73 ความคิดเห็นที่ 35    ู ู ถึง คนที่ไม่เชื่อถือวิชาธรรมกาย-"สูตรวัดธรรมกาย" จะมีมากเท่าผื่นเสื่อ .. แต่ถ้าเสื่อต่อกันหลาย ๆ ผืน ก็สามารถมีมากเท่าผืนดิน ได้นะครับ  จากคุณ : Top27    เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:30:27   ความคิดเห็นที่ 36    คุณ ทวนทอง โจมตีวัดธรรมกายมาหลายปีแหละ ตั้งแต่มีคนเข้าวัดเป็นหมื่น ตอนนี้เขาทำพิธีครั้งหนึ่งมาเป็นหลายแสน ถ้ามาเป็นล้าน  ท่านทวนทองคงเขียนไม่รู้เรื่อง ไม่แน่อาจเอาเลือดเขียนก็ได้นะ 55555 ล้อเล่นนะครับ(ถ้าโกรธขอโทษอย่างแรง) แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 16:36:42 จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล  เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:35:54  ผมไม่แปลกใจกับผู้คนที่หลั่งไหลมากันมากมายอย่างนั้น  เพราะคนในเมืองใหญ่ คนในเมือง คนที่มีใจศึกษาฝักใฝ่ธรรมที่ฉลาดอย่างแท้จริง  เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร  พวกเขาเหล่านั้นหูตาสว่างมากขึ้น   ยุทธวิธีของพระเดชพระคุณธัมมี่และวัดพระธรรมกายจึงใช้กับพุทธศาสนิกชนเหล่านี้ไม่ได้       ทางทีมงานวัดพระธรรมกายจึงเบนเข็มสู่ชนบทรากหญ้าโดยเริ่มทำการอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่พ้นจากคดียักยอกทรัพย์ในเดือนสิงหาคม 2549 ด้วยโครงการตัดบาตรพระ 500,00 รูปปูพรมไปทั่วประเทศ  เพราะพระเดพระคุณธรรมมี่เริ่มรู้ต้วแล้วว่า หลอกพุทธศาสนิกชนที่มีศรัทธาแท้จริงไม่ได้  จึงได้หว่านโฆษณาประชาสัมพันธ์กระจายไปทั่วประเทศ คนที่มาร่วมกิจกรรมมาก ๆ เหล่านั้น  ก็ล้วนแต่เป็นคนใหม่ ๆ ที่ไม่รู้เรื่องราว ไม่เคยติดตามพฤติกรรมของพระเดชพระคุณธัมมี่มาก่อน  แต่เชื่อเถอะว่า เข้ามาเพียงครั้งสองครั้งพวกเขาก็คงจะรู้ตัวว่า ผิดทิศผิดทาง ดังเช่น คุณแม่ของคุณเนตังมม ที่ตกเป็นเหยื่อให้พวกสานุศิษย์ได้ปลื้มว่า ทำผลงานเข้าเป้า เรียกผู้คนเข้ามาร่วมกิจกรรมได้มากมายตามเป้าหมาย ความคิดเห็นที่ 49    วันนี้เป็นวันแรกที่เรารู้สึกสงสาร ผู้ที่ชื่อว่า ธัมมชโย จริงๆนะ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  จะเข้ามาเล่าเรื่องดังที่บอกไว้  ปกติทุกวันอาทิตย์จะไปทำบุญกับแม่ที่วัดป่า  แต่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้แม่บอกว่าจะไปปฎิบัติธรรมมีเพื่อนมาชวนไปวันศุกร์กลับวันอาทิตย์ ชื่อวัดที่ไป สมมุติว่า ขื่อ วัด A ซึ่งวัดนี้ใหญ่และเป็นที่รู้จักในระแวกนี้ เราก็รับรู้แล้วว่าท่านจะไปไหน เมื่อวานแม่กลับมาก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้างไปปฎิบัติธรรม  แม่ส่งใบประกาศให้ดู "บวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ล้านคน"  วัดธรรมกายมีชื่อแม่เราอยู่ในใบประกาศนั้น อ้าว !!! เราก็งง ถามแม่ว่าทำไมไปวัดธรรมกาย  ท่านก็ตอบว่า ไปปฎิบัติธรรมที่วัด A จนถึงวันอาทิตย์เช้าแล้วเขาก็พาไปวัดธรรมกายทั้งวัน เพราะต้องไปรับสไบแก้ว  ถามว่า รู้ไหมว่าปฎิบัติธรรมครั้งนี้เป็นของวัดธรรมกาย  ท่านตอบว่า ไม่รู้ เพื่อน ๆ บอกตอนเย็น ๆ ของวันศุกร์เมื่อถึงวัด A แล้ว บอกว่าจะปฎิบัติธรรมที่นี่ แต่วันอาทิตย์ต้องไปรับ สไบแก้วที่วัดธรรมกาย    เราก็ถามแม่ว่า แล้วทำบุญไปเยอะไหม แม่บอกว่า เคยได้ยินลูกพูดว่า วัดธรรมกายชอบให้ทำบุญด้วยเงินเยอะ ๆ ก็เลยไม่ได้ทำ  แต่เห็นในวัดมีขายสร้อยเอาเงินเข้าวัด เส้นละ 300 บาท  คนแย่งซื้อกันเต็มเลย  แต่แม่เคยเห็นขายในตลาดแค่เส้นละ 50-100 บาท  ก็เลยไม่ซื้อ   แต่ทำบุญถวายให้ที่วัด A ไปเพื่อช่วยเหลือวัด  แต่ได้ข่าวว่า รายได้วัด A ไม่พอค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติธรรมครั้งนี้  ส่วนต่างไปเบิกที่วัดธรรมกาย  เพราะเป็นโครงการของวัดธรรมกาย แม่บอกว่า อยากกลับมาก แต่กลับออกมาลำบากก็เลยต้องอยู่จนเย็นคนเยอะมากเลยเต็มไปหมดพระก็เยอะ และบอกว่าพวกเพื่อน ๆ พาไปพบ เจ้าอาวาสด้วยเห็นใกล้ ๆ หน้าตาเหมือนอายุสัก 40ปี ผิวพรรณดีมาก  แต่งานนี้คนมากจริง ๆ มาเป็นรถบัสทั่วประเทศ  คนที่พาไปก็จ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ค่ารถด้วย คือคนที่พาแม่ไปศรัทธามาก ๆ  และในกลุ่มที่ไปก็มีพวกที่ครั้งแรกที่ไปก็ชอบวัดธรรมกายทั้งนั้น แต่แม่เราก็คงแค่ครั้งนี้แหละ  แม่เล่าว่าเคยไปมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งสัก 2 ปีที่แล้ว  ตอนนั้นเขาก็ชวนทำบุญแต่ละคนจ่ายหนัก ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าเราจ่ายน้อยก็อายเขาแต่ก็จำได้อีกว่าลูกเคยบอกระวังวัดนี้ชอบให้ทำบุญเยอะ  ๆ ก็ทำไปตามมารยาทนิดหน่อย และไม่ไปอีกเลย  พ่อก็เคยไปครั้งหนึ่งก็เจอชวนทำบุญแต่ก็ไม่ทำเยอะเพราะได้ยินว่าลูกบอกไว้เช่นกัน     ก็อย่างว่า พวกท่านสาวกวัดธรรมกายเจ๋งจริง ๆ นะ ที่สามารถหาคนเข้าวัดเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านโดยที่บางคนไม่ได้ต้องการจะไป    แม่ถามเราว่า ไม่รู้เขาเอาเงินจากที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายจัดงานใหญ่โตขนาดนั้น?? ต้องใช้เงินมากจริง ๆ    นั่นซินะ! วัดธรรมกายมีรายได้อะไร  มีเงินมาเลี้ยงคนได้จำนวนมากมายขนาดนั้น และไอ้ความยิ่งใหญ่ที่มีคนเข้าวัดเป็นแสนเป็นล้านด้วยวิธีการแบบนี้  ขณะที่บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปวัดนี้  นั่นเป็นความภาคภูมิใจของท่านซินะ ก็ดูความคิดเห็นที่ 36 พูดด้วยความภาคภูมิใจมากเลย ศรัทธาล้นหลามมาเป็นล้านคน    บอกตามตรงเราสงสารคนที่ชื่อธัมมชโย มากเลย สมเพชสาวกของธรรมกายที่ใช้วิธีแบบนี้หาคนเข้าวัด สร้างความนับถือศรัทธา จากการสร้างภาพ และหาทรัพย์ต่อไป ความยิ่งใหญ่ที่มีคนมากมายไป ณ วัดแห่งนี้ มีสาวกที่รักมากแบบนี้ มีหน้าตาผิวพรรณดีแบบนี้ คลั่งไคล้ในความเป็นสงฆ์ มีความฉลาดคิดหาวิธีให้คนมานับถือ  แต่พวกท่านกลับไม่เข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์  ไม่ใช้ความฉลาด  ความมีบุคคลิกที่ดีทำกุศลที่เป็นกุศล  แต่กลับสร้างแต่วิบากกรรมใช้พุทธศาสนามาหาผลประโยชน์  ใช้อุบายอาศัย ความโลภของคนมาหาผลประโยชน์ เพื่อความยิ่งใหญ่   ลาภ ยศ สรรเสริญ เงินทอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีความเสื่อมถอย  แต่กลับจมอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทั้งชีวิต  ช่างน่าเสียดายโอกาสของการเกิดเป็นมนุษย์ น่าเสียดายที่ตนเองมีบารมีกลับนำไปใช้ในทางที่หลงไป ผิดไป และไม่สามารถสำนึกได้เอง กลับพยายามทำต่อไปเพราะเชื่อว่านั้นคือทางที่ถูก   ช่างน่าสงสารจริง ๆ ใช่ไหมคนแบบนี้ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม)   เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:06:23  ถูกใจ : kingkiev, msdossys, ทุกวินาที เหล่าสานุศิษย์ต่างก็ภาคภูมิใจที่หลอกคนให้ศรัทธามากันเป็นล้าน   เมื่อมีคนหลงมาเป็นล้าน  ก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้โฆษณาชวนเชื่อหลอกคนที่ไม่อิโหน่อิเหน่เข้ามาเป็นเหยื่อรายใหม่ แล้วก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้โฆษณาชวนเชื่อหาเหยื่อรายใหม่ต่อไป พวกเขาเหล่านั้นที่มานั้น ก็มาด้วยศรัทธาที่เกิดจากการไม่รู้  พอมาแล้ว รู้แล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ หาความรู้เพิ่มเติมภายหลังเอาเอง  พอเกิดตัวรู้แล้ว  ศรัทธาเขาก็จะเปลี่ยนไปเองแหละครับ เหมือนอย่างที่เพื่อนสมาชิกวัดพระธรรมกายหลาย ๆ คนในเวบบอร์ดแห่งนี้ได้ถอยห่างออกจากวัดมาแล้วเป็นจำนวนมาก อยากให้กิฟท์เพื่อนสมาชิกทุก ๆ ท่านที่เข้ามาแสดงความเห็น  โดยเฉพาะของคุณนมตังเม ผมอยากจะให้กิฟท์สัก 100 กิฟท์  แต่ตอนนี้กิฟท์ผมหมดแล้ว  ไม่สามารถแจกกิฟท์ได้อีกแม้แต่ดวงเดียว   ได้แต่แอบขอบคุณในใจที่เพื่อนสมาชิกเข้ามาแสดงความเห็นและช่วยกันโหวตให้เป็นกระู้ทู้แนะนำค่อย ๆ ไต่อันดับขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เป็นลำดับ ๆ   นับเป็นการโหวตขึ้นมาอย่างธรรมชาติที่สุด  ไม่มีวอร์รูม ไม่มีการปั่นกระทู้ ไม่มีการปั่นโหวต ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความเห็น  ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจ  ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันโหวต จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:57:11

ความคิดเห็นที่ 74 เรียนคุณป้ามีมี่ คห 72  จริงๆ  ปรกติคนเราถ้าเข้ามาในสถานที่แห่งไหน แล้วตนเองไม่สบายใจก็ไม่น่าเข้ามาใช่ไหมครับ ....... ส่วนผู้ที่เข้ามาแล้วแสดงความเห็นและตอบปัญหากันอย่างสบายๆและชิวๆ(เพราะพูดได้เต็มปากว่า เราชาวพุทธ) ....ก็อยู่ได้นานเป็นธรรมดา แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:00:54 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:00:17 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:59:55

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านแล้วมึนค่ะ แต่ขอถาม อย่างผู้ไม่รู้เลยจริง ๆ นะคะว่า หากเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายทำผิดจริง ๆ อย่างที่หลาย  ๆ ท่านได้ยกมาแล้วไซร้ 1. ทำไมเจ้าอาวาสรูปนั้นจึงยังดำเนินกิจกรรมใด ๆ ได้ตามปรกติ ? 2. ทำไมไม่มีผู้ใดเอาผิดกับเจ้าอาวาสรูปนั้นได้ ? 3. ทำไมมหาเถรสมาคมจึงนิ่งเฉย ? ด้วยความเคารพในทุก ๆ ความเห็นค่ะ จากคุณ : Madam_X เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:10:51

ความคิดเห็นที่ 76 เรียนคุณ Madam_X   คำเดียวสั้นๆครับ "ผลประโยชน์" ส่วนรายละเอียด ถ้าอยากรู้ สามารถหาอ่านได้ หรือ เข้าไปสัมผัสเองเลยก็ได้ครับ ในสมัยพุทธกาล  พระเทวทัตเมื่อถูกไล่ออกจากสังฆมณฑลแล้ว(เทวทัต ได้รับอาบัติหรือบทลงโทษคือ  ปาราชิก หรือ ขาดจากความเป็นพระ) ก็ยังดำเนินชีวิตเป็นพระอยู่เหมือนเดิม(เพราะการลงโทษในอริยวินัย คือ การไม่คบหาสมาคมด้วย ไม่ยุ่งด้วย จะทำกิจกรรมอะไรก็ตามใจ แต่สงฆ์ไม่เกี่ยวข้อง   แต่สงฆ์ไม่ใช้เป็นความรุนแรง   ....ยิ่งเป็นผู้ปาราชิกแล้ว ไม่นับว่าเป็น พระสงฆ์แล้วครับ )   แต่สุดท้ายเมื่อ "บาปล่ะมี" อิ่มตัว    เหตุปัจจัยย่อมทำให้เขาได้รับทุกข์อย่างแสนสาหัส ครั้งนั้น พระเทวทัตถูกพระธรณีสูบ (พระธรณีคือ พื้นดิน )  ..พื้นดินที่ปัจจุบันกำลังสั่นไหวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.... (แก้ไขเพิ่มเติมต่างๆ เพื่ออธิบายคำให้ชัดเจน เพราะ คุณ Madam อาจไม่เข้าใจศัพท์) แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:21:16 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:18:49 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:17:20 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:16:00 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:13:44 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:12:14

ความคิดเห็นที่ 77 เรียนคุณต่อmcuคะ สำหรับอิชั้นแล้ว  พระเทวทัตยังมีความดีตรงที่ท่านยังสำนึกตัวได้ทัน  แถมได้ถวายทานเป็นครั้งสุดท้าย (  แน่นอน..ไม่ใช่เงิน..) ส่วนสำนักนี้  อิชั้นไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสำนึกเสียทีสิคะ??? แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:30:36 จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:29:45

ความคิดเห็นที่ 78 เรียนคุณป้ามีมี่   ใช่แล้วครับ การทำบุญกุศล ไม่จำเป็นต้องใช้ "เงิน"     ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่ทำบุญมากๆและมีจาคะมากๆ ท่านเหล่านี้บรรลุธรรมชั้นเป็นพระโสดาบันขึ้นไปกันหมด .... ส่วนสมัยนี้  ผู้ที่ใช้ "เงิน" ทำบุญมากๆจนหมดตัวและเป็นหนี้เป็นสิน  ตนเองให้ทานแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องว่าพระพุทธศาสนาสอนการให้ทานเป็นอย่างไร(พวกที่ยังไม่บรรลุธรรม)   พวกนี้มักจะถูกหลอกลวงกันทั้งนั้นครับ   เพราะเป็นศรัทธาที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา   ในพระพุทธศาสนา....เขาให้เพราะศรัทธาที่ทำให้เขาพ้นทุกข์ .....ถ้าเขาให้มาจากไปบอกให้เขาเข้าใจผิดๆ เกิดมิจฉาทิฎฐิบอกว่า  จะได้เป็นคนรวย จะได้ขึ้นสวรรค์...นี้ไม่ใช่หลักการให้ทานในพระพุทธศาสนาครับ ...ผมเพิ่มลิงค์การให้ทาน รักษาศีล และภาวนาทีถูกวิธี  โดย พระสังฆราช ครับ.... http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A3-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-262006.html ปล. ยุคนี้ มนุษย์มีอายุอย่างมาก 100 ปี ถ้ามากไปกว่านี้ก็ไม่มาก    ...เท่าที่ทราบเฉลี่ยคือ 75 ปี ณ ปัจจุบัน.....ฉะนั้น  ไม่นานเกินรอครับ ...... ส่วนบางท่านที่เห็นว่า ลัทธินี้ นักบวช ทำไมดูผิวพรรณเปล่งปลั่ง  หรือ หน้าตาอ่อนเยาว์  ....แน่นอนครับ   ผู้ที่ไม่ได้ทำงานอะไรหนักหนา  ผู้ที่ได้กินของดีๆเมื่อมีคนมาถวายเพราะเห็นว่าเป็นทางเชื่อมสู่การถวายข้าวพระพุทธเจ้า(ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสด้วยพระองค์เองว่า หลังพุทธปรินิพพาน  จะไม่มีผู้ใดได้เห็นพระองค์อีก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดาที่มีฤทธิ์มากเพียงใด )   แต่ก็นั่นละครับ  อย่าไปมองภายนอกมากนัก  ดูภายใน ดูคำสอนดีกว่าครับ ว่า ตรงกับ ธรรมและวินัยในพระพุทธศาสนาหรือไม่.... แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 12:48:02 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:48:52 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 11:43:30 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:41:54

ความคิดเห็นที่ 79 สำหรับคำถามคุณมาดามx  อ่านเฉพาะที่quoteจากสมเด็จก้ได้... คัดมาจากกระทู้ที่แนะนำว่ามีพระลิขิต    จากคุณจิต - ในช่วงเวลา 5 ปีของทักษิณ พระสายธรรมกาย เข้าไปแทรกซึมใน มหาเถรสมาคม การเปลี่ยน พรบ.ที่ดินธรณีสงฆ์แบบมีวาระซ่อนเร้น เพื่อเอื้อประโยชน์ในการฮุบที่ดินวัด ไปทำสนามกอล์ฟ ( ที่กำลังจะตัดสินคดี ) และ กรณีที่ดินของธรรมะชโย ที่ สมเด็จญาณ เรียกว่า นายไชยบูลย์ ท่านพยายามเอาผิดธรรมกายมาตลอด แต่ พระของธรรมกาย ได้เข้าไปมีอำนาจในวงการสงฆ์ มากขึ้น ทำให้ไม่มีใครแตะต้องธรรมกาย ผมจะยกพระดำรัสของสมเด็จญาณมาให้ดู Quote: "ขณะนี้พระเถระทั้งหลายของมหาเถรฯ ไม่เห็นด้วยกับสมเด็จเกี่ยวปกป้องไชยบูลย์(ธัมมชโย)กันอยู่ พระก็แปลก หากว่าพระผู้ใหญ่ไม่เอา พระลูกน้องก็ไม่กล้าหือ เกรงใจกัน อย่างสมเด็จวัดชนะฯก็เกรงใจสมเด็จวัดสระเกศ ความจริงอำนาจอยู่ที่พระพรหมโมลี แต่ท่านก็เป็นอย่างนั้นของท่าน ก็ยกให้วัดชนะฯ ซึ่งเป็นเจ้าคณะหนผู้ดูแล มีอำนาจสูงสุด แต่ก็รู้กันอยู่ว่า วัดชนะเกรงใจวัดสระเกศเนื่องจากอุปถัมภ์ค้ำจุนกันมา แล้วมูลนิธิวัดพระธรรมกายก็อยู่ที่วัดสระเกศก็เกรงใจกันอยู่นั่นแหละ ที่เป็นปัญหาในตอนนี้ก็คือ ท่านไม่ห่วงพระศาสนากันบ้างเลย ห่วงแต่ตัวท่านเอง มีอำนาจในการทำอะไรได้ก็ไม่ทำ" ไม่ทราบว่าตรงนี้ได้อ่านมั้ยครับ ผมลงไว้ในหัวกระทู้เลย ต่อมา สมเด็จญาณ ถูกทักษิณสั่งพักงาน แล้ว แต่งตั้งสมเด็จเกี่ยวขึ้นไปรักษาการณ์สังฆราชแทน ทำให้หลวงตาบัว ธรรมยาตรามาจากอุดร เพื่อถวายฎีกาให้คืนตำแหน่งให้สมเด็จญาณ กลับโดนสมุน ทักษิณกล่าวหาว่า ท่านอยากเป็นสังฆราชซะเอง ทั้งๆที่ ท่านเคยจะได้รับประทานยศสมเด็จ แต่ท่านปฏิเสธ เพราะอยากเป็นแค่หลวงตาบัว .... ถ้าเจาะลึกไปกว่านั้น เรื่องเกี่ยวกับ ........ และสมเด็จญาณ ก็มีประเด็นที่น่าพูดถึงครับ แต่ผมจะละไว้ก่อน จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:53:55

ความคิดเห็นที่ 80 ความคิดเห็นที่ 66    คุณต่อmcu แสดงความเห็นได้ดีเยี่ยมครับ  ทั้งในกระทู้นี้และกระทู้ก่อนหน้านี้ ขออนุโมทนาในทุก ๆ ความเห็นครับ และขอขอบคุณด้วยความจริงใจที่ได้ร่วมเข้ามาชี้แจงแสดงความเห็นในแนวทางที่ถูกต้องด้วยสัมมาทิฐิ ถ้าให้กิฟท์ได้ครั้งละแสนหรือครั้งละล้านกิฟท์  ก็จะให้กับคุณต่อmcu   แต่ตอนนี้ Pantip มีกิฟท์จำกัดให้แค่เดือนละ 100 กิฟท์ต่อคนและให้กิฟท์ได้ครั้งละไม่เกิน 3 กิฟท์ ซ้ำร้ายตอนนี้กิฟท์ที่ Pantip ให้ผมเดือนละ 100 กิฟท์นั้นหมดไปตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. 54 แล้วล่ะครับ จึงได้แต่ขอบคุณ และร่วมอนุโมทนาด้วยเท่านั้นครับ จากคุณ : ทวนทอง    เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:54:40  จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:59:20

ความคิดเห็นที่ 81 สาธุ คุณทวนทอง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 13:02:09

ความคิดเห็นที่ 82 สำหรับคุณMadam_X คห.75 ความคิดเห็นที่ 6    ระหว่างคุณทวนทองยังไม่มา เลยเอากระทู้(โค่ด)ประวัติศาสตร์ของโต๊ะศาสนามาให้แฟนคลับของคุณทวนทองอ่านเล่นกันไปพลางๆ ก่อน กรณีธรรมกาย : ทำไมผมจึงกล้าสรุปว่าเจ้าสำนักนี้... ปาราชิก  http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/08/Y4661041/Y4661041.html กระทู้นี้ คุณ Sea Ghost Man  ตั้งไว้เมื่อ 28 ส.ค. 49  คห.สุดท้ายคือ คห.2165 วันที่ 10 ธ.ค. 51 (2 ปี เต็มๆ) เป็นกระทู้โค่ดประวัติศาสตร์ เพราะติดกระทู้แนะนำยาวนานถึง 2 ปี  (จนพันทิปเปลี่ยนระบบการคิดคะแนนของกระทู้แนะนำ กระทู้นี้อาจเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งด้วยก็ได้ 555) กระทู้นี้ คุณทวนทอง และขุนพลหลายๆ ท่าน ได้ร่วมกันนำข้อมูลอันประจักษ์ชัดมาแสดง กระทู้ถูกลบโดยแก๊งค์ ธมก. ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่กระทู้นี้ก็ได้รับการกู้กลับคืนมายืนยงอยู่ถึง 2 ปี แฟนคลับคุณทวนทอง ลองเข้าไปเยี่ยมชมกันพลางๆ ก่อนก็ได้ จากคุณ : ชาล้นถ้วย  เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 10:59:46  ถูกใจ : monamy, NotUndo, ฝืนได้...ดีได้, Smiling-girl, คนโบราณนานมาแล้ว, ปล่อย, เนตังมม, ทวนทอง, JitZungkabuai, อวิหา จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 13:16:26

ความคิดเห็นที่ 83 ความคิดเห็นที่ 11    เรื่องเลวๆที่กล่าวหาว่าพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯองค์ปัจจุบันนั้นเป็นพระลิขิตปลอม ไอ้พวกนี้นั้นมันต้องลงนรกสถานเดียว ผมท้ามาตั้งนาน ไม่มีศิษย์วัดพระธรรมกาย สักคนเดียวที่กล้าไปกราบเรียนถามสมเด็จฯท่านว่าปลอมหรือไม่ปลอม อ้างมาตลอดว่าปลอม ใช่ไหมเล่า ? สมเด็จฯท่านตรัสอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น และพระลิขิตนี้มีมานาน ไม่มีใครหรอกนอกจากพวกธรรมกายปัญญาอ่อนที่กล้ากล่าวว่าปลอม ไม่เชื่อก็ไปแหกลูกกะตาตัวเองดูในกรณีอัยการถอนฟ้อง พระลิขิตเป็นของจริง ธัมมชโยยอมรับทั้งหมด ตอนนี้มันเลยใส่เสื้อยืด เอาผ้าสีเหลืองๆคลุมเอาไว้ ทุเรศไหมเล่า แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 54 08:22:48 จากคุณ : JitZungkabuai   เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 20:38:58  ถูกใจ : ทวนทอง, ฝืนได้...ดีได้  ความคิดเห็นที่ 12    แก้แล้ว ปรับปรุงแก้ไขคำสอนให้ตรงตามพระพุทธพจน์แล้ว มันทำไหมครับ เลวได้ตลอด เหมือนเดิม กรูไม่ผิดเพราะอัยการถอนฟ้องแล้ว ลิ้นสองแฉก ทำไมอัยการถอนฟ้อง? ก็อัยการแทบตายห้า มันเล่นทุกทาง บีบจากข้างบนลงมา เป็นกรณีที่ทุเรศมาก ในประวัติศาสตร์ของกระบวนการยุติธรรม แก้เป็นอัยการถอนฟ้องครับ ไม่ใช่ศาลยกฟ้อง แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 06:59:01 จากคุณ : JitZungkabuai   เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 20:57:48  ถูกใจ : ทวนทอง จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 13:21:19

ความคิดเห็นที่ 84 ความคิดเห็นที่ 13    "อัยการสูงสุด “นายพชร ยุติธรรมดำรง” มีคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้อง “ธัมมชโย” กับพวก ฐานยักยอกทรัพย์และเงินวัดพระธรรมกาย ทั้งๆ ที่คดีอาญาดังกล่าว เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง และมีการสืบคดีมายาวนานกว่า 7 ปี              ฝ่ายอัยการอ้างเหตุในการถอนฟ้องว่า บัดนี้ “ธัมมชโย” หรือนายไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของสงฆ์แล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชนจำนวนมาก อีกทั้ง “ธัมมชโย” กับพวกก็ได้มอบทรัพย์สิน ทั้งที่ดินและเงินกว่า 959 ล้านบาท คืนแก่วัดพระธรรมกายแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ครบถ้วนทุกประการประกอบกับขณะนี้บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีธัมมชโยกับพวกต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยก นอกจากนี้การดำเนินคดีต่อไปยังไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องในคดีนี้              ผมมีความรู้สึกหดหู่ใจอย่างมากต่อการถอนฟ้องในคดีดังกล่าว และมีความเห็นว่า “ความยุติธรรมไม่ดำรง” เสียแล้ว              เรื่องนี้ มีข้อน่าสังเกต ดังต่อไปนี้              1) อ้างว่า “ธัมมชโย” คืนเงินและที่ดินให้วัดธรรมกายแล้ว จึงถอนฟ้อง ยุติการดำเนินคดีในฐานยักยอกทรัพย์              ประเด็นนี้ ไม่ต้องเป็นนักกฎหมายก็รู้ทัน เพราะการกระทำความผิดในฐานยักยอกทรัพย์ได้สำเร็จไปแล้ว นับตั้งแต่ที่จำเลยยักยอกเงินและที่ดินไป ครั้นเมื่อถูกจับได้ภายหลัง ถูกจับขึ้นโรงขึ้นศาลแล้ว แม้จำเลยจะนำเอาทรัพย์ที่ยักยอกไปกลับมาคืน ก็ไม่สามารถลบล้างการกระทำความผิดที่สำเร็จไปแล้วได้              เปรียบเทียบกับ “โจร” ที่ลักควายไป ภายหลังถูกจับขึ้นศาล โจรนำควายมาคืน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นความผิดฐานขโมยควาย              หากยอมรับบรรทัดฐานของอัยการแบบนี้ ต่อไป การยักยอกทรัพย์ก็ดี การขโมยก็ดี หรือการทุจริตคอรัปชั่นก็ดี มิจฉาชีพย่อมจะนำไปสอนสั่งกันต่อไปว่า ให้ยักยอกไปก่อน ขโมยไปก่อน หรือโกงไปก่อน หากวันไหนถูกจับได้ค่อยเอามาคืน ก็ยังสามารถพ้นความผิด!              อย่าลืมว่า มูลค่าทรัพย์ที่ยักยอกกันไปนั้นไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่ซาละเปาลูกละบาทสองบาท แต่เป็นเงินและที่ดินมูลค่าอย่างต่ำก็ระดับ 1,000 ล้านบาท              2) อ้างว่า ขณะนี้บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติ หากดำเนินคดีธัมมชโยกับพวกต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยก และการดำเนินคดีต่อยังไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ              ประเด็นนี้ เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย รับไม่ได้              การสมานฉันท์หรือการสร้างความสามัคคีของคนในชาติไม่ใช่เรื่องของการ “เกี้ยะเซี๊ยะ” หรือ “สมยอม” กับผู้กระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง              ตรงกันข้าม หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีบทบาทหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมไป “เกี้ยเซี๊ยะ” กับโจร โดยไม่ยอมบังคับใช้กฎหมาย ไม่ดำเนินการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งอย่าง “ยุติธรรม” – แปลว่า ไม่ “ยุติ” อย่าง “เป็นธรรม” บ้านเมืองก็จะไม่มีทางสมานฉันท์ได้อย่างแท้จริงเลย              อัยการทราบได้อย่างไรว่า ศาลยุติธรรมจะมีคำพิพากษาในกรณีนี้ ออกมาในทิศทางใด และจะก่อให้เกิดความแตกแยกได้อย่างไร เพราะตามหลักการแล้ว ศาลยุติธรรมย่อมตัดสินคดีไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เป็นที่ยุติแก่ทุกฝ่ายในสังคม              การถอนฟ้อง เป็นการ “ตัดตอนคดี” จนทำให้ไม่มีการพิจารณาคดีต่อไป สะท้อนว่า อัยการสูงสุดไม่เคารพในกระบวนการยุติธรรรมชั้นศาล หรือไม่?              การอ้างว่า ดำเนินคดีต่อไปก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ยิ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบในมิติของ “บรรทัดฐานทางสังคม” คุณค่า ค่านิยมสังคม จริยธรรมและคุณธรรมกฎหมาย              การถอนฟ้องในลักษณะดังกล่าว กลับจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อของระบบและกระบวนการยุติธรรมโดยรวมในระยะยาว อย่างมาอาจจะประเมินค่าได้              สังคมจะมีสภาพเป็นอย่างไร หากคนในสังคมมีความเชื่อว่า แม้นกระทำผิดก็ยังสามารถจะรอดพ้นความผิดได้ ?              3) อ้างว่า ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของสงฆ์แล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ              ข้ออ้างนี้ก็ยังไม่เพียงพอ              กรณีของ “ธรรมกาย” นั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า มีแนวความเชื่อและแนวทางปฏิบัติที่ขัดกับพระไตรปิฎกและพระพุทธศาสนา เช่น การสอนอย่างผิดเพี้ยนว่า “นิพพานเป็นอัตตา” รวมไปถึง การเรี่ยไรเงินนอกวัดผ่านทางกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดสร้างปูชนียวัตถุและปูชณียสถาน การชักชวนเรี่ยไรเงินโดยอ้างเอาความศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญเป็นรางวัล การสร้างพระพุทธรูปโดยอ้างว่าสร้างขึ้นตามนิมิตที่เห็นในการทำสมาธิ ฯลฯ              การอ้างว่า บัดนี้ วัดธรรมกายได้แก้ไขให้เป็นไปตามนโยบายของสงฆ์ และได้เผยแพร่โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มิได้เป็นข้อสรุปเสมอไปว่า จะถูกต้องตามพระไตรปิฏกและพระพุทธศาสนา แต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการลักลอบใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำสถานีวิทยุโทรทัศน์อย่างผิดเจตนารมณ์กฎหมายบ้านเมืองอยู่ก็เป็นได้        ... ..." (ผมขอละไว้ ไม่ยุ่งเรื่องการเมืองครับ) ข่าว : ผู้จัดการ 28 สิงหาคม 2549 อ้างอิง http://www.alittlebuddha.com/html/News%202006/August%202006/17%20August%2006.html แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 21:14:13 จากคุณ : JitZungkabuai   เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 21:05:44  ถูกใจ : เนตังมม, ทวนทอง, คนโบราณนานมาแล้ว  ความคิดเห็นที่ 14    พระลิขิต ของจริงหรือเปล่า ทำตามพระลิขิตแล้วทุกประการ ธัมมชโย ถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออกแล้วใส่เสื้อยืด ห่มเหลือง ไม่ใช่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาแล้ว มันคือ "จิ้งเหลือง"  นับถือกันเข้าไปครับ เป็นสิทธิของคุณ ผู้นอกพระศาสนานี้ จากคุณ : JitZungkabuai   เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 21:10:27  ถูกใจ : ทวนทอง, ฝืนได้...ดีได้ จากคุณ : ทวนทอง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 13:22:43