ควรตั้งหลักให้ได้ก่อนดีไหม เช่น
๑. สิ่งที่คุณพี่จิม ไปทำนั้น เป็นสิ่งที่ "ดี" หรือ "เลว"
๒. สิ่งที่ไปทำนั้น เกิดประโยชน์ หรือไม่ และเกิดแก่ใครบ้าง
๓. สิ่งที่ทำนั้น เป็นโทษต่อใครบ้าง หรือไม่
สำหรับผมแล้ว หาก ใครก็ตาม ไปทำในสิ่งที่...
๑. ดี
๒. เป็นประโยชน์
๓. ไม่เป็นโทษ ต่อผู้ใด
แม้จะอ้างว่า ไปทำในฐานะตัวแทนของ โคตรเง่าศักราชของผม ผมก็ยินดีครับ และหากจะอ้างว่า ไปทำ ในฐานะเป็นคนไทย เป็นตัวแทนของคนไทย แม้คนไทยคนอื่น ๆ จะมีอคติกับคนที่ไปทำนั้น แต่คนไทยอย่างผม ก็จะถือว่า โอเค เขาไปทำความดี ในฐานะตัวแทนของคนไทย อย่างผม เช่นเดียวกัน
ผมเองเป็นสมาชิก ในห้องศาสนามานาน คงจะไม่น้อยไปกว่าใคร ๆ มากนัก (แม้อายุผมอาจจะแก่หงำเหงือก ไม่เท่าคนอื่น ๆ หลาย ๆ คน ก็ตามที) ผมเห็นด้วย กับคุณพี่จิม ทีไปทำประโยชน์ และยินดีมอบเครดิตให้กับ สถานที่ ที่ตนเข้ามาสังกัด (เช่นสังกัดห้องศาสนา)
ดังนั้น ใครจะมาบอกว่า "ไม่ให้เพื่อนในห้องศาสนา ไปทำความดี โดยอ้างชื่อห้องศาสนา และยกเครดิต แห่งผลของการทำในสิ่งดี ๆ นั้น ให้แก่ห้องศาสนา" แถมยังมานั่งคอยตำหนิติเตียน ผู้ที่ไปทำสิ่งดี ๆ ด้วยซ้ำ ก็ตมเถอะ
แต่ผมกลับมาองว่า การกระทำของพี่จิมนั้น เป็นสิ่งที่ดี ส่วนคนที่มือไม่พาย เท้าราน้ำนั้น ผมมองว่า ช่างเป็นความคิดที่ "ตื้นเขิน" เกินไปครับ ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่มาจากใคร นับถือศาสนาไหน ๆ ก็ตาม
อยากให้ดูตัวอย่าง ที่เห็นกันบ่อย ๆ เช่น เวลานักมวย นักกีฬา ของไทยชนะในการแข่งขัน เขาชูพระบรมสาทิศลักษ์ ของพระเข้าอยู่หัว ด้วยความรู้สึกของเขาว่า การทำในสิ่งที่คนไทยได้ดีใจ ในครั้งนี้ ขอมอบให้เป็นชัยชนะ ของคนไทยทั้งชาติ โดยเฉพาะ น้อมถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว
หากคนไทยคนไหน ทะลึ่งออกมาพูดว่า "เอ็งจะชนะก็ชนะไป เอ็งจะทำความดีก็ทำไป ทำไมเอ็งต้องเอามาให้เครดิตแก่คนไทยด้วยว๊ะ คนไทยไม่ได้ยอมให้เอ็งแสดงแบบนั้นซะหน่อย"
ผมว่า ไอ้คนที่พูดแบบนั้น คิดแบบนั้น ควรเช็กพฤติกรรมตนเอง และเช็กสมองตนเอง ซะบ้าง ก็น่าจะดีนะ ว่ามันบกพร่องตรงไหน และเพราะอะไร.....
เพราะอคติ หรือเพราะอะไร ที่มันฝังลึกเข้าไปใน "กมลวาสนา" หรืออย่างไร ที่เห็นคนอื่นทำความดี แล้วอดรนทนอยู่ไม่ได้ ซะอย่างนั้น