ความคิดเห็นที่ 1   อ่านย้อนหลังได้ที่ ตอนที่ 23.2  ตอนที่ 23.1   ตอนที่ 22     ตอนที่ 21 ตอนที่ 20  ตอนที่ 19   ตอนที่ 18    ตอนที่ 17   ตอนที่ 16 ตอนที่ 15   ตอนที่ 14   ตอนที่ 13  ตอนที่ 12   ตอนที่ 11 ตอนที่ 10    ตอนที่ 9   ตอนที่ 8    ตอนที่ 7    ตอนที่ 6 ตอนที่ 5   ตอนที่ 4   ตอนที่ 3    ตอนที่ 2    ตอนที่ 1                  จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:20:53

ความคิดเห็นที่ 2   ลิงค์ 1. เพลย์ลิสต์รวมคลิปวิดีโอสอนภาษาอังกฤษในยูทูป รู้สึกว่ามันเริ่มเหมือนห้องสมุดคลิปย่อยๆ ก็ดีนะ การ ออกเสียง, แกรมม่า, โทเฟิล, ไอเอล, โทอิค, ฮาวทู เรียนภาษาอังกฤษ 101, สัมภาษณ์สอบเข้า, สมัครงาน101, นิทาน, เพลงสำหรับเด็ก, การ์ตูนดิสนีย์, ข่าววอยซ์ออฟอเมริกา, ฮาวทู สถาปนิก, ภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มเรียน, สำนวน, บทสนทนาเบื้องต้น, มิสเตอร์ดันแคน, ชาร์ลี แมคโดเนล และอื่นๆ 2. รีวิวเพลย์ลิสต์ เริ่มจาก คห*44 อ่านเอง ฝึกเอง มีฮาวทู วิธีใช้เพลย์ลิสต์บอกให้  3. ## แจกสารพัด Link เพื่อฝึกฝน [ภาษาอังกฤษ] ไว้ทำแบบฝึกหัด ฝึก ฟัง พูด อ่านเขียน 4. รีวิวและลิงค์ เว็บ วอยซ์ ออฟ อเมริกา + ที่เรียนภาษาอังกฤษฟรี +  แบบฝึกหัด แนะนำเว็บอื่นๆ 5. แนะนำเว็บอ่านหนังสือภาษาอังกฤษดีๆให้ฟัง ส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมตะวันตก กว่า 100 เล่ม 6. เล่นเกมฝึก ทวนคำศัพท์ และการอ่าน เว็บ Vocabulary.com 7. เว็บฝึกภาษาที่สาม จีน ฝรั่งเศส สเปน และอื่นๆ กว่า 200 ภาษา รีวิวเว็บฝึกภาษาที่สาม 8.เว็บแนะนำประจำสัปดาห์ (1.) เว็บแนะนำ: ฝึกภาษาอังกฤษ ทำแบบฝึกหัด http://www.myenglishgrammar.com (2.) เว็บแนะนำประจำสัปดาห์: ทั่วๆไป ด้านการสร้างแรงจูงใจและการสร้างระเบียบวินัยในตัวเอง http://www.mymotivational-nlp.com/self-discipline (3. )Best YouTube Channels Where You Can Learn To Speak Better English ชาแนลที่ดีที่สุดบนยูทูปที่ช่วยให้คุณเรียนพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น 9. เฟซบุคเพจ ถามคำถาม, รวมกระทู้ที่เคยโพสและกำลังโพส, คำถามที่พบบ่อย, ทุน,สอบเข้า, ดูหนังฟรีบนยูทูป, ของฟรี    ฯลฯ 10. โปรแกรม สอนภาษา มีให้ลองเล่นฟรี 7 วันนะ ทั้งแบบภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ หลายภาษาเอามาแปะ เผื่อใครอยากทดลองดู ของจริงแพงมากหลายร้อยเหรียญ ของเทล มี มอร์ http://store.tellmemore.com/Learn-English-with-TELL-ME-MORE-s/65.htm                จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:23:32

ความคิดเห็นที่ 3 เรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นง่ายๆ จากยูทูป ตอนที่ 24    สวัสดีจ้ะ เราชอบให้ฝึกการเรียนรู้ด้วยตัวเองและมีระเบียบวินัย จะช่วยประหยัดเงินและเวลาได้มาก      แปะลิงค์ก่อน ## แจกสารพัด Link เพื่อฝึกฝน [ภาษาอังกฤษ] ... อยากเก่งอังกฤษเข้ามาทางนี้เลยค่ะ ## พรีวิวกระทู้ ให้สะดวก สำหรับคนที่มาใหม่ และคนที่อ่านอยู่เดิม จะได้รู้ว่ามีไรบ้าง จะได้เลือกอ่านได้ง่ายๆ ตอนนี้แบ่งเป็น 3 ขั้น (1)  ขั้นเริ่มต้น เด็กๆ, ประถม ผู้เริ่มเรียน กลับมาทบทวน (2)  ขั้นกลาง, ประถม, มัธยม (3)  ขั้นมัธยมขึ้นไป - จนถึงทำงาน คลิปมิสเตอร์ดันแคน (3) มิสเตอร์ดันแคน ก็จะสอนภาษาอังกฤษโดยโยงเข้ากับเรื่องทั่วๆไปในสังคม วัฒนธรรม ฝรั่งเค้าคิดยังไง ใช้ชีวิตยังไง สอนสำนวน, แกรมม่า, วิธีคิดก็ จะให้สำนวน ตัวอย่างประโยค, สอนมารยาทหรือวัฒนธรรมแบบฝรั่ง, เนื้อหามีคติสอนใจ, มีการยกสำนวน หรือ วลีสำคัญๆ หรือจากบุคคลสำคัญมาสอดแทรกประกอบ, มีการ์ตูน  เอฟเฟค หรือของเล่นต่างๆ มาประกอบการสอน, หรือบางทีก็มีแขกรับเชิญคือพี่ชายของเค้า, ให้ตัวอย่างประโยคสนทนา ฝึกความคุ้นเคยกับฝรั่ง ความยาวประมาณ 7 นาที มีซับไตเติ้ลให้ด้วย แต่หลังๆ 2 คลิปหลังๆมานี่รู้สึกว่าจะทำคลิปยาวประมาณ 15 นาที เรารู้สึกว่าเรื่องยากขึ้นด้วย แต่เค้าคงแบบอยากให้เด็กฝึกทั้งยากและง่าย ครั้งนี้เป็นเรื่อง -  Learning English - Lesson Forty Nine (Food) มีคลิปเดียวแต่ยาวประมาณ 17 นาทีนะ Ask Misterduncan (3) เป็นซีรีส์ที่สองของเค้า ความยาวประมาณ 5 - 7 นาที เป็น การรวบรวมคำถามแกรมม่าและคำถามทั่วๆไป ที่เด็กๆ แฟนๆคลิปได้เขียนมาถามมิสเตอร์ดันแคนกัน ก็ดี น่ารักดี เหมือนพี่มาเล่าให้ฟังโน้นนี้ คุยกับเด็กๆ เด็ก 10 ขวบยังเขียนไปคุยกับเค้าเลย :)) ลองอีเมลไปถามเค้าบ้างก็ได้นะ เผื่อจะได้ออกในคลิป อิอิ ก็มีซับไตเติ้ลให้ด้วยเช่นกันกับซีรีส์แรกของเค้า อันนี้ไม่ห้วข้อจ้ะ แต่จะมีคำถามและการเตรียมตัวให้อ่านก่อนเรียนนะ - Ask Misterduncan - 14 - Ask Misterduncan - 15 ครูเจมส์ (3) ก็สอนหลักการใช้ภาษาอังกฤษ สำนวน เทคนิควิธีการเรียน ครั้งนี้เป็นเรื่อง - Slang in English - BREAK - How NOT to Learn English ครูรีเบคก้า (3)  ก็สอนแกรมม่า การใช้ภาษาอังกฤษเบื้องต้น สัปดาห์นี้ เรื่อง - Common English Errors: I or me? She or her? - Common English Errors: Someone, Anyone, No one? ชาลี แมคดอนแนล (3) เด็ก ชาวอังกฤษจริงๆพูดถึงไลฟ์สไตล์ของเค้า เค้ามีเพอร์ซันนาลิตี้ที่ดี มีทัศนคติที่ดี ทำคลิปน่าสนใจ สนุก ฮามาก ได้ความรู้ แต่ก็ดื้อตามประสาเด็กกำลังโต ตามวัย บางทีก็มีร้องเพลง (ร้องเก่งด้วย) มีพูดถึงวิทยาศาสตร์ง่ายๆ - Scary Science - Comic Relief Fail ครูมิโนะ ซีรีส์ เทนส์ทั้ง 12 เทนส์ (3) จะ สอนแกรมม่า ครูเคยสอนเรื่องการฟัง, การอ่าน, การวางโครงสร้างประโยคมาแล้วในตอนก่อนหน้า แต่ช่วงนี้เราจะยกให้คุณครูมาสอนเทนส์ทั้ง 12 เทนส์ มีทั้งหมด 9 คลิป สัปดาห์นี้เป็นบทที่5 Learn English Tenses (Lesson 5) - Action Verbs vs State Verbs - Learn English Tenses ฝึกภาษาอังกฤษกับสถาบัน EF (Education First) (3) ก็ เหมาะกับผู้เรียนเบื้องต้น บทเรียนความยาวไม่เกิน 10 นาที สอนเรื่อง แกรมม่า เทนส์ แบบฝึกหัด คำศัพท์ บทสนทนา เราคิดว่ามันเป็นซีรีส์ที่ทีซีรีส์นึงเลยนะสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ เริ่มจากอันนี้ก่อนก็ได้ เราแนะนำเลยนะ แบบของอีเอฟมันอาจไม่มีดีเทลอะไรให้เขียนถึงมาก แต่แนะนำ  เราก็เรียนกันมาเรื่อยๆ 30 กว่าคลิปละ ครึ่งทางกันละ - 37  Press Release - 38  Career Advice ครูรอนนี่ (3) สอน ภาษาอังกฤษเบื้องต้นสำหรับเด็กๆเลย มัธยมต้นก็ฟังได้เพราะมีแปลให้แล้ว ฝึกฟังเอง พยายามใช้ซับที่แปลให้น้อยที่สุด ครูรอนนี่ก็ใจดี สอนดี เข้าใจง่าย เนื้อหาก็ง่าย และยกตัวอย่างจากเรื่องใกล้ๆตัวเราค่ะ สัปดาห์นี้ 2 เรื่องคือ - How to improve your listening in English - Job Interview Skills - Questions and Answers ครูเจนิเฟอร์ (3) ก็ ทำวิดีโอมาจากที่บ้าน หรือแถวบ้าน  เปลี่ยนบรรยากาศ สอนเรื่องใกล้ๆตัวเรา คุณครูมีวิธีการยกตัวอย่างง่ายๆที่ทำให้เราจำได้มาสอน และในเพลย์ลิสต์คุณครูมีคลิปดีๆอีกเยอะที่เรายังไม่ได้เอามาลงค่ะ ต่อมาจากสัปดาห์ที่แล้วนะคะ - Advanced English 2 - Listening - Olympic Games - American Slang - "Cool Car" - Lesson 8, Part 1 ปกติลง 4 คลิป แต่ครั้งนี้ลง 2 คลิปพอ เพราะยาวประมาณคลิปละ 8 นาที เควิน kevjumba (3) http://www.youtube.com/playlist?list=PL07AF13A0197E80DD เควินเป็นตัวอย่างเด็กเอเชียนอเมริกันที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ เด็ก ABC - American born Chinese ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ดูกันไปหลายๆแบบค่ะ  ครั้งนี้เอาคลิปของเพื่อนแก๊งค์เค้ามาลงด้วย คือ nigahiga ลงของ nigahiga หมดเลย เค้ามาตอบคำถามแฟนๆ ฮามาก เช่น ช่วยลืมตาเวลาพูดได้มั๊ย, สอนแต่งหน้า - Dear Ryan - Can you open your eyes? by nigahiga - That Awkward Moment When by nigahiga - Dear Ryan - Makeup Guru by nigahiga ครูเดฟ สกนด้า ซีรีส์ Pronunciation (1,2,3) หลายๆ คนอยากออกเสียงได้มีสำเนียงดีๆ ก็มาฝีกการออกเสียงกันค่ะ ดูเพิ่มเติมในเพลย์ลิสต์เรื่องการออกเสียง จะมี 60 กว่าคลิป และอยู่ในเพลย์ลิสต์ของครูเกือบทุกคนค่ะ อยากฝึกจริงจังก็ออกแรงฟังดูค่ะ ครู เดฟก็ทำคลิปเรื่องการออกเสียงออกมาเป็นซีรีส์เลยค่ะ คุณครูสอนจริงจังมากค่ะ สอนดี พูดช้า เข้าใจได้ง่ายๆ ฝึกทำตาม ออกเสียงตาม วางรูปปากตามได้ง่ายดี ถ้าอัดเทปเองไว้ด้วยมาเปรียบเทียบกับเสืยงต้นแบบจากคลิปเค้าก็จะดีนะคะ ก็อยากสำเนียงดีๆ ก็ต้องฝึกบ่อยๆจ้า Pronunciation -  Live students train with Dave Sconda มี 40 นาที นาทีที่ 21-41 ครึ่งหลังทั้งหมด - ตอน 12   -  นาทีที่ 21 - 30 - ตอน 13   -  นาทีที่ 31 - 41 ครูอเล็กซ์ (3) คุณ ครูอเล็กซ์สอนแกรมม่าพื้นฐานเบื้องต้นเหมือนครูรอนนี่เลยค่ะ ม.ต้นก็เรียนได้แล้วค่ะ ง่ายๆค่ะ คุณครูสอนให้เราเข้าใจได้ง่ายค่ะ ใช้คำง่ายๆ ยกตัวอย่างง่ายๆค่ะ และพูดถึงเรื่องที่ไม่ยากมากเกินไปสำหรับคนที่เริ่มหัดเรียนหัดฟังค่ะ ครั้งนี้เป็นเรื่อง ภาษาแสลงในการส่งข้อความทางโทรศัพท์ - Texting slang - jk, idk, ttyl, cya, tmi, np, k - Improve your writing: Adverb Clauses English Communication Skill (3) เป็นการฝึกการพูด การสื่อสาร สนทนาสั้นๆ ในที่ทำงาน นักเรียนก็ดูไว้เตรียมตัวทำงาน, หรือฝึกงานได้จ้า - part 3-12  the first time to meet - part 3-13  what would you like to do? ซีรีส์การ์ตูนนิทานอีสป  (2) การ์ตูน นิทานอีสปประกอบเพลง มีคติสอนใจ ไม่มีซับ บางเรื่องอาจเคยผ่านตามาแล้วจากรูปแบบหนังสือ ถ้าพอคุ้นๆก็จะทำให้จำศัพท์และเข้าใจเนื้อเรื่องง่ายเข้า แต่ละเรื่องสั้นๆเองค่ะ สีสันสวยงาม มีเพลงประกอบด้วย ซีรีส์นี้ใกล้จะจบแล้วนะคะ - The Oak and The Reeds - The Farmer and His Sons - The Birds, the Beasts and the Bat Disney - Magic English  (1,2) อันนี้ก็เอาไว้เปิดให้ลูกหลานฟังก่อนนอน หรือเหมาะกับผู้เริ่มเรียนเลยค่ะ คลิปละ 30 นาที เนื้อหาตามสไตล์ดิสนีย์เล่าเป็นการ์ตูน มีเรื่องราว ประกอบเพลง ซีรีส์นี้ก็ใกล้จะจบแล้วเช่นกันนะคะ - ตอน 27 The City - ตอน 28 Wild West เพลงเด็ก (1,2) เปิด ฟังก่อนนอน หรือสอนเด็ก สอนศัพท์เด็กก็ได้ มีเนื้อเพลงให้ด้วย หรือฟังเองก็ได้ค่ะเพลินดี สีสันสวยงาม เพลงสั้นๆ และเหมาะกับผู้เริ่มเรียนค่ะ ซีรีส์นี้ก็ใกล้จะจบแล้วจ้า ครั้งนี้มีเนื้อเพลงบนจอให้หมดเลยทั้ง 3 เพลงค่ะ - The Mulberry Bush Nursery Rhymes with Lyrics - It's Raining It's Pouring Nursery Rhyme With Lyrics - The Hokey Pokey Song With Lyrics การ์ตูนซีรีส์กำเนิดพระกาเนชา (พระพิฆเณศวร์)  (1,2,3) Ganesha's Devotion - Kids Animation Stories การ์ตูนกำเนิดพระพิฆเณศวร์ จะได้เรียนอะไรหลากหลายวัฒนธรรมดี ภาพสวยงาม มีเนื้อหาสาระดี มีคติสอนใจที่ดี มันเป็นประโยชน์ที่จะรู้จักหลายๆวัฒนธรรม หลายๆ สำเนียงจ้า มัน จะเป็นประโยชน์ในอนาคตเวลาเราทำงานน่ะ จะได้ชิน นอกเหนือจากความรู้ ผลพลอยได้ ที่จะได้พวกเกร็ดวรรณคดีอะไรพวกนี้ หรือต้องดีลกับเจ้านาย/ลูกค้าชาวอินเดียซึ่งเก่งคอมและเศรษฐศาสตร์ 55+ หรืออาจจะต้องเรียน ต้องสอบ ก็ฟังๆไว้หลายๆแบบก็ดีค่ะ ซีรีส์นี้ทั้งหมด ตอน 1- 10 มีในเพลย์ลิสต์เราแล้วนะคะ คลิก - ตอน7  Ganesha Becomes Chintamani การ์ตูนนิทานสำหรับเด็ก Peppa Pig  (1,2,3) เป็น ซีรีส์ใหม่ค่ะ เพิ่งลงเป็นครั้งแรก แต่วิวสูงมากค่ะ เราชอบเนื้อหาการ์ตูน,เสียงพากษ์ และสีสันสวยงามค่ะ เป็นเรื่องราวของครอบครัวหมูเพ็พพ่า ที่แต่ละตอนก็จะไปทำกิจกรรมต่างๆกัน ยอดวิวสูงแบบ 5 - 15 ล้านวิวเลยค่ะ เพลย์ลิสต์ คลิก - Peppa Pig - Peppa pig and Baby Alexander - Peppa Pig - Learn the Alphabet with Peppa - Peppa Pig - "Washing" ซีรีส์สำหรับผู้เรียนเบื้องต้น โดยเจนนิเฟอร์ (1,2)  ตอนแรก เจน นิเฟอร์ก็สอนผู้เรียนตัวต่อตัว สอนจริงๆ คำถามจริงๆจากผู้เรียน เราก็สมมุติให้ตัวเองเป็นนักเรียนคนนั้น เรียนตามเค้าไปนะคะ มันคงไม่เห็นผลชั่วข้ามคืน หรือแค่คลิปสองคลิป ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและตั้งใจจริงๆน่ะค่ะ สำหรับผู้เรียนเบื้องต้น นอกจากที่เราท่องศัพท์เบื้องต้นกันมาแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมาเรียนกับคุณครูกันค่ะ Lesson 4 - Useful Expressions Lesson 5 - More Useful Expressions Lesson 6 - Introducing Yourself ซีรีส์สำหรับ ผู้เรียนเบื้องต้น ชุดบทสนทนาเบื้องต้นและแกรมม่าเบื้องต้น (1,2) หลังจากที่เราเรียนรู้คำศัพท์เบื้องต้นกันไปแล้ว ทั้งได้รู้ศัพท์ต่างๆ, ฝึกออกเสียงได้อย่างถูกต้อง และฝึกแต่งประโยคง่ายๆ จากศัพท์กันไปแล้ว ซีรีส์นี้เราจะมาฝึกการสนทนาเบื้องต้น ประโยคและมีแทรกแกรมม่าเบื้องต้นจากคุณครูคนใหม่ด้วยนะคะ เเธอเป็นเจ้าของเสียงในคลิปที่เราเรียนกันมาค่ะ ก็บทเรียนแต่ละอันจะสั้นๆประมาณ 3 นาทีค่ะ ลองจำแกรมม่าในคลิป, ตัวอย่างประโยคและวิธีการใช้นะคะ - Greetings - Possessive Pronouns - Saying Good-bye - As - As - Introducing People - Should - Greetings 1 Vocab & Phrases - English Conversation 101 ฝึกฟังรายงานข่าวจาก วอยซ์ ออฟ อเมริกา มีซับไตเติ้ล ฝึก ฟังรายงานข่าวจาก วอยซ์ ออฟ อเมริกา 7 คลิป  และทำลิงค์ไปจะได้ประหยัดทั้งพื้นที่และเวลานะคะ แต่ใส่ไว้ในเพลย์ลิสต์ของสัปดาห์นี้ตามปกติค่ะ เลือกมาลงคลิปนึงจ้า ครั้งนี้เราลงสคริปต์ให้ด้วยนะคะ ก็จะได้ฝึกอ่านกันบ้างค่ะ -  US-China Meeting Starts With Call for Fair Exchange Rate และคลิกที่นี่จ้า http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12180851/K12180851.html อื่นๆ เฟซบุคเพจ  ก็ มีถาม/ตอบ มีโน๊ตที่รวมคำถามที่พบบ่อย โพสลิงค์กระทู้ หรือไปเจออะไรน่าสนใจมา ข่าว หรืออะไรที่มันเล็กๆกว่าจะมาตั้งกระทู้ได้ ก็จะเอามาแปะไว้ ก็สามารถเข้าไปดูกันได้ สำหรับใครที่ยังไม่เคยเข้าไปดูก็เชิญได้จ้า :) ขอบคุณมาก. คลิก พรีวิวเพลย์ลิสต์ในยูทูป เหมือน เป็นฮาวทู ว่าเพลย์ลิสต์มันคืออะไร เอาอะไรมาใส่ไว้บ้าง จะเริ่มจากตรงไหนดี ก็เป็นรายละเอียด คำแนะนำ ที่มาที่ไป ก็อ่านก่อนใช้ pantip.com/K11944912               เรา คิดว่า เราได้เรียนจากครูหลายคน เกือบ 10 คน หลายแบบ หลากหลายเชื้อชาติ ในหลากหลายหัวข้อ ทั้งแกรมม่า, เทนส์, การฝึกการออกเสียง, การพูด, การฟัง, ฟังข่าว, เรียนศัพท์ และอื่นๆ  คงได้ประโยชน์อะไรกันไปบ้าง รวมๆกันแล้วก็เป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกันนะ ก็คล้ายๆกับไปนั่งเรียนในคลาสที่ครูฝรั่งสอนน่ะ ข้อ เสีย - คือ เป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ถ้ามีคำถามอะไรก็มาตั้งกระทู้ถามได้ ส่วนข้อดี - ก็คือ ประหยัดเงิน เวลาเดินทาง สะดวก เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และทำให้เราได้ความรู้มากขึ้นน่ะ แล้วใครจะเอาไปต่อยอดยังไง ตัวเราเองก็จะรู้เองอะนะ ถ้าฟังบ่อยก็จะทำให้คุ้นเคยกับฝรั่งนะ อาจจะยากตอนแรกๆ แต่เดี๋ยวซักพักก็จะชินไปเองน่ะ ลิงค์แบบฝึกหัด, เกม, อ่านหนังสือให้ฟัง ก็มีให้แล้ว ก็ เลือกเอาตามความชอบ ความสนใจ ความสามารถ ความอยากฝึก และตามเลเวลที่ตัวเองถนัดนะ แต่ ใน 1 วัน ต่ำๆ ควรฝึกภาษาอังกฤษ ประมาณ 30 นาที ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ทำแบบฝึกหัดน่ะนะ เครื่องมือช่วยฝึกก็มีอยู่มากมายในกระทู้ก่อนๆ, ในคห*0, คห*2 ของกระทู้นี้ หรือเสิร์ชกูเกิลเพื่อหาแบบฝึกหัดมาทำเพิ่มเติมก็ได้ *คำแนะนำ ให้ เปิดเพลย์ลิสต์ที่มีหนังสือกว่า 100 เล่มทิ้งไว้น่ะ จะช่วยได้ ทำให้ได้อ่านผ่านตาบ้างและฝึกสำเนียง ได้ความรู้เรื่องที่มาของหนังสือด้วย ว่าเค้าเขียนหนังสือขึ้นมาทำไม ในช่วงไหนของประวัติศาสตร์ไรงี้ มันประหยัดเวลาได้มากเลยนะ อ่านเองเล่มนึงไม่รู้ใช้เวลาเท่าไหร่ แต่ฟังอย่างนี้ วันๆก็ฟังได้เป็นสามเล่มน่ะ ก็ฟังวนๆกันไป ลิงค์อยู่ใน คห*2 แล้ว  หรือลองเสิร์ชเนตได้นะในเนตมีอ่านหนังสือฟรีให้ฟังเยอะมากเลย สนใจแบบเท็กส์ก็ลองหากันได้ มันช่วยเรื่องการฟัง/การพูด/การอ่าน/การเขียน ได้นะ ฟังอัดๆกันไปเยอะๆน่ะ เราก็ฟังเหมือนกัน ตอนแรกเราก็เบื่อมาก แต่พ้นช่วงเบื่อแล้ว มันก็พัฒนาขึ้นนะ จบสำหรับสัปดาห์นี้ ช่วยกันกดเก็บเข้าคลังหน่อยจ้ะ คนหลังๆจะได้อ่านด้วย ขอบคุณมากจ้ะ :)) พร้อมแล้วไปกันเล้ย -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*                แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 23:27:10 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:13:47 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 06:54:02 แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 09:50:38 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:25:12

ความคิดเห็นที่ 4 คลิปมิสเตอร์ดันแคน (3) มิสเตอร์ดันแคน ก็จะสอนภาษาอังกฤษโดยโยงเข้ากับเรื่องทั่วๆไปในสังคม วัฒนธรรม ฝรั่งเค้าคิดยังไง ใช้ชีวิตยังไง สอนสำนวน, แกรมม่า, วิธีคิดก็ จะให้สำนวน ตัวอย่างประโยค, สอนมารยาทหรือวัฒนธรรมแบบฝรั่ง, เนื้อหามีคติสอนใจ, มีการยกสำนวน หรือ วลีสำคัญๆ หรือจากบุคคลสำคัญมาสอดแทรกประกอบ, มีการ์ตูน  เอฟเฟค หรือของเล่นต่างๆ มาประกอบการสอน, หรือบางทีก็มีแขกรับเชิญคือพี่ชายของเค้า, ให้ตัวอย่างประโยคสนทนา ฝึกความคุ้นเคยกับฝรั่ง ความยาวประมาณ 7 นาที มีซับไตเติ้ลให้ด้วย แต่หลังๆ 2 คลิปหลังๆมานี่รู้สึกว่าจะทำคลิปยาวประมาณ 15 นาที เรารู้สึกว่าเรื่องยากขึ้นด้วย แต่เค้าคงแบบอยากให้เด็กฝึกทั้งยากและง่าย ครั้งนี้เป็นเรื่อง -  Learning English - Lesson Forty Nine (Food) มีคลิปเดียวแต่ยาวประมาณ 17 นาทีนะ นี้เพลย์ลิสต์มิสเตอร์ดันแคนทั้งหมด                Learning English - Lesson Forty Nine (Food) แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:14:42 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:03:33 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:26:51

ความคิดเห็นที่ 5 Learning English-Lesson Forty Nine (Food)             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:06:29 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:05:34 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:28:11

ความคิดเห็นที่ 6 Ask Misterduncan (3) เป็นซีรีส์ที่สองของเค้า ความยาวประมาณ 5 - 7 นาที เป็น การรวบรวมคำถามแกรมม่าและคำถามทั่วๆไป ที่เด็กๆ แฟนๆคลิปได้เขียนมาถามมิสเตอร์ดันแคนกัน ก็ดี น่ารักดี เหมือนพี่มาเล่าให้ฟังโน้นนี้ คุยกับเด็กๆ เด็ก 10 ขวบยังเขียนไปคุยกับเค้าเลย :)) ลองอีเมลไปถามเค้าบ้างก็ได้นะ เผื่อจะได้ออกในคลิป อิอิ ก็มีซับไตเติ้ลให้ด้วยเช่นกันกับซีรีส์แรกของเค้า อันนี้ไม่ห้วข้อจ้ะ แต่จะมีคำถามและการเตรียมตัวให้อ่านก่อนเรียนนะ - Ask Misterduncan - 14 - Ask Misterduncan - 15 ASK MISTERDUNCAN ทั้งหมด Learn English with Asking Misterduncan - Lesson 14 1. Introduction: Misterduncan is an Englishman. He has travelled to many countries and during this time he has learned many things. Mostly about his own attitude towards other people and the mistakes He has made on my journey through life. These days He devote his time to teaching English. He  also have a video channel on Youtube, where all of his  lessons can be viewed. Now we come to new weekly series of English learning lessons from Misterduncan in England. This is the 14th  episode. 2. Prepare for watching lesson: After watching this  lesson, Misterduncan will help you to answer to the below questions: Questions in this episode: 1. Are there any differences between "must", "should", "ought" and "have"? 2.Where does the music you use in your lessons come from? 3.What are the differences between British and American English, when it comes to grammar? 4.What are the differences between "probable", "maybe", "possibly" and "perhaps"?             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:09:27 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:30:00

ความคิดเห็นที่ 7 อีกตอนนึงค่ะ  Ask Misterduncan - 15 Learn English with Asking Misterduncan - Lesson 15 1. Introduction: Misterduncan is an Englishman. He has traveled to many countries and during this time he has learned many things. Mostly about his own attitude towards other people and the mistakes He has made on my journey through life. These days He devote his time to teaching English. He  also have a video channel on Youtube, where all of his  lessons can be viewed. Now we come to new weekly series of English learning lessons from Misterduncan in England. This is the very first episode. 2. Prepare for watching lesson: After watching this  lesson, Misterduncan will help you to answer to the below questions: Question in this episode: 1. How do we use "yet" in a sentence? 2. What is the difference between "nation" and "country", also how do we use "relation" and "relationship" in English sentences? 3. Why do I find it hard to speak English, when I can easily read and write it?             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:12:39 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:30:38

ความคิดเห็นที่ 8 ครูเจมส์ (3) ก็สอนหลักการใช้ภาษาอังกฤษ สำนวน เทคนิควิธีการเรียน ครั้งนี้เป็นเรื่อง - Slang in English - BREAK - How NOT to Learn English ก็มาดูกันค่ะ เพลย์ลิสต์ทั้งหมดของครูค่ะ   Slang in English - BREAK  Do you need a break from long, unproductive studying? Learn some slang and everyday spoken English that uses the very common word 'break' in this short, fun lesson. Then take the quiz at http://www.engvid.com/slang-in-english-break/ .             Slang in English - BREAK   สวัสดีครับ ครูเจมส์สำหรับอิงวิดครับ คุณครูกำลังจะ take a break จากสิ่งนี้(การอ่าน)เดี๋ยวนี้เลย คุณครูอยากจะสอนคุณบางอย่างครับ มี Slang ภาษาปากครับ  เราจะคุยกันถึงแสลง ปกติแล้วแสลงคือภาษาพูดแบบย่อให้สั้นลง และนี่คือบทเรียนที่ดีเพราะ(เรา)จะทำให้คำมันสั้นลง สิ่งที่คุณต้องทำคือ break words แยกคำมันออกแล้วเอามาจัดเรียงใหม่  ทำให้แสลงมันสั้นเข้าและ we're going to break เรากำลังจะมาดูรายละเอียดของคำกัน มาดูความหมายพื้นฐานของคำว่า BREAK กันนะครับ ถ้าคุณดูที่รูปจะเห็นว่าคำว่า BRE/AK  นี้ถูกแยกเป็นสองส่วน นี้หมายถึงเพื่อ to cause to separate into pieces (suddenly or violently) นั่นหมายถึงเมื่อคุณทำลายข้าวของบางอย่าง คุณทำให้มัน(แหลก,ละเอียด)เป็นชิ้นย่อยๆ ตอนนี้ปกติเราจะคิดถึง breaking glasses, or breaking something ทำลายแก้ว, หรือทำลายของอย่างอื่น โดยวิธีการ smash เขวี้ยง,กระแทกแรงๆให้มันแตก, explode ทำให้มันระเบิดออก, broke my thing ทำลายข้างของต่างๆของผมนะ suddenly or violently มันเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือแบบรุนแรงอะ แต่ความหมายพื้นฐานของ to separate into pieces คือ what we will work with today สิ่งที่เราต้องการจะมาเรียนรู้กันในวันนี้ เพราะเราใช้ในแสลงกันเยอะครับ โอเค Slang in English - BREAK 1. on a Break 2. Can you break a 10$? สำนวน 3. Give me a break 4. Break Out 5. Break Up   on a "Break" ดังนั้นมาดูคำแรกกันครับ นิยมกันมากๆ ถ้าคุณชมซีรีส์ FRIENDS นะครับ ในซีรีส์ FRIENDS จะมีคู่รักกัน คือ รอสกับราเชล เค้ารักกันอยู่ แต่ความสัมพันธ์เค้าคือเค้าแยกกัน มันไม่เชิงแยกกันแต่เป็น BREAK they take sometime apart มีบางช่วงที่เค้าแยกกัน และเค้าบอกว่า โอเค ตั้งแต่นี้เราจะไม่ไปด้วยกันนะ  we're not gonna be together for now, we're gonna "separate into pieces" ดังนั้นบางครั้ง We were on a "Break" บางครั้งเป็นแสลง หมายความว่า ตอนนี้เราเลิกกัน แต่เราก็ตั้งใจจะกลับมาคบกันอีก ดังนั้น รอสกับราเชล ราเชลพูดว่า We were on a "Break" นั่นหมายถึง ตอนนี้เราไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการ เราไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้ติดต่อกันแต่เราจะกลับมาคบกัน นั่นคือแสลงตรงนี้ ในความหมายของ  on a "Break"   Can you break a 10$? มาดูคำต่อไปกัน can you break a 10$ สมมุติว่า ผมไม่มีเงินอยู่เลย ขอเวลาแป๊บนึงนะครับ บางทีผมมี โอ้ ผมมีเงินแล้วครับ เห็นนี่มั๊ยครับ เงินไง ตอนนี้ เรื่องตลกเกี่ยวกับนี้คือนี่คือแบงค์ร้อยแบบใหม่ของคานาดา อย่าไปทำปลอมกันนะครับ  ยังไงก็ตามถ้าคุณไปที่ร้านค้า แล้วบอก "ขอแตกแบงค์หน่อย" ก็คงยาก แต่คุณต้องการแตกแบงค์จริงๆเพราะไม่มีใครในคานาดายอมให้คุณใช้(แบงค์ร้อย เพราะมันทอนยาก) แต่โชคร้าย คุณไม่สามาถฉีกมันด้วย เอาหละครับ ดังนั้น "Break" คุณพูดว่า Can you break? ถ้าคุณพูดเช่นนั้นในคานาดา นั่นหมายความว่า = Can you give me change? ขอแลกสตางค์หน่อยครับ coin or smaller bill เป็นเหรียญหรือแบงค์ย่อยเพราะเงินมันเยอะไปที่จะใช้ตามปกติ โอเคนะครับ Can you break a 10$   Give me a break แล้วคำต่อมาล่ะ คำต่อมา อยู่ไหนครับ ออ นี่ Give me a break. Can you give me a break, please... Give me a break  มี 2 ความหมาย อันที่ผ่านๆมา มีความหมายเดียว แต่ถ้าคุณฟังท่าทางที่เค้าพูด - rest - opportunity - Can you give me a break, please... = Please give me an opportunity, or a chance to do something. Now,แต่ถ้าเค้าบอกว่า - Just give me a break for 5 second. = ปกติแล้ว นั้นหมายถึง Give me a rest. ดังนั้นตรงนี้ Ah, gimme a "Break" will ya? (Ah, give me a break, will/would you?) = Total slang เป็นแสลงจริงๆ = หมายความว่า I'm tired.   Let me rest, C'mon will ya, please? = ขอพักหน่อยก็จะดีนะ โอเคนะครับ   Break Out คำต่อมา I had acne "Break Out" after I ate pizza. - acne - get out 1.  acne จำได้มั๊ยครับที่เราบอกว่า "Break" คือ  cause to separate into pieces คือทำให้มัน(แหลก,ละเอียด)เป็นชิ้นย่อยๆ - acne หรือ Pimples หรือ Zits = สิว = สิ่งที่นูนบวมขึ้นมาบนหน้าคุณ ตอนที่คุณได้รับน้ำมันจากอาหารเข้าไป(ในร่างกาย)มากๆ จะเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น โอเค อันนี้มันเกิดขึ้น   "Break Out" = บีบสิว 2. get out ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีซีรีส์ทางโทรทัศน์ ชื่อว่า "Prison Break" เกี่ยวกับ criminal เกี่ยวกับนักโทษที่ทำผิดกฏหมายน่ะครับ เค้าต้องอยู่ในคุกแต่เค้า "Break Out" = escape = bring out = get out ดังนั้นถ้าคุณบอกว่า You will  break out the China for my friend = bring out = get out the good stuff. = แบ่งบางเครื่องครัว (ถ้วยชามจานช้อน) มาให้เพื่อน  OK นะครับ หรืออีกความหมายหนึ่ง "Break Out" = leave ( แบบใน"Prison Break" ที่ leave ออกมาจากคุก)   Break Up และท้ายสุดเรามี "Break Up" จำได้มั๊ยครับเราพูดถึง Break Up ตรงนี้(ในตอนแรก เรื่องของรอสกับราเชลจากซีรีส์เฟรนด์) นักเรียนชายหญิงครับ ตั้งใจฟังนะครับ ถ้าพาร์ทเนอร์ของคุณกล่าวกับคุณว่า to break คุณแทบจะการันตีได้เลยว่า You will break up. "Break Up"  หมายถึง = to end the relationship = break into pieces, violently and suddenly and completely into pieces แต่เราก็ยังใช้ "Break Up" = กับ groups การแบ่งกลุ่ม ด้วย เช่น We need to break up into 3. คือ เราต้องการแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม โอเคครับ ดังนั้นเราเรียนแสลงเกี่ยวกับ "BREAK" คุณครูอยากเมคชัวร์ว่านักเรียนจำคำเหล่านี้ได้ ดังนั้นเรามาทวนกันอย่างรวดเร็วครับ 1. On a Break  ถ้าเราใช้ Break เป็นคำนาม a Break ปกติในความสัมพันธ์ มันหมายถึง = pause, rest of period  พักก่อน ก่อนจะ getting back กลับมาคบกันต่อ 2. Can you break a 10$ หรือเราใช้ Break เป็นคำกริยา = to change money, make smaller bill, smaller denomination denomination = หมายถึง smaller piece of something = แตกเงินให้ย่อยลงเป็นเหรียญหรือเป็นแบงค์ ในกรณีของเงิน larger denomination = บิลที่ใหญ่ขึ้น สิบ, ยี่สิบ, ห้าสิบ smaller denomination  = หนึ่งดอลล่าร์, สองดอลล่าร์ และเหรียญ coins,   ตอนนี้ เรามีสำนวน นี้คือสำนวน - Give me a break - Break Out - Break Up Give me a break - rest - opportunity สังเกต tone and context โทนและปริบทก็จะช่วยคุณได้ Break Out เป็นคำกริยาวลี - acne - get out Break Up และคำกริยาวลีคำสุดท้ายคือ  Break Up นั่นสามารถแปลว่า - groups แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย หรือ - relationships ยังไงก็แล้วแต่ ผมก็กำลังจะ Break Up คลาสเรียนนี้ คุณไปทำของคุณ ผมไปทำของผม และเราจะมาพบกันใหม่ในวิดีโอตัวหน้า ขอบคุณมากครับ พอคุณมีเวลาว่างจากการเรียนรู้ มาที่นี่ครับเราสอนภาษาอังกฤษคุณครับ Have a good one! สรุป ทวนเอง แปลเองนะคะ 1. on a Break 2. Can you break a 10$? สำนวน 3. Give me a break 4. Break Out 5. Break Up และทำแบบฝึกหัดท้ายบทเช่นเคยจ้า http://www.engvid.com/slang-in-english-break/ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:18:47 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:17:04 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 02:41:28 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:31:49

ความคิดเห็นที่ 9 ครูเจมส์ (3) ก็สอนหลักการใช้ภาษาอังกฤษ สำนวน เทคนิควิธีการเรียน คลิปที่สองนี้เรื่อง How NOT to Learn English บทนี้ครูเค้าก็รวบรวมมาจากเรื่องจริงที่ครูเจอตอนสอน เป็นตอนแรกของ 2 ตอนจบและ มีเทคนิคในการเรียนมาบอกจ้าและอย่าลืมทำแบบฝึกหัดท้ายบทเช่นเคย   How NOT to Learn English  What are the four major mistakes that students make when they try to learn English? Take this lesson and make sure you aren't making these errors,  than take the free quiz at http://www.engvid.com/how-not-to-learn-english/             How NOT to Learn English   นั่นเป็นแพลนของผมเกี่ยวกับจะไปเที่ยว เพราะผมจะไปกัมพูชา สวัสดีครับ คุณครูเจมส์ครับ ผมกำลังเลือกระหว่าง 2 เล่มนี้ ...  เอาหละครับ วันนี้เป็นบทเรียนพิเศษ ที่ผมชอบคือบทนี้มันเป็นพาร์ท 1 และเราจะมีบทต่อไปกัน  บทเรียนนี้สร้างมาจากข้อผิดพลาดที่คุณครูเห็นนักเรียนทำกันอยู่บ่อยๆนะครับ แต่มันไม่เพียงแต่ข้อผิดพลาดเท่านั้นที่นักเรียนทำกัน  แต่สิ่งสำคัญของบทเรียนนี้คือ ข้อผิดพลาดเหล่านี้นั้นจะช่วยให้นักเรียนเก่งภาษาอังกฤษให้ดีได้อย่างไรกันน่ะครับ ไม่ว่าคุณครูจะได้สอนนักเรียนกันมาอย่างไร โอเคนะครับ ดังนั้นบทเรียนในวันนี้ก็คือ  How NOT to Learn English พาร์ท 1 ครับ อาจจะเป็นซีรีส์มี 20 ตอน, ไม่ 20 นะ 10 พาร์ท, เมเนเจอร์บอก มีพาร์ทเดียว, ขอโทษครับ 555+ How NOT to Learn English  เป็นมุขคุณครูน่ะครับ เอาหละ มิสเตอร์ อี ปฏิเสธจะทำตามในบทนี้ เพราะว่าเค้าใช้เวลาทั้งหมดที่ผ่านทำอยู่ 51 ครั้งครับที่คุณครูรู้น่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้เรียนภาษาอังกฤษ How NOT to Learn English 1. Watch and repeat EVERYTHING from T.V. (movies, music) 2. Use your electronic translator ALL the time. 3. Talk ONLY to people from your language group 4. Please repeat this phrase. All the time "They know what I saying." 5. Try nothing that is not from your culture.   1. Watch and repeat EVERYTHING from T.V. (movies, music) ขั้นแรก Watch and repeat EVERYTHING from T.V. (movies, music ดูและพูดซ้ำทุกๆอย่าง จาก โทรทัศน์, ภาพยนตร์, ดนตรี และอื่นๆ ครั้งหนึ่งคุณครูมีนักเรียนอยู่คนนึง  คุณครูเกือบจะทะเลาะกับนักเรียนแล้วครับ ว่าทำไมนักเรียนถึงจะทำให้คุณครูจะทะเลาะด้วยได้ มีคำไม่สุภาพในภาษาอังกฤษในเพลงแรป(ที่มีคำไม่ผ่านเซนเซอร์มากมายในเพลง) คนที่ร้องเพลงนี้ควรจะไปอยู่บนสับเวย์(รถไฟใต้ดิน) และนักเรียนของคุณครูก็ร้องเพลงตามนั้น คุณครูบอก ถ้าเธอร้องเพลงนี้อีกครั้งนึง คุณครูจะ...(จัดการ)  โชคดีที่นักเรียนบอก เอ่อ ผมทวนเพลงน่ะครับ แต่นักเรียนไม่รู้ว่า สิ่งที่เค้าร้องนั้นไม่ดี แต่ในวัฒนธรรมของเค้า(นักเรียน)หมายถึง มันโอเค แต่ในวัฒนธรรมนี้ เอ่อ (มันไม่ได้ครับ) ดังนั้น เพียงพูดตามหรือร้องตาม(ไม่พอครับ ต้องพูดตามหรือร้องตามในสิ่งที่ถูกที่ควรหรือเหมาะสมด้วยครับ) อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือโฆษณาแมคโดนัลในคานาดา I'm lovin' it!  I'm lovin' it! I'm lovin' it! อ่านตำราแกรมม่ามา คุณพูดเช่นนั้นไม่ได้ I love it! แต่นักเรียนบอกว่า แต่แมคโดนัลด์บอกผมนี่ I'm lovin' it! เป็นภาษาอังกฤษที่ดีนี่ เพราะ I'm lovin' it! ผมบอกโอ้ แมคโดนัลด์ขายอะไรที่แย่นะ เอ้ยขอโทษครับ แมคโดนัลด์ขายอาหาร ไม่แย่นะ อย่ามาฟ้องผมนะ  โรดัลด์(ชื่อต้นของแมคโดนัลด์) โอเคนะ (อาหาร)มันน่ารัก ไปกินแฮปปี้มีลไป เอ่อ แมคโดนัลด์ก็พยายามขายอาหารของเค้า เค้าก็เลยใช้ภาษาแบบเปลี่ยนจากแบบแผนหลักภาษาเพื่อทำให้มันเกิดประโยชน์เค้า ซึ่งคุณเอาไปใช้ไม่ได้นะครับ ลองไปใช้ที่ธนาคารเวลาสัมภาษณ์งาน I'm lovin' work in your company. 555+ แล้วคุณก็จะไม่ได้งานครับ(ล้อเล่น) โอเคนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานแบงค์นะครับ   2. Use your electronic translator ALL the time. ตอนนี้ นี่คือสิ่งที่คุณครูชอบอีกอย่างนึง เครื่องแปลภาษาอิเลกทรอนิกส์ อันนี้มันไม่ใช่อิเลกทรอนิกส์แต่คุณครูไม่มีอันอื่นเลยครับ   ...คุณครูได้นั่งลงสอนคุณในคลาสเรียน ครูสาบานครับ คุณครูสอนอย่างนี้ แบบนี้ สดครับ ดูสิครับดีนะครับ ดีที่ได้มองเห็นนักเรียนนะครับ นักเรียนไม่ทานขนมขบเคี้ยว คุณครูหมายถึงคุณนักเรียนเพียงแต่ตั้งใจในสิ่งที่คุณครูสอนเพราะมันสำคัญมาก คุณครูมีนักเรียนที่มาเข้าคลาสเรียนจำนวนหนึ่งและเค้าจ่ายเงินเพื่อให้คุณครูได้สนทนากับเค้า คุณครูจะพูดกับเค้าแบบ โอเค (มองหน้านักเรียนแล้วก้มลงเล่นโทรศัพท์ในมือ) ในขณะนั้นเอง คุณครูก็พูดไปประมาณ 10 นาทีได้ เค้าก็เขียน 1 ประโยคลงในเครื่องมือ(อิเลกทรอนิกส์นั่น)ของเค้า และ 20 นาทีต่อมา นักเรียนเข้ามา "ครูครับ 20 นาทีที่แล้ว ครูพูดคำนี้ คำนี้แปลว่าอะไรครับ"  ครูบอก "นี่เธอ นั่นมัน 20 นาทีที่แล้วโน่น" นักเรียนเค้าใช้ translator เครื่องแปลภาษา เล่าเแบบเร็วๆนะครับ เรื่องจริง วันนึง นักเรียนคนนึงของผมได้โต้เถียงกับผม เค้าบอกว่า "เครื่องแปลภาษานี่ดีนะครับ มันดีกว่าน่ะครับ ผมต้องการ(ใช้)เครื่องมือนี้นะครับ" เพราะว่าคุณครูบอกให้เค้าใช้ พจนานุกรมแบบเป็นตัวเล่มหนังสือน่ะครับ และเค้าบอก "ไม่ครับ" ดังนั้นคุณครูมีนักเรียนสองคน และทั้งคู่มาจากประเทศเดียวกัน ซึ่งมันเท่ากัน คุณครูให้เล่มพจนานุกรมกับนักเรียนคนนึง อีกคนนึงคุณครูให้ใช้เครื่องแปลภาษา แล้วคุณครูบอกทั้งคู่ว่า ให้หาคำว่า //ด่เ่ฟรเฟงฟ// โอเคไม่เป็นไร ดังนั้นเค้าก็หาคำนี้กัน นักเรียนคนที่ใช้  เครื่องแปลภาษา 5 วินาที เสร็จแล้ว เค้าบอก "คุณครูครับ ผมทราบคำตอบครับ"  "ดีครับ" ครูบอก "รอ รอก่อนนะครับ" จำได้มั๊ยครับ เค้ามีเครื่องมือ เค้าปิดหน้าจอลง นักเรียนอีกคนนึง "โอ้ (หาอยู่) สะกดยังไงครับ" คุณครูก็สะกด  "อ้อ" แล้วเค้าก็หาต่อไปประมาณ 5 นาที นักเรียนก็อ่านคำนั้น "คำตอบคืออันนี้ครับ" คุณครูพูดหันนักเรียนคนนั้นว่า "ดีครับ ดี" คุณครูหันไปที่นักเรียนที่มีเครื่องแปล และคุณครูบอกเค้าว่า "จำได้มั๊ยว่าคำนี้หมายความว่าอะไร" นักเรียนหยิบเครื่องแปลภาษาขึ้นมา ครูบอก "อ๊ะ วางลง บอกครูว่าแปลว่าอะไร" เกิดอะไรขึ้นกับนักเรียนหรอครับ?  อันนี้ตลกทีเดียวครับ นักเรียนตอบ "ผมไม่ทราบครับ"  "แน่สิครับ คุณไม่ทราบ สมองคุณฉลาดจริงๆครับ ถ้าคุณพิมพ์ปุ่มแล้วได้คำแปล สมองคุณจะทำเช่นนี้ครับ(จะจำว่าพิมพ์ปุ่มแต่ไม่จำคำแปล) มันเมคเซนส์ สมองคุณจะไม่จำเพราะว่า(การจิ้มๆพิมพ์)มันง่าย" ตอนนี้นักเรียนที่ใช้เล่มพจนานุกรม จะต่างไปครับ ทำไมหรอครับ? ก็เพราะนักเรียนที่ใช้เล่มพจนานุกรม สิ่งที่เค้าทำก็คือ เค้าต้องจำครับ เพราะว่ามันยากเกินไป สมองบอกว่า จำนี่ เพราะว่า คุณต้องใช้เวลา(ถึง) 5 นาที ค้นหาคำแปล มันยากมากๆ และสิ่งต่อมาก็คือ ตอนที่คุณอ่าน คุณได้เรียนรู้คำใหม่ มันไม่มีทางเลือก แบบ โอ บีๆๆๆ ไม่.. ไม่.. (หาคำศัพท์ในพจนานุกรมไล่ไปที่ตัวบี ที่ตรงกับคำที่หาอยู่) ดังนั้นประโยชน์คือสมองพยายามจำครับ ไม่ใช่ครั้งแรกแต่คุณเริ่ม จำเพราะคำนั้นมันเริ่มหายาก และประโยชน์ที่สองคือสมองเรียนรู้คำอื่นไปด้วย นักเรียนคนนี้ตอนที่เค้าดูบทเรียนใน 5 นาที แล้วเค้าก็เข้าใจ ถ้าต้องการจะ"จำ"ภาษาอังกฤษ วางดิกชันนารี่ลงและเริ่ม(ใช้สมอง)จำแทน นั่นเป็นแมชชีนที่ดีที่สุดครับ เอาหละครับ คุณครูไม่มีเวลามากนะครับ ดังนั้นคุณครูจะไปอย่างรวดเร็ว คุณต้องตั้งใจนะครับ ครูจะทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้  ครูจะพูดให้ช้าลงนะครับ 55 และสอนให้เร็วขึ้น โอเค   3. Talk ONLY to people from your language group ตอนนี้ Talk ONLY to people from your language group ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ กลุ่มคนที่พูดภาษาเดียวกับคุณ, คุณพูดภาษาเดียวกัน ใช้หลักภาษา(แกรมม่า)แบบเดียวกัน คุณใช้ภาษาอังกฤษด้วยแกรมม่าเเบบเดียวกับที่คุณใช้ในภาษาคุณ (ใช้ภาษาอังกฤษแต่วางแกรมม่าตามหลักภาษาไทย) แน่นอน, เค้าพูด(เรียงประโยค)เหมือนกับที่คุณทำ, ดังนั้นนั่นมันเข้าใจได้ แต่ถ้าคุณใช้ภาษาต่างกัน เช่น คนที่มาจากญี่ปุ่น, คนที่มาจากเมกซิโก ทั้งสองพูดภาษาอังกฤษ ถ้าคนญี่ปุ่นใช้แกรมม่าแบบ(แกรมม่าของ)ภาษาญี่ปุ่นมาใช้ในภาษาอังกฤษ, คนสแปนิชใช้, หรือคนเมกซิกันใช้แกรมม่าแบบสแปนิชมาใช้กับภาษาอังกฤษ  เค้าจะไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน เค้าจะมองซึ่งกันและกัน แล้วพูด "คุณพูดอะไรเนี่ย?"   ดังนั้นเค้าใช้แกรมม่าแบบภาษาอังกฤษเท่านั้นจะเหมือนว่าเข้าใจกันได้ทันทีเลยครับ ใช่มั๊ยครับ ดังนั้น หลายๆคนกล่าวว่า ผมคุยกับคนที่มาจากประเทศผม เค้าเข้าใจผมเลยนะ แน่ครับเค้าต้องเข้าใจครับ เค้าพูดสแปงลิชเหมือนคุณนี่ครับ(สแปงลิช = อังกฤษ + สแปนิช) ภาษาเค้าเพอร์เฟค แต่ไม่ใช่กับภาษาอังกฤษ โอเคนะครับ   4. Please repeat this phrase. All the time "They know what I saying." ตอนนี้ต่อมา นี่คือข้อที่คุณครูชอบบบ..อันนี้เลยครับ มันยอดเยี่ยม คุณครูจะสอนบางอย่างและนักเรียนคุยร่วมกันในชั้นเรียน จะช้าจะเร็ว มันก็จะเกิดขึ้น โอเคนะครับ นักเรียนคนหนึ่งที่ภาษาอังกฤษไม่ใคร่ดีนัก เค้ากล่าวว่า "They know what I saying." ตอนนี้พวกนักเรียนทราบว่า นั่นเป็นภาษาอังกฤษแบบผิด อย่าใช้ตามนะครับ ครูเจมส์ไม่ได้สอนมาแบบนั้นนะครับ จำได้มั๊ยครับ นี่คือแบบที่ "ไม่ให้เรียนรู้" แบบพวกนี้นะครับ นักเรียนบอก "คนฟังรู้เรื่องว่าผมพูดอะไรนะครับ เค้าเข้าใจผมนะครับ" ครูบอก "เอ้อ ใช่นะครับ แต่พวกนักเรียนก็กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษนะครับ อย่าจ่ายตังค์เพื่อมาเรียนภาษาอังกฤษแบบผิดๆครับ" เวลาคุณพูด ครูเข้าใจครับ แต่ภาษาอังกฤษนี้ฟรี แล้วผมจะพูด(ภาษาอังกฤษยังไง).. อย่างนี้ครับ "คุณจ่ายเงินมาเพื่อบางอย่างที่สำคัญกว่า นี้ครูซีเรียสนะครับ คุณจ่ายเงินมาเพื่อสิ่งที่สำคัญมากกว่าเงิน ปล่อยให้คนอื่นๆใช้เงินไปครับ คุณใช้จ่ายด้านเวลาครับ ดังนั้นคุณ "ใช้เวลา"  เรียนมันอย่างถูกวิธีครับ คุณสามารถหาเงินมาชดเชย(เงินที่เสียไป)ได้ แต่คุณไม่สามารถชดเชยเวลา(ที่เสียไป)หรือชีวิตคุณ(ช่วงที่ใช้เวลาไป)ได้ครับ โอเคนะครับ ซีเรียสนะครับ ชดเชยไม่ได้ครับ คุณจะใช้เวลาเพื่อเรียน ใช้เวลาเพื่อเรียนแบบที่ถูกครับ ดังนั้นตอนนี้คุณจะไม่พูดว่า "They understanding what I am saying."  "They understand what I am saying. ครับ"  โอเค เข้าใจนะครับ   5. Try nothing that is not from your culture และข้อ 5. (Try nothing that is not from your culture) นี่คือที่ครูชอบครับ ครูมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง ครูอยู่ในคานาดา เค้าบินมาจากกัมพูชา ไม่ใช่กัมพูชาครับ จากรัสเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี อืม อาหารเกาหลีนะ เอ่อ.. อินเดีย, ไม่มากเท่าไหร่นะ แต่นักเรียนมาจากทั่วโลกเลย แล้วเค้าก็... ครูสอนตอนวันศุกร์ นักเรียนก็รู้ว่านี่เรื่องจริง เธอสามารถเอาไปคุยกับนักเรียนได้ ทุกวันศุกร์ ครูจะเอาคุกกี้มาแจก และที่ครูเอาคุกกี้มาเพราะมันเป็นอาหารที่คนคานาดาเค้าทานกันเป็นปกติ(ในชีวิตประจำวัน) แล้วคุณครูมีนักเรียนที่บินมา(เรียน)จากทั่วโลก ลองนึกภาพดูนะครับบินมาด้วยเครื่องบิน ทราบมั๊ย วิธี(เดินทางที่)อันตรายที่สุดที่อาจเสียชีวิตได้ แล้วคุณครูให้คุกกี้เค้า และเค้าบอก "ไม่ครับ" คุณครูถาม "ทำไม"   "มันไม่ใช่อาหาร(แบบที่)ผม(ทานประจำ)อะครับ" ครูพยายามอธิบายครับ "ตกลงนี่กันนะครับ วัฒนธรรมคือภาษา, ภาษาคือวัฒนธรรม" เราใช้คำต่างๆเพื่อส่งผ่านตรรกะความคิด,ความเชื่อต่างๆ, ความเข้าใจต่างๆของเรา เมื่อคุณไม่เป็นส่วนร่วมหนึ่งของวัฒนธรรม คุณจะไม่สามารถเข้าใจความจำเป็นของถ้อยคำต่างๆได้ครับ ตัวอย่างที่คุณครูชอบ เล่าแบบรวบรัดนะครับ นี่เป็นความจริงเกี่ยวกับคุณครูครับ "พูดภาษาเยอรมัน" แปลว่า มัน too late สายไป you're not late, you're too late. คุณไม่ได้มาช้าไปแต่มันสายไปครับ ถ้าคุณมาช้าไป 1 วินาที มัน too late สายไปเสียแล้วครับคุณ ในภาษาอังกฤษ เราก็แค่พูดว่า late มาช้า, มาสาย วัฒนธรรมของพวกเรานั้นแตกต่างกัน สำหรับคนเยอรมัน being late การมาช้านั้น ไม่มี มีแต่ on time ตรงเวลา, หรือ too late มาสายไปเลย ส่วนในภาษาอังกฤษ มัน (1.) on time ตรงเวลานะ, (2.) late นี่ มาช้านะ, และ (3.) too late มันอาจจะมาสายไปเสียแล้ว วิธีการที่เรามองเรื่องเวลานั้นแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ถ้าคุณเข้าใจไม่ได้ คุณก็ทำธุรกิจในเยอรมันไม่ได้ครับ เพราะคุณอาจจะ(มองว่า มาสายไป) "วินาทีเดียวเองนะ", (แต่คนเยอรมันมองว่า) "It's too late! มันสายไปเสียแล้วครับ"  แต่ในคานาดาเราจะแบบ "โอเค it's late สายไปนะ" คุณต้อง(ทำความ)เข้าใจนะครับ ดังนั้น จำให้ขึ้นใจว่า ถ้าคุณไปต่างประเทศ คุณบินมาจากประเทศคุณจ่ายมาเป็นพันๆดอลล่าร์  ลองอาหาร, เรียนรู้วัฒนธรรมให้เข้าใจ พอเมื่อเจอคำต่างๆ เข้าด้วยกัน คุณจะได้เข้าใจแตกฉานจริงๆ เช่นมีบางคนพูดกับคุณ "Have a hair of the dog that bit you last night" คุณก็จะเข้าใจ คุณอาจจะได้ดื่มมา แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าพูดว่าอะไรกับคุณ คุณจะไม่เก็ทมันน่ะครับ คุณต้องใช้เวลาเรียนรู้ เรียนรู้มันอย่างถูกทางถูกวิธี แต่เอาหละ คุณครูไม่ซีเรียสบ่อยนักแต่เลิกซีเรียสดีกว่านะตอนนี้ ************************************************ *ชอร์ทโน๊ต Hair of the dog     If someone has a hair of the dog, they have an alcoholic drink as a way of getting rid of a hangover, the unpleasant effects of having drunk too much alcohol the night before. It is commonly used as a way of excusing having a drink early on in the day. the hair of the dog that bit you = a drink of alcohol taken when one is recovering from drinking too much = My friend started the day with the hair of the dog that bit him. = My friend got up early and had the hair of the dog that bit him to start the day. ที่มา เว็บนี้ดีมากนำเกี่ยวกับสำนวนและการเรียนภาษาอังกฤษ บุคมาร์คไว้เลยนะ http://www.americanidioms.net/the-hair-of-the-dog-that-bit-you/ ****************************** (สรุป+ทวน) จำได้มั๊ยครับ นี่คือข้อที่"ไม่ควรทำ"นะครับ 1. Watch and repeat EVERYTHING from T.V. (movies, music) ไม่ต้องคิดถึงความหมายอะไรเลย แค่พูดตาม(เป็นนกแก้วนกขุนทอง)ไปเลย "ผมเห็นแรปแกงสเตอร์พูดอย่างนี้เลย มันต้องคูลแน่ Ya!" ครับ แต่คุณไม่ใช่แรปแกงสเตอร์ครับ คุณอพยพมาจากรัสเซียครับ ลืม(ภาษาแกงสเตอร์)ไปเลยครับ โอเค 2. Use your electronic translator ALL the time. "นี่(electronic translator เป็นเหมือน)สตาร์แทรค มันต้องวิเศษมาก เพราะคนแปลต้องแปลมาถูกต้องดีเยี่ยมและผมรู้ชัดเลยว่าจะหาคำแปลยังไง นี่มันดูเหมือนโรบอท แต่ผมไม่แนะนำให้คุณใช้วิธีหาคำแปลแบบนี้" โอเคนะครับ 3. Talk ONLY to people from your language group. ดังนั้น ไม่ว่าจะยังไง เราไม่พูดแบบนี้ "ผมคิดว่านี่มันดีนะ ใช่มั๊ยล่ะ" เอ่อ คนที่มาจากชาติเดียวกันพูดภาษาเดียวกัน คุณต้องปล่อยวางมันไว้และเรียนในสิ่งที่ต่าง(ไปจากความคุ้นเคยเดิม) ใช่มั๊ยครับ? โอเค 4. Please repeat this phrase. All the time "They know what I saying." เรามาถึงข้อไหนแล้วเนี่ย ข้อ 4. Please repeat this phrase. All the time "They know what I saying." โอเค "They know what I saying." (มันผิดแกรมม่า) ถ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าเค้าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ (คนฟัง)เค้าเข้าใจมั๊ยครับ? เค้าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษครับ คุณควรจะหยุดพูดคุยกับเค้า พยายามเข้าหากลุ่มคนที่พูดภาษาอังกฤษ 5. Try nothing that is not from your culture. นั่นมันไม่เพียงแต่ให้กับการเรียนภาษาอังกฤษ แต่มันเกี่ยวกับภาษาใดๆก็ตามที่คุณประสงค์อยากจะเรียน เมื่อคุณลองอะไรจากวัฒนธรรมนึง จะทำให้คุณเป็นคนที่เข้าใจอย่างถ่องแท้และเข้าถึง  ทำให้คุณเป็นบุคคลที่น่าสนใจยิ่งขึ้น เรื่องตลกพอมั๊ยถ้าทำให้คุณเป็นบุคคลที่น่าสนใจยิ่งขึ้นขนาดที่ทำให้ผู้คนได้พูดถึงคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก   เอาหละครับ ตรงนี้ คุณครูอยากให้คุณทำอย่างนี้ครับ ดังนั้น นี่มิสเตอร์อี  (จากที่วิธีการที่ไม่ให้เรียนภาษาอังกฤษแบบนี้)เปลี่ยนเป็น นี่คือ สิ่งที่คุณครูต้องการอยากให้คุณทำนะครับ (ทำแบบฝึกหัดท้ายบทครับ  ที่นี่ http://www.engvid.com/how-not-to-learn-english/) แล้วพบกันเร็วๆนี้ครับ (สวัสดีครับ) แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 22:50:02 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:22:15 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:40:06

ความคิดเห็นที่ 10 ครูรีเบคก้า (3)  ก็สอนแกรมม่า การใช้ภาษาอังกฤษเบื้องต้น สัปดาห์นี้ เป็น Common English Errors ทั้ง 2 คลิปเลย เรื่อง - Common English Errors: I or me? She or her? - Common English Errors: Someone, Anyone, No one? มันอาจจะง่ายอยู่แล้วก็มาทวนความเข้าใจกัน ก็มาเรียนกัน และทำแบบฝึกหัดท้ายบททดสอบทบทวนความเข้าใจจ้ะ   Common English Errors: I or me? She or her?   Do English pronouns confuse you? Watch this important lesson and learn which pronouns to use when.  You'll be taking a big step forward in improving your English.   Make sure to test yourself by taking the free quiz at http://www.engvid.com/common-english-errors-i-or-me-she-or-her/               Common English Errors:  I or me? She or her? They or them?     สวัสดีค่ะ คุณครูรีเบคก้านะคะ และบทเรียนของวันนี้ เราก็จะมาคุยกันถึง Personal pronouns "บุรุษสรรพนาม" (มีไว้สำหรับใช้แทนชื่อจริงของผู้พูด, แทนชื่อจริงของผู้ฟัง และแทนชื่อจริงของบุคคลหรือสัตว์, สิ่งของ ที่เราเอ่ยถึง) ซึ่งก็ทำให้นักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษสับสนอยู่เสมอนะคะ ดังนั้นมาดูกันว่ามีอะไรบ้างและทำไมถึงทำให้นักเรียนสับสนได้ และวิธีการทำให้เข้าใจว่า คำไหน ใช้กับสถานการณ์ใดกันนะคะ โอเคค่ะ ดังนั้นเรามี pronouns คำสรรพนามตรงนี้นะคะ pronouns ==> Personal pronouns คำสรรพนาม       บุรุษสรรพนาม I          ==>     me You     ==>     you He       ==>     him She     ==>     her We      ==>     us They    ==>    them ที่เราใช้เป็นประธานของประโยค และเรามีอีกแถวนึงของคำสรรพนามตรงนี้ซึ่งเราใช้เป็นกรรมในประโยค ดังนั้นมาดูตัวอย่างกันนะคะ เราสามารถพูดว่า ตัวอย่างนะคะ I like John. But John likes me. ในประโยคแรก  I เป็น subject เป็นประธานของประโยค ในประโยคที่สอง  me ถูกใช้เป็น object เป็นกรรม You like John. John likes you. He likes John. John likes him. She likes John. John likes her. We like John. John likes us. They like John. John likes them. โอเคนะคะ คุณเห็นวิธีการมั๊ยคะ?  ในประโยคแรกในกรณีนี้เราใช้คำสรรพนามแถวแรกเป็น subject ประธานของประโยค และประโยคที่สองเราใช้คำบุรุษสรรพนามมาเป็นกรรมของประโยค มาดูตัวอย่างเพิ่มเติมกันนะคะ   Subject ถ้าคุณใช้เป็นประธาน คุณจะใช้ได้ว่า I like ice cream. ไม่ใช่ Me like ice cream. แต่ I like ice cream. บางครั้งเด็กๆซึ่งเค้ายังเด็กอยู่มากๆ เค้าจะสับสน เค้าจะพูดอะไรอย่าง Me like ice cream. แต่มันไม่ถูกต้องนะคะ ตามหลักภาษาอังกฤษที่ถูกต้องเราใช้ว่า I like ice cream. ค่ะ   He plays tennis. ไม่ใช่ Him plays tennis.นะคะ แต่เป็น He plays tennis. เพราะเราใช้ He เป็นประธานของประโยคค่ะ She and I are going out. เราไม่พูดว่า Her and me นะคะ เพราะเราใช้คำสรรพนามนี้(She and I) เป็นประธานของประโยค ตอนนี้ อีกจุดหนึ่งนะคะ เมื่อเราพูดถึงคนอื่นๆกับตัวเรา I  ใช่มั๊ยคะ ปกติแล้วเรากล่าวถึงบุคคลอื่นก่อนกล่าวถึงตัวเรา I, เรากล่าวถึงตัวเรา โดยวางไว้หลังสุด (เช่นตัวอย่าง คือ She and I) She and I เราไม่พูดว่า  I and She นะคะ เอาหละค่ะตอนนี้ มันก็ใช้เป็นกรรมของประโยคด้วย ดังนั้น เราก็จะมาใช้แถวที่สองนะคะ   Object Please help me. ไม่ใช่ Please help I. นะคะ Please help me. ค่ะ Don't call  them. ไม่ใช่ Don't call  they. แต่เป็น Don't call  them. Please tell her to call him. ใช้เป็นกรรมของประโยคนะคะ   Preposition รวมถึงเราใช้คำสรรพนามที่เป็นกรรม มาใช้กับคำบุพบทด้วยนะคะ สำหรับตัวอย่าง I went with them. with เป็น Preposition คำบุพบท เราไม่พูดว่า with they แต่พูดว่า with them She send it to me. She send it to me. ไม่ใช่ She send it to I. แต่เป็น She send it to "me." โอเคนะคะ   To be และรวมถึงเราใช้รูปฟอร์มแถวที่สอง ที่ทำหน้าที่เป็นรูปกรรมกับคำกริยา To be สำหรับตัวอย่าง บางคนได้เคาะประตูและคุณถามว่า "นั่นใคร! Who's there!" และมีบางคนตอบว่า "It's me. ชั้นเอง" It's me/her/them. It's me. It's him. It's her. It's them. ดังนั้นเราก็ใช้กับคำกริยา To be ด้วยนะคะ เอาหละค่ะ   ขอให้นักเรียนทวนให้ขึ้นใจนะคะเพราะนี่เป็นพื้นฐานของภาษาอังกฤษ นักเรียนต้องการให้แน่ใจว่าคุณไม่ทำข้อผิดพลาดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานในเรื่องนี้กันนะคะ ขอบคุณสำหรับการรับชมค่ะ  ตอนนี้สวัสดีค่ะ Make sure to test yourself by taking the free quiz at http://www.engvid.com/common-english-errors-i-or-me-she-or-her/ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 01:02:42 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 01:00:08 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 00:57:33 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:26:24 แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 03:42:23 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:40:59

ความคิดเห็นที่ 11 ครูรีเบคก้า (3)  ก็สอนแกรมม่า การใช้ภาษาอังกฤษเบื้องต้นนะคะ อีกคลิปของสัปดาห์นี้ เรื่อง Common English Errors: Someone, Anyone, No one? ก็มาดูมาทวนกันนะคะ  นี้เพลย์ลิสต์ทั้งหมดของคุณครูรีเบคก้าค่ะ Common English Errors: Someone, Anyone, No one? Someone? Anybody? No one? Not sure which word to use when? Watch this lesson and learn a few simple rules to end your confusion. Take a free English test on this lesson at http://www.engvid.com/english-errors-someone-anyone-no-one/             Common English Errors: Someone, Anyone, No one?   สวัสดีค่ะ คุณครูรีเบคก้านะคะ  และบทเรียนของวันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องคำ 3 คำ ที่ทำให้นักเรียนเราสับสนกันบ่อยๆ และคำเหล่านี้คือ  Some, Any และ No และรวมถึงเมื่อคำเหล่านี้มากับคำอื่นอย่างที่คุณจะได้เห็นบนกระดานนะคะ นี่เป็นอีกสิ่งนึงที่ทำให้นักเรียนหลายๆคนงง และรวมถึงอย่างเฉพาะเจาะจงลงมา เราก็มีคำขอมาทางเว็บไซด์ของเรา จากริคาโด้ผู้ซึ่งถามมาเกี่ยวกับบทเรียนวันนี้นะคะ ริคาโด้คะ บทเรียนนี้ก็สำหรับคุณด้วย(เช่นกันกับนักเรียนคนอื่นๆ)ค่ะ เอาหละค่ะ ก็มาดูที่กระดานกันนะคะ -------------------------------------------------------                          กระดาน Someone     l   Anyone       l    No one Somebody   l   Anybody     l   Anything Something   l   Anything     l   Nothing Somewhere l   Anywhere   l   Nowhere -------------------------------------------------------- I met someone at the party. I need to eat something. I want to go somewhere. -------------------------------------------------------- There's no one here. There's nothing in the box. There's nowhere to go. --------------------------------------------------------   Someone, Somebody, Something หรือ Somewhere ดังนั้น เราใช้ Someone, Somebody, Something หรือ Somewhere เมื่อเราใช้ในประโยคบอกเล่า Positive Sentences ใช่มั๊ยคะ เมื่อเราใช้ในประโยคบอกเล่านะคะ เอาละค่ะ   Anyone, Anybody, Anything และAnywhere เราใช้ Anyone, Anybody, Anything และ Anywhere เมื่อเราใช้ประโยคปฏิเสธหรือเมื่อเราใช้เป็นคำถาม เมื่อเราถามคำถามนะคะ   No one, Nobody, Nothing และ Nowhere และเราใช้ No one, Nobody, Nothing และ Nowhere ในประโยคบอกเล่าด้วยเช่นกันนะคะ แต่เป็นประโยคบอกเล่าที่มันไม่มีแม้แต่ 1 สิ่งอยู่เลยในเรื่องที่พูดถึงในประโยคนะคะ โอเคค่ะ (ตัวอย่าง) ดังนั้นมาดูกันบางตัวอย่างเพื่อให้คุณเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะคะ I met someone at the party. ใช่มั๊ยคะ เราใช้ someone เพราะเป็นประโยคบอกเล่า เรายังสามารถพูดว่า I met somebody at the party. แต่เวลาใช้พูดโดยทั่วไปจะใช้ someone กันบ่อยกว่านะคะ ทั้งสองคำมีความหมายเหมือนกันเลยค่ะ แต่  someone จะถูกใช้บ่อยกว่าค่ะ I need to eat something. ตัวอย่างต่อมา I need to eat something. ประโยคบอกเล่าใช่มั๊ยคะ หรือ I want to go somewhere. เช่นกัน เป็นประโยคบอกเล่าอีกประโยคนึง (เปลี่ยนประโยคบอกเล่าพวกนี้ให้เป็นประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม) (โดยการใช้ any ทั้งในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามนะคะ)   (1. เปลี่ยนประโยคบอกเล่าพวกนี้ให้เป็นประโยคปฏิเสธ) ทีนี้ตอนนี้มาเปลี่ยนประโยคบอกเล่าพวกนี้ให้เป็นประโยคปฏิเสธกันนะคะ ดูนะคะ วิธีการเปลี่ยนคำ  จากคำว่า someไปเป็น any I met someone at the party. ถ้าเราทำให้เป็นประโยคปฏิเสธ ได้ว่า I didn't meet anyone at the party. ดังนั้นคำนี้ (someone) ก็จะถูกเปลี่ยน (เป็น anyone) I need to eat something. ถ้าเราทำเป็นปฏิเสธ เป็น I don't need to eat anything. อีกครั้งนะคะ คำนี้(something)จะถูกเปลี่ยน (เป็น  anything) I want to go somewhere. ประโยคบอกเล่า เมื่อเราทำเป็นประโยคปฏิเสธ ก็กลายเป็น I don't want to go anywhere. อีกครั้งนะคะ คำนี้ (somewhere) จะถูกเปลี่ยนไป (เป็น anywhere)   (2. เปลี่ยนประโยคบอกเล่าพวกนี้ให้เป็นประโยคคำถาม) มาดูกันว่าคำเหล่านี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร ถ้าเราเปลี่ยนให้เป็นคำถามนะคะ เอาหละค่ะ ดังนั้น ถ้าเรามี I met someone at the party. เราสามารถถาม someone บางคนว่า (ประโยคคำถาม = .........เปลี่ยนเองค่ะ ......... ตอบ...................) Did you meet anyone at the party? ใช่มั๊ยคะ ในประโยคคำถาม เราก็ใช้เป็น anyone หรือ anybody ได้เหมือนกันนะคะ I need to eat something. (ประโยคคำถาม = .........เปลี่ยนเองค่ะ ......... ตอบ...................) Do you need to eat anything? ใช่มั๊ยคะ I want to go somewhere. มาเปลี่ยนให้เป็นประโยคคำถามกันนะคะ (ประโยคคำถาม = .........เปลี่ยนเองค่ะ ......... ตอบ...................) Do you want to go anywhere? ใช่มั๊ยคะ   ดังนั้น จะเห็นว่าการใช้คำ any นั้นสำหรับประโยคปฏิเสธ  และ ประโยคคำถามนะคะ ตอนนี้มาดูกันอีกสองสามตัวอย่างนะคะ โดยการใช้ no There's no one here. ประโยคบอกเล่า no one here = not a single person here = ไม่มีใครซักคนเลยอยู่ที่นี่  เรายังสามารถพูดได้ว่า = there's nobody here. ความหมายเหมือนกัน เท่ากันเลยค่ะ There's nothing in the box. nothing = no thing นะคะ There's nowhere to go. = There's no place to go. nowhere = no place เรายังใช้ในประโยคบอกเล่าได้ด้วย แต่ในประโยคบอกเล่า ความหมาย = not a single item of that kind to talk about นะคะ ค่ะ ดังนั้นคุณครูหวังว่าบทเรียนนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Some, Any และ No นะคะ ทำควิซที่นี่นะคะ Take a free English test on this lesson at http://www.engvid.com/english-errors-someone-anyone-no-one/ ขอบคุณมากนะคะ และโชคดีกับการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณค่ะ   แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 03:28:58 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:29:38 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:41:56

ความคิดเห็นที่ 12 ชาลี แมคดอนแนล (3) เด็ก ชาวอังกฤษจริงๆพูดถึงไลฟ์สไตล์ของเค้า เค้ามีเพอร์ซันนาลิตี้ที่ดี มีทัศนคติที่ดี ทำคลิปน่าสนใจ สนุก ฮามาก ได้ความรู้ แต่ก็ดื้อตามประสาเด็กกำลังโต ตามวัย บางทีก็มีร้องเพลง (ร้องเก่งด้วย) มีพูดถึงวิทยาศาสตร์ง่ายๆ - Scary Science - Comic Relief Fail หน้าชาลีฮามาก Scary Science สมชื่อตอนจริงๆ 555+   Scary Science  Yes, I know, that's two science videos in a row. I'm sorry that I'm in love with science so much. I should totally just marry it or whatever.             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:32:57 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:43:41

ความคิดเห็นที่ 13 ชาลี แมคดอนแนล (3) อีกตอนนึงค่ะ Comic Relief Fail ตอนแรกเค้าะจะพูดถึงการ์ตูน แต่เปลี่ยนใจมาพูดถึงการบริจาคให้กับ Red Nose Day ค่ะ เราลงลิงค์ของ Red Nose ให้ด้วย ตามไปดูกันได้ว่ามันคืออะไร เค้าทำอะไรกันจ้า   Comic Relief Fail  The story of what happened when I tried to make a video for Comic Relief, but failed miserably.  If you'd like to do something for Red Nose Day this year: http://rednoseday.com/fundraise             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:37:40 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:45:10

ความคิดเห็นที่ 14 ครูมิโนะ ซีรีส์ เทนส์ทั้ง 12 เทนส์ (3) จะ สอนแกรมม่า ครูเคยสอนเรื่องการฟัง, การอ่าน, การวางโครงสร้างประโยคมาแล้วในตอนก่อนหน้า แต่ช่วงนี้เราจะยกให้คุณครูมาสอนเทนส์ทั้ง 12 เทนส์ มีทั้งหมด 9 คลิป (คลิก) สัปดาห์นี้เป็นบทที่5 จ้า Learn English Tenses (Lesson 5) - Action Verbs vs State Verbs - Learn English Tenses   บทเรียนนี้ เราคิดว่ามันมีประโยชน์มากๆเลยนะคะ ค่อยๆเก็บไปสัปดาห์ละคลิปน่ะค่ะ เวลาใกล้สอบจะได้มีพื้นมาบ้างอะค่ะ ถ้ามันยากไปก็ดูซ้ำหลายๆรอบหรือดูคลิปจากครูอื่นๆประกอบอะค่ะ ครูจะสอนเรื่องเทนส์กันเกือบทุกคนค่ะ Learn English Tenses (Lesson 5) Action Verbs vs State Verbs - Learn English Tenses In this video lesson you will learn when and how to use state verbs in the English language.             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:43:41 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:48:08

ความคิดเห็นที่ 15 ช่วยแคปมานิดหน่อย             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:46:46 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:49:49

ความคิดเห็นที่ 16 ฝึกภาษาอังกฤษกับสถาบัน EF (Education First) (3) ก็ เหมาะกับผู้เรียนเบื้องต้น บทเรียนความยาวไม่เกิน 10 นาที สอนเรื่อง แกรมม่า เทนส์ แบบฝึกหัด คำศัพท์ บทสนทนา เราคิดว่ามันเป็นซีรีส์ที่ทีซีรีส์นึงเลยนะสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ เริ่มจากอันนี้ก่อนก็ได้ เราแนะนำเลยนะ แบบของอีเอฟมันอาจไม่มีดีเทลอะไรให้เขียนถึงมาก แต่แนะนำ  เราก็เรียนกันมาเรื่อยๆ 30 กว่าคลิปละ ครึ่งทางกันละ - 37  Press Release - 38  Career Advice เรียนกับ EF: Education First คลิปทั้งหมด  ชาเเนลนี้มีคนเคยเขียนรีวิวไว้นานแล้วนะ ว่าเป็นหนึ่งในชาแนลที่ดีที่สุดบนยูทูปที่ช่วยคุณเรียนพูดอังกฤษได้ดีขึ้นด้วย ก็คือคลิปเกือบทั้งหมดที่เราเรียนๆนี่แหละ Best YouTube Channels Where You Can Learn To Speak Better English http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12019672/K12019672.html คลิปของอีเอฟน่ะ  ก็เป็นคลิปที่ดี อยากให้ดูกันจ้ะ             คลิปฝึกภาษาอังกฤษกับสถาบัน EF (Education First) Learn English 37  Press Release   Learn how to give feedback on business writing in English as you study the grammar for sentences with more than one verb. Your teacher will point out that some verbs must be followed by a verb using the infinitive while other verbs must be followed by a verb in the gerund form. A few verbs work both ways. You will have a chance to test your skills with a series of exercises. แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:51:20 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:52:24

ความคิดเห็นที่ 17 ฝึกภาษาอังกฤษกับสถาบัน EF (Education First) (3) เป็นตอนที่ 38  Career Advice  ก็มาเรียนกันอีกคลิปนึงจ้ะ คลิปนี้วิวสูงนะ                คลิปฝึกภาษาอังกฤษกับสถาบัน EF (Education First) Learn English 38  Career Advice Learn how to give career advice in English in a polite way using common phrases like "why don't you" and "perhaps you could". You will learn how to make polite suggestions in English using the career counselor's examples. Have you ever spoken with a career counselor? What would your ideal job be like? แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:57:19 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 07:55:47 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:53:10

ความคิดเห็นที่ 18 ครูรอนนี่ (3) สอน ภาษาอังกฤษเบื้องต้นสำหรับเด็กๆเลย มัธยมต้นก็ฟังได้เพราะมีแปลให้แล้ว ฝึกฟังเอง พยายามใช้ซับที่แปลให้น้อยที่สุด ครูรอนนี่ก็ใจดี สอนดี เข้าใจง่าย เนื้อหาก็ง่าย และยกตัวอย่างจากเรื่องใกล้ๆตัวเราค่ะ ซีรีส์ทั้งหมดของคุณครูรอนนี่ค่ะ มีเรื่องการออกเสียง แสลง แกรมม่าเบื้องต้นซะเยอะค่ะ  สัปดาห์นี้ 2 เรื่องคือ - How to improve your listening in English - Job Interview Skills - Questions and Answers ก็มาเรียนกันเลยจ้า 22,829 นี้คือจำนวนวิวค่ะ คลิปนี้เพิ่งอัพโหลดเองนะคะ Published on May 29, 2012 แต่คนเข้ามาดูกันเยอะมากๆ ไวมากๆค่ะ เรื่องนี้น่าสนใจด้วยค่ะ คิดว่าหลายๆคนคงชอบกัน(มิน่าวิวถึงวิ่งเร็ว) How to improve your listening in English    new!!!!! มาดูกันค่ะ How to improve your listening in English Do you have trouble understanding what native speakers say? What to improve your English listening and comprehension skills? I'll give you some great tips that will help you to listen and understand!                     How to improve your listening in English   สวัสดีค่ะทุกๆคน  คุณครูรอนนี่นะคะ มีหลายๆคนมาถามคุณครูว่า จะพัฒนาทักษะการฟังได้อย่างไร ซึ่งคุณครูก็มีคำแนะนำอยู่สองสามข้อและคุณครูก็จะสอนทิปคุณบางอย่างเพื่อพัฒนาทักษะการฟังนะคะ บางทีวิธีที่คุณได้เรียนเรื่องการฟังนั้น คุณอาจจะมีตำรา, หรือซีดี ปัญหาเกี่ยวกับตำราเรียนหรือซีดีนั้นคือภาษานั้นไม่เป็นธรรมชาติ  บทสนทนาจะเป็นแบบ A: Hello! My name is Ronnie, what is your name?  B: My name is Synthia. A: Nice to meet you Synthia. A: This is a pen. ???????????????? ดังนั้นตำราเรียนภาษาอังกฤษนั้น ไม่ใคร่เป็นธรรมชาตินักและมันไม่ค่อยสอนบทสนทนาคุณหรือ(ไม่ค่อยสอน)คำหรือวลีที่ปกติเราพูดกันในภาษาอังกฤษทุกๆวันนี้  ดังนั้นบางอย่างที่เหมือนธรรมชาติมากขึ้น How to improve your listening 1. Watch Movies 2. Listen to Music 3. Go Out   1. Watch Movies ข้อแรกคือ การชมภาพยนตร์ ข้อดีจริงๆของการชมภาพยนตร์คือบางทีคุณอาจจะชอบหนังเรื่องนั้นและมันสนุกน่ะค่ะ ดังนั้นก็อย่ากลัวที่จะรับชมภาพยนตร์แล้วบอกคนอื่นๆว่าคุณเรียนภาษาอังกฤษ (จากการชมภาพยนตร์ )ค่ะ นั่นเป็นไอเดียที่ดีเลยนะคะ คำแนะนำของคุณครูนะคะคือ เมื่อคุณรับชมภาพยนตร์ อย่าไปที่โรงภาพยนตร์ค่ะ เพราะว่าจะไม่มีซับไทเทิล  ซับไทเทิล subtitle คือ sub = under  title = word subtitle = words under the picture, they tell you what the actor or actresses are say มันอาจจะยากมากๆๆๆ สำหรับนักเรียนนะคะ ถ้าจะชมภาพยนตร์ด้วยซับไตเติลภาษาอังกฤษน่ะค่ะ ดังนั้นคำแนะนำแรกของคุณครูนะคะ - เมื่อคุณรับชมภาพยนตร์ก็คือให้ชมด้วยซับไตเติลในภาษาของคุณค่ะ(ให้ดูซับไทย) เมื่อคุณชม"ครั้งเริ่มแรก" คุณสามารถชมด้วยซับไตเติ้ลในภาษาของคุณ - แล้ว เมื่อคุณเข้าใจภาพยนตร์แล้ว คุณรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็สามารถเปลี่ยนเป็น ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษค่ะ ดังนั้นคุณก็จะได้เห็นว่าคนในภาพยนตร์เค้าพูดอะไรจริงๆ ดังนั้นคุณก็สามารถเรียนวิธีการสร้างคำ, การออกเสียง ของเค้า และนอกจากนั้นคุณยังได้เรียนรู้คำศัพท์ด้วยค่ะ และแสลงค่ะ คำศัพท์แสลงเป็นจำนวนมากเลยค่ะ เพียงสิ่งเดียวที่ไม่ดีเกี่ยวกับภาพยนตร์ ก็คือ มันยาวมาก นักเรียนบางคนอาจเบื่อได้ ภาพยนตร์ยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง  สิ่งที่ดีกว่าที่จะทำเมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษเรื่องการฟังก็คือการดูทีวีค่ะ รายการโทรทัศน์ปกติแล้ว มีความยาว 20 นาที  และคุณก็สามารถหามารับชมได้จากทั่วโลก ถ้าคุณต้องการฟังภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช หรืออเมริกันอิงลิช คุณสามารถเลือกรายการโทรทัศน์จากอังกฤษหรือจากอเมริกา และเราก็มีรายการโทรทัศน์จากคานาดาด้วยค่ะ คุณครูคิดว่ารายการโทรทัศน์นั้นดีกว่าภาพยนตร์เพราะว่ามันสั้นกว่า ยิ่งคุณนั่งหน้าจอโทรทัศน์หรือจอภาพยนตร์นานเท่าไหร่ และได้ฝึกแปลภาษา สมองคุณจะเริ่มเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น แล้วคุณก็จะยอมแพ้ เลิกทำ เพราะมันเยอะไป เหมือนการบ้าน ดังนั้น 20 นาที ดูรายการโทรทัศน์ ครั้งแรกเปิดซับภาษาที่คุณใช้(ซับไทย) แล้วครั้งต่อมาเปิดซับภาษาอังกฤษ ก็จะช่วยคุณพัฒนาทักษะการฟัง เมื่อคุณทำอย่างนี้ได้สองสามครั้ง คุณจะอยากชมมันเรื่อยๆ - แล้วคุณสามารถปิดซับไตเติ้ล แล้วก็"ฟัง"ว่าเค้าพูดอะไร คุณครูจะเตือนนักเรียนนะคะ ว่าเค้าพูดเร็วมากๆ ดังนั้นคุณต้องใช้ซับไตเติ้ลก่อน ก็จะช่วยคุณได้มากทีเดียวค่ะ   2. Listen to Music ข้อต่อมา เป็นข้อหนึ่งที่คุณครูชื่นชอบนะคะ คือดนตรี ทุกคนรักดนตรีค่ะ ใช่มั๊ยคะ? เมื่อคุณฟังดนตรี คุณต้องเข้าใจว่าดนตรีนั้นไม่ใช่แกรมม่า (หลักภาษา) ดนตรีนั้นเขียนผิดแกรมม่าค่ะ  เป็นแกรมม่าที่แบบผิดชัวร์, ภาษาวิบัติเลยค่ะ แกรมม่าแย่มากค่ะ เค้าพูดอะไรอย่าง I ain't got know you bebe! ซึ่งนั่นไม่ใช่แกรมม่าน่ะค่ะ ดังนั้นกรุณาอย่าตามแกรมม่าในเพลง อย่าคิดว่าคุณจะเรียนแกรมม่าจากเพลงนะคะ แต่ที่คุณสามารถทำได้ คือคุณสามารถดู lyrics = ปกติแล้วคือ the words to the song ดังนั้นเมื่อคุณมีซีดีหรือเอ็มพีทรี หรืออะไรก็ตามที่ใช้บันทึกเพลงได้ ให้ดูในอินเตอเนตดู  lyrics เนื้อเพลงของเพลงแล้วปรินท์ออกมา แล้วดูเนื้อแล้วฟังจากเพลง แล้วฟังคำ(เวลาเค้าออกเสียง) นั่นจะช่วยคุณเรื่องการฟัง และคุณสามารถเต้นไปด้วยได้ค่ะ ถ้าคุณอยากจะเต้นอะนะคะ แต่ถ้าไม่อยากเต้นก็ไม่เป็นไรค่ะ แล้วแต่คุณค่ะ  เอ่อเนื้อเพลงนั้นสำคัญนะคะเวลาที่คุณฟังเพลงน่ะค่ะ   3. Go Out และอีกสิ่งสุดท้ายที่คุณสามารถทำได้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังของคุณ คือ Go Out ค่ะ  อย่าอยู่บ้านค่ะ ถ้าคุณอยู่ในประเทศที่ผู้คนไม่พูดภาษาอังกฤษ คุณจะไม่สามารถฟังภาษาอังกฤษได้จากนอกบ้านนัก แต่ถ้าคุณมาที่คานาดาหรือ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และคุณยังคงเรียนรู้ภาษาอยู่ กรุณาอย่าเพียงแต่อยู่บ้านแล้วดูโทรทัศน์ ออกไปข้างนอกค่ะ ไปห้าง, ไปร้านค้า, ฟังเวลาคนอื่นเค้าสนทนากัน, ไปเดินในสวน, เดินตามผู้คนแล้วหลบหลังต้นไม้ 555+ มันสำคัญมากๆว่าทักษะหนึ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้คือทักษะการฟัง ซึ่งมันสำคัญมากๆเท่าๆกับประสาทสัมผัสต่างๆ เมื่อคุณอยู่ในโลก ในสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนรอบๆตัวคุณนั้นล้วนพูดภาษาอังกฤษกัน คุณจะเริ่มค่อยๆรู้เรื่องขึ้น และนั่นจะง่ายขึ้นสำหรับคุณในการที่จะเรียนรู้เพราะว่ามันอยู่รอบตัวคุณเสมอค่ะ ถ้าคุณอยู่ในเมืองใหญ่อย่างโตรอนโต้ มันก็จะยากขึ้นหน่อยเพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะพูดภาษาอังกฤษตลอดเวลา  เมื่อคุณครูไปขึ้นสับเวย์ คุณครูทราบว่าหลายๆคน จำนวนมากไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่ห้างร้านหรือร้านค้าใดๆ หรือมอลล์ หรือแหล่งศูนย์รวมที่ให้บริการต่างๆที่คุณไป จะพูดภาษาอังกฤษกันและเค้าจะสนทนากับคุณ เอ่อ นั่นเป็นงานของเค้าน่ะค่ะ เค้าต้องสนทนา คุณสามารถเข้าไปรบกวนพนักงานในร้านขายเสื้อผ้า หรือเพียงฟังผู้คนรอบตัวคุณที่กำลังสนทนากันอยู่   ดังนั้นเพี่อพัฒนาทักษะการฟังของคุณนะคะ ออกไปข้างนอกค่ะ หาอะไรทำ รู้จักเพื่อนใหม่ค่ะ ถ้าคุณสามารถทำได้ คนที่พูดภาษาอังกฤษ คุณครูอยู่ที่โตรอนโต้และผู้คนจำนวนมากไม่พูดคุยกันค่ะ คุณครูไม่ทราบนะคะว่าทำไม แม้ว่าคุณครูจะขึ้นสับเวย์ คนก็ไม่ค่อยจะคุยกันเท่าไหร่นัก มันน่าเศร้านะคะ แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือ ถ้าเห็นคนสองคนเค้าคุยกันคุณสามารถฟังได้ว่าเค้าพูดว่าอะไร มันยากที่จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในเมืองใหญ่อะนะคะ แต่ถ้าคุณไปเข้าโรงเรียนสอนอีเอสแอล (สอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง) ทำความรู้จักผู้คนที่ไม่ได้มาจากประเทศของคุณนะคะ ภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นอย่างมากเชียวค่ะ ลาก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 06:20:52 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 06:17:29 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:07:30 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:03:52 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:57:23

ความคิดเห็นที่ 19 ครูรอนนี่ (3) สอนภาษาอังกฤษเบื้องต้นสำหรับเด็กๆค่ะ  ครูรอนนี่ใจดี สอนดี เข้าใจง่าย เนื้อหาก็ง่าย และยกตัวอย่างจากเรื่องใกล้ๆตัวเราค่ะ สัปดาห์นี้เรื่องที่สอง คือ - Job Interview Skills - Questions and Answers 2 เรื่องของสัปดาห์นี้ มันค่อนข้างเกี่ยวกันอยู่เหมือนกันนะ แต่คลิปนี้วิวสูงมาก 353,469 ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ ถ้าสนใจจะดูเพิ่มเติมดูได้ในเพลย์ลิสต์นะคะ หัวข้อ Job Interview มีรายละเอียดอยู่, มีกระทู้ด้วยค่ะลองหาดูค่ะ Job Interview Skills - Questions and Answers Job interview tips: some common questions you will be asked and how to answer them! Learn what to say to impress and get that job!             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:15:47 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:58:51

ความคิดเห็นที่ 20 ครูเจนิเฟอร์ (3) ก็ทำวิดีโอมาจากที่บ้าน หรือแถวบ้าน  เปลี่ยนบรรยากาศ สอนเรื่องใกล้ๆตัวเรา คุณครูมีวิธีการยกตัวอย่างง่ายๆที่ทำให้เราจำได้มาสอน และในเพลย์ลิสต์คุณครูมีคลิปดีๆอีกเยอะที่เรายังไม่ได้เอามาลงค่ะ ต่อมาจากสัปดาห์ที่แล้วนะคะ - Advanced English 2 - Listening - Olympic Games - American Slang - "Cool Car" - Lesson 8, Part 1 ปกติลง 4 คลิป แต่ครั้งนี้ลง 2 คลิปพอ เพราะยาวประมาณคลิปละ 8 นาทีจ้า Advanced English 2 - Listening - Olympic Games This is a lesson for the ADVANCED English language learner. The theme is the 2008 Olympic Games, and there are 3 main parts. This is PART TWO, in which we develop listening skills. Be sure to watch Part One (vocabulary).             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:19:51 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:01:36

ความคิดเห็นที่ 21 the 2008 Olympic Games ค่ะ             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:21:21 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:03:15

ความคิดเห็นที่ 22 ครูเจนิเฟอร์ (3) คลิปที่สองของครูเจนิเฟอร์ ต่อมาจากสัปดาห์ที่แล้วนะคะ - American Slang - "Cool Car" - Lesson 8, Part 1 สัปดาห์นี้เรียนของคุณครูเจนนิเฟอร์แค่ 2 คลิปค่ะ เพราะมันยาว สนใจดูเพิ่มเติมก็เพลย์ลิสต์เลยจ้ะ American Slang - "Cool Car" - Lesson 8, Part 1 PART 1: "Cool Car" This is Part 1 of a two-part lesson in my series called American Slang. Viewers will test their ability to comprehend new vocabulary in the context of a fast, informal conversation. Topic: "Cool Car" Talking about technology.             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:25:31 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:06:10

ความคิดเห็นที่ 23 เควิน kevjumba (3) http://www.youtube.com/playlist?list=PL07AF13A0197E80DD เควินเป็นตัวอย่างเด็กเอเชียนอเมริกันที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ เด็ก ABC - American born Chinese ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ดูกันไปหลายๆแบบค่ะ  ครั้งนี้เอาคลิปของเพื่อนแก๊งค์เค้ามาลง คือ nigahiga ลงของ nigahiga หมดเลย เค้ามาตอบคำถามแฟนๆ ฮามาก เช่น ช่วยลืมตาเวลาพูดได้มั๊ย, สอนแต่งหน้า - Dear Ryan - Can you open your eyes? by nigahiga - That Awkward Moment When by nigahiga - Dear Ryan - Makeup Guru by nigahiga   Dear Ryan - Can you open your eyes? I will be taking screenshots of your questions/comments! So leave a question in the comments below and be responsible for the next video!             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:28:23 แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 04:14:00 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:09:26

ความคิดเห็นที่ 24 เควิน kevjumba (3) มาดูกันอีกซักคลิปนึงของ niga - That Awkward Moment When by nigahiga - Dear Ryan - Makeup Guru by nigahigahiga อันนี้มีเควินมาอยู่ในคลิปด้วย That Awkward Moment When by nigahiga "That Awkward Moment When" has become one of those sayings that people overuse. I hate people that make videos about it, contributing to it. That awkward moment when nearly all the comments are gonna be about awkward moments.             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:40:57 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:32:22 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:11:47

ความคิดเห็นที่ 25 เควิน kevjumba (3) มาดูกันอีกซักคลิปนึงของ nigahiga ครั้งนี้เค้าเป็น Makeup Guru    Dear Ryan - Makeup Guru by nigahiga Dear Ryan - Makeup Guru by nigahiga  Feel free to leave you questions and if they're good, I'll answer them in the next video and give you credit at the end like I did in this video!             แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:42:06 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 08:39:19 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:56:18

ความคิดเห็นที่ 26 ครูอเล็กซ์ (3) คุณครูอเล็กซ์สอนแกรมม่าพื้นฐานเบื้องต้นเหมือนครูรอนนี่เลยค่ะ ม.ต้นก็เรียนได้แล้วค่ะ ง่ายๆค่ะ คุณครูสอนให้เราเข้าใจได้ง่ายค่ะ ใช้คำง่ายๆ ยกตัวอย่างง่ายๆค่ะ และพูดถึงเรื่องที่ไม่ยากมากเกินไปสำหรับคนที่เริ่มหัดเรียนหัดฟังค่ะ ครั้งนี้เป็นเรื่อง ภาษาแสลงในการส่งข้อความทางโทรศัพท์ และการพัฒนางานเขียนค่ะ - Texting slang - jk, idk, ttyl, cya, tmi, np, k - Improve your writing: Adverb Clauses เพลย์ลิสต์ทั้งหมดของครูอเล็กซ์ค่ะ ENGLISH LESSON BY ALEX   Texting slang - jk, idk, ttyl, cya, tmi, np, k  Want to understand what your English friends are texting you?  Here's a helpful lesson that teaches you some common text language. For more text language, watch Ronnie's texting slang lesson: http://www.engvid.com/english-slang-text-messaging-lol-wtf/ And take the quiz at http://www.engvid.com/texting-slang/ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 09:08:01 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:58:25

ความคิดเห็นที่ 27 ครูอเล็กซ์ (3) คุณครูอเล็กซ์สอนภาษาอังกฤษพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับคนที่เริ่มหัดเรียนหัดฟังค่ะ เรื่องที่สองของสัปดาห์นี้อยู่ในหัวข้อการพัฒนางานเขียนค่ะ - Improve your writing: Adverb Clauses มาดูกันค่ะ   Improve your writing: Adverb Clauses  What is an adverb clause? What is a subordinating conjunction? What are the different types of adverb clauses? Find out the answers to these questions in this English lesson, and improve your grammar and your writing. I have written an overview of adverb clauses that you can read and print out at http://www.engvid.com/english-resource/adverb-clauses/ You can also take a quiz to test yourself on this lesson, at http://www.engvid.com/adverb-clauses/#quiz แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 02:59:06 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:59:32

ความคิดเห็นที่ 28 ตอน 24 ครึ่งหลังจ้า จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 05:02:37